แผงขายหมูหาดใหญ่กว่า 200 แผง หยุดขายประท้วงฟาร์มขึ้นราคา

[ทีมงานบ้านเรา]

แผงขายหมูหาดใหญ่กว่า 200 แผง หยุดขายประท้วงฟาร์มขึ้นราคาต่อเนื่อง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    3 สิงหาคม 2554 13:43 น.    

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แผงขายหมูใน อ.หาดใหญ่กว่า 200 แผงรวมตัวกันหยุดขายเนื้อหมูเป็นเวลา 5 วัน เพื่อประท้วงฟาร์มที่ขึ้นราคาหมูเป็นอย่างต่อเนื่องจากเดิมราคา 60 บาท เป็น 86 บาทต่อกิโลกรัม กระทบแผงหมู และผู้บริโภค
       
       วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดสดพลาซ่า 3 เทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นตลาดที่มีแผงขายเนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดของหาดใหญ่ มีแผงขายหมูกว่า 40 แผง ได้รวมตัวกันหยุดขายเนื้อหมู โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ 3-7 ส.ค. รวมเป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากราคาเนื้อหมูที่ขึ้นต่อเนื่องเกือบทุกสัปดาห์ จากราคาเดิมอยู่ที่ 130 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยจนราคาสูงขึ้นเป็น 150-160 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลกระทบต่อแผงขายหมูและผู้บริโภคเนื้อหมูเป็นอย่างมาก
       
       พ่อค้าแผงขายหมูรายหนึ่งในตลาดสดพลาซ่า 3 กล่าวว่า เดิมราคาหมูจากฟาร์มซึ่งราคาหมูเป็นที่ยังไม่ได้ชำแหละอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท และราคาเนื้อหมูอยู่ที่กิโลกรัมละ 130 บาท แต่ในช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ราคาหมูจากฟาร์มปรับขึ้นทุกสัปดาห์ จนล่าสุดราคาหมูเป็นที่ยังไม่ได้ชำแหละสูงขึ้นมาถึง กิโลกรัมละ 86 บาท ส่วนราคาเนื้อหมู ขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 150-160 บาท ทำให้ลูกค้าประจำที่มาซื้อหมูเริ่มมีเสียงสะท้อนกันออกมาถึงราคาเนื้อหมูที่ สูงขึ้น
       
       "แผงขายหมูอย่างพวกผม เมื่อราคาหมูแพงขึ้นก็ต้องปรับราคาตาม หากไม่ปรับราคาตามก็จะต้องขาดทุน เมื่อเป็นเช่นนี้ทางกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าแผงหมูในหาดใหญ่จึงได้รวมตัวกันเพื่อ ที่จะหยุดขายหมูเป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ส.ค. เพื่อเรียกร้องให้ทางฟาร์มหยุดราคาเนื้อหมูไม่ให้สูงขึ้นไปกว่านี้ เพราะหากราคายังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แผงหมูก็เดือนร้อน ลูกค้าที่มาซื้อเนื้อหมูก็เดือดร้อน"
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับแผงขายหมูในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีอยู่กว่า 200 แผง จากตลาดสดจำนวน 10 แห่ง ทั้งของเทศบาลและเอกชน ซึ่งแผงขายหมูทั้งหมดได้รวมกันลงรายชื่อหยุดขายเป็นเวลา 5 วัน เพื่อเรียกร้องทางฟาร์มหยุดการขึ้นราคาเนื้อหมู

[แฟนเก่าชื่อส้ม]

เรื่องหมูๆ แต่ไม่หมูซะแล้ว

[จ่าวรสอนมวย]

ของยิ่งแพงยิ่งส่งเสริมให้เกิดความอบอุ่นในครอบครัว คนจะกินข้าวนอกบ้านน้อยลง หันมาทำกินเองในบ้าน ได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ปัญหาสังคมจะลดลง อาชญากรรมก็ลดลง (คิดได้แต่จริงๆคงทำลำบาก นิสัยคนไทย(แท้)ชอบสะดวก มีข้ออ้างสารพัด)

[กูว่าแล้ว]

ผลพวงของนโยบายขึ้นทุกอย่างที่ขวางหน้าก็เป็นเช่นนี้แระ...ประกาศล่วงหน้าพอทำได้จริงค่าของเงินก็ไม่พอจ่ายเท่ากับของที่ขึ้นมารอก่อนแล้ว...นี่หรือนโยบายที่คิดก่อนทำทำได้จริง...แต่ก็ทำให้คน15ล้านคนเชื่อได้....แล้วอีก45ล้านคนจำต้องรับสะภาพตามคนแค่15ล้านคนเหรอ...ประเทศไทยหากคนไทยยังไม่เจริญทางปัญญาคิดเอาแต่ได้ของฟรีประเทศก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไป...

สงสารประเทศไทย..............

[เกาไม่ถูกที่]

ปัญหาในเมืองไทย  แก้กันไปคนละทางสองทาง

พูดง่ายๆ  เกาไม่ถูกที่  ราคาหมูเป็นหมูตายบนเขียงมันไม่สมดุลย์กันหรอก

ในฐานะที่เคยเลี้ยงหมูมาก่อน  ไม่มีโอกาสลืมตาอ้างปากได้

เวลาหมูถูกคนเลี้ยงขาดทุนเกือบตายกันทุกคน  ไม่มีใครเห็นใจ

พอคนเริ่มเลี้ยงน้อย หมูเป็นน้อยลงราคาเริ่มขึ้น คนเลี้ยงดีใจพอจะได้กำไร

เห็นไหม๊ ?  ใครกันแน่ที่เป็นเหตุ  คนขายหมู พ่อค้าคนกลางนี่เอง

พอหมูเป็นราคาสูงไม่ใช่เขาขายขาดทุน เขาเพียงกำไรน้อยลงหน่อยเท่านั้น

รวมหัวประท้วงไม่ขายหมู  เพราะคิดว่ายังไงคนเลี้ยงก็ต้องขายอยู่ดี  ก็เลี้ยงไว้ขาย นี่

แถมขู่คนเลี้ยงอีกด้วย  ใครไม่ยอมช่วยก็รวมหัวกันไม่ไปจับหมูเจ้านั้นอีกเลย  เวรกรรม

เมื่อคนเลี้ยงต้องเป็นเบี้ยล่างอยู่อย่างนี้  ตอนนี้ยังโบ้ยความผิดไปให้คนเลี้ยงอีก  กรรมเวร

คนเลี้ยงหมู ไหนกลัวหมูจะตาย กลัวหมูไม่โต  ยังกลัวคนขายหมูยิ่งกว่าอีก  เพราะอะไร

ถ้าพวกมัน(หยาบหน่อย)รวมหัวกันมาจับหมูที่เล้า  ก็รอวันตายเลยเพราะขายหมูเองไม่ได้  เวรกรรมจริงๆ

ผู้เขียนเคยลำบากขนาดต้องจับหมูส่งโรงฆ่าสัตว์วันละตัว  แล้วมายืนขายหมูที่ตลาดแต่เช้ามืด  เกือบตาย.....

เลยเลิกเลี้ยงหมูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  และมีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน  อย่าเลี้ยงหมูอีกเลย

อ้อ  ส่วนราชการก็ช่วยอะไรไม่ได้  นอกจากพูดจาอ่อนหวานเอาใจ  แล้วก็นัดไปนัดมาประชุมโน่น นี่ ไปเรื่อย

พ้นไประยะหนึ่ง  วงจรหมูก็ขึ้นราคา แล้วก็ลงราคาใหม่อีก แบบนี้ตลอด  โดยส่วนราชการทำอะไรไม่ได้

พวกมันรวมหัวกันหยุดขาย  ไม่ใช่อะไรหรอก ถือโอกาสพักผ่อนมากกว่า  พอพ้นไปอีก 3-5 วัน มันก็กลับมา

จับมีดสับหมูขายหมู สับคอคนเลี้ยงหมูอีก  ฮะ ฮะ ฮะ....................จริง ม๊ะ.........

[ไม่หมู]

โชคดี ที่ไม่กินหมู

[สามร้อยเป็นพิษ]

ต้อนรับรัฐบาลใหม่ ค่าแรงวันละสามร้อย ต่อไปคนไทยตกงาน นายจ้างจ้างแรงงานต่างชาติกันหมดเพราะค่าแรงถูก คนกินหมูก็เลิกกิน พ่อค้าหมูจะขายใคร ฟาร์มก็จะเดือดร้อนเอง ฟาร์มก็จะไล่เบี้ยเอากับผู้ผลิตอาหารสัตว์เอง เรียกฉวยโอกาสสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านชัดๆ ให้พวกเลือกรัฐบาลใหม่ได้รู้สึกเสียบ้าง คงเป็นแบบนี้ทั่วประเทศ ทำแบบนี้ถูกแล้ว ขอกินปลาทูแทน ไม่มีสารเร่งเนื้อแดงด้วย ห่างไกลมะเร็งด้วย

[ก.ไก่ทอด]

  อย่าสีเรียด กินไก่ กินปลา กินแลน กินอะไหย่ได้หลายอย่างอีกไม่ตายหรอกนาย....จากก.ไก่ทอด

[BKR]

  อย่าสีเรียด กินไก่ กินปลา กินแลน กินอะไหย่ได้หลายอย่างอีกไม่ตายหรอกนาย....จากก.ไก่ทอด

หมันแล้วคับ กินผักกินหญ้า เป็นยารักษาโรค อย่างที่ได้มีการกล่าวไว้ว่า กินอาหารให้เป็นยา
อาจารย์ท่านหนึงเคยบอกไว้ว่า เนื้อต่างๆนั้นเป็นอาหารของมะเร็ง(สำหรับผู้ที่มีเชื้อ)

[ตั้งต้น]

ในโลตัสก็ 160- จ้า

[ผู้เฒ่าเต่า]

เมื่อเช้าไปหาซื้อที่ประจำ ยังไม่มีขายเลย

[นัท สีเทพ]

น้ำพริกผักลวก ได้ปลาทูสักตัวก็ดี

[chayawee]

ปลาทูที่ขายแถวบ้านเข่งละ40ตัวนี้ดเดียวเอง

[ตั้งต้น]

มันแพงไปหมดทุกอย่างนิ ผัก ปลา เห้อ สงสัยต้องกลับบ้านไปอยู่ทุ่ง ปลูกกินเองทุกอย่างเลย

[จน]

ปัญหาในเมืองไทย  แก้กันไปคนละทางสองทาง

พูดง่ายๆ  เกาไม่ถูกที่  ราคาหมูเป็นหมูตายบนเขียงมันไม่สมดุลย์กันหรอก

ในฐานะที่เคยเลี้ยงหมูมาก่อน  ไม่มีโอกาสลืมตาอ้างปากได้

เวลาหมูถูกคนเลี้ยงขาดทุนเกือบตายกันทุกคน  ไม่มีใครเห็นใจ

พอคนเริ่มเลี้ยงน้อย หมูเป็นน้อยลงราคาเริ่มขึ้น คนเลี้ยงดีใจพอจะได้กำไร

เห็นไหม๊ ?  ใครกันแน่ที่เป็นเหตุ  คนขายหมู พ่อค้าคนกลางนี่เอง

พอหมูเป็นราคาสูงไม่ใช่เขาขายขาดทุน เขาเพียงกำไรน้อยลงหน่อยเท่านั้น

รวมหัวประท้วงไม่ขายหมู  เพราะคิดว่ายังไงคนเลี้ยงก็ต้องขายอยู่ดี  ก็เลี้ยงไว้ขาย นี่

แถมขู่คนเลี้ยงอีกด้วย  ใครไม่ยอมช่วยก็รวมหัวกันไม่ไปจับหมูเจ้านั้นอีกเลย  เวรกรรม

เมื่อคนเลี้ยงต้องเป็นเบี้ยล่างอยู่อย่างนี้  ตอนนี้ยังโบ้ยความผิดไปให้คนเลี้ยงอีก  กรรมเวร

คนเลี้ยงหมู ไหนกลัวหมูจะตาย กลัวหมูไม่โต  ยังกลัวคนขายหมูยิ่งกว่าอีก  เพราะอะไร

ถ้าพวกมัน(หยาบหน่อย)รวมหัวกันมาจับหมูที่เล้า  ก็รอวันตายเลยเพราะขายหมูเองไม่ได้  เวรกรรมจริงๆ

ผู้เขียนเคยลำบากขนาดต้องจับหมูส่งโรงฆ่าสัตว์วันละตัว  แล้วมายืนขายหมูที่ตลาดแต่เช้ามืด  เกือบตาย.....

เลยเลิกเลี้ยงหมูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  และมีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน  อย่าเลี้ยงหมูอีกเลย

อ้อ  ส่วนราชการก็ช่วยอะไรไม่ได้  นอกจากพูดจาอ่อนหวานเอาใจ  แล้วก็นัดไปนัดมาประชุมโน่น นี่ ไปเรื่อย

พ้นไประยะหนึ่ง  วงจรหมูก็ขึ้นราคา แล้วก็ลงราคาใหม่อีก แบบนี้ตลอด  โดยส่วนราชการทำอะไรไม่ได้

พวกมันรวมหัวกันหยุดขาย  ไม่ใช่อะไรหรอก ถือโอกาสพักผ่อนมากกว่า  พอพ้นไปอีก 3-5 วัน มันก็กลับมา

จับมีดสับหมูขายหมู สับคอคนเลี้ยงหมูอีก  ฮะ ฮะ ฮะ....................จริง ม๊ะ.........

สุดท้ายครับ ผู้บริโภคเป็นผู้รับกรรม จากการกระทำของพวกท่านครับ  รายได้หาไม่ทันรายจ่าย จากข้าวของที่แพงหูฉี่