ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ใครมีลูกสาวต้องคลิกอ่านข่าวนี้.....

เริ่มโดย Bush, 08:28 น. 18 พ.ค 55

Bush

                             ซื้อวัคซีนมะเร็งปากมดลูก สัปดาห์หน้าเคาะราคากลาง


                                                                                  [attach=1]



เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในการประชุมป้องกันมะเร็งปากมดลูกโดยการใช้วัคซีน โดยมี นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ร่วมกับ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ ตัวแทนจากคณะแพทยศาสตร์ และตัวแทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปชส.) เพื่อพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าในการใช้วัคซีนมะเร็งปากมดลูก เป็นวัคซีนพื้นฐานให้แก่เด็กหญิง

นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอข้อมูลวิชาการที่มีการศึกษาเรื่องความคุ้มค่าการใช้วัคซีน แต่ยังขาดหน่วยงานโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) ซึ่งได้ทำการศึกษาความคุ้มค่าและราคาที่ควรจะเป็นในการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะมีการประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ จากการนำเสนอการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ พบว่า มีข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาที่ต่างกัน โดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ คำนวณราคาที่ควรจะเป็นโดยเทียบเคียงกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันมีการให้วัคซีนประชาชนอยู่ที่เข็มละ 500 บาท ส่วนตัวแทนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่าจากการคำนวณทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ราคาที่คุ้มทุนอยู่ที่เกือบ 2 พันบาท นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาของ HITAP ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ต้องนำเหตุผลทั้งหมดมาคิดร่วมกัน ก่อนที่จะนำไปสู่การหาราคากลางที่รัฐบาลสามารถหางบประมาณในการจัดซื้อได้ ก่อนนำเสนอ ครม.ต่อไป

นพ.สุรวิทย์กล่าวต่อว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม จากรายงานในปี 2551 มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ในประเทศไทยเกือบ 10,000 คนต่อปี เสียชีวิต 5,216 คน หรือประมาณร้อยละ 52 โดยส่วนใหญ่มักจะพบในช่วงอายุ 45-50 ปี ถือเป็นอุบัติการณ์สูงในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกคือ การมีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย การสูบบุหรี่ และภาวะภูมิต้านทานต่ำ ที่สำคัญคือปัญหาความไม่ครอบคลุมของระบบสาธารณสุขในการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ทั้งวิธีแปปสเมียร์ (Pap Smear) และ VIA (Visual Inspection with Acetic acid) ที่มีส่วนทำให้การเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกยังไม่ลดลง

นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้กับเด็กหญิงอายุ 12 ปี ถือเป็นโครงการเพื่อส่งเสริมป้องกัน ส่วนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นการทำเพื่อรักษาและลดอัตราการตาย การฉีดวัคซีนจึงถือเป็นโครงการเพื่อทำให้ไม่เกิดโรค ซึ่งในส่วนของกรมอนามัยได้เสนอในเชิงนโยบาย แต่ราคาที่เหมาะสมจะอยู่ที่เท่าไหร่ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ทำการศึกษาไว้แล้ว และขึ้นอยู่กับว่าราคานั้นรัฐบาลจะสามารถจัดหางบประมาณได้หรือไม่

(ที่มา:มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 17 พ.ค.2555)

อนามัยจะนะ


           อยากให้ติดตามข่าวค่ะ  คนมีลูกต้องป้องกัน เหมือนวัคซีนโปลิโอ ฯลฯ