..จิตแพทย์ชี้ “ป้าเห็บหมา” เข้าข่ายโรคจิตจริง มวลชนนัดบุกจี้คดีศุกร์นี้ ...

[เป็นต่อ]

       
       ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เผยผลการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวชของนาง "ฐิตินันท์" ผู้ต้องคดีหมิ่นเบื้องสูง จากทีมจิตแพทย์ทั้ง 11 คน สรุปเข้าข่ายป่วยเป็นโรคจิตจริง ก่อนทำเรื่องพร้อมเสนอความเห็นต่อพนักงานสอบสวนวันพรุ่งนี้ ด้านมวลชนเตรียมบุกทวงถามความคืบหน้าทางคดีที่ สตช.ศุกร์นี้
       
       วันนี้ (15 ส.ค.) นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวถึงความคืบหน้าถึงกรณีการรับตัว นางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 63 ปี ก่อเหตุไม่เหมาะสมต่อพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหตุเกิดหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งติดกับสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ ขณะมีการพิพากษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อทำการ "เคสคอนเฟอเรนซ์" ที่ต้องอาศัยการเฝ้าสังเกตอาการจากนักจิตวิทยา และจิตแพทย์ พยาบาล ก่อนประเมินอาการผู้ป่วย ว่า หลังจากเข้ารับการบำบัดเป็นเวลา 1 เดือน
       
       โดย นายแพทย์ ศิริศักดิ์ กล่าวถึงผลการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวช ประกอบไปด้วย จิตแพทย์จำนวน 11 คน พยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก นักสังคมสงเคราะห์ นักกิจกรรมบำบัด โดยมีที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต นายแพทย์หม่อมหลวง สมชาย จักรพันธุ์ อดีตอธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธาน โดยการประชุมวินิจฉัย ซึ่งการวินิจฉัยได้เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 17.30 น.ซึ่งสรุปว่า นางฐิตินันท์ เข้าข่ายป่วยเป็นโรคจิตจริง

[puiey]

ต้องเอาผิดลูกหลานที่ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ออกมาทำเรื่องไม่ดีได้ยังไง เพราะกฎหมายไม่เอาผิดคนบ้า

[นายไข่นุ้ย]

ต้องเอาผิดลูกหลานที่ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ออกมาทำเรื่องไม่ดีได้ยังไง เพราะกฎหมายไม่เอาผิดคนบ้า

ใช่ครับ   +10

[ช่อ2012]

เห็นด้วยครับ กม เอาผิดคนบ้าไม่ได้ แต่ลูกหลานคนบ้าต้องร่วมรับผิดชอบ

[wareerant]

รู้ทันกฎหมาย : อย่าถือคนบ้า
นั่นมันเป็นคำกล่าวที่เตือนสติ ผู้ประสบพบคนบ้าว่า อย่าได้ไปตอแยอยุ่งเกี่ยว แต่ของพรรค์นี้บางทีก็หนีไม่พ้น การที่คนบ้าทำอะไรไป จะได้รับโทษทางกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องสนใจ แม้เราจะไม่ได้บ้ากับเขาด้วยก็ตาม


คนที่บ้าแล้วทำความผิดทางอาญานั้น มีให้เห็นไม่น้อย และเราก็รู้กันดีว่าความรับผิด ทางอาญานั้นต้องคำนึงถึง เจตนา เป็นหลัก ส่วนนี้นี่เองที่ทำให้คนบ้าทั้งหลาย ถ้าทำความผิดไปโดยไม่เจตนา และไม่รู้เนื้อรู้ตัว จึงได้รับยกเว้นโทษสำหรับ ความผิดนั้น แม้จะถึงขั้นทำให้คนอื่น เขาเลือดตกยางออกหรือตายไป ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องต่อศาล แล้วแก้ตัวว่า ทำไปในขณะที่บ้า หรือควบคุมบังคับตัวเองไม่ได้ จึงรอดพ้นคุกไป แต่ศาลท่านอาจพิจารณา ส่งไปบำบัดรักษาอาการบ้า เสียก่อนก็ได้ ไม่ใช่จะปล่อยให้ลอยนวล ออกไปบ้าต่อได้เสมอไปทุกราย

ความบ้านี้ หมายถึงอาการทางจิต ไม่ใช่บ้าระห่ำหรือบ้าอำนาจ โดยกฎหมายค่อนข้างจำกัดเอาไว้ว่า ต้องเป็นพวก จิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน ซึ่งบางทีก็รู้ด้วยการดูก็เห็นแล้วว่า มันบ้าจริง แต่บางทีก็ยากจะรู้ได้ คนที่จะตัดสินว่า ไม่ต้องรับโทษ เพราะบ้ามีเพียงศาลเท่านั้น ตำรวจหรือผู้เสียหายหรือใครๆ ก็จะตัดสินเช่นนั้นไม่ได้ และที่ว่าบ้าถึงขั้นที่ กฎหมายกำหนดนั้น ศาลเองก็ย่อมไม่รู้ดีไปได้ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั่นคือ บรรดาจิตแพทย์ หรือที่เรียกว่า นิติจิตเวชอะไรทำนองนั้น ซึ่งก็จะต้องมีการตรวจ และทำรายงานความเห็นต่อศาลด้วย และไม่ว่าจะบ้าแบบเห็นๆ หรือแบบหลบในอย่างไร ทั้งสองกรณีก็ต้องมีการตรวจพิสูจน์ และให้ศาลเป็นผู้พิพากษา

ข้อสำคัญการจะไม่ต้องรับโทษนั้น ต้องปรากฏว่าได้กระทำ ในขณะที่เป็นบ้าด้วย ถ้าพวกคุ้มดีคุ้มร้าย ก็ต้องดูว่า ทำในขณะที่ดี หรือบ้า หรือว่าสติดีมาตลอด แต่พอจับได้ก็เลยตกใจจนบ้า จะมาอ้างเหตุอย่างนี้ไม่ได้ และต้องบ้าสนิทด้วย ประเภทบ้าจริง แต่ยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง อย่างนี้ก็ต้องรับโทษ เพียงแต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

คนที่เป็นบ้า แล้วไม่ต้องรับโทษดังกล่าวนั้น ยังมีมาตรการดูแลทางแพ่งด้วย เพราะถ้าปล่อยให้บ้าไร้คนดูแล ก็จะเกิดความเสียหายแก่ผู้คนทั้งหลาย และแม้แต่คนบ้านั้นเองด้วย การจัดการทรัพย์สินของตัวเอง ไม่เสียหายเพราะบ้า ทำอะไรไปก็มีคนมาหลอกเอาได้ง่ายๆ อย่างนี้ต้องมี ผู้อนุบาล มาคอยดูแล ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเข้าเรียน อนุบาลที่ใด แต่เป็นตำแหน่ง ที่กฎหมายกำหนดให้แก่ผู้ที่จะมาดูแลคนบ้านี้ และคนที่จะจัดการให้ มีผู้อนุบาลได้ ก็ต้องเป็นผู้มี ส่วนได้เสียทั้งหลาย เกี่ยวกับคนบ้า เช่น เป็นพ่อแม่ คู่สมรส ลูก หรือเป็นญาติ ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คงไม่มีคนบ้าที่ไหน ยื่นคำร้องขอต่อศาลเองได้ พนักงานอัยการจะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ให้ได้ และเมื่อเป็นผู้อนุบาลแล้ว ก็ต้องจัดการทรัพย์สิน และดูแลคนบ้านี้ให้ดีตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้

การยื่นเรื่องที่ศาลต้องมีการไต่สวนตรวจดู ให้แน่ใจว่าใช่อย่างที่ร้องขอมา โดยผู้ร้องขอจะต้องขอให้ศาล สั่งให้คนบ้าคนนี้ เป็นคนไร้ความสามารถ แล้วขอตั้งผู้อนุบาล ซึ่งอาจเป็นผู้ที่ยื่นคำร้อง หรือเป็นคนใดก็ได้ที่เหมาะสม แต่ถ้าบ้ายังไม่ถึงขั้น วิกลจริต เพียงแค่มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ จนไม่สามารถจัดการงานโดยตนเองได้ หรือขืนจัดการไปอาจเสื่อมเสียแก่ ทรัพย์สิน หรือครอบครัวของตัวเอง ก็จะเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีคนมาดูแลเหมือนกันเรียกว่า ผู้พิทักษ์ ทั้งสองอย่างนี้จะร้องขอต่อศาล ก็ไม่ต้องรอให้มีการทำความผิดทางอาญาเสียก่อน เป็นคนละเรื่องกัน และจะมาอ้างว่าคนบ้าคนนี้ เคยทำความผิดทางอาญา แต่ศาลได้พิพากษาว่า ทำในขณะเป็นบ้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องไต่สวน เลยนั้นไม่ได้

แม้จะไม่ถือสาคนบ้าและน่าเห็นใจและสงสาร แต่ถ้าปล่อยให้มีคนบ้าเพ่นพ่าน โดยไม่มีกฎหมายมาอำนวย ให้ได้รับความคุ้มครอง ก็จะเสียหายทั้งคนบ้า และคนทั่วไป หากเห็นคนบ้าที่ไหน ก็ควรรีบให้กฎหมายเข้ามา จัดการ

สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2543

http://www.nationejobs.com/content/legal/labour/template.php?conno=76

[คนสงสัย]

ถ้าคือว่าป่วยเข้าข่ายเป็นโรคจิต แต่ทำไมถึงทำหนังสือเดินทางได้
ทำไมถึงเดินทางไปไหนมาไหนได้ แล้วจะให้พ้นโทษได้อย่างไร
ในเมื่อทำความผิดในสิ่งที่คนทั่วไปเค้าไม่กระทำกันแบบนี้
กระทำกับเบื้องสูงโดยไม่สมควรอย่างยิ่งเลย
หากป่วยเป็นโรคจิตจริงก็ต้องมีบุคคลที่คอยดูแลมารับผิดชอบ
ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นจะมีกฎหมาย จะมีศาลไว้ทำไม

[ข้าแผ่นดิน]

อยากรู้จัง ใครเป็นคนเรียกคนแรก มันโดนจริงๆ
             "ป้าเห็บหมา"