ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เด็กหมาหลาด (เด็กเร่ร่อน)

เริ่มโดย kaika, 10:02 น. 01 พ.ย 54

kaika

 ส.บ่น-ได้เฝ้าติดตามอ่านเรื่องสงขลาแต่แรกแล้วเห็นมีแต่เรื่องมุมสว่างกับสถานที่ที่สูญหาย  หรืออยากจะอนุรักษ์ไว้  แต่ไม่ยักจะมีเรื่องเล่าในมุมมืดของสงขลาบ้าง  ในบางครั้งเรื่องมุมมองที่เราจะต้องจ้องมองย้อนกลับไปสู่อดีตเราควรจะมองทั้งในมุมสว่างและมุมมืด  ด้านบวกและด้านลบควบคู่กันไป  เพื่อที่จะบันทึกไว้ให้ครบถ้วนไว้ว่าในครั้งหนึ่งสงขลาเราก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน  เพื่อจะได้รับรู้ว่าในเวลาขณะนั้นของอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อสี่สิบปี ห้าสิบปี หรือหกสิบปีที่แล้วในมุมที่เลวร้าย(มุมมืด) ก็มีวิถีชีวิตแบบนี้เหมือนกัน  วันนี้ขอเปิดประเด็นเรื่อง "เด็กหมาหลาด"
     เด็กหมาหลาด คำพูดนี้เป็นคำพูดของคนสงขลาที่เคยใช้เรียกเด็กเร่ร่อนที่รวมตัวกันอยู่แถวตลาดสดประมงหรือหน้าท่าเรือหางยาวไปฝั่งหัวเขาแดงในอดีต(ปัจจุบันอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์สงขลา)  ก่อนที่จะมีแพขนานยนต์ที่แหลมสนอ่อน  คนสงขลาแต่แรกใครจะเดินทางไปสทิ้งพระหรือระโนดก็จะต้องนั่งเรือหางยาวที่ท่าเรือนี้แล้วไปต่อรถโดยสารที่ฝั่งหัวเขาแดง  ถนนที่จะไปสทิ้งพระ-ระโนดตอนนั้นยังเป็นถนนลูกรังลงจากรถโดยสารลงมาทีแต่ละคนหัวแดงเป็นฝรั่งไปเลย 
     เด็กหมาหลาด  ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กยากจนหรือถูกทอดทิ้งหรือเด็กที่หนีออกจากบ้านเพราะมีปัญหาครอบครัว  มารวมตัวกันเป็นก๊วนเป็นกลุ่มเพื่อดูแลซึ่งกันและกัน  มีอยู่หลายกลุ่มด้วยกันแต่ละกลุ่มก็มีหัวโจ๊กหรือหัวหน้ากลุ่มดูแลลูกทีม  การทำมาหากินของเด็กหมาหลาดก็คือ  การคอยเก็บหยิบปลา,กุ้ง ,กั้ง,ปู ที่ตกหล่นจากเข่งใส่ปลาของเรือประมง ที่มาขึ้นที่ท่านี้  ยุคนั้นสมัยนั้น(50-60 ปีก่อน) กุ้งหอยปูปลาที่ตกหล่นออกจากเข่งใส่ปลาแล้วเจ้าของเรือประมงจะไม่เก็บกลับไปใส่เข่งอีกแล้วเพราะจะทำให้เสียเวลาเพราะว่าท้องทะเลในอ่าวไทยอุดมสมบูรณ์มากจนกระทั่งการเก็บปลาทีตกออกจากเข่งเป็นการเสียเวลา  จึงทำให้พวกเด็กหมาหลาดได้มีโอกาสเก็บกุ้งหอยปูปลาที่ตกหล่นมารวบรวมกันแล้วนำไปขายให้แม่ค้าในตลาดทรัพย์สินอีกทีหนึ่ง  หรือไม่ก็นำกลับไปกินที่บ้านเฉพาะกลุ่มที่มีบ้านไว้ซุกหัวนอน 
       วันนี้เอาแค่นี้ก่อน  เพียงแค่แนะนำว่าเด็กหมาหลาดคือใครมีความเป็นมาอย่างไรแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไรเดี๋ยวค่อยมาเล่าต่ออีกครั้ง
ส.บ๊ายบาย

เขยบ่อยาง

ผมลืมคำนี้เสียสนิทแล้วจริงๆ ผมไม่ใช่คนสงขลาดั้งเดิม ต้องโทษเหล้าขาวที่ทำให้ต้องมาเป็น"เขยบ่อยาง"จนได้555
คำว่า"หมาหลาด"ได้ยินที่สงขลาครั้งแรกจริงๆด้วย พฤติกรรมเป็นไปตามที่จขกท.ว่ามา แต่อย่าเพิ่งดูแคลนคนพวกนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้เกเรไปเสียหมด เถ้าแก่เรือหลายๆคน เจ้าของแพปลาหลายๆคน เจ้าของกิจการใหญ่ๆหลายๆคนทั้งในสงขลาและอพยพไปร่ำรวยที่อื่น เคยมีพื้นฐานจาก"หมาหลาด" บางคนเคยเก็บปลาข้างเข่งมากองขายหรือทำปลาแห้ง บางคนรับจ๊อบวิ่งซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ให้คนเรือ
จาก"หมาหลาด"กลายเป็น"เจ้าของหลาด"ก็มี

เขยบ่อยาง

เมื่อก่อน"หน้าท่าสงขลา"เป็นขุมทรัพย์สำหรับคนขยัน วันๆไม่ต้องลงทุนสักบาท เที่ยวเดินเก็บกุ้งหอยปูปลาที่ตกหล่น"ข้างเข่ง"โดนด่าโดนว่าก็ยอมทน เขาจะจิกหัวใช้ก็ยอมทำ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น งานสุจริตเลี้ยงตัวได้
เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่จะเก็บปลาข้างเข่งเลยครับ แค่เดินเฉียดเข้าไปเกะกะรกหูรกตา พวกจะแกล้งเดินชนให้ล้มด้วยซ้ำ ปลาไม่ทันจะร่วงลงข้างเข่ง เถ้าแก่รีบวิ่งเอามือมารับจับใส่เข่งเรียบร้อย อาชีพเก็บปลาข้างเข่งจึงหมดไปนานแล้ว ปลาเล็กปลาน้อยเดี๋ยวนี้ขายได้หมด อนิจจาหมาหลาด 

kaika

 ส.ร้อง-เด็กหมาหลาดหายไปไหน?---และแล้วกาลเวลาก็หมุนไป  เมื่อโรงงานทำปลาบ่นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารเป็ด-ไก่  ได้เปิดทำกิจการที่แถวโคกสูง  ปลาเล็กปลาน้อยหรือปลาตกหล่นข้างเข่งก็กลายของเหลือที่มีมูลค่า มีราคา  สามารถทำรายได้ให้เถ้าแก่แพปลาได้ ความอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่เคยมีกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เหือดหาย  ปลาที่ตกหล่นข้างเข่งกลายเป็นของต้องห้ามสำหรับเด็กหมาหลาดไป  เด็กหมาหลาดที่ตัวโตหน่อยก็ปรับตัวเป็นกุลีเข็นปลาให้เถ้าแก่แพปลาบางคนอดออมเก็บเล็กเก็บน้อยจนพอมีทุนก็ผันตัวมาเป็นพ่อค้าคนกลาง  จนที่สุดหลายคนได้ดิบได้ดีเป็นเถ้าแก่เสียเองก็มี  เด็กหมาหลาดที่ไม่สามารถปรับตัวเองได้ก็มักจะถูกผู้ใหญ่ที่มีเล่ห์เหลี่ยมกว่าชักจูงเข้าสู่มุมมืด  กลายเป็นเด็กลักเล็กโขมยน้อยจนกระทั่งกลายเป็นผู้ร้ายอาชีพไปก็ไม่น้อย  บางคนก็กลายเป็นเด็กเดินยาส่งยาเสพติดจนกลายเป็นทั้งผู้ขายและผู้เสพ เด็กหมาหลาดบางคนก็ย้อนกลับไปสู่อ้อมอกพ่อแม่ได้ร่ำเรียนหนังสือเป็นข้าราชการก็หลายคน  ประกอบอาชีพต่างๆก็หลายคน  มีทั้งดีและเลวปะปนกันไปเหมือนคนทั่วๆไป  อาวสานของเด็กหมาหลาดก็มาถึง  เพราะปลาที่ตกหล่นข้างเข่งกลายของที่มีราคาไม่มีของฟรีสำหรับผู้ด้อยโอกาส  จนปัจจุปันนี้คนรุ่นใหม่ของสงขลาน้อยคนนักที่จะรู้จักว่า  "เด็กหมาหลาด"  หมายถึง  ใคร?  อะไร?  ที่ไหน?  เพราะคำๆนี้จะได้ยินเฉพาะคนสงขลารุ่นแต่แรกเท่านั้น- ส-เขิน ส.อ่านหลังสือ

Singoraman

จบเรื่อง "เด็กหมาหลาด" แล้ว อยากได้รับรู้เรื่อง "เด็กหน้าวิก" บ้างครับ ขอบคุณครับ

kaika

 ส-ดีใจ- ขอบคุณครับที่ติดตาม  ก็คิดอยู่เเหมือนกันครับกับคำว่า"เด็กหน้าวิก"แต่ติดอยู่ว่ามันมีหลายกลุ่มมากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นมุมไหนก่อนดี- ส.อืม

Singoraman

เอามุมที่มาป้วนเปี้ยนเป็นประจำ อาจเป็นกลุ่มที่ว่างจากเด็กหมาหลาด แล้วมาเป็นเด็กหน้าวิก ส่วนมากจะทำกิจกรรม เช่น
๑. ล้วงกระเป๋าชาวบ้านในโปรแกรมที่คนแน่น
๒.สูบหอยา นั่งจับกลุ่มแซวสาว ๆ
๓. รับอาสาไปซื้อตั๋วให้ผู้ที่ไม่ต้องการไปเบียด
๔. หาทุนมา หรือรับอาสาคนอื่น ซื้อตั๋วไว้ขายเป็น "ตั๋วผี"
๕. ช่วยวิ่งซื้อน้ำบุหรี่ จิปาถะ ให้ช่างเขียนภาพโปสเตอร์ (อันนี้น่าจะเป็นหลังวิก)
๖. ติดไปรถแห่หนัง ช่วยแจกใบปลิว ติดโปสเตอร์ เพื่อตีสนิทพนักงานวิกไว้แลหนังฟรี
๗. ไม่ทำกิจกรรมใด แต่หลงใหลบรรยากาศของ "หน้าวิก" ที่คึกคัก คลื่อนไหว อยู่เสมอ คลายเหงา
๘. นึกไม่ออกแล้วครับ

kaika

 ส.บ๊ายบาย-โอ้โฮเฮะ! แต่ละมุมไม่ค่อยดีเลยนะครับคุณSingoraman เท่าที่ผมได้สำผัสกับกลุ่ม"เด็กหน้าวิก"ในสมัยนั้นไม่ได้ร้ายแรงดังว่าเลยนะครับ  หรือว่าจะเป็นยุคหลังๆ  ที่มีกลุ่มอาชญากรแขวงตัวเข้ามา 
           เท่าที่ผมได้เจอะเจอออกจะเป็นแนวน่ารักๆ นะครับ เช่นว่า การเข้ามาสะกิดแขนคนที่กำลังซื้อตั่วดูหนังแล้วพูดว่า " น้าๆ ,ป้าๆ,ลุงๆ,หรือพี่ๆ ขอเข้าดูหนังด้วยคนนะครับ " ถ้าได้รับการพยักหน้าตอบรับก็จะเดินตามหลังต้อยๆ ตามเข้าโรงหนังได้ดูหนังฟรี   หรือที่หน้าด้านสักหน่อยก็ถือวิสาสะเดินตามหลังผู้ใหญ่เข้าโรงหนังไปเลยในลักษณะทำเนียนโดยไม่ขออนุญาตใคร 
           ทั้งนี้ทั้งนั้นเท่าที่ได้เห็นมาเป็นการแสดงออกถึงการที่คนสงขลาสมัยแต่แรก  มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าหรือเด็กกว่า  ถ้ามาขอกันซึ่งๆ หน้าส่วนใหญ่แล้วมักจะได้รับการตอบรับที่ดี
           ผมเคยได้พูดคุยกับคนเฝ้าประตูโรงหนังทุกโรงที่มีในสมัยนั้น  เคยถามว่ารู้หรือไม่ว่าเด็กคนนี่คนนั้นขอพลอยเขาเข้ามาดูหนัง  คนเฝ้าประตูก็ตอบว่ารู้แต่ว่าสักวันหนึ่งเมื่อเขามีปัญญาที่จะซื้อตั๋วหนังได้เขาก็จะซื้อตั๋วเข้ามาดูเองแหละ  เห็นไหมหละครับคนสงขลาแต่แรกมองการไกลมีใจเอื้อเฟื้อแม้แต่คนเฝ้าประตูโรงหนังยังมีหัวทางการตลาด  ซึ่งผิดกับสมัยนี้เก็บค่าตั๋วแทบจะทุกหัวไม่มีฟรี  เลยพากันเจ๊งกันแทบทุกโรง- ส.หลก

kaika

 ส.อ่านหลังสือ- เรื่องตั๋วผีหน้าโรงหนังจริงๆ แล้วไม่ใช่ตั๋วผีแต่เป็นตั๋วขายเกินราคามากกว่า  ถ้าจำไม่ผิดตั๋วผีเกิดจากพวกวัยรุ่นจากกรุงเทพฯ นำวิธีการขี้ฉ้อมาเผยแพร่ "ไม่ได้เกิดจากเด็กหน้าวิกหรอกครับผม"
       หนังเรื่องแรกที่เริ่มต้นมีตั๋วผีขายเกินราคาหน้าโรงหนังคือหนังเรื่อง "ทอง" ภาคแรกของคุณฉลอง  ภักดีวิจิตร  โดยพวกวัยรุ่นจากกรุงเทพฯ ตามมากับสายหนังสมัยนั้น  เห็นว่าตามกันไปทุกจังหวัดที่หนังเรื่องทองไปฉาย 
        พวกวัยรุ่นหน้าโรงหนังในสงขลาสมัยนั้นเลยทำตามเรียนแบบกันเลยในเรื่องต่อๆ มาที่คนสนใจ หรือโด่งดังตามแรงโฆษณาของหนังสือพิมพ์  หาเงินกันแบบง่ายๆ เป็นที่น่ารำคาญจนถึงปัจจุบัน  ถ้าโรงหนังในสงขลาไม่พากันเจ๊งไปหมดก็ยังคงเห็นพวกขายตั๋วผีหน้าโรงหนังอยู่เหลย 555  ส-เหอเหอ

อดีตเด็กหลังวิกคิงส์

หล่าวโมกโบกล่ะเคยได้ยินบ้างมั้ย ที่สมัยก่อนคนบ่อยางเค้าเรียกคนฝั่งหัวเขาแดงว่าเด็กบก

หน้าวิกคิงส์

แล้วแบบนี้ล่ะครับเจอบ่อยมาก ตอนหนังเลิกคนทะยอยออกมา จะมีประเภทยืน2มือล้วงกระเป๋ากางเกง เที่ยวมองหาใครก็ไม่รู้ พอเจอคนรู้จักตะโกนเรียกคนโน้นที คนนี้ที่ ทำแบบนี้ทุกคืน แล้วกลับบ้านนอน โรคจิตไหมเนี่ย?