ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ศัลยกรรมความงาม เสริมหน้าอก เสริมจมูก กล้ามเนื้อตา ทำตาสองชั้น Jarem Clinic

เริ่มโดย wm5398, 12:33 น. 18 เม.ย 64

wm5398

แชร์ประสบการณ์ดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก ใครอยากทำนมต้องดู!


หวัดดีค่ะ ชื่อหนูเล็กนะคะ เป็นพนักงาน BA ขายเครื่องสำอางค่ะ ตอนนี้ทำหน้าอกมาได้ 5 เดือนแล้วค่ะ วันนี้หมอนัดมาตรวจหน้าอกครบรอบ 5 เดือนค่ะ ก็ปกติหน้าอกไม่มีก็ใส่อะไรก็หลวม ใส่อะไรก็ไม่สวยฟองน้ำก็ต้องเท่านี้ แต่พอตั้งแต่ทำมาก็ฟองน้ำเท่านี้หายไปเลยค่ะ ไม่ต้องใส่เสื้อในก็ใส่เสื้อผ้าสวย ข้อห้ามที่หมอห้ามนะคะ ก็ห้ามขับรถ ห้ามยกของหนัก ห้ามนอนตะแคง ห้ามนอนคว่ำแล้วก็ห้ามกินของแสลง พวกปลาร้า พวกของหมักดอก แล้วก็อาหารเสริมที่มีผลต่อแผลค่ะ

คำถาม : หมอแนะนำวิธีนวดหน้าอกด้วยตนเองอย่างไรบ้าง?
คำตอบ : อันดับแรกนะคะคุณหมอก็จะให้กดหน้าอกลง 5 ครั้งค่ะ ขึ้น 5 ครั้ง ดันเข้า 5 ครั้ง ดันออก 5 ครั้งค่ะ แล้วก็ทำแบบนี้เพื่อเป็นการไล่น้ำเหลืองนะคะ ตั้งแต่ทำก็รู้สึกว่านมมันจะกลิ้งไปกลิ้งมาได้ธรรมชาติขึ้น นิ่มขึ้นค่ะ แล้วก็ไม่แข็งค่ะ ลดการเกิดพังผืดได้ด้วย

คำถาม : พอใจกับขนาดที่เสริมไหม?
คำตอบ : พอใจมากค่ะ ก็ขอไป 400cc คุณหมอก็ให้มา 400cc เลยค่ะ ก็อยากจะแนะนำเพื่อนๆนะคะ ว่าการที่เราจะหาคลินิกเสริมหน้าอกแต่ละทีต้องดูให้นานๆดูความปลอดภัย ดูหมอ ดูสถานที่ ดูความสะอาดค่ะ จะบอกว่าที่ Jarem Clinic นะคะ สะอาดมาก ปลอดภัย แล้วคุณหมอก็ทำดีค่ะ

คำถาม : ตอนเห็นหน้าอกตัวเองครั้งแรกหลังผ่าตัดรู้สึกอย่างไร?
คำตอบ : พอฟื้นขึ้นมานะคะ ก็เห็นหน้าอกตัวเองก็รู้สึกว่ามันใหญ่เลย วันนั้นใหญ่ยังไง วันนี้ก็ยังใหญ่เหมือนเดิมค่ะ
https://jarem.co.th/reviews-breast-augmentation-16/

wm5398

ไขข้อข้องใจ เกี่ยวกับ "น้องนม" โดย คุณหมอหลุยส์ จาเรมคลินิก

ไขข้อข้องใจ! เจาะลึกทุกปัญหา "น้องนม" กับหมอหลุยส์แห่ง Jarem Clinic

คำถาม : ช่วยด้วยค่ะคุณหมอ พอดีว่าหน้าอกเล็กมากไม่มั่นใจเลย ใส่อะไรก็ดูไม่สวยไปหมด อยากมาขอคำปรึกษาคุณหมอหน่อยค่ะ พอจะมีคำแนะนำอะไรบ้างมั้ยคะ
คำตอบ : ก่อนอื่นก็ต้องดูความต้องการของเค้าก่อนว่าคืออยากได้ใหญ่แบบไหน บางทีคนที่หน้าอกเล็กจริงๆเนื้อ กล้ามเนื้อ ผิวหนังเค้าก็จะน้อยตามไปด้วย ใส่ซิลิโคนอาจจะได้จำกัด เราก็ต้องตรวจร่างกายดูเป็นรายๆไป

ผมจะเปรียบเสมอเลยก็คือถ้าคนไข้ทุกคนก็คือมีกล่องอยู่ใบนึง แต่ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีกล่องเท่ากัน ถ้ากล่องเท่านี้ใส่เท่านี้ก็จะสวย แต่บางคนกล่องใหญ่ก็ใส่ได้เยอะ บางคนกล่องเล็ก จะใส่ซิลิโคนใหญ่ๆกล่องก็ปิดไม่ได้ เสียรูปทรง ก็จะเกิดปัญหา ก็ต้องออกแบบให้ปลอดภัยให้สวยเข้ากับรูปร่าง ถ้ามาปุ๊บ จับยัดจับยัด อันนั้นก็คือเป็นหมอยัดนมแล้ว ไม่ใช่ศัลยกรรม

คำถาม : ถ้าคนไข้งอแงอยากใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไปจะเกิดอะไรขึ้น ?
คำตอบ : นมอักเสบ, เลื่อนคั่ง, เลือดออก, บาดเจ็บ, ล้มตาย, ถ้ามันใหญ่เกินไป แผลปริ ส่วนถ้าตึงเกินไป เลือดไปเลี้ยงเนื้อไม่พอก็ฟื้นตัวลำบาก

คำถาม : ส่วนตัวก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องอกเล็กนะคะ แต่ว่าแบบบางทีที่แม่ให้มาเยอะ มันก็เริ่มจะเป็นปัญหาแล้ว คือแบบเหมือนเราไปเดท ผู้ชายก็มองแต่นมไม่มองหน้าเราเลย มันไม่มั่นใจนิดนึง คุณหมอพอจะมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมคะ
คำตอบ : โดยส่วนตัวแล้วปัญหาเรื่องที่หน้าอกใหญ่จะเกิดในชาวที่เป็นตะวันตกซะมากกว่า เค้าอยากจะทำให้มันเล็กลงมันก็มีวิธีอยู่มีการผ่าตัดลดขนาดเต้านม แต่ถ้าทำแล้วจะมาเพิ่มอีกก็อาจจะยากขึ้น เพราะว่าทรงมันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว

คำถาม : พอดีว่ามีเรื่องของพี่สาวจะมาปรึกษาค่ะนางให้นมลูกจนหน้าอกหย่อนคล้อยเลยตอนนี้ คุณหมอพอจะมีคำแนะนำให้กับพี่สาวหนูบ้างไหมคะ
คำตอบ : คือถ้าคนที่มีบุตรแล้วก็หน้าอกใหญ่ขึ้นจากการที่เตรียมที่จะมีน้ำนมให้ลูก แล้วเข้าใจว่าพอลูกดูดเสร็จแล้วมันก็เลยแฟบ แล้วก็คล้อยลงจริงๆถูกนิดเดียว ที่หน้าอกคล้อยลงเกิดจากเราไม่ได้ใส่บราช่วยในเวลาดูดนมต่างหาก อาจจะลำบากนิดนึงก็คืออยากแนะนำเวลานอนก็คือให้ใส่บราประคองไว้ คราวนี้ต่อให้หน้าอกเล็กลงมันก็จะไม่คล้อยครับ ส่วนเรามาว่ากันเมื่อคล้อยแล้วจะทำอย่างไร ส่วนที่คล้อยก็คือเนื้อนมที่อยู่ด้านหน้ากล้ามเนื้อการเสริมหน้าอกก็เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่ง อีกวิธีก็คือควรจะต้องผ่าตัดยกกระชับวันนี้มีได้หลายแบบมากที่ Jarem ก็จะดูเป็นเคสๆสำหรับที่นี่ บวกกับการเสริมหน้าอกร่วมไปด้วย

คำถาม : ประเภทของซิลิโคนมีอะไรบ้าง
คำตอบ : ซิลิโคนเสริมหน้าอกก็คือเป็นซิลิโคนที่ต้องใส่ไว้ในร่างกายตลอดชีวิตนะครับ ซิลิโคนมีหลายแบบ อันนี้ก็ต้องเป็น Medical Grade ก็คืออยู่ในร่างกายเราได้ อย่างที่เห็นง่ายๆก็คือเป็นแบบผิวเรียบกับผิวทรายนะครับ ปัจจุบันทางการทดลองไม่ว่าจะผิวเรียบหรือผิวทราย มันก็คือเกิดพังผืดได้เท่ากัน การเกิดพังผืดมันเกิดที่อย่างอื่นก็คือฝีมือแพทย์ที่ผ่า แต่บางกรณีที่ผมอาจจะเลือกให้ก็คือการผ่าตัดเหนือหรือว่าใต้กล้ามเนื้อ อันนี้ผิวเรียบผิวทรายเริ่มมีผลแล้ว เพราะว่าสัมผัสความเกิดริ้วรอยจะต่างกันในระยะหลัง


คำถาม : การวางยาสลบก่อนผ่าตัด
คำตอบ : คำว่าสลบ มันมีได้หลายวิธีมากๆกินยานอนหลับ ฉีดยาเข้าเส้น หลับใส่ท่อช่วยหายใจ สลบเหมือนกันทั้ง 3 อย่างแต่คุณภาพไม่เหมือนกัน กินยา ฉีดยา ไม่มีคนมอนิเตอร์ ไม่มีเครื่องวัดความดันพอดีให้ยาเยอะไป ให้ยาน้อยไป ตื่นก่อนผ่าเสร็จหรือว่าหลับลึกเกินไปจนไม่ตื่นเหมือนอย่างที่มีข่าว อันนี้การสลบแบบไม่มีคุณภาพส่วนของที่ Jarem เราจะมีแพทย์อีกท่านซึ่งเป็นวิสัญญีแพทย์อยู่บนศีรษะของท่านเวลาหลับ คอยดูคอยมอนิเตอร์ความดัน หัวใจ ตลอดเวลาที่ผมทำเสร็จ เพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาก็จะสดชื่น ไม่มีเวียนหัว ไม่มีอ้วก แล้วก็ปลอดภัยทุกเคส ที่นี่ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องเคสหลับ อยากแนะนำสาวๆทำที่อื่นไม่ใช่ที่นี่หรือว่าที่ไหนก็ตามก็ขอให้จริงจังกับเรื่องนี้หน่อย

คำถาม : หลังผ่าตัดต้องนอนพักฟื้นไหม
คำตอบ : หลังการผ่าตัดผมก็จะมอนิเตอร์ดูหลังต่ออีกสัก 2-3 ชั่วโมง ถ้าโอเคปลอดภัยแล้ว ก็สามารถกลับบ้านได้เลยไม่จำเป็นต้องนอนค้างครับ ยกเว้นถ้าผ่าตัดใหญ่มากๆผมก็จะแนะนำให้ไปทำในโรงพยาบาลที่รู้จักกัน ที่ติดต่อกันไว้ก็จะให้นอนพักที่โรงพยาบาลดีกว่า ดูแลแผลก็แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรก ช่วงแรกกับระยะยาว ช่วงแรกก็คือทำความสะอาด 3 วัน เปิดแผลแล้วก็ทำความสะอาดไปด้วยน้ำเกลือหรือว่าเบตาดีนก็ได้ แล้วก็หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนต่อแผลทุกอย่างหนักๆอย่างเช่น การออกกำลังกาย งานบ้าน บางคนมีลูก อุ้มลูกอันนี้ก็ไม่ได้ ที่สำคัญคือขับรถเลย ตัวดีเลยครับไม่ดี เพราะว่าไม่มีใครที่จะนั่งรถแล้วก็ตรงจนถึงจุดหมายได้ ต้องมีการเลี้ยวการถอยเอี้ยวไปปุ๊บ แผลก็กระเทือน


การดูแลระยะยาวมีอะไรบ้าง เราอาจจะมียาทาสมานแผลเป็นให้แผลเป็นจางลง ใช้แผ่นซิลิโคนเจลแปะแผลไม่ให้แผลเป็นนูนมากขึ้น ขอให้ทำเป็นประจำและทำให้เป็นกิจวัตร อีกเรื่องนึงคือคีลอยด์ อันนี้ก็ต้องซีเรียสหน่อยนึงเพราะมันก็เป็นพันธุกรรมที่เกิดขึ้นได้แต่ละคน ก็ต้องแนะนำคนไข้ว่าทำเนี่ยไม่ว่ายังไงก็ตามดูแลยังไงก็ตามมันก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ว่าที่นี่ถ้าคนไหนที่แผลเริ่มนูน เริ่มเป็นคีลอยด์เราจะฉีดคีลอยด์ให้ฟรีอยู่แล้ว


คำถาม : วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
คำตอบ : หลักๆก็คืออาหารที่ไม่สะอาด อาหารสุกๆดิบๆแล้วก็พวกอาหารทะเลกันไว้ก่อน ก็ไม่รู้บางคนแพ้ไม่แพ้ แอลกอฮอล์กับบุหรี่นะครับอันนี้มีผลแน่นอน หลีกเลี่ยงไปก่อนสัก 1-2 เดือน

คำถาม : เลือกคลินิกยังไงให้ปลอดภัย
คำตอบ : ศึกษาเยอะๆถามเยอะๆ เช่นถามเพื่อนที่ไปทำมาก็ได้ ถามคลินิกที่เราสนใจก็ได้ แต่อยากให้เจอแพทย์ท่านที่จะทำให้เรา ได้คุยกับเค้านานๆนิดนึงว่าเค้าจะทำแบบไหนทำอย่างไร พอเค้าอธิบายเราเข้าใจไหมเคลียร์หรือเปล่า รูปทรงจะเป็นยังไงถ้าสมมติเจอเซลล์แล้วก็เจอแพทย์วันผ่าเลย ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย ถ้ามันเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาในระยะหลังก็อาจจะไม่ค่อยดีอาจจะเกิดความขัดแย้งกันได้

ครับก็ Jarem Clinic นะครับ ก็ให้บริการก็การศัลยกรรมความงามหลายอย่าง เสริมหน้าอก ตาสองชั้น เสริมจมูกนะครับ ดำเนินการโดยศัลยแพทย์ ก็คือทุกอย่างทุกขั้นตอนนี่ก็คือจะเน้นความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก แล้วก็บวกกับความสวยความต้องการที่เค้าต้องการ ก็คืออยากให้อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยเป็นหลักมากกว่า
https://jarem.co.th/answer-question-about-breasts/

wm5398

ซิลิโคนเสริมหน้าอก คือ

ซิลิโคน คือ สารเคมีชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม และสามารถนำไปใช้งานได้หลอกหลาย รวมไปถึงการนำมาใช้เพื่อเป็นถุงเต้านมเทียม หรือที่นิยมเรียกกันว่าซิลิโคนเสริมหน้าอก ด้วยความที่มีความทนทานสูง ทั้งยังปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติ

โดยตัวซิลิโคนเสริมหน้าอกนั้นจะมีแบ่งสัดส่วนออกเป็น 2 ส่วน ด้วยกัน โดยส่วนแรก คือ เปลือกหรือส่วนของถุงซิลิโคน จะมีความสามารถทนทานต่อแรงอัด บีบเค้น ทั้งยังสามารถยืดหดหรือขยาตัวได้ดี โดยซิลิโคนส่วนนี้นั้นจำเป็นต้องผลิตจากซิลิโคนคุณภาพสูงเพื่อที่จะป้องกันการรั่วซึมและการแตกของชั้นเปลือกนั่นเอง ส่วนที่ 2 คือ ส่วนของเหลวที่อยู่ในถุง ส่วนมากที่นิยมกันในวงการแพทย์จะใช้เป็นซิลิโคนเหลวคุณภาพสูง ยิ่งในปัจจับันได้ถูกพัฒนามากขึ้นทำให้ซิลิโคนในส่วนนี้สามารถคงรูปร่างได้ดี ทั้งยังมีความปลอดภัยในการใช้ที่สูงอีกด้วย


รูปทรงของซิลิโคนเสริมหน้าอก
รูปทรงของซิลิโคนเสริมหน้าอก ที่ได้รับความนิยมจะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

ซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ
ซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ (Teardrop Breast Implant) จะมีลักษณะเหมื่อนหยดน้ำ ส่วนล่างของซิลิโคนจะป่อง และส่วนบนนั้นจะแบน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสริมหน้าอกในปริมาณมาก หรือคนที่ไม่ต้องการให้เห็นเนินอกส่วนบนชชัดเกินไป

โดยซิลิโคนเจลด้านในจะมีความแข็งมากกว่าซิลิโคนทรงกลม และไม่ยืดยุ่นมากเท่าซิลิโคนทรงกลมเช่นกัน ส่งผลให้เวลาจับ บีบ เค้น จะทำให้รู้สึกถึงซิลิโคนมากกว่า

ซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกทรงกลม
ซิลิโคนศัลยกรรมเสริมหน้าอกทรงกลม (Round Breast Implant) จะมีลักษณะทรงกลมตามชื่อ แต่อาจจะมีความโค้งมนเพื่อให้ดูเข้ารูปบ้าง โดยซิลิโคนประเภทนี้จะมีความนิ่ม และคืนรูปได้ดีกว่าซิลิโคนทรงหยดน้ำ เนื่องจาก Cohesive Gel ด้านในจะเหลวกว่าทรงหยดน้ำ

ซิลิโคนทรงกลมเป็นซิลิโคนที่เรียกได้ว่ามามาตรฐานของการเสริมเต้านม และได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึงมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวนั่นคือการที่ซิลิโคนมีรูปทรงกลมจะทำให้เห็นหน่าอกส่วนบนได้ชัดขึ้นนั่นเอง


วิธีเลือกซิลิโคนเสริมหน้าอก
การเลือกซิลิโคนเสริมหน้าอกให้เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่ที่หลายปัจจัย ซึ่งในแต่ละบุคคลก็มีความต้องการลักษณะหน้าอกที่แตกต่างกัน ทำให้จำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษาแพทย์อย่างเป็นส่วนตัวนั่นเอง แต่โดยทั่วไปแล้วนั้นแพทย์จะเลือกซิลิโคนให้เหมาะสมกับผู้รับการผ่าตัด โดยจะดูจากขนาดความสูง ความกว้างของลำตัว สัดส่วนของเนื้อหน้าอกเดิมเป็นต้น


ผิวของซิลิโคนเสริมหน้าอก
นอกจากในเรื่องของรูปทรง และบริเวณที่จะผ่าตัดใส่ซิลิโคนเข้าไปแล้ว ผิวของซิลิโคนเสริมหน้าอกก็ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญและควรทราบเอาไว้ โดยผิวของซิลิโคนที่นิยมนั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 พื้นผิว ดังนี้

ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบผิวเรียบ (Smooth)
ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบผิวเรียบ (Smooth) จะมีลักษณะที่ใส และนิ่ม ส่งผลให้เวลาใส่เข้าไปแล้วนั้นจะดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งมีข้อเสียอยู่ที่ซิลิโคนแบบผิวเรียบมีโอกาสที่ส่วนของเต้านมจะไหลหลุดออกจากทรงได้ง่ายกว่าซิลิโคนแบบผิวทรายถึงแม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนักก็ตาม

ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบผิวทราย (Textured)
ซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบผิวทราย (Textured) จะมีสีขุ่น เนื้อละเอียด และมีความสากเล็กน้อย ทั้งยังมีความหนืดที่มากกว่าซิลิโคนแบบผิวเรียบทำให้ตัวซิลิโคนหลุดออกจากทรงได้ยากกว่านั่นเอง

ซิลิโคนผิวกึ่งเรียบกึ่งทราย (Nano texture)
ซิลิโคนผิวกึ่งเรียบกึ่งทราย (Nano texture) เป็นซิลิโคนที่ออกแบบมาใหม่จากแบรนด์ชื่อดัง Motiva โดยจะมีลักษณะผิวที่ไม่ขรุขระเท่าซิลิโคนผิวทราย แต่ก็ไม่เรียบไปเลย ทำให้ดึงเอาข้อดีของซิลิโคนทั้ง 2 แบบ เอาไว้ด้วยกัน


ตำแหน่งในการใสซิลิโคนหน้าอก
ตำแหน่งในการใส่ซิลิโคนหน้าอกที่ได้รับความนิยมนั้นจะมีอยู่ 3 ตำแหน่งด้วยกัน ดังนี้
ใต้ราวนม : เป็นตำแหน่งการผ่าตัดที่ง่าย สูญเสียเลือดน้อย ทั้งยังฟื้นตัวหลังรับการผ่าตัดเสร็จแล้วได้เร็ว โดยจะมีข้อเสียอยู่ที่ว่าบริเสณที่ผ่าตัดนั้นอยู่ที่บริเวณราวนม ซึ่งมีโอกาสที่แผลจะเป็นคีลอยด์ได้


ใต้รักแร้ : เป็นตำแหน่งที่สามารถปกปิดแผลได้ดี ทั้งยังทำให้ไม่เกิดแผลบนส่วนของนม โดยการผ่าตัดในส่วนนี้นั้นจะทำได้ทั้งแบบดั้งเดิมใช้การกระทุ้ง และแบบการส่องกล้อง


รอบปานนม : เป็นตำแหน่งผ่าตัดที่สามารถปกปิดแผลได้ดีมากที่สุด แต่ก็มีข้อเสียเนื่องจากการผ่าตัดในตำแหน่งนี้นั้นมักมีแบคทีเรียสะสมอยู่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อ และยังส่งผลให้มีโอกาสเกิดพังพืดรัดถุงซิลิโคนมากกว่าแผลอื่นๆ


โดยความเหมาะสมในการเลือกตำแหน่งที่จะรับการผ่าตัดเสนิมหน้าอกนั้น จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เนื่องจากในแต่ละบุคคลก็มีความต้องการ และสัดส่วนของร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งในเบื้องต้นแพทย์จะทำการดูจากองค์ประกอบเหล่านี้
        - ความหนาของเนื้อส่วนบริเวณหน้าอก
        - ความหย่อนคล้อยของหน้าอก
        - ลักษณะของทรวงอก

พังผืดล้อมรอบซิลิโคนเป็นอย่างไร?
        - เป็นเนื้อเยื่อในร่างกายของเราเองที่สร้างขึ้นมาห่อหุ้ม "สิ่งแปลกปลอม"ที่เข้าไปอยู่ในร่างกายของเรา
        - พังผืดมีความเหนียวมากๆ ต่อให้ดึงสุดแรงหรือใช้กรรไกรตัดพังผืดก็ยังไม่ขาด
        - พังผืดมีลักษณะเป็นเส้นใยเหนียว (Fibrous Tissue)

ซึ่งหากคนไข้ที่ได้รับศัลยกรรมหน้าอกจาก Jarem clinic หากมีอาการเจ็บและทรงหน้าอกผิดรูปร่าง จะทำการผ่าตัดเลาะพังผืด เปลี่ยนซิลิโคนให้ใหม่ และหากมีคำถามเพิ่มเติม หรือปัญหาแบบนี้ก็สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ทันที


ทำไมต้องเลือกซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ?
"ซิลิโคน Motiva" ผลิตจากเจลเกรดพรีเมี่ยมที่มีความเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่นสูง และเกาะตัวกันได้ดีเป็นพิเศษ และผลิตด้วยเทคโนโลยี Ergonomix ที่ออกแบบและพัฒนารูปทรงของซิลิโคนให้เหมาะสมกับหลักสรีระศาสตร์ของร่างกาย โดยที่ซิลิโคนจะสามารถเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติในทุกอิริยาบถ


อ่านเพิ่มเติม  https://jarem.co.th/breast-silicone/

wm5398

แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis)

"ทำไมบางคนดวงตาไม่สดใส ดูตาปรือ ตาง่วงนอนตลอดเวลา ทำตาสองชั้นมาก็ไม่ดีขึ้น หมอยุ้ย Jaremclinic มีคำตอบ"
Ptosis คือ คำเรียกอาการสำหรับผู้ที่มีอาการดวงตาตก ตาปรือ หนังตาหย่อน อาการอาจจะแย่ลงตามระยะเวลาที่ตื่น เวลาผ่านไปตาก็ปรือมากขึ้น ในช่วงเวลาแต่ละวัน หรือตาปรือเท่าเดิมตลอดทั้งวันก็ได้ อาการก็จะเป็นมากน้อยต่างกันไป ดวงตาสามารถปรือเป็นข้างเดียว หรือเป็นทั้งสองข้าง


กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คือ?
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คือ ภาวะกล้ามเนื้อตาทำงานไม่เต็มที่ ดวงตาของเราไม่ได้มีเพียงลูกตาและเปลือกตาเท่านั้น การลืมตากระพริบตาแต่ละครั้งต้องมีการประสานงานกัน3ส่วน ระหว่างเปลือกตา เส้นประสาท และ "กล้ามเนื้อตา" อาการตาปรือที่เกิดขึ้น ก็เกิดจาก "กล้ามเนื้อตา"อ่อนแรง ทำงานไม่เต็มที่นั่นเอง

เราสามารถแบ่งกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแต่กำเนิด Congenital Ptosis
2. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เป็นมาภายหลัง Acquire Ptosis


กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแต่กำเนิด Congenital Ptosis


กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่มีอาการมาตั้งแต่เด็ก หากไม่ได้รับการรักษาอาการจะเป็นมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น เนื่องจากดวงตาปรือมาตั้งแต่เด็กทำให้มีปัญหาทางสายตาร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการรักษา การมองเห็นจะไม่ชัด เกิดภาวะตาขี้เกียจได้ (Lazy eye) การรักษาด้วยวิธีผ่าตัดสามารถทำได้แต่ยากกว่าภาวะอื่นๆ

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เป็นมาภายหลัง Acquire Ptosis
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงชนิดนี้เริ่มมีอาการเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น หรือช่วงวัยทำงาน สาเหตุเกิดจากการใช้ชีวิตทำให้กล้ามเนื้อตาโดนยืดขยาย ทั้งการขยี้ตาแรงๆบ่อยๆ ใช้คอนแทกเลนส์ ใช้สายตาหน้าจอ TV จอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน นอนดึกฯลฯ หรือรวมทั้งการบาดเจ็บกล้ามเนื้อตาจากการผ่าตัดตาสองชั้นทั่วไป

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแบบต่างๆ


1.ตาปรือ : สองข้างไม่เท่ากัน เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงทั้งสองข้าง สังเกตุจากเปลือกตาบนลงมาปิดขอบตาดำบนไม่เท่ากัน
2.กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงข้างเดียว : มีอาการตาปรือข้างเดียวชัดเจน


3.กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในคนเบ้าตาลึก


4.แก้ตาสองชั้น : เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่แล้วแต่ไปผ่าตัดตาสองชั้นธรรมดาทำให้อาการตาปรือเป็นมากขึ้น


ถ้าเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแต่ไปผ่าตัดตาสองชั้นธรรมดาจะเกิดอะไรขึ้น
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เป็นภาวะที่วินิจฉัยได้ยาก มีหลายลักษณะ การผ่าตัดรักษาก็มีวิธีหลากหลาย และเป็นการผ่าตัดที่ละเอียด หากแพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตา แล้วผ่าตัดตาสองชั้นธรรมดามีความเสี่ยงที่จะทำให้กล้ามเนื้อตา บาดเจ็บ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมากกว่าเดิม ชั้นตาพับหลายชั้น และแก้ไขภายหลังยากมากขึ้น

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงรักษาอย่างไร?
การรักษาต้องผ่าตัดรักษาเท่านั้นกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การผ่าตัดจะใช้วิธีเย็บตรึงกล้ามเนื้อตาด้วยความตึงแตกต่างกันในแต่ละข้างเพราะส่วนใหญ่แล้วกล้ามเนื้อตาจะหย่อนคล้อยไม่เท่ากัน ถ้าแพทย์เย็บด้วยความตึงเท่ากันจะทำให้ชั้นตาไม่เท่ากันอยู่ดี

พญ ณัฏธยาน์ สินประเสริฐกูล หมอยุ้ย
จักษุแพทย์เฉพาะทาง Jarem clinic คุณหมอนอกเหนือจากเป็นจักษุแพทย์แล้วยังได้ วุฒิบัตรเฉพาะทาง "รอบดวงตา" ( Occuloplastic )จากวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย เพราะฉะนั้นผู้มี หรือ สงสัยภาวะ "กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง" จึงมั่นใจการวินิจฉัย ผ่าตัดรักษาได้ คุณหมอยุ้ยนอกเหนือจากรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงให้ดวงตากลับมาเป็นปกติแล้ว ยังคำนึงถึงความสวยงามของดวงตาอีกด้วย

ด้วยความปรารถนาดีจาก หมอยุ้ย พญ ณัฏธยาน์ สินประเสริฐกูล จักษุแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรองรับจากวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
https://jarem.co.th/ptosis/

wm5398

ผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplastry)

ปัญหาถุงใต้ตาที่บวมขึ้นมา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย และเกิดได้จากหลายสาเหตุ ถึงแม้ปัญหานี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ แต่ก็สร้างความอ่อนล้าให้กับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูโทรม แก่กว่าวัย จนหลายคนที่พบเจอกับปัญหานี้เกิดความกังวลใจ ขาดความมั่นใจ หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานก็อาจทำให้ปัญหานี้ลุกลามจนแก้ไขได้ยาก


ประเภทของการเกิดถุงใต้ตา

ถุงใต้ตาจะมีอยู่ 2 ลักษณะด้วยกัน คือ "ถุงใต้ตาเทียม" และ "ถุงใต้ตาแท้"
1. ถุงใต้ตาเทียม
เกิดจากพฤติกรรมต่างๆที่ทำให้ถุงใต้ตาบวมขึ้นมาในระยะเวลาหนึ่งและหายไปได้เอง เช่น การร้องไห้ การพักผ่อนน้อย ผู้ที่มีความเครียดสูง ผู้ที่ใช้สายตามากเกินไป ขยี้ตาแรงๆบ่อยๆ หรือเช็ดคราบเครื่องสำอางแรงเกินไป รวมถึงการดื่มเหล้าจัด สูบบุหรี่จัด เป็นต้น
2. ถุงใต้ตาแท้
เกิดจากการที่ผนังกั้นเปลือกตาล่างอ่อนแอลง ทำให้ไขมันที่อยู่ในบริเวณตาเกิดการยื่นหรือหย่อนออกมาทำให้เกิดเป็นลักษณะถุงเกิดขึ้น


สาเหตุที่พบได้บ่อยและไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์ก็คือ ความเสื่อมของผิวหนังตามกาลเวลา และความหย่อนคล้อยของผนังกั้นเปลือกตาล่าง อันเนื่องมาจากเนื้อเยื่อที่รองรับถุงไขมันเกิดการหย่อนตัวลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น หรือ เกิดจากภูมิแพ้ หรือกรรมพันธุ์ เป็นต้น

การรักษาถุงใต้ตา

การรักษาก็คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการดูแลตัวเอง เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ขยี้ตาแรงๆ เช็ดคราบเครื่องสำอางอย่างเบามือ งดการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงแสงแดด ควรดื่มน้ำมากๆ และไม่ใช้สายตามากเกินไป ใช้การประคบเย็นช่วยลดอาการบวม หรือใช้ครีมสำหรับทาใต้ตาเพื่อช่วยลดอาการบวมหรือลดรอยคล้ำใต้ตา เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวก็จะค่อยๆดีขึ้นและหายได้เอง

วิธีการรักษาถุงใต้ตาแท้
การรักษาจะยากขึ้น เพราะการดูแลตัวเองก็ไม่สามารถช่วยให้อาการลดลงได้ การรักษาถุงใต้ตาแท้มีหลายวิธี ได้แก่
1. การผ่าตัดถุงใต้ตาแท้
โดยการเก็บไขมันและผิวหนังส่วนเกินออก วิธีนี้จะสามารถช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงและดูไม่เหนื่อยล้า โดยวิธีผ่าตัดมี 2 วิธีด้วยกันคือ
         - ผ่าตัดผ่านทางเยื่อบุตา (transconjunctiva lower blepharoplasty) เหมาะกับผู้ที่มีไขมันเกินแต่ยังไม่มีผิวใต้ตาหย่อนคล้อย โดยวิธีนี้แพทย์จะผ่าตัดผ่านทางเยื่อบุแผลด้านในตา ข้อดีคือ ไม่มีแผลผ่าตัดบริเวณภายนอก
         - ผ่าตัดผ่านผิวหนัง (subcutaneous lower blepharoplasty) วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตามากและมีผิวใต้ตาหย่อนคล้อย แผลจะอยู่ชิดกับขอบตาล่าง
โดยไม่ว่าจะทำการผ่าตัดด้วยวิธีไหนการนำไขมันออกในปริมาณที่เหมาะสมร่วมกับการย้ายไขมันในตำแหน่งบริเวณใต้ตา เพื่อทำให้ขอบตาล่างดูเต็ม และไม่เป็นร่องลึกใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ใช้รักษากันอยู่ในขณะนี้
2. การฉีดสารเติมเต็มไปที่บริเวณร่องใต้ตา (filler)
3. การกระชับผิวด้วยเลเซอร์
วิธีเหล่านี้ก็เป็นเพียงวิธีที่ช่วยลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ช่วยรักษาโดยตรง ถ้าหากในรายที่เป็นมากก็ต้องใช้วิธีการผ่าตัดถุงใต้ตา เพื่อนำไขมัน ของเหลว และผิวหนังส่วนเกินใต้ตาที่หย่อนคล้อยออก ผู้ที่มีปัญหาควรปรึกษากับจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลดี

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัดถุงใต้ตา
ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าภาวะแทรกซ้อนนั้นเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้กับการศัลยกรรมทุกประเภท และยังมีโอกาสในการเกิดที่น้อยมาก ยิ่งหากเป็นผู้ที่รับการผ่าตัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วด้วยนั้นโอกาสในการเกิดก็ยิ่งน้อยลงไป เพราะฉะนั้นอย่าตื่นตกใจเกินไป
โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัดถุงใต้ตา จะมีดังนี้
         - บริเวณขอบตาล่างปริ้นออก : เป็นปัญหาที่เกิดจากการตัดผิวหนังใต้ตามากเกินไปส่งผลให้เกิดการดึงรั้ง ทำให้เห็นขอบตาล่าง ซึ่งสามารถแก้ได้ด้วยการนวดคลึงดวงตา แต่หากมีอาการรุนแรงก็จำเป็นต้องทำการนำผิวหนังส่วนอื่นมาปิดแทน
         - มีแผลเป็นที่เห็นได้ชัด : เกิดจากการที่กรีดผิวหนังดึงขอบตาล่างมากเกินไป หรือแพทย์คำนวนการเย็บปิดแผลไม่ดี จนทำให้ส่วนของแผลเลยขอบมากเกินไป ส่งผลให้เห็นรอยแผล
         - น้ำตาไหลไม่หยุด : เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดรุนแรงที่สุด แต่เกิดขึ้นน้อยครั้งที่สุดเช่นเดียวกัน ภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อแพทย์ผู้ทำการผ่าถุงใต้ตาพลาดไปโดนท่อน้ำตาเข้า ทำให้ส่วนของท่อน้ำตาบาดเจ็บส่งผลให้น้ำตาจะไหลออกมาเรื่อยๆ ต้องทำการผ่าตัดรักษาอย่างเร่งด่วน

สาเหตุในการเกิดถุงใต้ตา
ถุงใต้ตา คือ การที่ส่วนของผนังกั้นบริเวณเปลือกตาส่วนล่างอ่อนแรงลง จนทำให้ส่วนของเนื้อเยื่อที่มีหน้าที่คอยพยุงไขมันเอาไว้หย่อนตัว หรือหย่อนยาน ส่งผลให้เกิดเป็นถุงใต้ตาขึ้นมา
สำหรับสาเหตุในการเกิดถุงใต้ตาจะมีเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตประจำวันของแต่คน ดังต่อไปนี้
         - มีภาวะเครียด และการใช้สายตาหนัก
         - พักผ่อนไม่เพียงพอ
         - ทำงานหนัก มีอาการเหนื่อยล้ามาก
         - เกิดจากอาการก่อนมีประจำเดือน
         - ขยี้ตาแรงๆ หรือเช็ดเครื่องสำอางบริเวณใต้ตาแรงเกิน
         - ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่เป็นประจำ
         - อายุที่เพิ่มมากขึ้น
         - ขาดการดูแลบริเวณรอบดวงเป็นระยะเวลานาน
         - เกิดจากโรคภูมิแพ้
         - ร้องไห้บ่อยครั้ง

วิธีลดอาการของถุงใต้ตา ด้วยตัวเอง
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำที่สะอาดนั้นจำเป็นต้องมีปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายด้วย เนื่องจากหากได้รับน้ำเข้าสู่ร่างกายที่ไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้มีการสะสมน้ำบริเวณถุงใต้ตามากขึ้น จึงทำให้บริเวณถุงใต้ตาจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ส่วนสาเหตุนั้นเกิดมาจากการที่ร่างกายการขาดน้ำ หรือได้รับปริมาณน้ำที่น้อยกว่าที่ควร จะทำให้ร่างกายต้องทำการสะสมน้ำในร่างกายเพิ่มขึ้นเพื่อเจือจางความเป็นกรดและด่าง ให้อยู่ในค่ามาตราฐานนั่นเอง โดยเบื้องต้นควรดื่มน้ำวันละ 7-8 แก้วก็จะช่วยลดขนาดของถุงใต้ตาลงได้

พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอถือเป็นพื้นฐานในการดูแลสุขภาพตัวเองที่ทุกท่านควรทำ เพราะการพักผ่อนจะส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นฟูร่างกาย หากได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอจะส่งต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อ และทำให้อาการถุงใต้ตารุนแรงมากขึ้น

โดยสามารถสังเกตอาการว่าพักผ่อนเพียงพอได้ด้วยตัวเองเวลาตื่นนอน หากเกิดอาการอ่อนเพลียอยู่จะแสดงว่ายังพักผ่อนไม่เพียงพอ แถมช่วงระยะเวลาในการนอนก็ส่งผลต่อสุขภาพด้วย ซึ่งเวลาที่ควรนอนพักผ่อนที่สุดจะอยู่ในช่วง 24.00 – 01.30 น. เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายจะหลั่งสารโกรท ฮอร์โมน ( Growth Hormone ) ที่มีหน้าที่ในการช่วยซ่อมแซมเซล์ระบบการทำงานของร่างกายนั่นเอง

ลดการใช้สายตาที่ไม่จำเป็น
การใช้สายตาที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการตาล้าได้ ซึ่งจะส่งผลให้ถุงใต้ตามีขนาดที่ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้การใช้สายตามากจนเกินไปยังส่งผลต่อสุขภาพของดวงตาในระยะยาวอีกด้วย

ขอแนะนำหากจำเป็นต้องใช้สายตาจ้องไปที่อะไรนานเช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หนังสือและอื่นๆ ควรจะต้องพักสายตาทุกๆ 2 ชั่วโมง ครั้งละ 15 – 20 นาที เพื่อที่ช่วยลดอาการความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้ถนอมสายตาทั้งยังจะช่วยให้ถุงใต้ตาไม่ขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

คอยประคบเย็นบริเวณรอบดวงตา
การประคบเย็นจะช่วยให้กระชับถุงไขมันใต้ตาให้มีขนาดที่เล็กลง และยังทำการช่วยขับของเหลวที่อยู่ภายในของถุงตาออกมาได้ โดยการประคบเย็นสามารถทำได้งายๆด้วยการนำถุงน้ำแข้ง เจลเย็น หรือผ้าชุบน้ำเย็นก็สามารถนำมาประคบบริเวณถุงใต้ตานั่นเอง

นอกจากนี้การประคบเย็น ยังสามารถดัดแปลงนำผลไม้แช่เย็น ชนิดต่างๆ เช่น แตงกวา มะเขือเทศ นำมาวางไว้บนเบ้าตาทั้งสองข้าง และปล่อยทิ้งไว้ประ 20 นาที จะช่วยลดขนาดของถุงใต้ตาให้เล็กลงได้ ทั้งยังสามารถป้องกันการเกิดของถุงใต้ตาสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เป็นได้อีกด้วย

บำรุงด้วยครีมรอบดวงตา
ปัจจุบันครีมบํารุงรอบดวงตามีให้เลือกหลากหลายชนิดตามความเหมาะสมของแต่ละคน ซึ่งสามารถช่วยลดขนาด และการเกิดของถุงใต้ตาได้ แต่ควรศึกษาข้อมูลต่างๆให้ดีก่อนเริ่มใช้ เพราะบริเวณรอบดวงนั้นบอบบาง และการใช้ครีมมาทาบริเวณรอบดวงตาจะมีความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคือง หรือแพ้ได้

*สุดท้ายเมื่ออายุขัยที่มากขึ้นครีมต่างก็อาจจะไม่ได้ช่วยมากนัก นอกจากจะทำได้เพียงชะลออาการของถุงใต้ตา ซึ่งในกรณีที่มีอาการบวมโตของถุงใต้ตามาก แนะนำให้ทำการเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาจะเป็นการดีกว่าใช้ครีมบำรุง

หยุดสูบบุหรี่
ผู้ที่สูบบุหรี่มักจะมีขนาดถุงใต้ตาที่ใหญ่กว่าคนทั่วไป เหตุมาจากการที่ตัวบุหรี่มีสารต่างๆจำพวก นิโคติน ไฮโดรเจนไซยาไนด์คาร์บอนไดซัลไฟด์ ไนตริคออกไซด์และอื่นๆ ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติในการทำให้ผนังของเส้นเลือดหนามากขึ้น และเมื่อมีความหนามากขึ้นจะทำให้ของเหลวไม่สามารถไหลผ่านได้ ส่งผลให้เกิดการสะสมของเหลวที่จะนำไปสู่การเกิดถุงใต้ตาได้

วิธีดูแลหลังเข้ารับการผ่าตัดถุงใต้ตา
         - ช่วง 2-3 วันแรก ควรประคบเย็นบริเวณรอบดวงตาด้วยผ้าเย็น หรือเจลเย็น จะช่วยให้
         - ลดอาการบวมแดง และช่วยให้หายเร็วยิ่งขึ้น
         - เวลานอนให้ยกหัวสูงขึ้น โดยการหนุนหมอนเพิ่มในช่วง 2 สัปดาห์แรก
         - ห้ามให้แผลโดนน้ำ 7 วัน หรือจนกว่าจะตัดไหม
         - งดอาหารของแสลงต่างๆ จนกว่าจะตัดไหมออก
         - คอยดูแลแผลให้แห้ง และสะอาด เพื่อลดอาการอักเสบและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
         - งดใช้เครื่องสำอางบริเวณใกล้รอบดวงตา หรือใกล้แผลจนกว่าแผลจะหายสนิท
         - รับประทานยา และทำตามคำแนะนำของแพทย์ ให้ครบถ้วน
https://jarem.co.th/lower-blepharoplastry/

wm5398

แก้ไขหน้าอก (Breast Correction) Jarem Clinic
การแก้ไขหน้าอก การเสริมหน้าอกโดยทั่วไปผู้ที่มาเสริมหน้าอกย่อมคาดหวังจะได้หน้าอกที่มีรูปทรงสวยงามปลอดภัยมีขนาดพอเหมาะตามที่ต้องการ ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง แต่เมื่อหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธีจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง


สาเหตุทำไมถึงต้องทำการแก้ไขหน้าอกที่เคยทำมาก่อน
การแก้ไขหน้าอกนั้น เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขหน้าอกที่เคยได้รับการศัลยกรรมมาก่อน เพื่อปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลง ให้ดีขึ้นไม่ว่าจะเรื่องของขนาด ความพอดีของหน้าอก ปัญหาจากความผิดพลาดอื่นๆที่เคยทำมาก็จะได้รับการแก้ไขไปด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วเหตุผลที่คนจะเข้ามารับการผ่าตัดแก้ไขหน้าอกนั้นจะมีดังต่อไปนี้


1. ไม่พอใจขนาดที่ทำไป อยากอัพไซส์ขนาดให้ใหญ่ขึ้น อยากลดไซส์ให้มีขนาดเล็กลง หรืออยากถอดซิลิโคนออก เนื่องจากเกิดอาการปวดหลัง เป็นต้น
2. หน้าอกสองข้างมีขนาดไม่เท่ากัน หรือหน้าอกห่าง ต้องการให้ชิดขึ้น
3. เกิดอาการปวด เจ็บ ตึง ชา หรือมีอาการอักเสบ
4. เกิดพังผืด หน้าอกแข็ง เป็นบล็อก เป็นก้อน
5. หน้าอกเป็นลอน เป็นริ้ว เห็นขอบซิลิโคน
6. หน้าอกหย่อนคล้อยลง รูปทรงหน้าอกเปลี่ยนไป
7. เกิดปัญหาหน้าอกแฝด ที่เกิดจากการเลาะแกนกลางหน้าอกมากเกิน ต้องการชิดมากจนเชื่อมติดกัน
8. ซิลิโคนเดิมเกิดความเสียหาย แตกรั่ว จากการกระแทก, อุบัติเหตุ


ซึ่งการผ่าตัดแก้ไขหน้าอกนั้นจะต้องใช้ความละเอียดเป็นพิเศษมากกว่าการเสริมหน้าอกในครั้งแรก ศัลยแพทย์จะต้องทำการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของคนไข้ก่อน ร่วมกับการวินิจฉัยว่าการเสริมหน้าอกครั้งแรกใช้เทคนิคใด และควรแก้ไขด้วยเทคนิคใด


การแก้ไขหน้าอกทำได้เมื่อไหร่?
การผ่าตัดแก้ไขหน้าอกสามารถทำได้ทันที หรือต้องรอระยะเวลาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ต้องแก้ไขและประสบการณ์ของศัลยแพทย์

ข้อควรระวัง!!
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญ เพราะอาการข้างเคียงหลังการผ่าตัดแก้ไขหน้าอกอาจเกิดขึ้นได้ตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจมาก-น้อยแตกต่างกันออกไป คนไข้เองควรปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด

สิ่งที่ต้องทำก่อนเข้ารับการผ่าตัดหน้าอก
        - แจ้งข้อมูลตามความจริง เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ ประวัติการแพ้ยา หรือหากมีอาการเจ็บป่วยไม่สบายก่อนวันผ่าตัด ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบก่อน
        - งดทานอาหารเสริมวิตามินต่างๆ อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดยาจำพวกที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 7-14 ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดดื่มน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - ไม่แต่งหน้า และต้องไม่ใส่คอนแทคเลนส์มาในวันเข้ารับการผ่าตัด
        - งดการทาเล็บมือ เล็บเท้า และการต่อเล็บทุกชนิดก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - ไม่แนะนำให้ขับรถมาเอง ควรมีผู้ติดตาม ญาติหรือคนรู้จักพามาหรือเดินทางมาด้วย

การดูแลหลังเข้ารับการแก้ไขหน้าอก
        - หลังเข้ารับการผ่าตัดห้ามให้แผลโดนน้ำ 1 สัปดาห์ โดยปะรมาณ
        - ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ควรออกเดินทางไกล ขับรถ หรือยกของหนัก
        - หลีกเลี่ยงอาหารแสลง อาหารไม่สะอาด บุหรี่ แอลกอฮอล์ และอื่นๆตามที่แพทย์ได้บอกเอาไว้
        - รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ และมาตรวจตามนัดกับทาง clinic ทุกครั้งเพื่อให้แพทย์สามารถตรวจเช็คหน้าอกได้เป็นระยะๆเพื่อความสวยงามของรูปทรงหน้าอก และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

หน้าอกที่นิยมทำการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก
        - แก้ไขปัญหาซิลิโคนที่แตกหรือรั่ว (Leakage and Ruptured) : ปัญหาของซิลิโคนที่เกิดอาการรั่ว หรือแตกออกสามารถเกิดขึ้นได้หลายๆปัจจัย โดยวิธีการแก้ไขจะเริ่มจากการเปิดแผลเก่าแล้วนำซิลิโคนเก่าออก หลังจากนั้นจะทำการเลาะพังผืดที่หุ้มซิลิโคนเอาไว้ออกนั่นเอง
        - แก้ไขปัญหาพังผืดที่เกิดขึ้นจากซิลิโคนเสริมหน้าอก (Capsular Contracture) : ปัญหาของพังผืดที่เกิดจากการที่ร่างกายรับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้าน และสร้างผังผืดขึ้นมาห่อหุ้มซิลิโคนเอาไว้ โดยวิธีการของเทคนนิดการแก้ไขก็คือ การเปิดแผลขึ้นเพื่อทำการเลาะเอาพังผืดออกให้หมด ก่อนที่จะทำการจัดรูปทรงหน้าอกใหม่และเย็บปิดแผลเป็นอันเสร็จ
        - แก้ไขปัญหาเต้านมที่ห่างกัน (Cleavage Breast) : เป็นปัญหาของอาการผิดปกในส่วนเต้านมที่อยู่ห่างกันมากเกินไป โดยจะทำการเปิดแผลใต้ราวนม แล้วทำการขยายโพรงขึ้นใหม่ให้ และทำการเย็บลดขนาดความกว้างของด้านข้านของโพรงเก่า ทำให้ขยับตำแหน่งของเต้านมเดิมให้ชิดกันมากขึ้น
        - แก้ไขปัญหานมตก (Bottoming out of breast) : เป็นปัญหาของการวางตำแหน่งซิลิโคนหรือถุงเต้านมเทียมอันเก่าที่อยู่ต่ำเกินไป จนทำให้หน้าอกนั้นเกิดความหย่อนคล้อยดูไม่สวยงาม โดยเทคทิคนิคในการแก้ไขนี้จะทำการเปิดแผลและเลาะพังผืดออกให้หมด แล้วจึงทำการเปลี่ยนชั้นใต้กล้ามเนื้อ สร้างโพรงขึ้นใหม่ให้เต้านมสามารถยกสูงขึ้นได้ ก่อนทีจะเริ่มทำการจัดรูปทรงใหม่และเย็บแผลปิด
        - การแก้ไขปัญหานมแฝด ( Symmastia Uniboob) : นมแฝด คืออาการที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกไปแล้ว หน้าอกมีการชิดกันมากเกินไปจนทำให้มองไม่เห็นร่องอก สามารถแก้ไขได้โดยใช้เทคนิคการผ่าตัด เริ่มจากเปิดแผลที่ราวนม แล้วทำการเปิดขยายโพรงให้สามารถออกไปด้านข้างได้มากขึ้น หลังจากนั้นทำการเย็บกล้ามเนื้อด้านในของร่องหน้าอกเพื่อแก้ไขให้ความกว้างมากขึ้น

ขั้นตอนระหว่างการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก
ขั้นตอนในการแก้ไขผ่าตัดหน้าอกส่วนมากจะมีความยากกว่าการทำศัลยกรรมหรือการผ่าตัดหน้าอกครั้งแรก ด้วยเหตุหลายๆปัจจัย เพราะฉะนั้นควรเข้ารับการผ่าตัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำซ้อนในอนาคต ส่วนขั้นตอนในการผ่าตัดแก้ไขหน้าอกจะมีขั้นตอนพื้นฐาน ดังนี้
        - ให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดดมยาสลบก่อนเริ่มทำการผ่า
        - แพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดเริ่มทำการผ่าตามที่ได้วางแผนเอาไว้กับคนไข้ ทั้งวิธีการผ่าตัด จัดที่ทำการผ่าตัด รวมไปถึงเรื่องอื่นๆตามที่วางแผนเอาไว้
        - ทำการเย็บปิดแผลภายใน โดยใช้ไหมละลาย และเย็บปิดแผลส่วนของผิวหนังเป็นอันเสร็จ
หลังจากเสร็จสิ้นการผ่าตัดก็ยังต้องเฝ้าดูอาการของคนไข้ระยะหนึง โดยเวลาที่จะใช้การผ่าตัดนั้นจะอยู่ 1-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่ที่ความยากและซับซ้อนของการผ่าตัด

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นของการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก
ภาวะแทรกซ้อนเป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกการศัลยกรรม ซึ่งจะมีโอกาสในเกิดที่น้อยลงตามปัจจัยต่างๆ เช่น ร่างกายของผู้เข้ารับการผ่าตัด เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด การดูแลรักษาก่อน-หลังการเข้ารับการผ่าตัด ไปจนถึงแพทย์ที่ทำการผ่าตัดมีความเชี่ยวชาญมากพอไหม
ด้วยความที่มีปัจจัยที่หลากหลายเหล่านี้จึงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยส่วนใหญ่ภาวะแทรกซ้อนในการทำหน้าจะมีดังต่อไปนี้
        - มีอาการบวมเขียว ฟกช้ำบริเวณหน้าอก
        - แผลมีโอกาสติดเชื้อ และอักเสบได้
        - มีน้ำเหลืองออกมาจากบริเวณแผลผ่าตัด
        - ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาสลบ ยาแก้ปวดที่ได้รับ
        - ในระยะยาวอาจมีการเกิดพังผืด การเคลื่อนของตำแหน่งซิลิโคน และการหย่อนคล้อยของหน้าอกได้
        - ส่วนของแผลที่ได้รับการผ่าตัดสมานตัวช้า
        - ขนาดของหน้าอกหรือเต้านมทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
        - แผลเป็นจากการเข้ารับการผ่าตัด
        - ความรู้สึกในส่วนของหัวนมอาจมีอาการชาขึ้น

ระยะเวลาพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก
ระยะเวลาในพักฟื้นหลังเข้ารับการแก้ไขหน้าอกนั้น จะเหมื่อนกับการผ่าตัดหน้าอกครั้งแรก แตกต่างกันเพียงในกรณีที่เข้ามารับการถอดซิลิโคนเทียมเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้ระยะเวลาในการพักฟื้นสั้นกว่า ส่วนในกรณีอื่นๆก็จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการพักฟื้น ดังนี้
        - เทคนิดในการใช้ผ่าตัดแก้ไขหน้าอก
        - จุดที่ต้องทำการผ่าตัด
        - อายุและการดูแลตัวเองของผู้เข้ารับการผ่าตัด
        - ขนาดของซิลิโคนที่ทำการแก้ไขใส่ใหม่ หรือเปลี่ยนแปลง
        - แพทย์ที่ทำการผ่าตัด
ด้วยปัจจัยที่หลากหลายจึงระบุวันที่ชัดเจนในการพักฟื้นไม่ได้ แต่โดยทั่วไปแพทย์จะให้คำแนะนำว่าควรพักฟื้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และดูแลตัวเองตามคำแนะนำแพทย์หลังจากนั้นจนแผลหายสนิท ซึ่งระยะเวลาจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่ในแต่บุคคล
https://jarem.co.th/breast-correction/

wm5398

อาการหย่อนคล้อยของหน้าอกจนทำให้รูปทรงหน้าอกเปลี่ยนแปลง มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกวัย นอกจากเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุแล้ว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังส่งผลให้เกิดความกังวลใจ ไม่มั่นใจในการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่น และขาดความมั่นใจในตัวเอง การศัลยกรรมยกกระชับทรวงอกจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้แก้ไขปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย


ยกกระชับทรวงอก คืออะไร
ยกกระชับทรวงอก (Mastopexy) หมายถึงขั้นตอนการทำศัลยกรรมแก้ไขรูปทรงของหน้าอกที่มีปัญหาหย่อนคล้อย  ขาดความแน่นกระชับของผิวหนังและขาดความยืดหยุ่น พร้อมทั้งเย็บกระชับกล้ามเนื้อด้านใน เพื่อให้ทรวงอกมีลักษณะตึงกระชับสมส่วน แต่การยกกระชับทรวงอกการผ่าตัดจะแตกต่างจากการเสริมหน้าอกแบบปกติทั่วไป เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาความหย่อนยานของเต้านม

การผ่าตัดยกกระชับทรวงอก ต้องใช้ความละเอียดเป็นพิเศษ และมีความยากเนื่องจากเป็นการผ่าตัดตกแต่งเพื่อนำเอาผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยออก และใส่ซิลิโคนเข้าไปเสริมเพิ่มความเต่งตึงให้ทรวงอกกลับมาสวยงามอวบอิ่มอีกครั้ง

ระดับความหย่อนคล้อยของทรวงอก


ปัญหาหน้าอกเหลวและหย่อนคล้อย เกิดจากการเสียความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณทรวงอก โดยลักษณะความหย่อนคล้อยของทรวงอกแบ่งออกเป็น 4  ระดับ ได้แก่ หย่อนคล้อยระดับปกติ หย่อนคล้อยเล็กน้อย หย่อนคล้อยปานกลาง และหย่อนคล้อยมาก ความหย่อนคล้อยของทรวงอกแต่ละระดับมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้

ระดับที่ 1 หย่อนคล้อยเล็กน้อย
ทรวงอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือระดับ Normal  หัวนมจะอยู่กึ่งกลางเต้านม ลักษณะชี้พุ่งตรง ตั้งฉากไปด้านหน้า ทรวงอกที่หย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย ยังไม่มีความจำเป็นต้องยกกระชับ เพราะระดับเต้านม และหัวนม ถือว่าปกติ ได้รูปทรงและยังสวยอยู่

ระดับที่ 2 หย่อนคล้อยปานกลาง
ทรวงอกหย่อนคล้อยปานกลาง หรือระดับ Mild level  ลักษณะของเต้านมและหัวนมจะตกลงมาเล็กน้อย การศัลยกรรมยกกระชับทรวงอกอาจไม่จำเป็น แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ถ้าต้องการยกกระชับก็สามารถทำได้ 

ระดับที่ 3 หย่อนคล้อยปานกลาง
ทรวงอกหย่อนคล้ายปานกลาง หรือระดับ Moderate level ปานนมและหัวนมจะชี้ต่ำลงด้านล่างจนสังเกตได้ ลักษณะคล้อยลงต่ำกว่าฐานหน้าอกประมาณ 1-3 ซม. ทำให้หลายคนต้องศัลยกรรมยกกระชับทรวงอก เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง

ระดับที่ 4 หย่อนคล้อยมาก
ทรวงอกหย่อนคล้ายมาก หรือระดับ Severe level เป็นปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนแต่งตัวยาก เพราะหน้าอกหย่อนคล้อยมาก ปานนมและหัวนมชี้ต่ำลงด้านล่างชัดเจน ลักษณะคล้อยลงต่ำกว่าฐานหน้าอกหัวนมชี้ลง เกือบขนานกับลำตัว การศัลยกรรมยกกระชับก็เพื่อต้องการยกเนื้อนมมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

สาเหตุการหย่อนคล้อยของทรวงอก
         - อายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงวัยหมดประจำเดือน จะทำให้กล้ามเนื้อหน้าอกหรือเส้นยึดเต้านมอ่อนแอลง ส่งผลให้หน้าอกดูหย่อนยาน
         - การหักโหมลดน้ำหนักที่ผิดวิธี ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ทรวงอกหย่อนคล้อยได้ เช่น การอดอาหาร และโหมออกกำลังกายหนัก ๆ เมื่อน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วก็อาจทำให้กล้ามเนื้อกระชับและทำให้ไขมันส่วนหน้าอกหายไปอย่างรวดเร็วด้วย เป็นสาเหตุทำให้หน้าอกหย่อนยานลงเนื่องจากผิวหนังเหลือเยอะ เนื้อนมจะเหลวและหย่อนยาน
         - การตั้งครรภ์หรือมีบุตร เนื่องจากระหว่างตั้งครรภ์และช่วงให้นมบุตร เต้านมจะทำการขยายฮอร์โมนเพื่อสร้างต่อมน้ำนมและผลิตน้ำนมให้เพียงพอกับความต้องการของลูก แต่หลังจากคลอดหรือหยุดให้นมบุตรต่อมน้ำนมจะหยุดผลิตน้ำนม ส่งผลให้เต้านมมีขนาดเล็กลง และมีโอกาสหย่อนยานได้
         - หน้าอกหย่อนคล้อยจากปัญหาสุขภาพ เช่น การเจ็บป่วยเป็นเวลานาน หรือการสูบบุหรี่ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยได้
         - กรรมพันธุ์ ก็ถือเป็นอีกเหตุผลที่สามารถทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของหน้าอกได้ เช่น ผู้ที่มีประวัติทางกรรมพันธุ์หน้าอกใหญ่ มีโอกาสหน้าอกหย่อนคล้อยได้ง่ายกว่า


รู้ได้อย่างไรว่าหน้าอกหย่อนคล้อย
ความหย่อนคล้อยของทรวงอกมีหลายระดับ ผู้หญิงหลายคนอาจไม่ทราบว่าหน้าอกของตนเองเริ่มหย่อนคล้อย เนื่องจากยังอยู่ในระยะแรก ๆ แต่การพบอาการหย่อนคล้อยของหน้าอกตั้งแต่ระยะแรกก็สามารถออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อยกกระชับหน้าอกได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหน้าอกเริ่มหย่อนคล้อย มีวิธีสังเกตและเช็คหน้าอกตนเอง ดังนี้

1.สังเกตที่เนินหน้าอก
อาการหย่อนคล้อยของทรวงอก เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เราสามารถสังเกตได้ เพียงเลือกสวมใส่เสื้อคอต่ำหรือคอลึกเพื่อให้เห็นเนินหน้าอก แล้วหมั่นสังเกตหากพบว่าเนินหน้าอกไม่อยู่ในระดับเดิม หรือต่ำลงมามากกว่าปกติ นั่นหมายความว่าเริ่มมีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยแล้ว

2.หมั่นสังเกตหัวนม
การสังเกตดูที่หัวนม ก็สามารถบ่งบอกอาการหย่อนคล้อยของทรวงอกได้ มาตรฐานของระดับหัวนมปกติจะอยู่กึ่งกลางเต้านม และชี้พุ่งตรงไปด้านหน้า หากสังเกตพบว่าระดับหัวนมเริ่มเคลื่อนต่ำลงมาอย่างน้อย 3 ซม. จะเป็นปัญหาระดับกลาง แต่ถ้าพบว่าเคลื่อนลงมาจนถึงจุดต่ำสุดของเต้านม  นั้นคือปัญหาทรวงอกหย่อนคล้อยที่ต้องแก้ไข

3.ความเท่ากันของหน้าอก
วิธีสังเกตง่าย ๆ ว่าหน้าอกของเราหย่อนคล้อยหรือไม่ ก็คือสังเกตความเท่ากันของหน้าอก หากคุณพบว่าหน้าอกสองข้างชี้ลงไม่เท่ากัน (แม้ส่วนใหญ่หน้าอกของคนเราจะไม่เท่ากัน แต่ก็สังเกตลักษณะเต้านมและหัวนมได้) หรือมีข้างใดข้างหนึ่งชี้ออกไปด้านนอก นั้นหมายถึงหน้าอกมีความหย่อนคล้อยมากและอาจต้องยกกระชับทรวงอกด้วยการผ่าตัดเพื่อให้หน้าอกทั้งสองข้างกลับมากระชับเท่ากัน


ใครที่ควรทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก
        - คนที่มีปัญหาส่วนของหน้าอกมีลักษณะหย่อนคล้อย
        - คนที่รู้สึกว่าหน้าอกหรือทรวงอกของตนเองขาดความกระชับ เด้ง หรือขาดความหยืดหยุ่น
        - ลักษณะของคนที่มีหน้าอกรูปทรงแบน และยาว และไม่เต็งตึง
        - คนที่พบว่าส่วนของหัวนมกับวงรอบหัวนมชี้ลงด้านล่าง ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะความหย่อนคล้อยของเต้านมได้อย่างชัดเจน
        - สังเกตพบว่าส่วนของเนินหน้าอกหาย และรู้สึกว่าหน้าอกไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม
        - พบว่าส่วนของหน้าอกมีขนาดไม่เท่ากัน หรือมีนมข้างใดยาวหรือสั้นกว่าอีกข้าง
        - คนที่มีปัญหาส่วนของผิวหนังยืดออก มีอาการแตกลาย และส่วนของปานนมขยายตัวออกมากขึ้น


การประเมินก่อนยกกระชับหน้าอก
ในการผ่าตัดยกกระชับทรวงอกนั้น เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่มีความละเอียดและต้องมีความปลอดภัยในการผ่าตัดสูง ฉะนั้นการปรึกษาศัลยแพทย์ที่จะทำการผ่าตัด เพื่อประเมินหน้าอกของผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น เนื่องจากแต่ละบุคคลมีความต้องการและลักษณะของเต้านมที่แตกต่างกันการประเมินจะช่วยให้ทราบว่าปัญหาของแต่ละบุคคลเหมาะกับการยกกระชับทรวงอกรูปแบบใด โดยสิ่งที่แพทย์จะประเมินเบื้องต้นมี ดังนี้
        - เริ่มประเมินจากลักษณะของหน้าอก เต้านม
        - ประเมินขนาดและรูปทรงของหน้าอก
        - ประเมินลักษณะความกว้าง และความยาว รวมถึงความห่างกันของเต้านมทั้ง 2 ข้าง
        - พิจารณาจากระดับความหย่อนคล้อยของเต้านม ซึ่งแต่ละบุคคลย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกัน

สำหรับขั้นตอนการประเมินปัญหาของผู้ที่ต้องการผ่าตัดยกกระชับทรวงอก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ศัลยแพทย์จะต้องใช้ประเมินก่อนทำการผ่าตัดยกกระชับหน้าอกให้กับคนที่มีปัญหาแล้ว ในบางกรณีแพทย์อาจมีคำถามเพิ่มเติมไปจากนี้


การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดยกกระชับทรวงอก
สำหรับคนที่ต้องการความมั่นใจ และตัดสินใจที่จะผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับทรวงอก หลังจากพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาและเลือกแนวทางการผ่าตัดให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคลแล้ว นอกจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด มีดังนี้
        - เตรียมตอบคำถามที่แพทย์สอบถามอย่างถูกต้อง เช่น โรคประจำตัวหรืออาการของโรคที่เป็นอยู่อาการแพ้ยา หรือเคยแพ้ยาอะไรมาบ้าง ลักษณะของเต้านมเป็นอย่างไร และอื่น ๆ
        - ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้หยุดดื่มแอลกอฮอลฺล์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย  2-3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
        - หากรับประทานยาจำพวกที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และยาละลายลิ่มเลือด ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้หยุดรับประทานยาเหล่านั้น อย่างน้อย 7-14 วัน หรือตามแพทย์สั่ง
        - งดดื่มน้ำ และรับประทารอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
        - ห้ามแต่งหน้า และต้องไม่ใส่คอนแทคเลนส์ ในวันที่เข้ารับการผ่าตัด
        - ในวันผ่าตัดไม่แนะนำให้ขับรถมาเอง ควรมีผู้ติดตาม ญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักพามาหรือเดินทางมาด้วย
นอกจากนี้ แพทย์ที่ทำการผ่าตัดอาจแนะนำขั้นตอนอื่น ๆ ตามปัญหาของแต่ละบุคคลหรือมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากศัลยแพทย์ผู้ทำหน้าที่ผ่าตัดได้โดยตรง
อ่านเพิ่มเติม  https://jarem.co.th/mastopexy/

wm5398

ยกคิ้ว Direct Brow Lifting

คิ้ว เป็นส่วนประกอบหนึ่งของรูปหน้าที่สามารถสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างชัดเจน ตำแหน่งของคิ้วที่เหมาะสม ยังเพิ่มความโดดเด่นให้ใบหน้า และมีความเชื่อเกี่ยวกับโหงวเฮ้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนใครที่มีปัญหาคิ้วตกหรือคิ้วไม่ได้สัดส่วน การศัลยกรรมยกคิ้วเพื่อให้ได้สัดส่วนและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็ทำได้ไม่ยาก แต่จะทราบได้อย่างไรว่าคิ้วตก และการศัลยกรรมยกคิ้วควรเตรียมตัวอย่างไร บทความนี้มีคำตอบค่ะ


ภาวะคิ้วตก คืออะไร
คิ้วตกหรือภาวะคิ้วตก หมายถึง ตำแหน่งของคิ้วอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ โดยคิ้วที่ได้รูปสวยงามอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ขอบกระดูกเบ้าตาและห่างจากเปลือกตาบนประมาณ 2.5 cm เป็นอย่างน้อย กรณีคิ้วอยู่ห่างจากกระดูกเบ้าตามากเกินไป หรือหางคิ้วอยู่ต่ำกว่าหัวคิ้วจนมีลักษณะคิ้วตกอาจส่งผลต่อบุคลิกภาพหรือส่งผลต่อความมั่นใจในตนเอง โดยเฉพาะคนที่เชื่อเรื่องโหงวเฮ้ง

สาเหตุของปัญหาคิ้วตก
ปัญหาคิ้วตก คิ้วไม่เท่ากัน หรือบางคนอาจมีปัญหาหนังตาตกร่วมด้วย ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้หน้าดูมีอายุมากขึ้นและส่งผลต่อบุคลิกภาพ แม้ปัจจุบันจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดยกคิ้วแต่การศัลยกรรมจะได้ผลดีและแก้ไขปัญหาได้มากน้อยเพียงใดยังขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะคิ้วตกในแต่ละบุคคลอีกด้วย เช่น
         - ปัญหาคิ้วตกที่เป็นมาตั้งแต่แรกเกิด อาจเป็นเพียงข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้
         - อายุที่มากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อและผิวหนังมีความยืดหยุ่นตามอายุที่มากขึ้น
         - กล้ามเนื้อเปลือกตาทำงานผิดปกติจากเส้นประสาทในสมอง เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะคิ้วตก
         - หนังตาเยอะหรือหนา ก็มีส่วนทำให้หนังตาหย่อนคล้อยได้เช่นกัน เพราะมีส่วนทำให้ความตึงของผิวหนังจะลดลง


การศัลยกรรมยกคิ้ว คืออะไร
การยกคิ้ว เป็นการศัลยกรรมที่ช่วยดึงเปลือกตาที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น ช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีหางคิ้วตก หนังตาตก แก้ไขปัญหาระยะความกว้างของผู้ที่มีระยะคิ้วกับตาแคบจนทำให้ดูอึดอัด มีรอยย่นบริเวณหว่างคิ้วและหน้าผากมาก เมื่อชั้นตากับคิ้วอยู่ติดกันมากเกินไปจะส่งผลให้การทำตาสองชั้นทำได้ยาก ดังนั้นคนที่ต้องการทำตาสองชั้นหากมีภาวะคิ้วตก จึงอาจต้องทำการยกคิ้วก่อนและการศัลยกรรมยกคิ้วยัง

สัดส่วนระหว่างคิ้วและดวงตา ต้องห่างแค่ไหนถึงจะสวย?
คิ้วและดวงตา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันหากระยะห่างระหว่างคิ้วจนถึงชั้นตาไม่สัมพันธ์กัน มีลักษณะคิ้วที่อยู่ห่างชั้นตามากเกินไปก็ทำให้รูปหน้าไม่ได้สัดส่วน หรือคิ้วชิดชั้นตาเกินไปก็จะส่งผลให้มีภาวะคิ้วตก ซึ่งเป็นปัญหาให้มีการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อยกคิ้ว สำหรับระยะห่างระหว่างชั้นตาถึงคิ้วที่สวยงาม ควรห่างกันประมาณ 1 ซม. จะเป็นระยะที่ได้สัดส่วน


เทคนิคการผ่าตัด "ยกคิ้ว"
การผ่าตัดยกคิ้ว ถือเป็นศัลยกรรมเพื่อความงามและการมีบุคลิกภาพที่ดี ผู้ที่สนใจศัลยกรรมยกคิ้วจึงมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยผู้ที่เข้ามารับการผ่าตัดก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกันไป ส่วนการผ่าตัดยกคิ้วนั้น จะมีอยู่ 3 เทคนิคด้วยกัน ได้แก่

1.ผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิค Direct Brow Lift
การผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิคนี้ เป็นเทคนิคดั้งเดิม โดยวิธีการกรีดตัดหนังส่วนเกินบริเวณขอบคิ้วที่มีปัญหาออกเพื่อยกคิ้วให้สูงขึ้นอาจผ่าตัดเหนือคิ้วหรือใต้ท้องคิ้ว ทั้งนี้ศัลยแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม ข้อดีของเทคนิคนี้คือดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่เพียงเขียนหรือสักคิ้วทับก็สามารถปกปิดได้ แต่อาจเห็นแผลผ่าตัดตรงขอบคิ้วได้ชัด

2.ผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิค Pretrichial Incision Brow Lift
การผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิค Pretrichial Incision Brow Lift เป็นการกรีดแผลยาวตลอดแนวหน้าผาก
เพื่อที่จะดึงคิ้วขึ้นมา เหตุที่ต้องเปิดแผลยาวก็เพื่อให้แพทย์ที่ทำการศัลยกรรมได้เห็นเส้นประสาทได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ช่วยในการยกคิ้ว ข้อดีของเทคนิคนี้สามารถช่วยลดริ้วรอยในบริเวณของหน้าผากได้อีกด้วย แต่มีข้อเสียคือทำให้มีรอบแผลยาว

3.ผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิค Endoscopic Brow Lift
การผ่าตัดยกคิ้วด้วยเทคนิคนี้ เป็นการผ่าตัดยกคิ้วผ่านกล้อง ซึ่งเป็นเทคนิคผ่าตัดใหม่ที่แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก มีความปลอดภัยสูงและยังสามารถปกปิดรอยแผลผ่าตัดไว้ในส่วนของไรผม ข้อดีของการผ่าตัดยกคิ้วผ่านกล้อง คือทำให้มีอาการบวมน้อย ช่วยยกกระชับทั้งคิ้ว หน้าผาก และเห็นผลได้ทันที ส่วนข้อด้อยของเทคนิคนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ อาจต้องวางยาสลบ และมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเทคนิคอื่น ๆ

ผลลัพธ์ที่ได้

ระยะห่างระหว่างคิ้วกับชั้นตาเพิ่มมากขึ้น คิ้วดูโก่งขึ้น ชั้นตาเท่ากัน แก้ไขปัญหาหนังตาตก ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง ดวงตากลมโตขึ้น ลดรอยย่นบริเวณหน้าผากและหว่างคิ้ว
ซึ่งการผ่าตัดยกคิ้วสามารถทำได้ในทุกเพศทุกวัย โดยไม่จำเป็นว่าต้องมีอายุมากเท่านั้น

การผ่าตัดยกคิ้วเหมาะกับใคร
        - คนที่มีรอยย่นบนหน้า ระหว่างหน้าผากและหว่างคิ้ว
        - คนที่มีปัญหาในเรื่องหนังตาตก หรือหนังตาหย่อน
        - คนที่มีอาการคิ้วตก หรือมีรูปทรงคิ้วไม่สวย
        - คนที่เคยได้รับการผ่าตัดตาสองชั้น หรือผ่าตัดหนังตาส่วนเกินแล้วชั้นของหนังตายังมีความหนาอยู่

คนที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดยกคิ้ว
        - คนที่ได้รับการสักคิ้วไว้สูงเกินคิ้วเดิม
        - คนที่มีซิลิโคนเสริมหน้าผากเอาไว้
        - คนที่มีความกว้างของหน้าผากมาก และยังมีส่วนของตีนผมอยู่สูง
        - คนที่มีสัดส่วนสูงของคิ้วไม่เท่ากัน ทำให้หลังเข้ารับการผ่าตัดยกคิ้วแล้ว จะมีขนาดที่ไม่เท่ากันเป๊ะๆ

คนที่คิ้วตก มีข้อเสียอย่างไร
        - ใบหน้าจะดูเศร้าตลอดเวลา
        - ส่วนของรอยตีนกามีมากกว่าทั่วไป
        - ส่งผลต่อความสวยงามของใบหน้า
        - บางกรณีจะทำให้ชั้นของตาหายไปด้วย ทำให้มีปัญหาด้านการมอง
        - เป็นปัญหาต่อบุคลิกภาพ และทำให้ความมั่นใจในตัวเองลดน้อยลง

ประโยชน์และข้อดีของการศัลยกรรมยกคิ้ว
1. ช่วยทำให้ส่วนของหน้าผากดูพอเหมาะกับใบหน้ามากขึ้น
2. ทำให้รูปทรงของคิ้วได้สัดส่วน ดูสวยงาม
3. ช่วยแก้ปัญหาชั้นตาตก ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นชั้นตาสองชั้นได้มากขึ้น
4. ทำให้ความกว้างระหว่างคิ้วและดวงตามีมากขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูมิติมากยิ่งขึ้น
5. หลังจากผ่าตัดยกคิ้วแล้วจะทำให้ดวงตาดูโตมากขึ้น

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
        - แจ้งข้อมูลสุขภาพตามความเป็นจริง เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ ประวัติการแพ้ยา หรือหากมีอาการเจ็บป่วยไม่สบายก่อนวันผ่าตัด ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบก่อน
        - ก่อนเดินทางไปผ่าตัดควรสระผมให้เรียบร้อยก่อน เพราะหลังจากผ่าตัดอาจต้องเว้นระยะการสระผมเพื่อป้องกันไม่ให้แผลผ่าตัดโดดนน้ำ
        - ไม่แต่งหน้า และต้องไม่ใส่คอนแทคเลนส์ในวันเข้ารับการผ่าตัด
        - งดทานอาหารเสริมวิตามินต่าง ๆ อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - ไม่แต่งหน้า และต้องไม่ใส่คอนแทคเลนส์ในวันเข้ารับการผ่าตัด
        - งดทานอาหารเสริมวิตามินต่าง ๆ อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดยาจำพวกที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 7-14 ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
        - งดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
        - ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรงดการทาเล็บมือ เล็บเท้า และการต่อเล็บทุกชนิด
        - ไม่แนะนำให้ขับรถมาเอง ควรมีผู้ติดตาม ญาติหรือคนรู้จักพามาหรือเดินทางมาด้วย

การดูแลหลังผ่าตัดยกคิ้ว
        - ในช่วง 3-5 วันแรกจะมีอาการบวม และปวดบริเวณที่ผ่าตัดอยู่บ้าง จึงควรงดการเดินทางและพักผ่อนอยู่บ้านเพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว
        - ส่วนของแผลที่มีอาการบวม สามารถประคบเย็นรอบบริเวณแผลเพื่อลดอาการบวมได้
        - หลังศัลยกรรม ช่วงแรกควรนอนหงายเพื่อให้หน้าหงายหน้าขึ้น โดยนำหมอนมาหนุนช่วงศีรษะกับหลังให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้
        - ช่วงแรกหลังได้รับการผ่าตัด ห้ามให้แผลโดนน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน
        - บางครั้งอาจมีอาการตาแห้ง หรือมีน้ำตาไหลออกมาเอง ถือเป็นภาวะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และจะค่อยๆหายไปเองภายใน 2-5 สัปดาห์
        - ห้ามออกกำลังกายหนัก หรือใช้กำลังมากในระหว่างที่แผลยังไม่หายดี
        - ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่จนกว่าแผลจะหายดี
        - หมั่นดูแลแผล และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
        - พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

สรุป
การศัลยกรรมยกคิ้ว เป็นการแก้ปัญหาตำแหน่งของคิ้วที่อยู่ต่ำกว่าปกติ เพื่อให้คิ้วอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้รูปสวยงาม และยังดึงเปลือกตาที่หย่อนคล้อยขึ้นเป็นการผ่าตัดที่เหมาะสมกับผู้ที่ไม่ต้องการทำตาสองชั้น เนื่องจากหลังผ่าตัดผลลัพธ์ที่ได้ยังทำให้ดวงตาสวยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้การผ่าตัดศัลยกรรมต้องมีความปลอดภัย จากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสถานพยาบาลหรือศูนย์ความงามที่ได้รมาตรฐานเท่านั้น
https://jarem.co.th/direct-brow-lifting/

wm5398

ภาวะเบ้าตาลึก (Fat Graft Transposition)
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมมีปัญหาใบหน้าดูทรุดโทรม และเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ยังดูไม่สดใส สดชื่น และดูแก่กว่าวัย  ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากมีภาวะเบ้าตาลึกแต่ไม่ทราบหรือไม่เคยสังเกตมาก่อน เบ้าตาลึกเกิดจากสาเหตุใด มีวิธีแก้ไขหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบค่ะ

ภาวะเบ้าตาลึก คืออะไร
"ภาวะเบ้าตาลึก" คืออาการที่มีร่องลึกเกิดขึ้นที่บริเวณเหนือชั้นตา ส่งผลให้ดวงตาดูลึก เห็นกระดูกขอบเบ้าตาชัดเจน ใบหน้าจึงดูเหนื่อย ดูอิดโรย เหมือนอ่อนเพลียตลอดเวลา และดูแก่กว่าวัย บางครั้งมีอาการตาปรือ หนังตาตก ดูง่วงนอน ไม่สดใส ตาสองข้างไม่เท่ากัน ชั้นตามีหลายชั้น

สาเหตุของอาการเบ้าตาลึก
ภาวะเบ้าตาลึกหรือขอบตาลึก มีลักษณะของร่องลึกอยู่เหนือเปลือกตา ในบางรายที่ลึกมากจะเห็นชั้นตาเป็นหลายๆชั้นทำให้ดูมีอายุ และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง ปัญหาเบ้าตาลึกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
         - ภาวะเบ้าตาลึกที่เป็นมาแต่กำเนิด เป็นภาวะที่เกิดขึ้นมาจากกรรมพันธุ์ ส่งผลให้โครงสร้างของกะโหลกมีภาวะเบ้าตาลึก
         - อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ไขมันบริเวณใต้ตาฝ่อตัวลงไปตามวัยทำให้เห็นเบ้าตาลึกชัดเจน
         - การลดน้ำหนักแบบหักโหมก็เป็นสาเหตุหนึ่ง เนื่องจากส่งผลให้ไขมันบริเวณใต้ตาลดลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เห็นเบ้าตาลึกลง
         - เคยทำตาสองชั้นมาก่อนและเกิดความผิดพลาด ทำให้หนังตาถูกตัดออกมากเกินไป หรือเกิดจากการผ่าตัดเอาไขมันส่วนของเปลือกตาออกมากจนเกินไป ส่งผลให้ตาดูโหลหรือเบ้าตาลึกได้
         - ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ที่เกิดจากไขมันส่วนของใต้เปลือกตาหายไป จะทำให้เห็นเบ้าตาลึก ชัดกว่าปกติ
         - นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เบ้าตาลึก ผิวบริเวณรอบดวงตาคล้ำ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือพักผ่อนน้อยจะส่งผลให้ความเครียดที่มีอยู่แล้วเพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะทรุดโทรม จนส่งผลให้เกิดภาวะเบ้าตาลึกได้


ลักษณะของภาวะเบ้าตาลึก
         - มองเห็นเหมือนเบ้าตามีความลึก
         - เห็นกระดูกเบ้าตาใต้คิ้วเป็นขอบชัดเจน
         - ดวงตาจะดูเศร้า เหนื่อยล้า อยู่ตลอดเวลา
         - หน้าดูโทรม คล้ายคนคนอดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
         - บางกรณีหากมีภาวะเบ้าตาลึกมาก จะส่งผลให้เห็นชั้นตามีหลายชั้น หรืออาจจะมีชั้นตาเดียวแต่อยู่ลึกเข้าไปในส่วนของเบ้าตา
         - ส่วนของใต้ตาดูบางลึก และขอบตาดำร่วมด้วย


วิธีการแก้ไขภาวะ เบ้าตาลึก
การแก้ไขภาวะเบ้าตาลึกมีหลายวิธี โดยศัลยแพทย์จะประเมินแนวทางแก้ไขภาวะเบ้าตาลึกจากการเช็คประวัติและวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่น
1. การย้ายไขมัน (Fat Transfer) เป็นการย้ายไขมันภายในเบ้าตาของผู้ที่มีภาวะเบ้าตาลึก กรณีนี้สามารถใช้รักษาได้ในคนที่มีอาการไม่มาก เป็นการย้ายไขมันในตาที่อยู่ลึกลงไปเพื่อให้กลับไปอยู่ในจุดที่เหมาะสม
2. การเติมไขมัน (Fat Graft Transposition) เป็นการนำไขมันจากส่วนอื่นในร่างกายของผู้ที่มีภาวะเบ้าตาลึกมาเติมเต็มที่เบ้าตา กรณีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีอาการเบ้าตาลึกมากกว่ากรณีแรก เพราะต้องใช้ไขมันจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายตนเองนำมาเติมในบริเวณเบ้าตาที่ลึก อาจใช้ไขมันจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง ตามแต่ศัลยแพทย์จะเห็นสมควร
3. การฉีดสารเติมเต็ม (Filler) หรือ ฉีดไขมัน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไขมันที่เบ้าตาบนนั้นสามารถทำได้ในคนที่หนังตาบนไม่หย่อน แต่เป็นวิธีที่มีข้อจำกัดมากการแก้ปัญหาในกรณีนี้ แพทย์ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล
4. หากเป็นภาวะเบ้าตาลึกที่เกิดกับคนอายุมาก และเบ้าตาลึกไม่มาก การผ่าตัดทำตา 2 ชั้นด้วยเทคนิคที่ดี สามารถแก้ไขได้
5. กรณีภาวะเบ้าตาลึกที่มีสาเหตุจากอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ร่วมกับย้ายไขมันจะทำให้ภาวะเบ้าตาลึกดีขึ้น
สำหรับวิธีการแก้ไขภาวะเบ้าตาลึกในข้อที่ 1 และ 2 สามารถทำไปพร้อม ๆกับการทำตาสองชั้น หรือผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ด้วย แต่ต้องอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์และต้องมีการพิจารณาวิธีการรักษาเป็นกรณีไป และผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

วิธีดูแลรักษาภาวะเบ้าตาลึกด้วยตัวเอง
         - พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
         - ผ่อนคลายเพื่อขจัดความเครียด
         - ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ด้วยวิธีจิบน้ำบ่อย ๆ
         - ใช้ครีมบำรุงต่าง ๆ เช่น ครีมบำรุงบริเวณรอบตา ครีมลดลอยคล้ำใต้ตา
         - ใช้เทคนิคการแต่งหน้า หรือใช้คอร์เร็คเตอร์ เพื่อปิดบังภาวะเบ้าตาลึก
การดูแลรักษาภาวะเบ้าตาลึกด้วยตัวเอง อาจไม่สามารถเติมเต็มร่องลึกใต้ตาหรือแก้ปัญหาเบ้าตาลึกได้ตรงจุด แต่ช่วยบรรเทาอาการตาโหล ดวงตาไม่สดใส อิดโรย และลดอาการผิวใต้ตาคล้ำลงได้

วิธีเลือกคลินิกรักษาภาวะเบ้าตาลึกที่ได้มาตรฐาน
1. เลือกคลินิกฉีดที่ได้มาตรฐานและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยมีป้ายชื่อ เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก และมีการแสดงใบอนุญตไว้อย่างชัดเจน
2. มีศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง
3. มีการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ก่อน – หลังทำการรักษา
4. เป็นคลินิกหรือสถานความงามที่มีการนัดติดตามผลหลังทำการรักษา
5. มีการติดต่อที่สะดวก และสามารถติดต่อได้หลายช่องทาง

สรุป
ปัญหาภาวะเบ้าตาลึก ที่ทำให้มองเห็นกระดูกขอบเบ้าตาได้ชัดเจน นอกจากส่งผลทำให้ดวงตาจะดูเศร้า เหนื่อยล้า หน้าดูโทรม คล้ายคนคนอดนอนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังเป็นปัญหาต่อบุคลิกภาพทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองนั้น สามารถรักษาได้หลายวิธีแต่ต้องได้รีบการประเมินโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จากคลินิกที่ได้มาตรฐาน ส่วนแนวทางการรักษาภาวะเบ้าตาลึกของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา
https://jarem.co.th/fat-graft-transposition/

wm5398

การผ่าตัดทำตาสองชั้น ถือเป็นศัลยกรรมความงามที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าให้สวยโดดเด่นขึ้น รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับดวงตา แก้ปัญหาหนังตาตก ปัญหาเบ้าตาลึก ซึ่งนอกจากเกี่ยวข้องกับความสวยความงาม การศัลยกรรมตาสองชั้นยังเป็นการเสริมสร้างโหวงเฮ้งให้กับใบหน้าของคนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้อีกด้วย

ทำตาสองชั้น คืออะไร ?
การศัลยกรรมตาสองชั้น คือการแก้ปัญหาในคนที่มีปัญหาตาเล็ก หางตาตก ชั้นตาหลบใน ทำให้ตาดูเล็ก ซึ่งการทำตาสองชั้นจะช่วยเสริมความมั่นใจ และช่วยให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ และดวงตาดูสดใส กลมโต ยิ่งขึ้น สำหรับการทำตาสองชั้นนั้นมีหลายวิธีส่วนใหญ่แพทย์จะเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาและรูปหน้าของผู้ที่ต้องการศัลยกรรมตาสองชั้น


องค์ประกอบและโครงสร้างของดวงตา
การผ่าตัดทำตาสองชั้น ก่อนที่แพทย์จะเลือกเทคนิควิธีในการศัลยกรรมจะต้องพิจารณาลักษณะปัญหารวมทั้งองค์ประกอบและโครงสร้างของดวงตาอย่างละเอียด เนื่องจากแต่ละบุคคลมีปัญหาและโครงสร้างของดวงตาแตกต่างกัน องค์ประกอบที่ต้องพิจารณาเพื่อเลือกวิธีศัลยกรรมที่เหมาะสม ได้แก่


1.ลักษณะของดวงตา
ในการผ่าตัดทำตาสองชั้น องค์ประกอบแรกที่จะต้องพิจารณาหรือประเมินก่อนเลือกเทคนิควิธีที่เหมาะสม ได้แก่ลักษณะของดวงตา เพราะจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล และมีโครงสร้างมาจากรากฐานทางพันธุกรรม ซึ่งการศัลยกรรมจะเป็นการช่วยเสริมสร้างชั้นตาให้ดูดีขึ้น

2.ผิวเปลือกตา
ผิวเปลือกตาของแต่ละบุคคลจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของผิว และมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เช่น เปลือกตาหย่อน เปลือกตาสองข้างไม่เท่ากัน มีผิวเปลือกตาที่หนาหรือบาง และอื่น ๆ

3.โหนกคิ้วและคิ้ว
โหนกคิ้วเป็นโครงสร้างของดวงตา และบริเวณปลายคิ้วจะมีกระดูกโหนกคิ้ว ซึ่งแต่ละคนจะมีความลึกต่างกันออกไป ส่วนคิ้วก็เปรียบเสมือนมงกุฎของหน้า ที่คอยเสริมให้ดวงตาดูสวยงามได้รูปมากขึ้น

4.กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แม้ไม่ใช่โครงสร้างของดวงตา แต่เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่แพทย์จะต้องตรวจก่อนว่าคนไข้มีสภาวะนี้อยู่หรือไม่ หากตรวจพบศัลยแพทย์จะแนะนำว่าควรรักษาเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงก่อน ไม่ควรผ่าตัดตาสองชั้นธรรมดา

สำหรับการผ่าตัดทำตาสองชั้น เมื่อศัลยแพทย์ได้พิจารณาองค์ประกอบและโครงสร้างของดวงตาอย่างละเอียดแล้ว แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบรูปทรงของดวงตาให้เหมาะสมกับใบหน้าของเราก่อนที่จะทำการผ่าตัดปรับเปลี่ยนให้เป็นตาสองชั้นที่สวยสมบูรณ์แบบและดูดีขึ้น

วิธีศัลยกรรมตาสองชั้น
ศัลยกรรมตาสองชั้น เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับดวงตา และเสริมสร้างเสน่ห์ให้กับรูปหน้า ซึ่งแต่ละบุคคลก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกัน การศัลยกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีสามารถแก้ไขปัญหาได้ตอบโจทย์มากที่สุด แพทย์จะเลือกเทคนิควิธีที่เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยการทำตาสองชั้น มี 3 วิธี ดังนี้


วิธีศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยการเย็บจุด 3 จุด
การเย็บจุด 3 จุด คือการทำตาสองชั้นโดยไม่ต้องกรีด จะใช้วิธีเย็บชั้นที่เปลือกตาโดยเจาะเป็นรูที่เปลือกตา 3 จุด วิธีนี้นิยมทำกันมาก แผลจะหายเร็วเพราะเป็นการเจาะรูที่ผิวหนังชั้นตาและเย็บไหมทำให้เกิดชั้นตา เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาตาชั้นเดียว หนังตาและไขมันไม่หนา ไม่หย่อนคล้อย แต่ก็มีโอกาสที่ไหมจะหลุดได้ง่าย ทำให้ชั้นตากลับมาเล็กเหมือนเดิม

2. การศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยวิธีกรีดสั้น
การศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยวิธีกรีดสั้น เป็นการทำตาสองชั้น ร่วมกับการเอาไขมันออก และล็อกชั้นตา ไม่ได้ตัดหนังตาออกไป และมีแผลขนาดเล็กประมาณ 0.3 – 1cm และทำการเย็บชั้นตาใหม่ การกรีดแบบนี้จะหายค่อนข้างเร็ว เกิดแผลเป็นน้อย เหมาะกับผู้ที่มีอายุน้อย และไม่มีอาการหนังตาตกหรือหนังตาหย่อน

3. การศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยวิธีกรีดยาว
การศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยวิธีกรีดยาว เป็นการกรีดตั้งแต่หัวตาไปถึงหางตา เพื่อแก้ปัญหาชั้นตาที่เกิดจากอายุ วิธีนี้จะใช้ร่วมกับการตัดหนังตาส่วนเกินออก เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาหย่อนมาก โดยเฉพาะส่วนหางตา แต่แผลหายช้ากว่าและมีโอกาสเป็นแผลเป็นได้มากกว่าแบบกรีดสั้น แต่เป็นวิธีที่ถาวรกว่าการกรีดแบบสั้น

การทำตาสองชั้นแผลเล็ก คืออะไร
การทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบแผลเล็ก คือ การที่แพทย์ทำการผ่าตัดแผลบริเวณเปลือกตาให้มีขนาดเล็ก ช่วยให้มองไม่ให้เห็นแผลเป็นหลังผ่าตัด และยังสามารถรักษา ดูแลได้ง่าย โดยทั่วไปจะมีขนาดของแผลอยู่ที่ 3-5 mm เท่านั้น และส่วนใหญ่การทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก นิยมในหมู่คนที่มีปริมาณของไขมันในเปลือกตาน้อย จึงจะสามารถทำการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้ได้

วิธีทำตาสองชั้นแบบแผลเล็กนี้เหมาะกับใคร
การทำตาสองชั้นแผลเล็ก จะเหมาะสมกับผู้ที่ยังมีอายุไม่มาก และมีส่วนของไขมันในชั้นเปลือกตาไม่เยอะ เนื่องจากวิธีการที่ใช้ในการผ่าตัดไม่สามารถกรีดชั้นไขมันออกมาในปริมาณมากได้

การทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก และแผลยาวต่างกันอย่างไร
การทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก และแผลยาว จะมีความแตกต่างกันที่เห็นได้ชัดเลยคือความกว้างของแผลจากการผ่าตัด ซึ่งหากใช้เทคนิคในการผ่าตัดแผลยาวย่อมมีรอยแผลที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งกว่า แต่มีข้อดีในเรื่องของการนำไขมันส่วนใต้เปลือกตาออกมาได้มากกว่าแผลสั้น และยังเป็นเทคนิคที่สามารถใช้ได้กับทุกช่วงอายุ นอกจากนั้นการศัลยกรรมแบบแผลยาวยังเป็นวิธีที่ถาวรกว่าการกรีดแบบสั้นหรือแผลเล็ก

ในทางกลับกันการใช้วิธีผ่าตัดแบบแผลเล็กก็สามารถดูแลได้ง่ายกว่า ทั้งยังใช้เวลาในการผ่าตัดที่สั้น และตัวแผลสมานได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบแผลยาวอีกด้วย นอกจากนี้การผ่าตัดแบบแผลเล็กและแผลยาว ยังมีความจำเป็นในการใช้ที่ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุที่ดวงตาในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน วิธีที่ใช้ในการผ่าตัดจึงต้องแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ศัลยกรรมตาสองชั้น
        - ก่อนผ่าตัดศัลยกรรมตาสองชั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ อย่างเข้าใจทั้งสภาพปัญหาของผู้ที่ต้องการศัลยกรรมตาสองชั้น คลินิกและข้อมูลเกี่ยวกับศัลยแพทย์ เพื่อประกอบการตัดสินใจ และเตรียมตัวให้พร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด ศัลยกรรมตาสองชั้น เพราะอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้
        - ก่อนการผ่าตัด ศัลยกรรมตาสองชั้น ควรงดยาที่ลดการแข็งตัวของเลือก เช่น แอสไพริน อย่างน้อย 7-10 วัน
        - ในวันผ่าตัด ศัลยกรรมตาสองชั้น ควรงดการแต่งหน้า
        - ในวันผ่าตัด ศัลยกรรมตาสองชั้นและหลังการผ่าตัดตาสองชั้น ควรมีเพื่อนหรือญาติคอยดูแล
        - ก่อนวันผ่าตัด ศัลยกรรมตาสองชั้น ควรสระผมให้เรียบร้อย เพราะหลังการผ่าตัดอาจทำให้ทำให้สระผมได้ไม่สะดวก

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมตาสองชั้น
1. ประคบด้วยผ้าเย็นรอบดวงตาและหน้าผาก เพื่อลดอาการบวมและเลือดซึมออกในช่วง 1 – 2 วันแรก
2. หลังจากศัลยกรรมตาสองชั้นในวันที่ 3-5 ให้ประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดรอยช้ำ
3. ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ โดยเฉพาะตอนล้างหน้า ให้ใช้วิธีเช็ด ซับๆไปก่อน
4. หลังผ่าตัดควรงดแต่งหน้าจนกว่าแผลจะปิดสนิทเพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ
5. สวมแว่นก่อนออกแดดทุกครั้ง เพื่อป้องกันแสงแดดในช่วง สัปดาห์แรก
6. ควรงดเว้นการใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น ดูซีรีย์ เล่นเกมในมือถือ หรือใช้เครื่องมือสื่อสารเป็นเวลานาน ๆ
7. กรณีต้องการสระผม สามารถทำได้แต่ต้องนอนให้คนอื่นสระให้
8. รับประทานไข่ อาหารทะเลได้ แต่ไม่ควรทานในปริมาณมาก และไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด หรือของหมักดอง

ขั้นตอนการผ่าตัดทำตาสองชั้นแผลเล็ก
การทำตาสองชั้นแบบแผลเล็กนั้น จะเริ่มจากการฉีดยาชาเข้าไปบริเวณเปลือกตาก่อน แล้วจึงค่อยทำการกรีดแผลเปลือกตาให้มีขนาดโดยประมาณ 3-5 mm. จากนั้นแพทย์จะทำการเอาไขมันออกตามความต้องการ แล้วจึงทำการเย็บแผลโดยใช้ไหมที่มีขนาดเล็กเพื่อปิดแผล

โดยการผ่าตัดในแต่ละ clinic หรือในแต่ละแพทย์ที่ทำการผ่าตัด อาจมีความแตกต่างกันออกไปทั้งในเรื่องของเทคนิค และเครื่องมือที่ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะแตกต่างกันออก เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือและเลือกเข้ารับการผ่าตัดจากclinic หรือแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

ข้อดีของการทำการผ่าตัดแผลเล็ก
การผ่าตัดด้วยวิธีแผลเล็กนี้จะทำให้รอยแผลเป็นเมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วมีขนาดที่เล็ก มองเห็นได้ยากและเมื่อตัวแผลหายดีแล้วยิ่งทำให้แผลแทบจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ ทั้งยังสามารถดูแลรักษาได้ง่าย นอกจากนี้

ขั้นตอนในการผ่าตัดแผลเล็กก็มีความเร็วกว่าวิธีการอื่น และด้วยขนาดของแผลมีขนาดเล็ก ทำให้การอาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้น้อย และยังสามารถยุบตัว หรือแผลสมานได้อย่างรวดเร็วกว่าวิธีการผ่าตัดอื่น ๆอีกด้วย

ข้อเสียของการทำการผ่าตัดแผลเล็ก
ในการผ่าตัดทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน ยิ่งในคนที่มีส่วนของหนังตาตกลงมามากหรือมีไขมันในชั้นเปลือกตามาก อาจไม่สามารถใช้วิธีการนี้ในการผ่าตัดได้

อาการที่พบได้หลังศัลยกรรมตาสองชั้น
1. หลับตาไม่สนิท เกิดจากอาการบวมและตึงบริเวณแผล ทำให้หลับตายาก ซึ่งเป็นอาการที่สามารถหายได้เองภายใน 1-2 เดือน
2. หลังศัลยกรรมตาสองชั้น ช่วงสัปดาห์แรกอาจเกิดตุ่มเล็ก ๆ ตามรอยเย็บ คล้ายแผลไม่เรียบแต่เป็นเพียงกระบวนการสมานแผลตามปกติเท่านั้น และอาการนี้สามารถหายไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์
3. มีรอยช้ำรอบดวงตา และมักจะเกิดเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันสูง หรือผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ หรือมีอาการไอจามรุนแรง ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์
4. แผลจากการ ศัลยกรรมตาสองชั้น จะมีรอยแดงตามแผล และรอยนูนเล็กน้อย เป็นกระบวนการสมานแผลตามปกติ
5. รู้สึกชาบริเวณเปลือกตา หรือความรู้สึกของเปลือกตาลดลง และหายได้เองภายใน 2-3 เดือน

สรุป
การผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยเฉพาะในเพศหญิง เพราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปหน้า ให้สวยแจ่ม ดวงตากลมโต ดูดีเป็นธรรมชาติ ทำได้หลายวิธีและการศัลยกรรมตาสองชั้น คุณหมอจะพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละคน  อย่างไรก็ตาม ดวงตาของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไปตามโครงสร้างของรูปหน้า ผลลัพธ์ที่ได้จึงนอกจากขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดแล้ว ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและโครงสร้างดวงตาของแต่ละบุคคลอีกด้วย
https://jarem.co.th/small-incision-blepharoplasty/

wm5398

สวัสดีค่ะทุกคน แอมกลับมาที่ Jarem Clinic อีกครั้งแล้วนะคะ ครั้งที่แล้วอะ แอมเล่าไปแล้วนะคะว่า แอมมาผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

แต่ว่าหลังจากที่ผ่าไปแล้วเนี่ย ไอความเหนื่อยล้าของตาตกเนี่ยมันหายไป แต่ปัญหาที่แอมแบบยังรวดร้าวอยู่นะคะ ก็คือใต้ตา ถ้าดูดี ๆ เนี่ย มันจะเป็นแบบ 2-3 ชั้นอะ ซึ่งมันดูเหนื่อยมาก แอมก็เลยปรึกษาคุณหมอแล้วก็ได้ Solution อันนึงมาว่า Cytocare อ้าว Cytocare คืออะไรอะ แต่จะเป็นอย่างไรนะคะ ไปพบคุณหมอเลยดีกว่าค่ะ

คุณแอม : กลับมาอีกแล้วค่ะ คิดว่าน่าจะได้กลับมาที่ Jarem Clinic อีกบ่อย ๆ ค่ะ ครั้งที่แล้วเนี่ย ผ่านมาประมาณเดือนครึ่งเกือบ ๆ 2 เดือนแล้วที่แอมผ่ากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แอมแฮปปี้มาก แฮปปี้มากแบบมีคนถามเยอะมากว่าไปทำที่ไหน แล้วแอมก็ส่งบอกว่าไปคุยกับหมอยุ้ยเลย แต่ตอนนี้ค่ะ หลังจากที่ข้างบนดูไม่เหนื่อยแต่ข้างล่างอะ นี่คือนอนมาพอนะคะ แล้วมันก็ยังดูเหี่ยวอยู่ มันยังดูแบบอ่อนล้าอยู่อะ ตัวช่วยที่คุณหมอแนะนำคือ

หมอยุ้ย : ก็ถ้าเกิดเรากังวลเรื่องตรงใต้ตาอะค่ะ มันจะมีสารตัวนึงที่เราเรียกว่า Cytocare
คุณแอม : อ้าว Cytocare คืออะไรอะ

หมอยุ้ย : อะ Cytocare เนี่ย มันจะเหมือนเป็นอาหารผิว รวมหลาย ๆ ชนิด แล้วก็จะมีพวกสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงจะมีพวกสาร Hyaluronic Acid สารตัวนี้มันจะคล้าย ๆ เหมือนเป็นสารเติมเต็มทำให้ตัวร่องตา ร่องตาหรือว่าร่องแก้มพวกนี้ มันดูฟูขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอย บำรุงผิวเรา ทำให้หน้าเราดูเด็กขึ้น ดูฟูขึ้น ดูใสขึ้น


คุณแอม : เพราะฉะนั้นวันนี้นะคะ แอมมาถึงตรงนี้แล้วแอมแบบพร้อมมาก นี่แบบคลีนหน้ารอคุณหมอเรียบร้อยแล้วอะ มันจะเป็นแบบฉีดใช่เปล่าคะอันนี้
หมอยุ้ย : ใช่ ใช่ค่ะ
คุณแอม : เจ็บเปล่าคะ
หมอยุ้ย : นิดนึง
คุณแอม : นิดนึง คุณหมอบอกว่านิดนึง แล้วถ้าสำหรับคนที่กลัวเข็มหรือว่ากลัวเจ็บอะ มันมี มันมีอะไรช่วยไหมคะ

หมอยุ้ย : ก็ทายาชา เราจะแปะยาชารอก่อนสักประมาณแบบ 20 นาทีก็จะช่วยได้
คุณแอม : ก็จะช่วยลดความเจ็บ แบบไม่เจ็บ แล้ว.. แล้วหลังจากฉีดไปแล้วเนี่ย มันมีข้อระมัดระวังหรืออะไรที่มันแบบต้องรู้เป็นพิเศษเปล่าคะ
หมอยุ้ย : โดยส่วนมากก็ไม่ค่อยนะคะ มีแต่ว่าคือหลังกิน.. หลังทำเสร็จเนี่ย ให้เราดื่มน้ำเยอะ ๆ มันจะฟูขึ้นได้อีกหน่อยนึง แล้วก็นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

คุณแอม : นี่แบบฟัง.. ฟังแล้วเจ็บปวดเลยนะคะทุกคน แอมเป็นผู้หญิงที่กินน้ำน้อยมาก ถ้าฉีดไปแล้วเนี่ย แอมว่าก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้แอมกินน้ำเยอะ ๆ อะ แอมจะไม่ยอมฉีดฟรีนะคะ บอกเลย แล้วถ้าฉีดไปแล้วเนี่ย มันจะเห็นผลทันทีแบบฟูเด้งปึ๊บหลังจากฉีดอย่างงี้เลยเปล่าคะ
หมอยุ้ย : ใช่ค่ะ ส่วนนึงเราจะเห็นขึ้นทันทีหลังจากที่ทำเลย เพียงแต่ว่าถ้าเรากินน้ำเยอะ ๆ มันจะฟูขึ้นได้อีกหน่อย เพราะฉะนั้น Maximum Effect มันจะอยู่ที่ประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ว่ามันก็ไม่ได้แบบอยู่ไป Forever นะของพวกนี้
คุณแอม : เข้าใจว่าจะสวยตลอดกาล ไม่จริงนะคะ เราต้องเติมวิตามินแล้วก็รวมถึงดื่มน้ำ แล้วก็ต้องกินอะไรที่มันดูมีประโยชน์
หมอยุ้ย : ใช่
คุณแอม : แล้วการเช็ดเครื่องสำอางหรืออะไรแบบแรง ๆ มัน.. มันส่งผลเปล่าคะ
หมอยุ้ย : จริง ๆ ส่งผล เพราะว่าเหมือนเราไป Stretch มันบ่อย ๆ ผิวเราก็สูญเสียคอลลาเจน เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เราทำรอบดวงตาก็คือต้องทำเบา ๆ


คุณแอม : นี่แอมต้องปรับพฤติกรรมอีกหลายอย่างมากนะคะทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดื่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำความสะอาดผิวรอบดวงตา แล้วก็วันนี้แอมมาอยู่ในมือคุณหมอยุ้ยแล้ว เดี๋ยวแอมจะพาไปดูค่ะว่าการฉีด Cytocare มันเป็นแบบไหน ดูสิ่งนี้ไว้นะคะ แอมจะไม่ยอมฉีดฟรีนะคะบอกเลย แล้วหลังจากนี้เป็นยังไง มาดูกันค่ะ

พร้อมแล้วนะคะ กับการฉีด Cytocare บอกลาหมาแพนดี้ หมีแพนด้าของแอมนะคะ ตอนนี้ชุดพร้อมนะ แล้วก็คลีนหน้าตั้งแต่ตรงนี้ลงมาเรียบร้อยแล้วนะคะ ฉีดจะเป็นยังไงนะคะ มาดูด้วยกันเลยค่ะ

กลับมาอยู่ที่.. ที่เตียงนี้อีกครั้งนึงแล้วนะคะ ตอนนี้ก็รอแปะยาชาค่ะ คุณหมอถามว่าจะฉีดสดเลยไหม ก็แปะยาชาดีกว่าค่ะ
ยาชาไม่เจ็บนะคะทุกคน มันแค่เย็น ๆ แค่ทาสิ่งนี้ไว้ 20 นาที

เสร็จแล้วนะคะ ประสบการณ์ฉีด Cytocare ครั้งแรกของแอมที่ใต้ตานะคะ ตอนแรกเนี่ยบอกเลยว่ากังวลว่าจะเจ็บไหม แต่ว่าจุดที่ ต้องบอกว่ามดกัดจี๊ดที่สุดเนี่ย จุดเดียว คือยาชา แต่ตอนฉีด Cytocare จริงอะ ไม่ได้เจ็บ แล้วก็สภาพโดยรวมตอนนี้นะคะ แอมรู้สึกว่าหน้ามันเต่ง เต่งอะ คือให้ Feeling แบบนี่มันยังชาอยู่หรือมันอะไร แต่ว่าแอมดูกระจก Before-After เมื่อกี้นี้ ที่เห็นได้ชัดเจนมากเลยนะคะ คือตรงนี้ ใต้ตา จุดที่คุณหมอบอกว่าเป็น.. เป็นร่องแก้มสามเหลี่ยมเนี่ย มันเต็มขึ้นแบบเห็นได้ชัด แล้วก็เดี๋ยวมันจะเป็นยังไงเนี่ย แอมจะมาอัปเดตให้ดูอีกทีนะคะว่าผลที่คุณหมอบอกว่า 1 อาทิตย์จะเห็นผลแบบแจ่มชัดที่สุด มันจะเป็นยังไง เดี๋ยวมาดูค่ะ

วันนี้เป็นวันที่ 2 แล้วนะคะ ที่แอมไปฉีด Cytocare ที่ใต้ตากับหมอยุ้ยที่ Jarem Clinic นะคะ เดิมทีเนี่ย แอมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องตาเหนื่อย คือตรงนี้มันมีร่องค่ะ วันนี้เป็นวันที่ 2 ถ้าเทียบกับเมื่อวานที่เป็นวันแรกนะคะ มันยังมีอาการช้ำอยู่ตรงนี้นิดนึง แต่ว่าวันนี้วันที่ 2 เนี่ย อาการพวกนี้หายไปหมดแล้วนะคะ แล้วก็สิ่งที่แอมเห็นชัดมาก ๆ นะคะ คือจะเห็นว่าตรงนี้มันมีความเต็มขึ้น มันเนี่ย อันนี้คือเงาเดิมนะคะ เดิมทีมันจะลึกกว่านี้มากเลยอะ แต่ว่าตอนนี้มันเต็มขึ้น เนี่ย ดูดิ มัน ตรงนี้มันเต็มไปเลยนะคะ แล้วก็อีกจุดนึงที่เห็นได้ชัดคือเวลายิ้ม เนี่ย ก็จะเห็นว่ามันยังเต็มอยู่ ไม่ได้ดูเป็นคนอาการแบบตาเหี่ยว ตาอ่อนล้า ซึ่งคุณหมอบอกแอมประมาณ 10 รอบว่า (หมอยุ้ย : ให้เราดื่มน้ำเยอะ ๆ) ดื่มน้ำเยอะ ๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ (หมอยุ้ย : ดื่มน้ำเยอะ ๆ) ดื่มน้ำเยอะ ๆ แล้วมันจะช่วยทำให้ Cytocare ที่เราฉีดเข้าไปเนี่ย มันฟูขึ้นมานะคะ แล้วก็วันที่จะเห็นผลชัดที่สุดคือประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งแอมก็จะเก็บผลความคืบหน้ามาเล่าให้ฟังอีกนะคะว่าจุดที่น่าจะเห็นผลชัดที่สุด 1 สัปดาห์เนี่ย มันจะเป็นยังไงนะคะ แล้วมาดูกันค่ะ

แอมมาอวดค่ะ วันที่ 7 ของการฉีด Cytocare มานะคะ ซึ่งจุดที่แอมฉีดเนี่ยจะเป็นจุดสามเหลี่ยม ตรงนี้นะคะ เป็นจุดที่แบบมัน มัน มันตกลงไปค่ะ ทำให้เนื้อมันเป็นสามเหลี่ยม มันเลยทำให้เหมือนตาช้ำ ตาเหี่ยวเป็น 2 กระเปาะตลอดนะคะ จะเห็นว่าเนี่ย ครบ 7 วันซึ่งเป็นวันที่คุณหมอบอกว่า Cytocare จะเริ่มแสดงผลชัดเจนที่สุดนะคะ สำหรับแอมนะคะ สิ่งที่แอมเห็นได้ชัดเจนก็คือมันฟูขึ้นมาค่ะ ทุกคน ตอนนี้มันเริ่มฟูขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด แม้ว่าจะไม่ได้แต่งหน้า โดยรวมนะคะ สำหรับแอมเนี่ย แอมค่อนข้างพอใจ แล้วก็จุดถัดไปที่แอมจะมาให้ดูอีกคือวันที่ 10 ที่มันจะฟูเต็มที่นะคะ ช่วงนี้แอมก็จะขอไปพักผ่อนเยอะ ๆ ขอนอนเยอะขึ้นอีกนิดนึง แล้วก็เดี๋ยววันที่ 10 มาดูกันค่ะ

สรุปภาพรวมของการฉีด Cytocare มาครบ 2 อาทิตย์แล้วนะคะ สิ่งที่เห็นได้ชัดนะคะ คือตรงใต้ตาแอมตรงนี้ค่ะ มันฟู มันเต็มขึ้นมามาก ๆ นะคะ โดยรวมคือพอใจมากค่ะ เรียกได้ว่าเป็นทางลัดในการเติมวิตามินรอบดวงตาโดยที่ใช้เวลาแป๊บเดียวอะค่ะ แต่ว่าโดยรวมตอนนี้คือตรงนี้มันสดใสขึ้นมาก แม้ว่าแอมจะนอนน้อย มาลองดูนะคะ
https://jarem.co.th/review-bags-under-the-eyes-get-cytocare-treatment/

wm5398

บุกถึงห้องตรวจ สัมภาษณ์หมอยุ้ย กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง jarem clinic

สวัสดีค่ะ ไอซ์เองค่ะ มาพบกับไอซ์อีกครั้งนะคะ ที่ Jarem Clinic ค่ะ
วันนี้ไอซ์ไม่ได้มาตรวจหน้าอกนะคะ แต่จะมาพาทุกท่านไปทำความรู้จักแล้วก็พูดคุยกับคุณหมอยุ้ยซึ่งเป็นจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงค่ะ ซึ่งวันนี้นะคะ เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในผู้ชายที่หลาย ๆ คนสงสัยแล้วก็ถามกันมาค่ะ แต่วันนี้ไอซ์ไม่ได้มาคนเดียวนะคะ วันนี้ไอซ์พาแขกรับเชิญมาด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราไปเจอกับแขกรับเชิญของเรากันเลยดีกว่าค่ะ

คุณไอซ์ : และนี่นะคะ ก็คือแขกรับเชิญของเรา คุณคิมค่ะ สวัสดีค่ะ / คุณคิม : สวัสดีครับ
คุณไอซ์ : หลาย ๆ ท่านอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างแล้วนะคะ เดี๋ยวขอถามคุณคิมนะคะว่าอาการแล้วก็ปัญหาก่อนที่คุณคิมจะทำตากับ Jarem Clinic ว่าเป็นยังไงบ้างคะ

คุณคิม: ครับ ก่อนหน้านี้นะครับ ผมมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนะครับ (คุณไอซ์ : ค่ะ) ก็คือตาเนี่ยจะดูง่วนะครับ ตาปรือนะครับ แล้วก็หนังตาเนี่ยจะหล่นลงมาปิดตาดำนะครับ ทำให้ผมเนี่ยดูเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลาเลยครับ ผมก็เลยตัดสินใจอะครับ เข้ามาปรึกษากับคุณหมอยุ้ยนะครับ แล้วก็ทำตากับคุณหมอยุ้ยนะครับ หลังทำเนี่ยตาดูสดใสขึ้นนะครับ ตาดูโตขึ้นนะครับ แล้วก็มั่นใจมากขึ้นครับ
คุณไอซ์ : โอเค น่าสนใจมาก ๆ เพราะฉะนั้นนะคะ เดี๋ยวเราจะพาทุกท่านและคุณคิมนะคะ ไปพูดคุยกับคุณหมอยุ้ยกันเลยดีกว่าค่ะ ตามมาเลยค่ะ


คุณไอซ์ : แล้วตอนนี้นะคะ เราก็อยู่กับคุณหมอยุ้ยกันแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณหมอ
คุณไอซ์ : วันนี้นะคะ จะมาสอบถามแล้วก็พูดคุยกับคุณหมอนะคะ เกี่ยวกับเรื่องปัญหานะคะ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในผู้ชายค่ะ เดี๋ยวขอเริ่มที่คำถามแรกเลยแล้วกันนะคะ ส่วนมากเนี่ยปัญหาเกี่ยวกับดวงตาในผู้ชายที่คุณหมอเจอจะเป็นปัญหาในเรื่องอะไรบ้างคะ
หมอยุ้ย : ก็โดยส่วนมากนะคะ ผู้ชายที่เข้ามาก็จะมาด้วยปัญหาว่าตาปรือ ตาไม่เท่ากัน เพื่อนชอบทักว่าง่วง ทั้ง ๆ ที่แบบเราตื่นอยู่แล้วค่ะอะไรอย่างงี้ ก็จะถามเข้ามาค่ะ

คุณไอซ์ : แล้วถ้าเป็นเกี่ยวกับเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอะค่ะ ส่วนมากเนี่ยจะเริ่มในช่วงวัยไหนคะ
หมอยุ้ย : จริง ๆ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงพบได้ทุกวัย เด็ก ๆ เราก็พบได้ มีตั้งแต่แบบ เป็นตั้งแต่กำเนิดเลยก็มี หรือว่าแบบมาเป็นภายหลังก็มีเช่นกัน เพราะฉะนั้นคนไข้ที่เราเจอก็มีตั้งแต่เด็ก ๆ ไปจนถึงแบบอายุเยอะ ๆ เลยก็มี
คุณไอซ์ : อ๋อค่ะ ค่ะ แล้วก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอะค่ะ คุณหมอจะต้องมีการตรวจเช็กแล้วก็วิเคราะห์ในทุก ๆ เคสเลยรึเปล่าค่ะ

หมอยุ้ย: ใช่ค่ะ โดยส่วนมากหมอจะนัดเคสเข้ามาประเมินก่อนเป็นราย ๆ ไปเพราะว่าโครงสร้างของแต่ละคนเนี่ยก็จะไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะในผู้ชายแล้วเนี่ย โครงสร้างทางกายภาพเค้าจะไม่เหมือนกับผู้หญิงอยู่แล้ว อันที่หนึ่ง ส่วนมากผู้ชายก็จะมีกระดูกโหนกคิ้วที่ค่อนข้างสูงกว่าผู้หญิง อันที่สอง พื้นที่ตรงนี้เค้าจะค่อนข้างน้อยค่ะ ทำให้เวลาเรากะระดับชั้นตาเนี่ย จะกะได้ค่อนข้างยาก เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้เค้าน้อย อันที่สามเนี่ย ผิวหนังของเค้าจะมีความหนามากกว่าผู้หญิง ทำให้เวลาที่เรากะความโค้งหรือว่าความอะไรอย่างเงี้ย มันจะยากกว่าของผู้หญิงค่อนข้างเยอะ

คุณไอซ์ : อ๋อ เพราะฉะนั้นเนี่ย ในผู้ชายกับผู้หญิงเนี่ย จะค่อนข้างที่จะแตกต่างกันมากเลยใช่ไหมคะ
หมอยุ้ย : ใช่ค่ะ โดยโครงสร้างทางกายภาพ ผิวหนัง ลักษณะบุคลิกของผู้ชายแต่ละคนก็จะเหมาะกับชั้นตาแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน
คุณไอซ์ : แล้วความยาก-ง่ายอะคะ ในผู้ชายกับผู้หญิงเนี่ย อันไหนยากกว่ากันคะ ในการแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
หมอยุ้ย : จริง ๆ แล้วจะต้องบอกว่าเป็นผู้ชาย เพราะว่าผู้ชายจะค่อนข้างอยากได้ความที่เป็นธรรมชาติมากกว่าผู้หญิง ทำเหมือนไม่ทำ แผลก็ต้องเนียน แต่ว่าถ้าของผู้หญิงจะเน้นแบบใหญ่ ๆ นิดนึง เพราะฉะนั้นมันจะมีความยากในความที่ทำเหมือนไม่ทำ แต่ทำให้เราดูดีขึ้นด้วยสไตล์ของตัวเราเอง
คุณไอซ์ : อ๋อค่ะ ค่ะ วันนี้เราพาคุณคิมมาด้วยนะคะ ซึ่งคุณคิมเนี่ยได้ผ่าตัดนะคะ แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกับคุณหมอไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ก็อยากจะให้คุณหมอเนี่ย ช่วยอธิบายเกี่ยวกับเคสของคุณคิมให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ

หมอยุ้ย : ได้ค่ะ ก็ของคุณคิมตอนแรกเค้าจะมาด้วยปัญหาที่เค้าว่าตาปรือ ตาไม่เท่ากัน 2 ข้าง ข้างนึงเล็กกว่า ข้างนึงใหญ่กว่า อย่างดูจากลักษณะของโครงสร้างของผู้ชายนะคะ ตั้งต้นแล้วเนี่ย เค้าจะมี ขออนุญาตนะคะ ตั้งต้นเนี่ยเค้าจะมีกระดูกโหนกคิ้วที่ค่อนข้างสูง พื้นที่ระหว่างตา เค้าจะค่อนข้างน้อย แล้วก็อย่างที่บอกไปค่ะว่าผิวหนังของผู้ชายจะหนากว่าผู้หญิง โครงสร้างของกระดูกเบ้าตาเค้า จริง ๆ ของผู้ชายก็จะใหญ่กว่าและกว้างกว่าของผู้หญิง ทำให้ตาของผู้ชายส่วนมากมันจะอยู่ลึกเข้าไปข้างในดวงตาเรามากกว่า พอลักษณะวิเคราะห์ทางกายภาพของคุณคิมแล้วค่ะ หมอก็ได้ประเมินแล้วก็กำหนดชั้นตาให้คุณคิม ดูว่าประมาณนี้คุณคิมชอบไหม แล้วก็ผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตาทั้ง 2 ฝั่งแล้วกำหนดชั้นตา อันนี้ก็ผ่านมาได้เป็นระยะเวลา 1 ปีกว่า ๆ แล้ว

คุณไอซ์ : คืออันนี้คือเรียบร้อยแล้ว ไอซ์มองว่าดูดีมาก ๆ ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ เหมือนแบบยังไม่ได้ทำอะไรมาเลย ค่ะ แล้วคุณคิมล่ะคะ ก่อนที่คุณคิมจะตัดสินใจผ่าตัดแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเนี่ย คุณคิมมีความกังวลในเรื่องไหนบ้างไหมเกี่ยวกับการผ่าตัดค่ะ
คุณคิม : ก็ตอนแรกนะครับ ผมก็แจ้งคุณหมอเลยนะครับว่าผมขอแบบความเป็นธรรมชาตินะครับ คือหนึ่งก็คือเราอยากได้ที่แบบทำออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติ ทำแล้วเหมือนไม่ทำ ก็เป็นการแก้ไข ซึ่งอันนี้คุณหมอทำออกมาได้ดีมากนะครับ แล้วก็อีกเรื่องนึงที่ผมกังวลมาก ๆ คือเรื่องของรอยแผลเป็น คือหนึ่งคือเราเป็นผู้ชาย เราไม่สามารถที่จะแบบใช้อายแชโดว์หรือว่าคอนซีลเลอร์กลบได้แบบแทบทุกวันอย่างงั้นอะครับ แต่ว่ารอยแผลเป็นไม่มีเลยนะครับ แล้วก็นอนทำก็คือบวมน้อยมาก ช้ำน้อยมากครับ อันนี้คุณหมอทำออกมาดีมาก ๆ เลยครับ
คุณไอซ์ : คุณคิมพอใจมากเลยใช่ไหมคะ
คุณคิม : พอใจมาก ๆ เลยครับ ให้เต็มร้อยเลยครับ
คุณไอซ์ : ใช่ค่ะแต่ดูดีจริง ๆ ค่ะ แล้วสุดท้ายนี้นะคะ อยากจะให้คุณหมอเนี่ย ฝากถึงผู้ชายนะคะที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่นะคะว่า ควรจะปฎิบัติตัวยังไง เพราะผู้ชายบางคนนะคะ หรือว่าส่วนมากเนี่ย จะไม่ค่อยกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมค่ะ

หมอยุ้ย : ก็จริง ๆ แล้วเนี่ยปัจจุบันผู้ชายก็หันมาใส่ใจในตัวเองมากขึ้นนะคะ ถ้าใครที่ยังไม่มั่นใจว่าแบบตัวเองเป็นรึเปล่า เพื่อนทักว่าเราง่วง ตาดูปรือ ลืมตาได้ไม่สุดอะไรอย่างเงี้ยค่ะ เพราะว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปเปลือกตาเราจะตกลงมาเรื่อย ๆ มันจะมีผลต่อการมองเห็นด้วยส่วนนึง ถ้ายังไม่มั่นใจหรือว่ายังไง สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ค่ะ กับหมอยุ้ยที่ Jarem Clinic ค่ะ

คุณไอซ์ : ใช่ค่ะ ถ้าผู้ชายท่านไหนนะคะ มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่ตอนนี้นะคะ อย่าปล่อยไว้นะคะ เข้ามาปรึกษากับคุณหมอยุ้ยได้นะคะ เพราะคุณหมอยุ้ยเนี่ย เชี่ยวชาญมาก ๆ เลยนะคะ ในเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนะคะ จะได้ดูดีแบบคุณคิมแบบนี้นะคะ ค่ะ สำหรับวันนี้นะคะ ต้องขอบคุณคุณหมอยุ้ยมาก ๆ เลยนะคะ ที่มาให้ความรู้นะคะ เกี่ยวกับปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในผู้ชายค่ะ ต้องขอบคุณคุณหมอมาก ๆ แล้วก็ขอบคุณคุณคิมด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ก็จบแล้วนะคะสำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในผู้ชาย หวังว่าทุกท่านจะได้ข้อมูลดี ๆ กลับไปนะคะ แล้วสำหรับท่านใดที่มีข้อสงสัยนะคะ สามารถ Inbox มาถามได้เลยนะคะ ที่ Jarem Clinic ค่ะ วันนี้ไอซ์ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วค่ะ พบกันได้ใหม่ในครั้งหน้า สวัสดีค่ะ
https://jarem.co.th/interview-with-doctor-about-ptosis/

wm5398

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ปัญหาหน้าแก่เกินวัย แก้ปั๊บสวยปุ๊บ |Jarem clinic

ค่ะ สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับเคเคอีกแล้วนะคะ ตอนนี้นะคะ เคเคก็ ทำตาสองชั้นครบ 10 เดือน แล้วนะคะ เกือบจะครบปีแล้ว
เท้าความไปถึงตอนแรกก่อนนะคะ ที่เคเคตัดสินใจมาทำตาที่ Jarem Clinic นะคะ เพราะว่าตอนแรกเคเคมีอาการตาอ่อนล้า ตาเพลีย มีความรู้สึกว่าเราลืมตาไม่ค่อยขึ้น ไม่รู้เป็นอะไร ตาเราเป็นอะไรกันแน่ ทำไมแบบมันลืมไม่ค่อยขึ้น มันปรือ ๆ แล้วเพื่อน ๆ ก็ทักบ่อยมากว่าแบบ เออ เหนื่อยก็ไปนอนอะไรอย่างเงี้ย แบบทักบ่อยมาก เราก็ เฮ้ย เราไม่ได้เหนื่อยนะเว้ย เรานอนเยอะแล้วอะไรอย่างงี้

แต่ว่าพอเราส่องกระจก เออ มันตา มันก็ไม่เท่ากันจริง ๆ อะ ข้างนึงก็เบ้าตาลึกมาก อีกข้างนึงก็เป็นแบบชั้นตาแบบหลาย ๆ ชั้น ซ้อน ๆ กันอย่างเงี้ย เราก็แบบเสิร์ชอินเตอร์เน็ตดู เค้าก็ขึ้นว่ากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เราก็เลยไปเสิร์ชว่า เออ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่ไหนทำดีที่สุด ก็ขึ้นชื่อหมอยุ้ย เราก็เลยแบบ แต่เราก็ยังไม่มั่นใจนะว่าเราเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงรึเปล่า เราก็เลยแบบตัดสินใจมาพบคุณหมอยุ้ย ให้คุณหมอยุ้ยตรวจค่ะ
ที่แรกเลยนะคะที่เดินเข้ามา ยังไม่ได้ไปหาที่คลินิกอื่นเลย เสร็จแล้วก็รู้สึกว่าประทับใจที่นี่ ก็เลยตัดสินใจแบบเร็วมากค่ะ เลือกที่นี่ค่ะ

ค่ะ หลังจากที่เคเคได้พบคุณหมอยุ้ยแล้วนะคะ ก็ปรึกษาคุณหมอยุ้ย คุณหมอยุ้ยก็บอกว่าเคเคเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจริง ๆ ค่ะ เราก็แบบ เอ๊ะ เกิดจากสาเหตุอะไร เราก็ลองมานั่งทบทวนคิดดูนะคะ ก็คืออาจจะเป็นเพราะว่าเคเคเนี่ย สายตาสั้นมาก แล้วก็ใส่คอนแทคตั้งแต่แบบอยู่ ป.5 แบบใส่มาประมาณ 13-14 ปีได้อะค่ะ แบบจนแบบตอนหลัง ๆ โตขึ้นมา เราเริ่มมีอายุมากขึ้น เพื่อน ๆ ก็เริ่มทักก็เลยรู้สึกว่า เออ มันจริงนะ ตาเราเริ่มแบบไม่ปกติแล้ว สองข้างมันไม่เท่ากันแล้วจริง ๆ แล้วก็ลืมตาไม่ค่อยขึ้น คุณหมอยุ้ยก็เลยบอกว่า อะ เดี๋ยวคุณหมอยุ้ยจัดให้ค่ะ ก็เลยตัดสินใจทำที่คุณหมอยุ้ย คุณหมอยุ้ยน่ารักมากค่ะ เป็นกันเองมาก ก็เลยแบบ คือเวลาเราไปไหนแล้วเราถูกใจคุณหมออะ เราก็แบบใจง่ายมากค่ะ


ค่ะ แล้วตอนที่วันผ่าตัดนะคะ ก็เปลี่ยนชุด มาถึงก็เปลี่ยนชุดแล้วก็ล้างหน้าค่ะ แล้วก็ทำความสะอาดอะไรทุกอย่างเรียบร้อยเสร็จปุ๊บ ตื่นเต้นมากค่ะวันนั้น แต่พอคุณหมอกรีดแล้วอะ เอาจริง ๆ ไม่รู้สึกเลยค่ะ แบบไม่ ไม่รู้สึกว่า อ่าว คุณหมอผ่าเข้าไปถึงข้างในแล้วหรอคะ อะไรอย่างเงี้ย เสร็จแล้วคุณหมอเค้าจะให้เราลืมตา หลับตาอยู่ตลอดเวลา เราจะรู้สึกตัวตลอดเวลาค่ะ แต่ไม่ ไม่เจ็บเลยเอาจริง ๆ ไม่เจ็บเลย แต่พอมันแบบมีนิดนึงที่มันแบบไม่เป๊ะ คุณหมอเค้าก็ไม่ปล่อยผ่านจริง ๆ ค่ะ เค้าละเอียดมากจริง ๆ ค่ะ อันนี้ต้องยอมรับ เคสหนูอาจจะเป็นเคสที่ยากด้วย คุณหมอเค้าก็เลยแบบตั้งใจแล้วก็ใส่ใจมาก ๆ ค่ะ

ค่ะ หลังจากที่เคเคผ่าตัดเสร็จแล้วนะคะ ก็กลับไปรักษาดูแลตัวเองที่บ้าน ก็รู้สึกว่าตัวเองแผลเข้าที่ไวมากค่ะ ก็หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึง จำได้ว่าตัวเองเนี่ย มีนัดกับเพื่อนไปงานเลี้ยง เสร็จแล้วเพื่อนก็ทักว่า เอ๊ย ทำไมทำธรรมชาติมากเลยอะไรอย่างเงี้ยอะค่ะ ก็รู้สึกว่า เออ ประทับใจค่ะ แล้วก็หลังจากนั้นไม่นาน คุณหมอก็ให้ไปตัดไหม หลังจากนั้นเราก็ทายาแก้แผลเป็น สักพักก็แผลก็สมานตัวกันดีขึ้นมากค่ะ

จากที่ผ่านมา 10 เดือนก็รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตได้ง่ายมากขึ้นค่ะ  ปกติเคเคเป็นคนที่ไม่ค่อยแต่ง แต่งตาอยู่แล้ว ปกติแบบไปไหนก็จะง่ายมาก แค่ทาแป้งแล้วก็ปัดแก้ม ทาปาก ก็รู้สึกแฮปปี้ค่ะ

ค่ะ เคเคก็ฝากสำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจอยากทำตานะคะ ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ๆ ก่อนนะคะ ที่จะแบบตัดสินใจทำที่ไหน ไปพบคุณหมอให้ชัวร์ว่าเราเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจริงๆรึเปล่า ที่สำคัญคือต้องเลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ แล้วก็ปลอดภัยนะคะ สำหรับวันนี้เคเคไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย
https://jarem.co.th/reviews-ptosis-surgery-24/

wm5398

ตาปรือมานาน พึ่งรู้ตัวว่าเป็น"กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง" |Jarem clinic

ค่ะ สวัสดีค่ะ เปิ้ลเองนะคะ วันนี้เปิ้ลจะพาเพื่อน ๆ มาอัปเดตชั้นตาที่เปิ้ลทำที่ Jarem Clinic นะคะ วันนี้ก็ครบ 3 เดือนแล้วค่ะ
ก็คือเพื่อนทักนะคะว่า เฮ้ย ทำไมหน้าตาเราดูแบบเหนื่อย นอนไม่พอรึเปล่า นอนดึกรึเปล่าอะไรอย่างเงี้ย แต่จริง ๆ เราก็นอนเต็มที่นะคะ พอมาดูตัวเองก็รู้สึกว่า เออ จริงอย่างที่เค้าว่าจริงด้วย ดูเหมือนคนเหนื่อยตลอดเวลาอะค่ะ ก็เลยลองเสิร์ชเน็ตดูว่าเราเป็นอะไรกันแน่

พอเปิ้ลเสิร์ชอินเตอร์เน็ตปั๊บ เปิ้ลก็เจอที่นี่เลยค่ะ Jarem Clinic เปิ้ลก็เลยมาปรึกษาคุณหมอยุ้ยนะคะ คุณหมอยุ้ยก็แจ้งว่าเปิ้ลเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงค่ะ

เปิ้ลตัดสินใจทำตาที่ Jarem Clinic ก็เพราะว่าปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงไม่ใช่ว่าหมอทุกท่านจะสามารถทำได้นะคะ เปิ้ลก็ต้องเลือกก่อนเลยค่ะ อันดับแรกต้องเป็นจักษุแพทย์นะคะ แล้วเปิ้ลก็ดูรีวิวของหลาย ๆ ที่ค่ะ พบว่าที่ Jarem Clinic เนี่ย น่าจะตอบโจทย์กับเปิ้ลที่สุด แล้วก็ดูแบบธรรมชาติค่ะ ซึ่งตัวเปิ้ลเองก็ชอบมากเลยค่ะ

พูดถึงตอนผ่าตัดนะคะ คุณหมอใส่ใจมาก ๆ เลยค่ะ ใช้เวลาการผ่าตัดถึง 5 ชั่วโมงเลยนะคะ คุณหมอเนี่ย เค้าจะแบบดูทุกกระเบียดนิ้วเลยค่ะ มองตา มองซ้าย มองขวา มองบน มองล่าง คือเปิ้ลแบบทำอยู่นานมาก จนรู้สึกว่าแบบ เอ๊ย คุณหมอละเอียดจังเลยอะ แล้วก็ประทับใจมากเลยค่ะ


พูดถึงตอนเจ็บหรอคะ ถ้าเจ็บนี่คือมีแค่ตอนฉีดยาชาอย่างเดียวอะค่ะ ที่จะรู้สึกเจ็บ แต่ระหว่างทำเนี่ย พอยาชาหมด คุณหมอก็เติมให้อยู่ตลอดนะคะ ก็คือตอนผ่าตัดนี่คือไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ


ค่ะ หลังจากทำตานะคะ ตอนแรกเปิ้ลกังวลเรื่องการเป็นแผลเป็นมากเลยค่ะ แต่สุดท้ายแล้วแผลเป็นก็ไม่เป็นนะคะ ก็คือใช้ยาตามที่คุณหมอแจ้งเลยค่ะ แล้วก็ที่ประทับใจที่สุดก็คือรู้สึกว่าตากลมโตขึ้น ดูไม่ตาปรือแล้วก็ดูไม่ง่วงนอน ซึ่งเปิ้ลก็ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ


ตอนหลังผ่าตัดเสร็จเห็นหน้าตัวเองก็รู้สึกว่า เออ ตาเราดูกลมโตขึ้นแล้ว ก็คือแค่ลุ้นอย่างเดียวว่าขอให้ไม่เป็นแผลเป็น เพราะเปิ้ลจะเป็นคนที่เป็นแผลเป็นง่ายมาก แต่สุดท้ายพอครบ 3 เดือนก็ไม่เป็นแผลเป็นเลยค่ะ ก็ประทับใจมากเลยค่ะ

ค่ะ หลังจากที่ทำเสร็จนะคะ เพื่อน ๆ ก็ทัก เอ๊ย เราดูหน้าเด็กลง ดูเฟรชขึ้น ดูไม่ง่วงนอน ซึ่งตัวเองก็รู้สึกว่า เออ ก็จริง เพราะชั้นตามันดูแบบแบ๊วขึ้น แล้วก็ดูแบบเด็กขึ้นตามที่เค้าว่าจริง ๆ ค่ะ

ฝากถึงเพื่อน ๆ นะคะ ที่จะทำอะไรเกี่ยวกับดวงตานะคะ แนะนำให้ทำกับจักษุแพทย์ที่ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะทางนะคะ ถ้าคนเจอปัญหาแบบเปิ้ล รบกวนมาปรึกษาคุณหมอยุ้ยได้เลยนะคะ ที่ Jarem Clinic ค่ะ
https://jarem.co.th/reviews-ptosis-surgery-23/

wm5398

เสริมหน้าอกสวย ไม่ต้องบิน ไปถึงเกาหลี|Jarem clinic

เฌอเบลล์ สวัสดีค่ะ วันนี้นะคะ ก็มาพบกับเฌอเบลล์ FHM อีกแล้วนะคะ ลูกสาวหมอหลุยส์รุ่นที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นะคะ
ค่ะ ซิลิโคนที่เบลล์ทำนะคะ ก็จะเป็น Mentor นะคะ ผิวทราย ไซซ์ 375 ค่ะ


ค่ะ เบลล์ก็ทำหน้าอกมาได้ 3 ปีครึ่งเกือบ 4 ปีแล้วนะคะ โดยรวมก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แล้วก็นิ่มมาก ๆ ด้วย แล้วก็ไม่ชิดไม่ห่างจนเกินไป

ตอนนี้คือเบลล์ทำได้ 3 ปีแล้ว คือมันก็พอดีตัวแล้วก็ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก แล้วก็ที่สำคัญ ทำนมกับหมอหลุยส์ดูแพงทุกคนค่ะ

ขอบคุณหมอหลุยส์มาก ๆ เลยค่ะที่เนรมิตรูปร่างหรือรูปทรงที่ดีให้กับเบลล์ ให้เบลล์ได้มีโอกาสในวงการบันเทิงค่ะ

มิเกล สวัสดีค่ะ ชื่อมิเกลนะคะ มาเสริมหน้าอกที่ Jarem Clinic ครบ 1 ปี 6 เดือนแล้วค่ะ
ก็อย่างที่รู้ ๆ กันนะคะ Motiva เนี่ยมันมี 2 รุ่นใช่ไหม แต่ว่าหนูเนี่ยเลือก Ergonomix เพราะว่ามันสัมผัสนุ่มแล้วก็ธรรมชาติ เหมือนนมจริงมาก ๆ เลย ซึ่งทำมาแล้วเวลาเพื่อนมาจับอย่างเงี้ย เพื่อนก็จะแบบทำนมหรอ แต่นิ่มมากเหมือนนมจริงเลย เราคิดถูกแล้วที่เราทำหน้าอกที่นี่



ตอนแรกนะคะ คุณหมอเนี่ยเลือกไซซ์ให้ 355 cc แต่ว่ามิเกลเนี่ยชอบใส่เสื้อผ้า ชอบใส่บิกินี่หรือว่าเสื้อผ้าที่มันดูดูมดูมขึ้นมา คุณหมอก็เลยบอกว่าถ้า 375 เนี่ยก็พอดีนะ ไม่ตันแล้วก็ไม่อ้วนเกินไป ใส่แล้วดูออกมาสวยมาก
ค่ะ ใครที่อยากมีหน้าอกสวย ๆ นะคะ ก็เข้ามาปรึกษากับคุณหมอหลุยส์ได้เลยค่ะ ที่ Jarem Clinic นะคะ

เจเจ ค่ะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อเจเจนะคะ อายุ 21 ปีค่ะ มาทำหน้าอกกับคุณหมอหลุยส์ค่ะ ทำได้ 7 เดือนแล้วค่ะ

ซิลิโคน Motiva เจทำ 295 ค่ะ ทำทั้งทีก็น่าจะทำอันที่ดีที่สุดค่ะ

ให้ทำกับคุณหมอหลุยส์ที่ Jarem Clinic ค่ะ  เพราะว่าคุณหมอเป็น.. เป็นแพทย์เฉพาะทางนะคะ แล้วก็ทุกคนที่ทำมาที่นี่สวยหมดเลยค่ะ ก็เจเจอยากจะให้ทุกคนมาทำที่นี่ค่ะ อยากจะให้หน้าอกสวยเหมือนเจเจค่ะ

ปอนด์ สวัสดีค่ะ ชื่อปอนด์นะคะ วันนี้จะมารีวิวการแก้ไขหน้าอกที่ Jarem Clinic ค่ะ
ครั้งแรกหมอ หมอท่านเดิมบอกว่าหน้าอกไม่เท่ากันค่ะ เค้าก็เลยให้ข้างนึงใหญ่กว่า 25 cc ค่ะ แล้วก็มันเริ่มที่จะแข็งหลังจากทำมาประมาณไม่ถึงปีค่ะ เป็นพังผืดแล้วก็เป็นบล็อกอะค่ะ

เห็นว่าคลินิกนี้มีวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางค่ะ แล้วก็รู้สึกปลอดภัยอะค่ะ และดูคุณหมอที่เป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางแล้วก็เห็นว่าเป็นติดอันดับค่ะ ก็เลย.. แล้วก็คุณหมอหลุยส์ไม่มีเคสหลุดด้วยค่ะ

คุณหมอหลุยส์บอกว่าให้ใส่ซิลิโคนได้ 355 cc เท่ากันทั้งสองข้างค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ค่ะ ก็หลังจากที่เสริมที่นี่นะคะ รู้สึกว่าฟื้นตัวเร็วกว่าเดิมค่ะ มากกว่ารอบแรกค่ะ คือดีกว่าที่คิดอะค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการเสริมหน้าอกหรือว่าแก้ไขหน้าอกนะคะ ก็แนะนำที่ Jarem Clinic ค่ะ เพราะว่าคุณหมอและพี่แอดมินมีความใส่ใจค่ะ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ

ตัวเล็ก สวัสดีค่ะ ชื่อตัวเล็กนะคะ วันนี้มีนัดตรวจหน้าอกกับคุณหมอหลุยส์ที่ Jarem Clinic ค่ะ ก็ครบ 14 วันแล้วนะคะ
เป็นอาชีพแดนเซอร์ค่ะ ทำซิลิโคน Mentor อะค่ะ ไซซ์ 300 cc ค่ะ ผิวเรียบค่ะ


ใช่ค่ะ คุณหมอประเมินให้ค่ะ การใส่เสื้อผ้าก็ดูสวยขึ้น แลอึ๋มขึ้นค่ะ แล้วก็มั่นใจกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ เพื่อนรอบข้างก็ชมว่าหน้าอกสวยขึ้นค่ะ แล้วก็ปังมากขึ้น ใช่ค่ะ
บราเก่า ๆ ก็โละทิ้งหมดเลย ยกตู้เลยอะค่ะ คือใส่ไม่ได้แล้ว รอซื้อใหม่อย่างเดียวค่ะ
https://jarem.co.th/reviews-breast-augmentation-29/

wm5398

เสริมหน้าอก หมอหลุยส์ยืน1 นางแบบชื่อดังรีวิวหมดเปลือก!! |Jarem clinic

สวัสดีค่ะ แต้วนะคะ กัญญากานต์ วงศ์สง่าค่ะ ต้องบอกว่าแต้วก็เป็นอีกหนึ่งคนนะคะ ที่เป็นลูกสาวหมอหลุยส์ค่ะ ตอนนี้นะคะ แต้วก็ทำงานเป็น MC พิธีกร พริตตี้นะคะ แล้วก็มีรับงานถ่ายแบบด้วย แล้วก็รับงานแสดงบ้างนะคะ เป็นซีรีย์อีสานค่ะ
วันนี้ก็จะมาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ฟังหลังจากที่ทำหน้าอกไปนั่นเองค่ะ

จริง ๆ แล้วเนี่ย เกริ่นก่อนเลยว่าแต้วเนี่ย เป็นคนมีหน้าอกอยู่แล้วนะคะ แต่ว่าด้วยความที่เราทำงานอาชีพเป็นนางแบบด้วย เวลาใส่ชุดทำงานเนี่ย เราอาจ ไม่มีใครที่จะมารั้ง มาดึง มาขึงตลอดเวลานะคะ เพราะว่ามันอาจจะเจ็บตรงนี้ เพราะแต้วเป็นคนไหปลาร้าสูง เคยแล้วไปทำงานเนี่ย บิกินี่ค่ะ รัดตรงนี้จนเป็นแผลเลยค่ะ ก็เลยตัดสินใจนะคะ ที่จะทำหน้าอกนะคะ แล้วรู้สึกว่าหลังจากที่ทำไปแล้วเนี่ย โอโห ดูเซ็กซี่ มีทรวดทรงขึ้นเยอะ แล้วก็งานถ่ายแบบเนี่ย เข้ามาเยอะมาก ๆ ค่ะ รวมไปถึงงานเซ็กซี่ต่าง ๆ นะคะ ก็เข้ามาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ


แล้วแต้วก็เสริมหน้าอกไปนะคะ อยู่ที่ 400 cc นะคะ เป็น Mentor นะคะ เป็นผิวทรายนะคะ ซึ่งผิวทรายเนี่ย ศึกษามาแล้วแหละว่าเค้าเนี่ย ไม่ ไม่ค่อยเป็นพังผืดนะ สำหรับหลาย ๆ คน แล้วส่วนตัวแต้วเนี่ย ทำไป 4 ปีค่ะ ไม่มีการแบบ โห ซิลิโคนแข็ง ต้องบอกก่อนว่าแต้วไม่เคยนวดเลยนะคะ ส่วนใหญ่ผู้ชายนวด เอ๊ย ไม่ใช่ ล้อเล่น มันไม่แข็งอะ อย่างที่บอก มันก็นิ่มนะ ขนาดไม่ได้นวดนะ ก็แบบคลึง ๆ เราก็อาจจะคลึง ๆ แบบนี้เองง่าย ๆ นะคะ ตอนแรกก็แค่สัปดาห์แรกอะ ที่พอแผลมันหายแล้วเรานวดได้อะ ถึงนวด หรือว่าถ้าใครมีปัญหาก็สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่ Jarem Clinic เลยค่ะ

หลังจากที่ทำไปนะ ทุกคนก็ โห ชอบมากเลย ชอบหน้าอกแต้วเพราะว่ามันดูเป็นธรรมชาติ แล้วก็โชคดีอย่าง เพราะว่าเป็นคนมีเนื้อหน้าอกเดิมอยู่แล้ว มันก็เลยไม่ได้เป็นบล็อก เป็นก้อน แล้วก็เทคนิคดี ๆ ของคุณหมอเนี่ย คุณหมอบอกตั้งแต่ทีแรกเลยว่าคุณหมอมีเทคนิคที่จะทำให้มันดูเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แล้วเวลาไปเจอเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ ก็จะแบบเฮ้ย ชอบ หน้าอกดูเป็นธรรมชาติมาก ดูแบบเหมือนไม่ได้ทำมาอะ แล้วเพื่อนก็ขอจับ เราก็ให้จับบอก จริงหรอ จับได้เลย เพราะว่ามันไม่มีซิลิโคนให้เห็นเลยค่ะตรงนี้ เอาจริง ๆ นะคะ แล้วก็หลาย ๆ คนรอบข้างตัวแต้วเองก็ชอบเพราะว่ามันดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ เลยนะคะ


จริง ๆ ก่อนหน้านั้นที่จะทำหน้าอก อย่างที่บอกว่าเป็นคนมีหน้าอกอยู่แล้วก็รับถ่ายหน้าอก ถ่าย ไม่ใช่ ถ่ายแบบอยู่แล้ว แต่ว่าพอทำหน้าอกไปเนี่ย ก็คืองานถ่ายแบบมันก็บูมขึ้น มีเข้ามาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ

ดังนั้นใครที่อยากเข้ามาทำหน้าอกแบบแต้วนะคะ มาได้เลยที่ Jarem Clinic นะ เพราะว่าคุณหมอเค้าจะมีเทคนิคพิเศษในการทำหน้าอกของเราให้ดูเป็นธรรมชาตินะคะ แล้วก็จะบอกเราว่า เอ๊ะ ตัวเราเท่านี้ เราต้องทำไซซ์ไหนนั่นเองค่ะ

แล้วใครที่อยากทำหน้าอกนะคะ อย่าลืมมาเลยนะคะที่ Jarem Clinic ฝากไว้ด้วย สาว ๆ ที่มีหน้าอกดูธรรมชาติแบบนี้ มาได้เลย แล้วก็เดี๋ยวแต้วไปแล้วนะ เพราะว่าเดี๋ยวจะไปปรึกษาคุณหมอว่าจะเปลี่ยนอะไรอีกนะคะ ไปแล้วค่ะ บ๊ายบาย
https://jarem.co.th/review-breast-augmentation-30/

wm5398

แม่ลูกสอง ขอทำนมใหม่กับหมอหลุยส์ จัดไป570cc | Jaremclinic

สวัสดีค่ะ ชื่อแก้วนะคะ วันนี้กลับมาที่ Jarem Clinic นะคะ เพื่อที่จะมาอัพไซซ์หน้าอกนะคะ จาก 400 cc นะคะ เป็น 570 ค่ะ เดี๋ยวเข้าไปดูกันเลยค่ะ

รอบแรกทำไป 400 cc ค่ะ 3-4 ปีแล้วค่ะ หน้าอกใหญ่ขึ้นนะคะ จากเดิมที่แบบว่าไม่มีเลย รอบนี้เขยิบมาเป็น 570 หลังจากมีลูกแล้วก็ให้นมลูกได้ปกติค่ะ ปั๊มนมได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไรเลย

ตอนนี้ลูก 2 คนแล้ว ก็อยากได้หน้าอกที่ใหญ่ขึ้นค่ะ เพราะว่าตอนมีลูกมัน มัน.. มันหน้าอกมันเหมือนแบบว่ามันจะหย่อนนิด ๆ อะไรอย่างเงี้ย แต่ก็คือไม่ได้ถึงกับแบบว่าหย่อนเลย คล้อยเลยอะไรอย่างเงี้ยค่ะ ก็เลยอยากอัพไซซ์เพิ่ม ก็กลับมาเลือก Jarem Clinic เหมือนเดิมนะคะ เพราะว่าคุณหมอผ่าตัดดีค่ะ แล้วก็แผลเป็นที่ใต้หน้าอกก็ไม่มีรอย ไม่มีอะไรค่ะ ค่ะ เดี๋ยวแก้วขอตัวไปพบคุณหมอก่อนนะคะ

ก็ตื่นมาก็โอเคค่ะ ไม่เจ็บ ไม่อะไร ยังง่วงอยู่ ง่วง อึน ๆ ถูกใจมากค่ะ บึ้บบั้บขึ้นมากว่าเดิมเยอะเลย ชอบมาก

โอเคค่ะ ตอนนี้ก็ทำหน้าอกเสร็จแล้วนะคะ พี่พยาบาลก็แนะนำว่าให้ดูแลแผล ห้ามยกของหนัก แล้วก็ห้ามทานพวกของแสลง เดี๋ยวอีก 2 สัปดาห์มาอัปเดตนะคะ

สวัสดีค่ะ วันนีพบกับแก้วนะคะ ที่ Jarem Clinic วันนี้แก้วก็ทำหน้าอกครบ 1 เดือนแล้วนะคะ เสริมครั้งนี้เสริมเป็นครั้งที่ 2 อัพไซซ์นะคะ ก็เพื่อนทักหลายคนนะคะว่าเสริมมาครั้งนี้ บึ้ม บึ้มมาก ค่ะ

ไม่เวียนหัวค่ะ ไม่ ไม่ ไม่คลื่นไส้  ไม่อาเจียน ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ไม่มีเลยค่ะ ใช้ชีวิตปกติ

ของเดิมเสริมไป 400 ค่ะ ตอนนี้มาอัพไซซ์เป็น 570 ค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยนะคะว่าแก้วทำหน้าอกไป ฟื้นตัวเร็วมากนะคะ
ประมาณ 7 วันก็ฟื้นตัวดีแล้วนะคะ แผลดี ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ อีกอย่างนึงทริคในการดูแลรักษาตัวเองนะคะ ก็ทานยาตามที่คุณหมอสั่งนะคะ นอนหมอนสูง ไม่นอนตะแคงนะคะ แล้วก็ห้ามนอนคว่ำ ที่สำคัญนะคะ ห้ามยกของหนัก ค่ะ แล้วก็ของแสลงนะคะ ห้ามทานเลยนะคะ เด็ดขาด 3 เดือนนะคะถึงจะทานได้ หลังเสริมหน้าอกมา 1 เดือนตอนนี้นะคะ ก็นมนิ่มนะคะ นิ่มมาก ตอนหลัง 1 เดือนยังไม่นิ่มขนาดนี้นะคะ แต่ตอนนี้นิ่มมาก

ก็ประทับใจคุณหมอนะคะ เพระาว่คุหมอเสริมหน้าอกได้ดีมากค่ะ วางซิลิโคนได้โอเคเลยนะคะ นมชิด แล้วก็แผลนะคะ ที่ผ่ามาก็เล็กนิดเดียวเองค่ะ
แล้วพี่ ๆ แอดมินนะคะ ก็ดูแลเป็นอย่างดีนะคะ มีเรื่องข้องใจหรือว่าสงสัยอะไร แชทถามพี่แอดมินก็ตอบเร็วมากค่ะ

ค่ะ แก้วก็ฝากเพื่อน ๆ นะคะ ใครที่สนใจนะคะ ที่อยากจะเสริมหน้าอกนะคะ แก้วแนะนำ Jarem Clinic นะคะ เพื่อน ๆ สามารถทักไปในเพจ Jarem Clinic ได้เลยนะคะ มีพี่ ๆ แอดมินคอยตอบคำถามอยู่ 24 ชั่วโมงค่ะ

ปกติหนูก็ไม่ได้ออกนอกบ้านอยู่แล้วนะพี่ ขอไปเที่ยวก็ไม่ให้ไป รอบแรกที่มาทำคือมันไม่ให้หนูทำนะ ห้ามไม่ให้ทำนู่นนี่นั่น ไม่สนจ้ะ จองทำเลย พอหลังจากนั้นปุ๊บ ตอนแรกไม่กล้าสัมผัส พอได้จับเท่านั้นแหละ อื้มมมมม ไม่ปล่อย
https://jarem.co.th/review-breast-augmentation-31/

wm5398

เสริมหน้าอกที่ไหนดี? ใช้ซิลิโคนอะไรดี? คลิปนี้รู้เรื่อง |Jarem clinic

สวัสดีค่ะ ชื่อน้ำตาลนะคะ ปัจจุบันอายุ 24 ปีค่ะ วันนี้ก็มา มาตามนัดค่ะ ทำหน้าอกครบ 1 เดือนครึ่งแล้วค่ะ กับคุณหมอหลุยส์ Jarem Clinic ค่ะ

ก่อนทำเลยถ้า เริ่มแรกเลยก็ต้องถามว่าทำไมถึงต้องเลือกที่ Jarem Clinic สำหรับการทำศัลยกรรมหน้าอกใช่ไหมคะ สำหรับน้ำตาล น้ำตาลต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองค่ะ อย่างแรกเลยคือต้องสวย ปลอดภัย แล้วก็ได้มาตรฐานค่ะ ซึ่งที่ Jarem Clinic ก็ตอบโจทย์ความต้องการของเราทุกอย่างค่ะ

ของน้ำตาลใช้เป็น Motiva Ergonomix ค่ะ ขนาด 315 cc ค่ะ ซึ่งก็เต็ม Max เลยค่ะ ที่คุณหมอมาบอกว่าเราสามารถทำได้ค่ะ


อย่างแรกเลยนะคะ เราต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีที่สุดก่อนค่ะ ว่าสิ่งไหนที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะเลือกทำศัลยกรรมแล้ว 1 ครั้งอะค่ะ น้ำตาลก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แล้วเราก็รู้สึกว่าซิลิโคนยี่ห้อนี้แล้วก็คลินิกนี้เนี่ย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราค่ะ

ตอนหลังทำนะคะ เคยได้ยินคนบอกว่าทำหน้าอกเนี่ย เจ็บเหมือนรถสิบล้อทับ สิบล้อทับ ซึ่งน้ำตาลขอบอกว่าไม่เป็นความจริงเลยค่ะ สำหรับความรู้สึกเจ็บเหมือนรถสิบล้อทับนะคะ คุณหมอหลุยส์เนี่ย มือเบามากค่ะ หลังทำเนี่ย ก็จะมีความรู้สึกตึง ๆ ที่หน้าอกแล้วก็เคลื่อนไหวลำบากนิดหน่อย ซึ่งมันเป็นภาวะปกติหลังผ่าตัดของโดยทั่วไปอยู่แล้วอะค่ะ แต่ก็ถือว่าระยะเวลาการฟื้นตัวของน้ำตาลเนี่ย ค่อนข้างเร็วค่ะ เพียงแค่ 10 วันค่ะ ก็สามารถไปทำงานตามปกติได้แล้วค่ะ


ตอนนี้ก็คือ 1 เดือนครึ่งก็คือรู้สึกว่าเริ่มนิ่ม เป็นธรรมชาติแล้วก็รูปทรงเนี่ย สวยมาก เป็นธรรมชาติมากค่ะ อย่างที่สองก็คือประทับใจในคุณหมอค่ะ เพราะว่าคุณหมอเนี่ย ใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนเลย ตั้งแต่ก่อนทำ ขณะทำแล้วก็หลังทำค่ะ แล้วอย่างที่สามก็คือประทับใจเจ้าหน้าที่ทุกท่านค่ะ ที่คลินิกค่ะ รู้สึกว่าทุกคนน่ารัก เป็นกันเองแล้วก็ให้ข้อมูลดีมากค่ะ


สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนนะคะ ที่ยังลังเลแล้วก็ยังหาข้อมูลสำหรับการทำศัลยกรรมอยู่ น้ำตาลก็อยากให้ทุกคนเนี่ย ศึกษาหาข้อมูลให้ดี ๆ แล้วก็เลือกคลินิกที่ดีที่สุดให้กับตัวเองค่ะ ซึ่งสำหรับน้ำตาล น้ำตาลคิดว่าที่ Jarem Clinic เนี่ยค่ะ ก็เป็นทางเลือกที่ดีของน้ำตาลอย่างนึง แล้วก็อยากให้เพื่อน ๆ มาทำที่นี่กัน
https://jarem.co.th/review-breast-augmentation-32/

wm5398

หลังเสริมหน้าอกต้องดูแล รีวิวเสื้อชั้นในใส่กระชับอกชิด |Jarem clinic

สวัสดีค่ะ ไอซ์นะคะ ลูกสาวหมอหลุยส์ Jarem Clinic ค่ะ วันนี้นะคะ จะมาบอกเกี่ยวกับการใส่บราค่ะ บอกเลยว่าสาว ๆ หลาย ๆ คนนะคะ ยังไม่รู้ว่าหลังจากการทำศัลยกรรมไปแล้ว โดยเฉพาะหลังจากทำใหม่ ๆ นะคะ ไม่ควรจะใส่บราที่มีโครงนะคะ

สาว ๆ บางคนเนี่ย พอทำใหม่ ๆ นะคะ ไปใส่บราที่มีโครงบอกเลยว่าไม่ดีมาก ๆ นะคะ เพราะว่ามันจะทำให้หน้าอกของเราเกิดการผิดรูปได้ อย่าลืมนะคะว่าการศัลยกรรมหน้าอกเนี่ย เป็นการที่เราใส่ซิลิโคน ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในหน้าอกของเรา เพราะฉะนั้นเนี่ย มันต้องใช้เวลานานพอสมควรนะคะ ในการที่ทำให้มันแบบเข้ารูปนะคะ อยู่ตัว อยู่เสมอค่ะ

ซึ่งบราที่ปลอดภัย ที่ควรใส่นะคะ ควรจะเป็นซัพพอร์ตบราแบบนี้ค่ะ นี่นะคะ อันนี้นะคะ ไอซ์ซื้อมาจากคลินิกเลยเพราะว่าได้มาตรฐานแน่นอนค่ะ ไอซ์จะให้ดูนะคะ ซัพพอร์ตบราแบบนี้นะคะ คือดีมาก ๆ ค่ะ เพราะว่าเค้าจะประคองหน้าอกของเราตลอดเวลาค่ะ ไอซ์นะคะ ใส่มานานแล้วนะคะ ตั้งแต่หลังจากศัลยกรรมใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบันก็ได้ก็เกือบ 2 ปีแล้วนะคะ ไอซ์ใส่ตลอดไม่ว่าจะเป็นตอนนอนนะคะ หรือเวลาไอซ์ออกไปข้างนอกนะคะ ถ้าวันไหนไอซ์ใส่ชุดที่แบบไม่ต้องโชว์ผิวมาก ไอซ์ก็จะใส่ซัพพอร์ตบราตัวนี้แล้วก็ใส่เสื้อทับลงไปค่ะ หรือไม่ก็เวลาไอซ์ไปทำงานนะคะ ไอซ์อาจจะใส่ซัพพอร์ตบราตัวนี้ แล้วก็ใส่สูทไป แค่นี้ก็แบบสามารถ Mix and Match ได้แล้ว แล้วที่สำคัญนะคะ มันสบายมาก ๆ เลย

ใส่ไปนะคะ มันประคองหน้าอกของเราได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะเวลานอนนะคะ เวลานอนเนี่ย บางทีเรานอนหงายนึกออกไหมคะ แล้วหน้าอกเนี่ย มันก็จะห่างออกไปข้าง ๆ ใช่ไหมคะ ซึ่งถ้าเราใส่ซัพพอร์ตบราตัวนี้นะคะ มันจะประคองหน้าอกของเราเนี่ย ให้มันอยู่ทรงนะคะ ที่ที่คุณหมอทำมาได้ค่ะ ตัวนี้เนี่ย สามารถขยายได้ตั้งแต่สาว ๆ ตัวเล็ก ๆ นะคะ ไซซ์ XS นะคะ ไปจนถึงสาว ๆ ที่แบบรูปร่างใหญ่หน่อยนะคะ ไซซ์ XL เห็นไหมคะว่ามันยืดขยายได้เยอะมาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็เค้าสามารถที่จะปรับระดับได้หลายระดับเลย อะ เดี๋ยวไอซ์ให้ดูนะคะ ระดับ 1 นะคะ มันจะมี มันจะมีรูเกี่ยวอยู่ นี่นะคะ 1 2 3 4 5 6 7 ระดับเลยนะคะ


จะแบบว่าให้มันตึงแค่ไหนนะคะ ก็สามารถปรับได้ แล้วก็มันเป็นตะขอหน้านะคะ ซึ่งสามารถที่จะปรับระดับให้หน้าอกชิดได้ถึง 3 ระดับนะคะ จะเอาชิดมากสุดก็นี่เลย ขยับขึ้นมาหน่อยนะคะ แล้วก็แบบหลวมที่สุดนะคะ

เพราะฉะนั้นเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นสาว ๆ ไซซ์ไหนนะคะ ก็สามารถใส่ได้สบายเลยค่ะ วิธีใส่ก็ง่ายมาก ๆ เลยนะคะ เพราะว่ามันเป็นตะขอหน้าค่ะ ไอซ์จะเลือกเป็นตะขอระดับในสุดนะคะ เพราะว่าไอซ์อยากให้หน้าอกมันชิดค่ะ จะมาติดตะขอให้ดูนะคะ อันนี้ไอซ์ใส่ไปแล้วครึ่งนึงนะคะ ตะขอเนี่ย มันมีหลายตัวหน่อยค่ะ แต่ว่ามันเห็นได้ชัดเจนเพราะมันเป็นแบบตะขอหน้านะคะ เนี่ยค่ะ ก็ติด ๆ ๆ เข้าไปนะคะ แค่นี้ค่ะ เสร็จแล้ว แล้วก็ดูสวยด้วยเห็นไหมคะ อย่างที่บอกคือสามารถ Mix and Match กับชุดได้หลายแบบเลย


ไอซ์ใส่ตลอดเวลาเลยนะคะ ไม่ว่าจะออกไปข้างนอก ก็สามารถ Mix and Match จับคู่กับชุดได้หลายแบบเลย หรือว่าจะเป็นตอนออกกำลังกายนะคะ ไอซ์ก็ใส่นะคะ เพื่อซัพพอร์ตแล้วก็ประคองหน้าอกของไอซ์เนี่ย ให้มันได้รูปแล้วก็ปลอดภัยอยู่เสมอค่ะ

เพราะฉะนั้นฝากถึงสาว ๆ ที่ทำศัลยกรรมหน้าอกมานะคะว่าอย่าละเลยเกี่ยวกับการเลือกใส่บราค่ะ เพราะว่าเสียเงินในการทำศัลยกรรมไปแล้วนะคะ บางคนเนี่ยจ่ายไปแพงมาก ๆ แต่มาพลาดตรงการใส่บราค่ะ พอใส่บราที่มันไม่เหมาะสมนะคะ ไม่ได้มาตรฐานนะคะ มันไม่ซัพพอร์ตหน้าอกของเราเนี่ย ปรากฏว่านาน ๆ เข้าหน้าอกนะคะ มันผิดรูปนะคะ มันผิดทรง มันไม่สวยเหมือนตอนทำใหม่ ๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นเนี่ย เรื่องนี้เนี่ยสำคัญมาก ๆ เลย โอเค แล้วถ้าใครนะคะ อยากจะได้ซัพพอร์ตบราที่ได้มาตรฐานแล้วก็ดี ๆ แบบนี้ แบบที่ไอซ์ใส่นะคะ สามารถติดต่อสอบถามได้นะคะ ที่ Jarem Clinic เลยนะคะ เดี๋ยววันนี้ไอซ์ต้องขอตัวไปก่อนนะคะ เจอกันได้ใหม่ในครั้งหน้าไอซ์จะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร รอดูค่ะ ไปแล้วค่ะ บ๊ายบายค่ะ
https://jarem.co.th/review-of-tight-fitting-underwear

wm5398

เหตุผลที่นักการเงิน 500ล้าน รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกับหมอยุ้ย | Jarem clinic

สวัสดีค่ะ พี่นินะคะ นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ค่ะ พี่เป็นนักวางแผนการเงิน เป็นวิทยากรแล้วก็เป็นนักเขียนค่ะ

คือพี่มีเปลือกตาที่ตกอะค่ะ แต่ว่าตอนแรกพี่ก็ไม่รู้ว่าอันนี้เป็นอาการของโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ก็คิดว่าเป็นปกติของเรานะคะ พี่ก็เลยสนใจขึ้นมาว่า เอ๊ะ มันเป็นยังไงเจ้าโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอะไรอย่างเงี้ยอะค่ะ แล้วก็พอดีประกอบกับช่วงนั้นเนี่ย พี่ก็จะมีอาการที่เวลาที่จ้องคอมพิวเตอร์นาน ๆ ค่ะ ก็จะปวดกระบอกตา แล้วก็บางวันที่ทำงานจนถึงดึก ๆ เนี่ย ก็จะมีอาการปวดหัวด้วย เออ อยากจะมาลองตรวจว่า ว่าไอที่เราเป็นอยู่เนี่ย เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงรึเปล่าค่ะ

ซึ่งเจ้าโรคนี้ก็จะมี 2 แบบ เป็นแบบตั้งแต่เกิดกับเป็นตามวัยนะคะ ของพี่เนี่ยเป็นตั้งแต่เกิด แล้วคุณหมอยุ้ยก็บอกว่าข้างซ้ายเนี่ยเป็นมากกว่าข้างขวา ซึ่งผลข้างเคียงของมันก็คือว่าถ้าเราปล่อยทิ้งไว้อะค่ะ เปลือกตาเค้าก็จะค่อย ๆ ตกมาเรื่อย ๆ แล้วก็จะบังลูกตา ก็ทำให้เรามีปัญหาในการมองเห็นนะคะ แล้วก็สิ่งที่เราปวดกระบอกตาเนี่ย อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายอะค่ะ เค้าพยายามแบบจะเปิดเปลือกตา

พี่ก็เลยมีการเกร็ง มีการยกคิ้วตลอดเวลา มัน มันก็เลยเกิดการเกร็งที่หน้าผาก ก็เลยส่งผลให้บริเวณหน้าผาก กระบอกตาอย่างเงี้ยค่ะ มีอาการปวดเมื่อยได้ค่ะ

คุณหมอก็เลยแนะนำว่าต้องผ่าตัดนะคะ ก็วันนั้นก็คุยกันเสร็จปึ๊บ พี่ก็ผ่าตัด ตัดสินใจผ่าตัด ก็ล็อกวันล็อกเวลาค่ะ กว่าจะเริ่มผ่าตัดเนี่ยก็บ่ายโมง เสร็จตอน 6 โมงเย็น เสร็จเกือบ 6 โมงเย็น ก็ใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 5 ชั่วโมงนะคะ แล้วก็ กับอีกอันนึงก็คือว่าคุณหมอก็จะวัดขนาดอะค่ะ ก็เห็นถึงความละเอียดนะคะ ความใส่ใจนะคะ แล้วก็ตั้งอกตั้งใจผ่าเพื่อให้เราออกมาดูดีที่สุดค่ะ

ตอนที่ผ่าตัดเสร็จนะคะ ก็ยังต้องลงมาคุยกับคุณหมอนะคะ คุณหมอก็ให้ดูเปรียบเทียบก่อนผ่ากับหลังผ่านะคะ แล้วก็อธิบายว่า เออ ชั้นตาเราเป็นอย่างงี้ ๆ แล้วคุณหมอก็ให้ดูว่าแบบ เออ มัน มัน มันเป็นยังไง แต่รู้แค่ว่า เออ เห็นตาดำตัวเองอะ ไม่เคยเห็นลูกตาดำตัวเองเต็มดวงมาก่อนอะค่ะ กลมแป๋วเลย ก็เลยคิดว่า อือ ๆ มันน่าจะดีนะ เพราะว่าเห็นลูกตาดำเต็มดวงครั้งแรกนะคะ

จากวันแรกที่มันบวมอะค่ะ ความบวมก็ค่อย ๆ ยุบนะคะ แล้วพี่ก็ทำตามคำสั่งคุณหมออย่างเคร่งครัดนะคะ แล้วก็สุดท้ายเนี่ย พอความบวมมันค่อย ๆ ลดลงอะค่ะ เออ เหมือนชั้นเปลือกตาก็เริ่มเข้ารูปนะคะ พี่ก็ถ่ายรูปตัวเอง

นะคะ วันที่มาตัดไหมเสร็จเนี่ย พี่ก็ถ่ายรูปตัวเองเปรียบเทียบกับรูปเก่า ก็คือ Before กับ After นะคะ แล้วโพสต์ไปทาง Facebook โห แบบมีคนกด Like เพียบเลยค่ะ แล้วก็แบบชมว่า เออ แบบสดใสขึ้นนะคะ สวยขึ้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะ ก็ โห รู้สึกดีใจมากนะคะ แล้วก็มีความรู้สึกว่า เออ รู้งี้มาผ่าตัดไปตั้งนานแล้วค่ะ
พี่ก็อยากฝากถึงคนที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังมีอาการโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนี้อยู่รึเปล่านะคะ เราก็มีวิธีสังเกตดวงตาเราง่าย ๆ อะค่ะว่าเรามีเปลือกตาที่ตกแล้วปิดดวงตาดำเรารึเปล่านะคะ ใครที่ยังไม่แน่ใจก็สามารถมาขอปรึกษากับคุณหมอได้นะคะ ไม่ต้องรอค่ะ แล้วเดี๋ยวคุณหมอก็จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับรูปหน้า กับดวงตาของแต่ละท่านนะคะ แล้วรับรองว่าท่านจะได้ดวงตาที่สดใสสวยงาม หลังจากพบคุณหมอไปแล้วอย่างแน่นอนค่ะ
https://jarem.co.th/reviews-ptosis-surgery-22/

wm5398

พอทีกับตาปรือ มาแก้ "กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง" กับหมอยุ้ย|Jarem clinic

สวัสดีครับ ก็วันนี้มา Follow Up ตานะครับ กับคุณหมอยุ้ยนะครับผม ก็ครบ 30 วันแล้วครับ ครบ 1 เดือน ผมรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนะครับ

ก่อนอื่นเลยคือเมื่อปีที่แล้วอะครับ ผมประสบอุบัติเหตุนะครับ รถชนครับ หน้ากระแทกพวงมาลัยนะครับ ก็คือดั้งหัก มันเป็นจุดสังเกตให้เราเริ่มโฟกัสที่หน้าเราว่าแบบว่า เฮ้ย ตาเรามันตก ทำไมมันตกมากขึ้นเรื่อย ๆ อะไรอย่างเงี้ยครับ แบบปิดตาดำมาครึ่งนึงอะครับ

แล้วทำไมผมถึงมาทำที่ Jarem Clinic นะครับผม Jarem Clinic นะครับ คุณหมอยุ้ยเป็นจักษุแพทย์ที่เกี่ยวกับเรื่องโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงระดับต้น ๆ เลยที่มันเด้งขึ้นมานะครับ ไม่ว่าจะเป็นออกข่าวช่อง 3 ไม่ว่าจะเป็นใน Youtube หรือในเพจนะครับ ก็คือที่ Jarem Clinic อะครับ เค้าจะมีรีวิวของผู้ชายอะครับ ให้เราดูเยอะมาก ผมก็เข้าไปดูแล้วแบบเห็นชั้นตาที่คุณหมอยุ้ยทำนะครับ แบบมันถูกใจเราเลย คือชั้นตาที่คุณหมอยุ้ยทำอะครับ มันธรรมชาติมาก ทำให้เราตัดสินใจว่าเราอยากทำกับหมอยุ้ยครับ

พอมาตรวจกับคุณหมอยุ้ย คุณหมอยุ้ยตรวจละเอียดมากครับ วัดหน้าเราทุกอย่าง ก็ ใช่ครับ เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตั้งแต่กำเนิดครับ แล้วก็นัดกับคุณหมอให้นัดวันผ่าตัดเลยครับผม

รุ่นพี่ที่ทำงานทักหรือว่าเพื่อนทักว่าแบบตาเรามันดูง่วงนอนตลอดหรืออะไรแบบนี้อะครับ หรือว่าแบบเหมือนตาขี้เกียจอะไรแบบนี้ครับ ก็เลยเข้ามาติดต่อคุยกับคุณหมอดูอะครับว่าทำยังไงได้บ้าง แล้วเราก็เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจริง ๆ แล้วเป็นมาตั้งแต่กำเนิดด้วยอะครับ อันนี้เป็นหลังผ่าตัดทันทีเลยนะครับผม
จากที่ตาดูหม่นหมอง ซึมเศร้า ก็คือตาสดใสมาก ดูเป็นคนละคนเลยครับ แล้วก็เดี๋ยวอีก 10 วัน เดี๋ยวผมจะมาอัปเดตให้อีกทีนึงนะครับ

ผ่านไปแล้ว 10 วันครับ วันนี้วันที่ 10 พอดีเลยครับ วันนี้ก็มาตัดไหมนะครับผม แผลสวยครับแล้วก็อาการบวมน้อยด้วย ตัดไหมวันนี้ไม่เจ็บเลยครับ สบายมาก คุณหมอมือเบามากครับ

คือก็ต้องงดไก่ งดไข่ แล้วก็งดของทอด ของมัน ของหวาน กินแต่แกงจืดกับโจ๊กครับ เพื่อแผลที่สวยครับ อดทน แล้วแผลก็สวยจริง ๆ ครับ

ระหว่าง 10 วันที่ทำมาก็มีลง Story IG บ้าง เพื่อนก็จะมีทักมาว่าแบบ เฮ้ย มัน มันดูดีขึ้นอะไรอย่างเงี้ยแบบ เฮ้ย มันดูสดใสขึ้นจริง ๆ อะไรอย่างงี้แบบมีแต่คนถามราคาเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ เฮ้ย ถ้าสนใจอะ ก็มาได้อะไรประมาณนี้ ผมบอกว่ามันคุ้ม มันคุ้มจริง ๆ เพราะว่ามันดูดีขึ้นจริง ๆ ครับ เพราะว่าตอนแรกผมอะ ไม่อยากถอดแว่นเลย เพราะว่าใส่แว่นก็เหมือนแบบปกปิดความตาตกอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมกล้าถอดแว่นแล้วครับ
มี Follow Up อีก 2 อาทิตย์ครับ ให้มาดูอีกทีนึง

มันสดใสมากขึ้น มันไม่ดูง่วง มันไม่ดูเป็นตาขี้เกียจ แล้วก็เราจะสังเกตได้เลยว่าแบบภาพมองของเราข้างหน้ามันกว้างขึ้นจริง ๆ อะครับ ผมพอใจมากครับ คุ้มมากกับที่มาทำที่นี่ครับ

ครับ แล้วก็อยากจะฝากถึงคนอื่นทุก ๆ คนนะครับ ลองสังเกตอาการของตัวเองดูนะครับว่าตัวเองอะครับ มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงรึเปล่า หรือว่าถ้าสังเกตอาการตัวเองแล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นรึเปล่า หรือว่าไม่รู้จะไปปรึกษาจักษุแพทย์ที่ไหนนะครับ ก็แนะนำมาที่ Jarem Clinic เลยครับ คุณหมอยุ้ย คอนเฟิร์มครับ ดีมาก
https://jarem.co.th/reviews-ptosis-surgery-21/

wm5398

เสริมหน้าอก กับ Bikini สวยพร้อมลุยรึยัง? / Jarem clinic

ก็อย่างที่รู้ ๆ กันนะคะ Motiva เนี่ย มันมี 2 รุ่นใช่ไหม แต่ว่าหนูเนี่ยเลือก Ergonomix ซึ่งทำมาแล้วเวลาเพื่อนมาจับ เพื่อนก็จะแบบทำนมหรอ แต่นิ่มมากเหมือนนมจริงเลย
แล้วเพื่อนบางคนมาจับเค้าก็จะแบบไม่เหมือนนมทำเลย ซึ่งเรามีความรู้สึกว่า เออ เราคิดถูกแล้วที่เราทำหน้าอกที่นี่

สวัสดีค่ะ ชื่อมิเกลนะคะ มาเสริมหน้าอก Jarem Clinic ครบ 1 ปี 6 เดือนแล้วค่ะ มิเมื่อก่อนก็มีหน้าอกนะ แต่ใส่เสื้อผ้าแล้วดูไม่สวยอะ มันเป็นเหมือนก้อนไขมัน แล้วก็เวลาเราใส่เสื้อผ้าเว้า ๆ โชว์ ๆ เราก็ต้องแปะบราปีกนกที่มันเสริมหรือว่าดันขึ้นมาเพื่อให้เราใส่เสื้อผ้ามีความมั่นใจ ซึ่งมันก็ไม่สวยอยู่ดี

ก็อย่างที่รู้ ๆ กันนะคะ Motiva เนี่ย มันมี 2 รุ่นใช่ไหม แต่ว่าหนูเนี่ยเลือก Ergonomix เพราะว่ามันสัมผัสนุ่มแล้วก็ธรรมชาติ เหมือนนมจริงมาก ๆ เลย ซึ่งทำมาแล้วเวลาเพื่อนมาจับอย่างเงี้ย เพื่อนก็จะแบบทำนมหรอ แต่นิ่มมากเหมือนนมจริงเลย แล้วเพื่อนบางคนมาจับเค้าก็จะแบบไม่เหมือนนมทำเลย ซึ่งเรามีความรู้สึกว่า เออ เราคิดถูกแล้วที่เราทำหน้าอกที่นี่


ก็มีพี่ ๆ อะค่ะบอกปากต่อปากกันมาว่าหมอหลุยส์เนี่ย ทำนมเนี่ย นิ่มนะ แล้วก็แผลเล็กมาก แผลแทบไม่มีรอยแผลเป็นเลย คุณหมอเนี่ยใช้เทคนิคพิเศษในการทำหน้าอกให้เราค่ะ แล้วพี่เค้าก็บอกว่าถ้าใครมาทำที่นี่ หลังจากนั้นอะ งานจะปังมาก ซึ่งก็ปังจริง ๆ

คุณหมอเนี่ยเลือกไซซ์ให้ 355 cc แต่ว่ามิเกลเนี่ยชอบใส่เสื้อผ้า ชอบใส่บิกินี่หรือว่าเสื้อผ้าที่มันดูดูมดูมขึ้นมา คุณหมอก็เลยบอกว่าถ้า 375 เนี่ยก็พอดีนะ ไม่ตันแล้วก็ไม่อ้วนเกินไป ใส่แล้วดูออกมาสวยมาก

ก็ความรู้สึกตอนแรกนะคะ ที่ทำหน้าอกเนี่ย ตอนแรกกลัวมากแต่พอมาทำไปแล้ว มีความรู้สึก เอ๊ะ ให้ยาสลบ 15  วิ เราหลับไป แล้วเราตื่นมา เราก็มีหน้าอกสวย ๆ แล้ว
มีความรู้สึกว่าตึง ๆ แต่ไม่ได้ปวดจนแบบเราทนไม่ไหว แต่อันนี้คือลุก ลุกเดินได้เลย คือชิลล์มาก เป็นการเสริมหน้าอกที่สบายใจมากค่ะ

ก็ตั้งแต่ทำหน้าอกมานะคะ ใส่เสื้อผ้าตัวไหนก็สวย ใส่บิกินี่ก็มั่นใจมาก ๆ ไม่ว่าจะแบบ จะไปไหนอย่างเงี้ย เราก็มีความรู้สึกว่าเรามั่นใจเพราะว่า หนึ่ง หน้าอกเราสวย หุ่นเราดีขึ้น อ่า แล้วก็ที่ประทับใจ Jarem Clinic นะคะ หนึ่งคือคุณหมอใจดีค่ะ แล้วก็พี่พนักงานก็ดูแลเราดี แล้วก็ยังมีพี่แผนกอื่น ๆ นะคะ ที่คอยถามเรา เอ๊ย ทำนมไปแล้วเป็นยังไงบ้าง พี่เค้าก็ดูแลทุกจุดเลยค่ะ

ค่ะ สำหรับใครที่มีปัญหาอกเล็กหรืออกไม่สวย หรือหน้าอกไม่เท่ากัน หรือใส่เสื้อผ้าไม่มีความมั่นใจนะคะ ถ้าใครอยากมีหน้าอกสวยธรรมชาติเนี่ย ก็เข้ามาปรึกษากับคุณหมอหลุยส์ที่ Jarem Clinic ได้เลยค่ะ
https://jarem.co.th/reviews-breast-augmentation-28/