รู้ไหม ส.ส.คนไหนเป็น "ดาราผู้ทรงเกียรติ เดอะสตาร์-แก้รธน." ก

[w01312]

(ที่มา ดาราผู้ทรงเกียรติ เดอะสตาร์-แก้รธน. หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 4 พฤษภาคม 2555)

เวทีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. ..วาระที่ 2 ที่ค่อนข้างยืดเยื้อ และชิงไหวชิงพริบระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

ทำให้คนไทยได้รู้จัก "นักการเมือง" ขึ้นมาอีกหลายคน

โดยเฉพาะในช่วงเกิดศึก "วิวาทะ-โต้คารม-ประท้วง"

ช่วยให้ "ส.ส." หลายคน มีโอกาสแสดงตัว "ออกหน้าจอโทรทัศน์" ขณะมีการถ่ายทอดสด

ตั้งแต่วันแรกของการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ ฝ่าย "ขุนพลฝีปากกล้า" จากค่าย "ประชาธิปัตย์" (ปชป.) ในฐานะ "ฝ่ายค้าน" มืออาชีพ พากันงัดกลยุทธ์ออกมาจัดหนักถล่ม "ฟากรัฐบาล-พรรคเพื่อไทย (พท.)" ไปจนถึง "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" ประธานรัฐสภา แบบไม่ยั้ง

ไล่ตั้งแต่ "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" ส.ส.พิษณุโลก "ธนา ชีรวินิจ" ส.ส.กทม. "นิพนธ์ บุญญามณี" ส.ส.สงขลา ลุกขึ้นผลัดกันแตะมือปล่อยหมัดเด็ด ว่าด้วยวาระรวบรัดเร่งรีบผลักดัน "กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" เข้าสู่สภา ทั้งที่รายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยังมีความไม่สมบูรณ์

ขณะที่ "บุญยอด สุขถิ่นไทย" ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ปชป. หรือที่ "ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล" แอบตั้งฉายาให้ว่า "ยอด องค์ลง" จอมนับองค์ประชุม ก็กลายเป็น "อีกคนสำคัญ" ที่ฝ่าย พท.จับจ้องแบบไม่ให้คลาดสายตา

เพราะรับรู้ชนิดเข้ากระดูกดำกันว่า เมื่อไหร่ "บุญยอด" ลุกขึ้นอภิปราย โอกาสที่จะ "ปล่อยของ" ด้วยการตรวจสอบองค์ประชุม เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ หลากวีรกรรมของ "บุญยอด" ไม่ว่าจะเป็น "เผด็จการ" หรือแม้กระทั่ง "ฮิตเลอร์" ที่หลุดออกมาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มในบางวัน ยังมีส่วนสำคัญให้ "บรรดาสมาชิกรัฐสภา" กระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าซดเครื่องดื่มชูกำลัง สลัดอาการเมื่อยล้า !!!

สำหรับ "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" ส.ส.พิษณุโลก ปชป. ก็เป็นอีกคนที่มีโอกาสโชว์ฝีไม้ลายมืออย่างเต็มที่ บนเวที "พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ" หนนี้

แต่แทบทุกครั้งก็ต้องถูกดาวดวงใหม่จากซีก พท. อย่าง "จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ" ส.ส.สุรินทร์ ลุกขึ้นสกัดจุดจ้อ

แรกๆ หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า "เขา" คนนี้คือใคร ???

แต่กว่า 11 วันที่ผ่านมา ฝ่าย ปชป.ได้กำหนดนิยามให้กับตัวผู้แทนฯเมืองช้างรายนี้ จนเห็นภาพอย่างชัดเจน ผ่านฉายาตั้งให้ ไม่ว่าจะเป็น "จ่าเสื้อแดง-จ่าเซราะกราว"

ซึ่งเมื่อใดที่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ลุกขึ้นยกข้อบังคับการประชุมรัฐสภา มาตัดบทการอภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้าน เป็นอันว่า "ได้เรื่อง" แทบทุกครั้ง

โดยเฉพาะ "ข้อบังคับข้อที่ 43 พูดจาวนเวียนซ้ำซากนอกประเด็น" ถือเป็นอาวุธประจำกายจ่าเสื้อแดงที่ได้ผลชะงัดนัก

แม้กระทั่ง ส.ส.พท.ด้วยกันเอง ยังยกให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ จากเมืองช้าง เป็น "มือวางนักประท้วงอันดับที่ 1"

และถูกบันทึกให้เป็น "ดาวประท้วง" ตลอดการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ

ไม่เพียงอาวุธหลัก "ข้อบังคับข้อที่ 43" จ.ส.ต.ประสิทธิ์ยังมีอาวุธลับเป็น "ข้อบังคับข้อที่ 5 ให้ประธานใช้อำนาจในการควบคุมการประชุม" ก็ถูกยกขึ้นมาประท้วง "ทั่นประธานที่เคารพ" อยู่เป็นระยะ

โดยเฉพาะกับ "พล.อ.ธีรเดช มีเพียร" รองประธานรัฐสภา ที่มีโอกาสลิ้มรส "อาวุธลับ" ชนิดนี้บ่อยครั้ง

ยังมีอิทธิฤทธิ์ของจ่าประสิทธิ์อีกอย่าง ที่ฝ่ายค้านถึงขั้นสยองพองขน ก็คือการเลือกใช้คำพูดเสียดสี บาดความรู้สึกฝ่ายตรงข้าม

ไม่ว่าจะเป็น "ปากตลาด-ปากสุนัข" ไปจนถึง "หน้าคางคก" จนถูกตอกกลับมาเหมือนกันว่า "จ่าประสาท"

และหลายครั้งก็ถูก "ฝ่ายค้าน" แทงกลับด้วย "ข้อบังคับข้อ 5 ขอให้ประธานใช้อำนาจควบคุมจ่าประสิทธิ์" เช่นกัน !!!

กลายเป็นเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นแบบ "ถ่ายทอดสด" ระหว่างการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ

"นิคม ไวยรัชพานิช" รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ในฐานะคนกลางผู้นั่งดูเกมอภิปรายมาตลอด 11 วัน ที่รัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ ให้ความเห็นว่า การอภิปรายที่ยืดเยื้อ ส่วนสำคัญเป็นเพราะการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม ที่อะลุ้มอล่วยมากเกินไป จึงทำให้สมาชิกใช้สิทธิอภิปรายยืดเยื้อจนเวลาล่วงมากว่า 10 วัน จนเกิดการปะทะ และการประท้วงจนนำไปสู่การ "หลอกด่า" แล้ว "ถอนคำพูด"

เพื่อที่จะได้ "หลอกด่า" ซ้ำอีกรอบ

ทางที่ดีควรตัดบทก่อนสมาชิกจะใช้คำพูดไม่เหมาะสม เพื่อมิให้อีกฝ่ายใช้สิทธิประท้วงได้ !

และแม้ผู้ประท้วงจะมีโอกาสแสดงตนออกหน้าจอ "โทรทัศน์" ทุกครั้งที่แสดงบทบาท แต่ "ส.ว.นิคม" กลับมองว่า เป็นการส่งผลเสียให้กับตัวเอง เพราะจะทำให้ประชาชนเกิด "ความเบื่อหน่าย" มากกว่า "ชื่นชม"

ดังนั้น "ประธาน" ผู้ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม จะต้องเข้มงวดและทำความเข้าใจสมาชิกก่อนประชุมให้เรียบร้อย

น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า !

เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชน "หดหู่" ขณะรับชม "ดาราผู้ทรงเกียรติฯ" หน้าจอขณะถ่ายทอดสด "การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ" ครั้งนี้

ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น

ยกเว้นคนที่ไม่อยากให้มี "สภาฯ"

[นายไข่นุ้ย]

   คุ้มกับเงินที่ได้ไหมนี่ เดือนเป็นแสน

[puiey]

ประธานสภาทำหน้าที่ ได้ห่วยมาก ไม่น่ามาเป็นเลย ควบคุมการประชุมไม่ค่อยได้ เผด็จการด้วย

[น่าเอาไปทำปุ๋ย]

ประธานสภาทำหน้าที่ ได้ห่วยมาก ไม่น่ามาเป็นเลย ควบคุมการประชุมไม่ค่อยได้ เผด็จการด้วย

เข้มงวดก็ว่า เผด็จการ

อะรุ่มอะหร่วยก็ว่า ห่วยมาก

คุณไม่เคยทำหน้าที่นี้ ไม่รู้หรอก

เสือ สิงห์ กระทิง แรต ทั้งสภา

ผมว่านะ น่าออกเป็นกฏของสภา

ใครก็ตามถ้าอยากประท้วง ให้จำไว้

ประชุมครั้งใดใน ๑ วัน

๑ คน ประท้วงได้ครั้งเดียว

ไม่ใช่ประท้วงจำเจน่าเบื่อ ซ้ำซาก

เห็นๆ รู้ๆ เป็นใคร งี่เหง้า

แค่อยากออกทีวีเท่านั้น  เซ็ง

[ซุปเปอร์ฮีโร่]

 

[puiey]

เข้มงวดก็ว่า เผด็จการ

อะรุ่มอะหร่วยก็ว่า ห่วยมาก

คุณไม่เคยทำหน้าที่นี้ ไม่รู้หรอก

เสือ สิงห์ กระทิง แรต ทั้งสภา

ผมว่านะ น่าออกเป็นกฏของสภา

ใครก็ตามถ้าอยากประท้วง ให้จำไว้

ประชุมครั้งใดใน ๑ วัน

๑ คน ประท้วงได้ครั้งเดียว

ไม่ใช่ประท้วงจำเจน่าเบื่อ ซ้ำซาก

เห็นๆ รู้ๆ เป็นใคร งี่เหง้า

แค่อยากออกทีวีเท่านั้น  เซ็ง

อย่างน้อย ประธาน สมัยที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่ทำให้สภาวุ่นวายเท่านี้ มีข้อเสนออะไรก็ไปบอกกับประธานสภาเองนะครับ ผมวิจารณ์อย่างเดียวไม่มีหน้าที่ไม่มีความสามารถไปสอนคนแก่ได้ครับ ยังเด็กอยู่

[แต่ก็น่าจะสอน]

อย่างน้อย ประธาน สมัยที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่ทำให้สภาวุ่นวายเท่านี้ มีข้อเสนออะไรก็ไปบอกกับประธานสภาเองนะครับ ผมวิจารณ์อย่างเดียวไม่มีหน้าที่ไม่มีความสามารถไปสอนคนแก่ได้ครับ ยังเด็กอยู่

พูดไปทำไม ? ประธานเองก็เอือม สส ที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง

เดี๋ยวหาว่าไปสอนเขาที่เป็นนักการเมืองอาชีพ  ที่เราแค่ประชาชน

ทว่า นักการเมืองที่อยู่ในสภาที่เราดูจากการถ่ายทอดสดแล้ว

ไม่อยากบอกเลย บางคน เน้นก่อนนะบางคนและหลายคนมาก

ดูแล้วไม่ดูแคลนหรอก  แต่เหมือนเด็กปัญญาอ่อน ยังไงยังงั้น

ที่อย่างจะแนะนำและให้ปฏิบัติก็คือ  ในการที่จะอภิปรายทุกครั้ง

ไม่ต้องบอกชื่อและไม่ต้องเอ่ยเคารพประธานแถมบอกข่าวฝากชาวบ้าน

มีอะไร สาระอะไร ก็พูดในประเด็นเลย ไม่ต้องไปร่ายน้ำท่วมทุ่งด้วย เช่น

"กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ ขอขอบคุณท่านประธานที่ให้โอกาสกระผม

ได้มีโอกาสพูด  กระผมนาย..........สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร์จังหวัด.......

ผู้เป็นสมาชิกสภาอันทรงเกียรตินี้ ขอฝากไปถึงพี่น้องในจังหวัด......ของกระผม

ว่ากระผมได้ทำหน้าที่นี้แล้วในสภาอันทรงเกียรตินี้ กระผมจะไม่พูดมากให้เสีย

เวลาของสภาอันทรงเกียรตินี้ แต่ขอฝากบอกไปยังพี่น้องประชาชนด้วยว่า"

เห็นไม๊ครับว่าเสียเวลาไปโดยไม่ได้อะไรเลย และทุกคนที่เป็น สส พูดแบบนี้ทุกคน

เซ็งจริงๆ ถ้าสมมุตว่ากำหนดเป็นกฎของสภาดีไม๊ว่า  "ใครก็ตามหลังจากประธานชี้ให้พูด

ลุกขึ้นก็ พูดเรื่องที่ต้องการพูดเลย  ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า และให้ประธานเข้มงวด

ให้คนละ สิบนาฑีทุกคน พอหมดเวลาต้องหยุดพูดทันที  ถ้าพูดไม่จบก็แสดงว่า สส

คนนั้นไม่มีความสามารถในการนำเสนอ"

ผมก็แค่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น