ลู่วิ่งไฟฟ้า กับลู่วิ่งธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี

[radnana]

   การวิ่งคือการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์ทั้งการกระตุ้นการทำงานของหัวใจ กระตุ้นการเผาผลาญ ใช้เป็นวิธีในการลดน้ำหนักได้ แต่หลายคนอาจจะไม่สะดวกที่จะออกไปวิ่งข้างนอก การเลือกซื้อลู่วิ่งมาไว้ใช้งานที่บ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งจะทำให้เราออกกำลังกายได้ทุกเวลาที่ต้องการ แต่ลู่วิ่งมีทั้งแบบลู่วิ่งไฟฟ้า และลู่วิ่งธรรมดา ทั้งสองแบบมีข้อแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรเลือกแบบไหนดี

1. ลู่วิ่งแบบใช้ไฟฟ้า
   เป็นลู่วิ่งที่คนนิยมซื้อไว้ใช้งานมากที่สุด มีการทำงานโดยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ในการขับเคลื่อนสายพานของลู่วิ่ง โดยสามารถปรับความเร็วได้หลายระดับ
ข้อดี
   - ช่วยผ่อนแรงในการวิ่ง ไม่เหนื่อยง่าย เนื่องจากมีมอเตอร์ช่วยขับเคลื่อนสายพาน
   - ปรับความไวได้ตามความต้องการ
   - มีโปรแกรมในการวิ่งหลากหลายแบบเพื่อฝึกฝน
   - ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย
   - มีราคาให้เลือกหลากหลายตามงบประมาณ
ข้อจำกัด
   - หากไฟฟ้าดับไม่สามารถใช้งานได้
   - ต้องหมั่นดูแลรักษาระบบมอเตอร์อย่างสม่ำเสมอ
   - ใช้เวลาในการเผาผลาญแคลลอรี่มากกว่า

2. ลู่วิ่งแบบไม่ใช้ไฟฟ้า
   ลู่วิ่งแบบไม่ใช้ไฟฟ้านั้นจะตัดระบบไฟฟ้าออกไป โดยจะต้องใช้กำลังของผู้ใช้งานในการขับเคลื่อนสายพาน เป็นการจำลองการวิ่งในสถานการณ์จริงมาไว้บนลู่วิ่ง โดยความเร็วนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเอง
 ข้อดี
1. ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า
2. ให้ความรู้สึกใกล้เคียงการออกไปวิ่งนอกสถานที่ เนื่องจากความเร็วขึ้นอยู่กับกำลังขาของผู้ใช้งาน
3. ดูแลรักษาง่าย ไม่มีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในการซ่อมบำรุง
4. สามารถเผาผลาญแคลลอรี่ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับลู่วิ่งแบบใช้ไฟฟ้า
ข้อจำกัด
1. ต้องใช้ความคุ้นเคยในการใช้งานมากกว่า เพราะลู่วิ่งแบบไม่ใช้ไฟฟ้าต้องอาศัยความเคยชินในการวิ่งและทรงตัว
2. ใช้กำลังในการวิ่งมากกว่า อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่ายหรือผู้สูงอายุ


เลือกลู่วิ่งแบบไหนดี
   1. เลือกจากลักษณะการออกกำลังกาย
   สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นการวิ่งด้วยลู่วิ่ง รวมไปถึงผู้ใช้ที่ต้องการวิ่งเพื่อออกกำลังกายเบา ๆ ต้องการเริ่มต้นลดน้ำหนัก เหมาะกับลู่วิ่ง ไฟฟ้า เพราะไม่ต้องใช้แรงในการวิ่งมาก ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานโดยที่ไม่เหนื่อยเกินไป แต่ถ้าใครที่เป็นผู้ใช้งานที่ต้องการใช้ลู่วิ่งเพื่อฝึกสปีด หรือที่เรียกว่า Speed work รวมไปถึงผู้ใช้ที่ต้องการอัตราการเผาผลาญแคลลอรี่ที่มากในระยะเวลาที่รวดเร็ว ลู่วิ่งแบบไม่มีไฟฟ้าจะตอบโจทย์มากที่สุด เพราะสามารถควบคุมความเร็วได้ด้วยตนเอง
   2. เลือกจากงบประมาณ
   งบประมาณเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ถ้าเรามีงบประมาณจำกัด การเลือกลู่วิ่งแบบใช้ไฟฟ้าจะเหมาะสม เพราะลู่วิ่งชนิดนี้มีตัวเลือกที่หลากหลายมากกว่า มีทั้งราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ขึ้นอยู่กับวัสดุในการผลิต ระบบสายพาน ฟังก์ชั่นการใช้งาน แต่ในรุ่นราคาถูกก็เพียงพอต่อการใช้งานเริ่มต้นแล้ว แต่ลู่วิ่งแบบไม่ใช่ไฟฟ้านั้น หากต้องการที่มีคุณภาพดีต้องจ่ายแพงกว่า เนื่องจากต้องใช้วัสดุการผลิตที่แข็งแรงมากเพื่อรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงจากผู้ใช้มืออาชีพ
   3. เลือกจากการดูแลรักษา
   อันที่จริงลู่วิ่งทั้งสองแบบมีความทนทานในการใช้งานไม่แพ้กัน แต่ลู่วิ่งที่ใช้ไฟฟ้าจะมีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องมีจุดซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น ต่างจากลู่วิ่งแบบไม่ใช้ไฟฟ้าที่ดูแลเฉพาะระบบสายพานก็เพียงพอ


   หากต้องการเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า หรือ เครื่องเดินวงรี มาใช้งาน สามารถเข้าไปเลือกดูได้ที่ www.decathlon.co.th  ศูนย์รวมอุปกรณ์ออกกำลังกายมากมายให้เลือกสรร