ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

การย้ายโรงเรียนให้เด็กกลางคัน ใครเคยบ้าง

เริ่มโดย sap, 13:25 น. 23 มิ.ย 54

sap

คือกำลังคิดจะย้ายโรงเรียนให้ลูก แต่จะรอให้ครบ ป.1 ก่อน แล้วจะไปต่อ ป.2 ที่อื่น

ทำแบบนี้ จะมีผลเสียต่อเด็กมากน้อยแค่ไหน ยังไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือปล่าว มีใครเคยมีประสบการณ์บ้างคะ ขอบคุณคะ

(จบอนุบาลมาจากที่หนึ่ง --> ย้ายมาเข้า ป.1 อีกที่หนึ่ง --> ป.2 จะไปอีกที่หนึ่ง)  ส.แหยง

ผู้เฒ่าเต่า

ถ้าเด็กไม่เครียดกับสิ่งรอบตัวผมว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะว่าเด็กสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้เร็ว
ที่สำำคัญอย่าให้เด็กเครียดน่าจะไม่มีปัญหา ตัวผมเองสมัยเด็กก็โดนย้ายแบบนี้มาเหมือนกันแต่ก็
ไม่มีผลครับ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งรอบตัวเขาด้วยนะครับ  (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
อย่าใช้ภาษาผิด ๆ สะกดผิด ๆ เดี๋ยวภาษาที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานมนานจะวิบัติไปกันหมด   
              พลังคลื่นเต่า..........ปู๊ด !!!!!!



ผู้เฒ่าเต่า

   ส่วนตัวผมมีความคิดว่าถ้าเด็ก เครียด นั่นแหละคือตัวปัญหาเพราะจะทำอย่างไรให้เขาไม่เครียด

เพื่อที่จะได้อยากไปเรียนอีก แต่บางครั้ง บางคน ผมว่าถึงจะอยู่ในวัยเดียวกัน แต่ การพัฒนาอาจจะ

ไม่เท่ากัน แต่ก็อย่างที่บอกครับว่าอยู่ที่สิ่งรอบข้าง แต่ถ้ามองในแง่ดี สิ่งที่เขาเจออยู่นั้นแหละคือสิ่ง

ที่เขาจะต้องเรียนรู้เพื่อวันต่อๆไปครับ ถ้าจำเป็นย้ายก็คงเลี่ยงไม่ได้ เราควรหาอะไรชดเชยให้กับเขา

ก็ได้ครับ และบอกเหตุผลกับเขาเสมอ ๆ ให้เขาได้รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้
อย่าใช้ภาษาผิด ๆ สะกดผิด ๆ เดี๋ยวภาษาที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานมนานจะวิบัติไปกันหมด   
              พลังคลื่นเต่า..........ปู๊ด !!!!!!



Bush



         ย้ายด้วยสาเหตุอะไรครับ ย้ายตามพ่อแม่ หรือเกี่ยวกับโรงเรียน

BM6579

ส่วนตัวดิฉันเองเห็นมาแล้วค่ะ อยู่ที่ตัวเด็กแล้วก็สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กด้วย  เพื่อนของดิฉันมีลูกชายคนเดียวตอนอนุบาลอยู่วรพัฒน์  ป.1อยู่ศรีนครแต่เค้าบอกว่าลูกเค้าเรียนไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยย้ายไปพลวิทยาตอนป.2  ตอนนี้ลูกเค้าดูยิ้มแย้มแจ่มใสไม่หงอยเหงาเหมือนตอนป.1ค่ะ

รักในหลวง

การย้ายเด็กกลางคัน...ย้ายได้นะค่ะ แต่ควรจะย้ายช่วงสิ้นเทอม หรือระหว่างปีการศึกษาจะสะดวกที่สุดสำหรับการส่งต่อเอกสารทางการศึกษาค่ะ  และในส่วนการปรับตัวของเด้กย่อมมีแน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งรอบตัวเด็กจะเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เขาปรับตัวได้เร็วหรือช้า บุคคลสำคัญในการช่วยเด็กก็คือเพื่อนใหม่ และคุณครู ซึ่งจากประการณ์ที่ผ่านมามีหลานย้ายไปเรียนที่โรงเรียนพลวิทยา ตอน ป.3 (แถมตอนย้ายมาจากปัตตานีหลานอ่านหนังสือยังไม่ออกเลยค่ะ) ให้เขามาอยู่โรงเรียนพลวิทยาได้ 1 เทอม หลานอ่านหนังสือออกเลยค่ะ ประทับใจมาก ทางโรงเรียนพลเขาจะจัดเพื่อนร่วมห้องคอยดูแลให้ความช่วยเหลือนักเรียนใหม่ และเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออก หรืออ่านไม่คล่องเขาจะจัดสอนให้ฟรีในตอนเช้าก่อนทำกิจกรรมหน้าเสาธงค่ะ

ชายวิทย์

ลูกผมอยู่ ตอนนี้อยู่ป.3 ย้ายมาทั้งหมด 6 โรงเรียนไม่มีปัญหาอะไรมากมายนักผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่ก็สงสารลูกกว่าจะปรับตัวได้ไหนจะเพื่อนที่สนิทด้วยแล้วอีกต้องเริ่มใหม่ก็ต้องคุยให้ลูกเข้าใจและให้ลูกยอมรับ...ก็ต้องด้วยเหตุผลอื่นๆประกอบด้วยครับ

sap

ขอบคุณทุกท่านมากคะ  เหตุที่จะย้าย เพราะขาดความมั่นใจในโรงเรียนคะ เนื่องจากหลายเหตุการณ์ได้สั่งสม (พิมพ์ออกอากาศไม่ได้นะคะ ไม่เหมาะคะ) เอาเป็นว่าใจเราไม่ชอบ แต่ต้องรอดูลูกด้วย

เป็นโรงเรียนเอกชนคะ การดูแลเป็นแบบครอบครัว อบอุ่นดีคะ (มั้ง) และกฎระเบียบบางอย่างที่นำมาใช้กับผู้ปกครอง

ในบางกรณีคิดว่าไม่อบอุ่นเหมือนสโลแกนเลยคะ

ตั้งกระทู้เนื่องจากความกังวลในใจตัวเองคะ ว่าลูกเพิ่งมาเริ่ม ป.1 แต่ต้องเปลี่ยนซะแล้ว ไปไม่ถูกคะ คิดกลับไปกลับมา

พ่อเขาให้ใจเย็น รอดูจนจบ ป.1 ค่อยเป็นค่อยไป รอดูพัฒนาการด้านการเรียน ทักษะ และอารมณ์ด้วยคะ

แต่อ่านจากหลายท่าน ทำให้สบายใจขึ้น คือแบบว่า ย้ายเยอะกว่าเราก็ยังมี แหะๆ รู้สึกใจชื้นขึ้นคะ

ใจจะย้ายไปพลคะ โทรไปถามเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าจะไปที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ช่วงปิดเทอมใหญ่คงต้องปรับพื้นฐานกันซักหน่อย  แต่ก็สู้ๆคะ ทั้งแม่ทั้งลูก ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ  ส.ตากุลิบกุลิบ

App Apps i-Service

เคยย้ายเหมือนกันค่ะแต่เหตุผลเป็นเพราะตัวพ่อ-แม่มากกว่า ลูกไม่มีปัญหาค่ะ จริงๆโรงเรียนเค้าก็ดีนะคะแต่เราไม่ชอบกฎระเบียบบางอย่างและครูบางคน จำนวนเด็กต่อห้องเยอะเกินไป ย้ายไปตอนอนุบาล1เทอม2ค่ะ ตัวน้องไม่มีปัญหาเลยค่ะ  ปรับตัวได้สบาย อาจเป็นเพราะบุคลิกเข้ากับคนง่าย แต่ก่อนย้ายขอให้คุณแม่ไตร่ตรองดูก่อนนะคะ ว่าปัญหาอยู่ที่ตัวเราเองหรืออยู่ที่ตัวเด็ก ถ้าอยู่ที่ตัวเราเองลูกยัง happy อยู่ก็ลองตัดสินใจใหม่อีกครั้งนะคะ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เห็นพ่อแม่ชาวหาดใหญ่เน้นเรื่องการเรียนมากๆๆๆๆๆ เห็นแล้วเหนื่อยค่ะ เพราะคนที่แงคือพ่อแม่ แต่ความกดดันลงที่ตัวลูก ยังไงเอาใจช่วยนะคะ ขอให้ happy ทั้งคุณแม่คุณลูกค่ะ   ส.ตากุลิบกุลิบ

sap

อ้างจาก: i-Services by AppApps เมื่อ 09:51 น.  22 ก.ค 54
เคยย้ายเหมือนกันค่ะแต่เหตุผลเป็นเพราะตัวพ่อ-แม่มากกว่า ลูกไม่มีปัญหาค่ะ จริงๆโรงเรียนเค้าก็ดีนะคะแต่เราไม่ชอบกฎระเบียบบางอย่างและครูบางคน จำนวนเด็กต่อห้องเยอะเกินไป ย้ายไปตอนอนุบาล1เทอม2ค่ะ ตัวน้องไม่มีปัญหาเลยค่ะ  ปรับตัวได้สบาย อาจเป็นเพราะบุคลิกเข้ากับคนง่าย แต่ก่อนย้ายขอให้คุณแม่ไตร่ตรองดูก่อนนะคะ ว่าปัญหาอยู่ที่ตัวเราเองหรืออยู่ที่ตัวเด็ก ถ้าอยู่ที่ตัวเราเองลูกยัง happy อยู่ก็ลองตัดสินใจใหม่อีกครั้งนะคะ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เห็นพ่อแม่ชาวหาดใหญ่เน้นเรื่องการเรียนมากๆๆๆๆๆ เห็นแล้วเหนื่อยค่ะ เพราะคนที่แงคือพ่อแม่ แต่ความกดดันลงที่ตัวลูก ยังไงเอาใจช่วยนะคะ ขอให้ happy ทั้งคุณแม่คุณลูกค่ะ   ส.ตากุลิบกุลิบ
ขอบคุณคะ

ยอมรับว่าเป็นที่ตัวแม่มากกว่าคะ (เพราะพ่อเขาไม่เรื่องมาก หุหุ) แต่เราก็อยากให้สิ่งที่ดีกับเขา
ตอนนี้ลูกเริ่มดีขึ้นมาก จากที่ไม่อยากไปโรงเรียนก็อยากไป และชอบเรียนว่ายน้ำ ค่อนข้างหายกังวลที่จะไปเรียน

โรงเรียนที่น้องเรียนเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่คุณแม่รู้สึกขัดใจกับกฎระเบียบบางอย่าง ในบางสถานการณ์คะ
เช่น
-มีช่วงนึกที่ลูกเราไม่สบายบ่อย จนต้องหยุดเรียนอาทิตย์ละ 3 วัน อยู่ 2 ครั้ง คุณครูประจำชั้นบอกว่า ให้เอายาไปกินที่โรงเรียน เด็กอยู่ได้ พูดเหมือนกับว่า ลูกเราป่วยไม่เท่าไหร่ จะมารู้ดีกว่าเราได้อย่างไรคะ ในเมื่อเขาอยู่บ้านเขาเป็นขนาดนี้ แล้วไปอยู่ในห้องเรียน ที่มีแต่ผงชอล์กฟุ้งอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ คงจะเรียนรู้เรื่องหรอกนะ ทีนี้เราก็เลยจัดให้คะ คือลูกมาป่วยอีก อาทิตย์ที่ 3 ต่อมาก็ให้ไปเลยคะ แต่มันมียาฆ่าเชื้อที่เขาต้องกินช่วงเที่ยง เราก็อยู่ไม่ไกลโรงเรียน เราก็เลยถือยาไป จะไปดูว่าเขาทานข้าวหรือยัง จะป้อนยาแล้วกลับ ปรากฏว่า โรงเรียนห้ามเข้าคะ (ช่วงพัก) ให้รอและจะประกาศชื่อ นั่งรอไปคะ ลูกอยู่ ป.1 ไม่รู้อยู่ซอกไหนของโรงเรียน คงไม่ได้ยินหรอก เพราะเวลาประกาศ ก็ประกาศแบบชื่อเล่น คำเดียวสั้นๆ เสียงอู้ๆอี้ๆ จะฟังออกไหม ทีนี้ก็ต้องไปตาม เราก็ถามว่า ทำไมเข้าไม่ได้ ไม่ได้มาบ่อยๆ เขาบอกว่าเป็นกฎ โอเค เราคงคาดหวังกับโรงเรียนนี้มากไป (เพิ่งย้ายมา) ต่อมา ลูกเดินออกมา จะให้เราป้อนยา เราถามว่ากินข้าวยัง แกบอกว่า ยังไม่กิน ให้ป้อนมาก่อนเลย ทำไงทีนี้ แล้วเด็กประมาณว่า กับข้าวที่เขาไม่ชอบ เขาก็ไม่กิน สรุปว่า ครูให้เด็กถือกระเป๋ายาไป ทานข้าวเสร็จ แล้วเอายาไปให้ครู ครูจะป้อนให้

ต่อมาอาทิตย์ที่ 4 เด็กไข้อีก เราก็เอาไปให้ครูอีก เอายาไปพร้อมเลย ปรากฏว่า นั่งเรียนอัดกันในห้องแอร์ปนฝุ่นชอล์กนั่นแหละ ได้วันที่ 2 ครูก็โทรมาให้ไปรับเด็กตอนกลางวัน เพราะตัวร้อนจี๋ อยู่ดี ก็บอกแล้วว่าป่วยต้องหยุด ดันบอกว่า ป่วยบ่อยๆ นิดๆหน่อย ให้เอามา อย่าขาดบ่อย แล้วเป็นไง

ทีนี้สืบเนื่องจากกระทู้นี้ http://gimyong.com/talung/index.php/topic,25157.0.html พ่อเขามาตั้งไว้
เพราะเราสงสัยว่า เด็กไม่ถูกกับห้องแอร์ หรือว่าเหตุผลอะไร ที่เป็นแบบนี้ ก็เลยสรุปว่า พอป่วยครั้งที่ 4 แล้วหาย
ก็เลยวันจันทร์ เลยไปบอกครู ผู้ช่วย กับครูประจำชั้น ว่า ดิฉันอยากให้น้องลองเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งหลังสุดดู เพราะน้องป่วยบ่อย (เราไม่อยากสาธยายเรื่องฝุ่นชอล์กกับหอ้งแอร์ให้มากเรื่อง เพราะเห็นคนอื่นเขาเรียนกันได้ ไม่อยากเป็นคุณแม่ที่มีปัญหา ดูเรื่องมากเสียเหลือเกิน) แต่ครูก็ประมาณว่า ทำไมเหรอคะ เราก็เลยบอกว่า นะ ยังไงลองเปลี่ยนให้หน่อย บางทีอาจจะเป็นเพราะฝุ่นเวลาเขียนลบกระดาน พอดีว่าน้องเป็นภูมิแพ้อยู่นิดๆด้วย เด็กมันภูมิต้านทานต่ำ ลองเปลี่ยนดูหน่อยนะคะ เผื่อจะดีขึ้น ครูก็บอกว่า คะได้คะ ก็จบไป

- ชอล์กที่ว่า "ไร้ฝุ่น" ไม่จริงหรอกคะ เพราะแม่แอบไปเคาะกับแปรงลบกระดานดู และลองเขียนดู มันก็ฝุ่นคลุ้งอยู่วันยันค่ำนั่นแหละคะ ชอล์กก็คือชอล์ก แพงเท่าไหร่ ก็มีฝุ่นคะ ไม่เชื่อเดี๋ยวถ่ายรูปมาให้ดู เอาไหมเอ่ย ??

นี่ก็ผ่านไปอาทิตย์กว่า ที่เปลี่ยนที่นั่ง มะกี้นั่งกินหนมกัน ลูกเพิ่งเล่าออกมาให้ฟังว่า
วันก่อนที่ลูกกินนมโรงเรียนอยู่ ครู(ผู้ช่วย) บอกครู(ประจำชัน้)ว่า ต้องเปลี่ยนที่ให้ลูก แล้วก็ประมาณว่า แกได้ยินครู(ชม)แกมั้ง ว่าลูกคนรวย ดิฉันก็นะ ตามประสาคนเป็นแม่ ก็รู้สึกนิดนึง พ่อแกก็นั่งหัวเราะ
อยากจะบอกครูเหลืิอเกินว่า พูดไปเถอะคะ เด็กมันก็ happy ในโรงเรียนคุณอยู่นั่นแหละ เพราะมันฟังคำเหน็บแนมไม่เป็น แปลไม่ออก จะมีปัญหาก็คือแม่มันนี่แหละ ที่ได้ยินแล้วก็ต้องแอบเก็บมาคิดทุกที ว่าเออนะ เราคงรวยจริงอย่างเขาว่า ไม่งั้นคงไร้ซึ่งปัญญาส่งมาเรียนที่นี่ เพราะที่จ่ายออกไปก็ใช้ได้อยู่แหละคะ คุณครูขา!

อีกเรื่อง อันนี้ขำๆคะ โรงเรียนที่จัดให้เด็กมาสายเข้าแถวต่างหาก และตักเตือนเด็กเมื่อมาสาย เป็นเรื่องวินัยที่ฝึกไ้ว้ดีมาก ทำให้ลูกฉันตื่นเช้าขึ้น และกระตือรือร้นมากขึ้น
แต่แม่สงสัยว่า แล้วเด็กที่ลงจากรถโรงเรียนหลัง 8.10 น.เป็นประจำ เขาต้องเข้าแถวตรงไหนเหรอคะ อันนี้ไม่ได้ตินะคะ แค่งงคะ เด็กมาช้า เข้าแถวอีกที แต่เพื่อนที่ลงจากรถโรงเรียน ช้ากว่าเขาอีก ไม่ต้องเตือนกันทั้งคันรถเหรอคะ  ส.ยักคิ้ว

แม่เชื่อว่าเจ้าที่เจ้าทางคงเข้ามาอ่าน เพราะเห็นเข้ากิมหยงอยู่เนืองๆ ฝากไว้หน่อยละกันนะคะ ถือเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ คะ ชิวๆ อย่าซีเรียส เพราะหากมันมากมายนัก แม่คนนี้จะหาทางออกเองคะ ไม่ให้ครูต้องเหนื่อยใจไปนานหรอกจ้า