ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ศาลาน้ำหน้าจวนเมืองสงขลา

เริ่มโดย พี่แอ๊ด, 22:43 น. 15 มี.ค 53

หม่องวิน มอไซ

สามแยกสำโรง ถือว่ามีมานานจริง ๆ นะครับ
เสียดายที่ตัวหนังสือที่เขียนไว้ในแผนที่ เลือนลางมาก อยากรู้จังครับว่าเขียนว่าเส้นทางทั้งสอง ไปไหน
(ผมลองส่องดูในต้นฉบับที่หอสมุดแห่งชาติแล้ว ก็ไม่สามารถอ่านได้)

ต้นฉบับแผนที่ อยู่ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาครับ นำภาพมาให้ดูเล่น ๆ ครับ

หม่องวิน มอไซ

คลี่แผนที่ออกมา จะเป็นแบบนี้ครับ


คนเขารูปช้าง

สิ่งปลูกสร้างก็ลงต่ำแหน่งไว้ถูกต้องละเอียดดีครับ อย่างเช่นวงกลมสีน้ำเงินคือ "ศาลาต้นสำโรง" อจ.จรัส ฯมีรูปที่คณะขี่จักรยานเที่ยวไปจอดถ่ายภาพกัน ปัจจุบันกลายเป็นบริเวณของป้อมตำรวจ

ส่วนในวงกลมสีส้มคือ ศาลาเก่าแก่ที่มีศิลาจารึก ๓ หลัก ๓ภาษา อยู่ในบริเวณ รพ.ประสาทสงขลา(ชื่อเก่า)

หม่องวิน มอไซ

เกี่ยวกับศาลาที่สำโรงนี้ ในจดหมายระยะทางไปตรวจราชการแหลมมลายู ร.ศ.๑๒๑ กล่าวว่าดังนี้ครับ

๔.๓๐ กลับมาตพานคลองสำโรง คลองสำโรงเปนคลองเข้ามาแต่ทเลใหญ่ขวางมาออกทเลสาบตัดแหลมสงขลา ที่ตรงถนนข้ามนั้นมีสพานช้างข้ามเชิงก่ออิฐพนักก่ออิฐเชิงสพานริมถนนทั้งสองข้างมีศาลาข้างละหลังอยู่ซีกใต้ เชิงข้างตวันออกลึกเข้าไปมีอีกหลังหนึ่ง ผนังก่อด้วยหินหลังคามุงกระเบื้อง ข้างในมีศิลาจาฤก ๓ แผ่น เปนอักษรไทย ๑ แขก ๑ จีน ๑ เห็นจะความเดียวกัน หนังสือยาวมาก แต่มีใจความก็เพียงว่า พุทธศักราช ๒๓๘๘ พระยาสงขลา (สังข์) มีศรัทธาพร้อมด้วยคนมีชื่อสร้างสพานแลศาลาไว้ให้เปนประโยชน์แก่คนไปมาเปนสาธารณทาน คนนั้นออกเงินเท่านั้น ที่หว่างศาลามีแท่นนั่ง บ่อน้ำอยู่ใต้ร่มประดู่ด้วยโจทย์กันว่าแต่ที่นี่ออกไปปากคลองริมทเลหลวงไม่ไกล จึงลองเดินไป ๑๕ มินิต ถึงฝั่งทเลปากคลองตันทรายอุด เข้าว่าหน้าน้ำแล้วน้ำแทงทลุออกไปได้ มีกิ่งน้ำแยกไปจะนะในคลองนี้...

หม่องวิน มอไซ

๑๐๐ ปี ถนนรามวิถี

เอกสารที่เป็นหลักฐานชั้นต้น เกี่ยวกับการสร้าง"ถนนรามวิถี" ครับ
เป็นเอกสารประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมขุนลพบุรีราเมศวร์ ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช (ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช และอุปราชมณฑลปักษ์ใต้) ทรงชี้แจงในการที่ได้เสด็จไปตรวจราชการในมณฑลนครศรีธรรมราช โดยทรงทำหนังสือทูลเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ดังนี้

สำเนากระทรวงมหาดไทย รับวันที่ ๒๑ พฤศภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙
----------------------------------------------------------------------------------------------------

ศาลาว่าการมณฑลนครศรีธรรมราช
วันที่ ๑๓ พฤศภาคม ร.ศ. ๑๒๙
ทูลกรมหลวงดำรง ทรงทราบ

พรุ่งนี้หม่อมฉันจะทูลลาไปฉวาง ซึ่งนับว่าตั้งต้นไปตรวจราชการตามอำเภอข้างใน ๆ ในเวลานี้หม่อมฉันได้ดูการปกครองแล้วทั้ง ๓ เมือง แต่ในการที่ดูนั้นเป็นแต่ดูเผิน ๆ ยังไม่ได้ตรวจตราการงานให้ลึกซึ้งหรือเลอียด เพราะมาเที่ยวนี้เป็นคราวมาวางตราปล่อยให้ข้าราชการพ่อค้าแลราษฎรมีช่อง รับรองอย่างแข็งแรงเต็มไปด้วยเพชติลิตี้ ต่อเมื่อขากลับสงขลาจะแวะดูงานที่พัทลุงให้เลอียดแล้วอยู่สงขลาสัก ๓ อาทิตย์หรือเดือนหนึ่ง แล้วออกตรวจอำเภอชายทเลตั้งแต่เทพาถึงสิชล เลยมาอยู่เมืองนครสักเดือนหนึ่ง

ในเวลานี้จะถวายรายงานชั้นแรกเพียงที่ได้เห็น เมืองสงขลาการโยธาได้ทำไปมากจริง ถนนได้ถมหินไปหลายสาย ถนนสำคัญที่จะต้องทำในปีนี้คือสายหลังเมืองตามแนวกำแพงด้านไต้ ซึ่งเป็นทางเคียงสถานีรถไฟ จะเป็นถนนสายสำคัญในเมืองสงขลาสายหนึ่ง พระยาชลได้เริ่มรื้อกำแพงลงบ้างแล้ว และคิดจะทำถนนไปบนรากกำแพง แต่ถ้าจะทำเช่นนี้ หม่อมฉันเห็นว่ากำแพงยังอยู่อีกมาก การรื้อจะเปลืองเงินแลเปลืองเวลาเท่ากับทำตัวถนน

หม่อมฉันมาคิดดูออกจะเห็นว่า ถ้าทำถนนบนที่ราบริมกำแพงนอกเมือง รื้อกำแพงเป็นตอนเอาหินถมถนนจะได้ถนนสายนี้เร็วแลถูกกว่าที่จะทำบนรากกำแพง แล้วจึงค่อยรื้อกำแพงไปให้ตลอด ที่บนรากกำแพงเป็นที่หลวง ต่อไปจะทำห้องเช่าหรือหาผลประโยชน์อย่างอื่นก็จะได้และเข้าใจว่าแนวถนนก็จะ ได้ตรงดี ไม่ผิดอันใดที่จะทำตามแนวกำแพง แต่ถ้าทำถนนเช่นนี้จะต้องกินที่ซึ่งรถไฟต้องการสักสี่วาตลอดไป บางทีรถไฟจะขัดข้องบ้าง แต่ที่จริงที่ของรถไฟมีเหลือแหล่ สเตชั่นยังอยู่ห่างกำแพงมาก หม่อมฉันได้สั่งให้ผู้ช่วยข้าหลวงโยธาลองกรุยแลคิดเทียบเงินดู แต่เข้าใจว่าคงจะถูกกว่าที่จะรื้อกำแพงต่อไปมาก การพูนถนนปีเดียวคงจะเสร็จ ถนนคงจะเรียบร้อยทันรถไฟ


การอื่น ๆ ในเมืองสงขลาไม่มีอะไรแปลก เว้นแต่ของกินอยู่ข้างจะแพง มีเสียงว่าตั้งแต่กุลีรถไฟเข้ามามากของขึ้นราคา แต่ได้สอบถามพวกจีนพ่อค้าว่าก่อนนั้นของก็กำลังขึ้นราคาอยู่แล้ว การโจรผู้ร้ายในเมืองมีลักเล็กลักน้อยมากขึ้น เขาซัดกันว่าเพราะพวกคนเนรเทศ ความจริงก็น่าจะมีอยู่บ้าง เป็นต้นว่าเมื่อวานซืนนี้ตำรวจภูธรไปจับพวกคนเนรเทศที่หนีไปได้ ๖ คนได้ไกล้ ๆ เมือง มีของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นร่มหลายสิบสิ่ง

เมืองพัทลุงโจร ผู้ร้ายดูสงบลงและเจ้าเมืองก็ยังไม่ถูกเรื่องราวเลย แต่ถนนยังไม่ได้ทำอะไรแปลกปลาดขึ้น หม่อมฉันคิดว่าจะต้องทำถนนสายพัทลุงถึงช่องให้ดีขึ้นในปีนี้ เพราะมีเกวียนเดินระหว่างพัทลุงกับตรังอยู่เสมอ แต่ถนนสายนี้จำเป็นต้องคิดใส่หินทีเดียว เพราะหินหาได้ง่าย ในเมืองก็ไม่มีถนนอะไรสำคัญที่จะต้องทำ

ส่วนเมืองนครการโยธาหม่อมฉัน อยากจะรีบทำถนนให้ติดต่อกับปากพนัง คือ ขุดคลองสุขุมขึ้นถมถนนจะได้ประโยชน์ทั้งทางน้ำแลทางบก ถ้ารถไฟถึงเมืองนครและถ้าจะทำให้มีทางต่อปากพนังมาขึ้นรถไฟนครจะสดวกแก่คน ปากพนังโดยมาก ในอำเภอปากพนังไม่จำเป็นจะต้องทำถนนอะไรอีกนอกจากสายนี้....
...
...
ควร มิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงพระนาม) ยุคล

------------------------
//---
หนังสือ ฉบับนี้ ลงวันที่ ๑๓ พ.ค. ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ. ๒๔๕๓)
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะครบ ๑๐๐ ปีพอดีครับ
ถ้าย้อนเวลากลับไป ๑๐๐ ปีก่อน ก็จะเห็นการรื้อกำแพงเมืองออก เอามาทำเป็นถนนรามวิถี และเห็นการสร้างทางรถไฟที่เสร็จเรียบร้อยเดินรถไฟได้ตั้งแต่ ๑ ม.ค. ๒๔๕๖ (ค.ศ. 1914) ครับ

นั่นคือ ๑๓ พ.ค. ๒๕๕๓ หนังสือฉบับนี้จะครบ ๑๐๐ ปี
และ ๑ ม.ค. ๒๕๕๗ ครบรอบ ๑๐๐ ปี การเดินรถไฟสายสงขลา

หม่องวิน มอไซ

ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ยังไม่แน่ใจเรื่องปีถ่าย รหัสกระจก 45-45 เนกาติฟ 7295

ถ่ายแถวไหนของสงขลา ยังเป็นปริศนาอยู่ครับ เห็นทั้งตึกจีนและกำแพงเมือง

คนเขารูปช้าง

อจ.หม่องฯครับ ผมขอเสนอความเห็นของผมอาจจะผิดก็ได้(มีโอกาสผิดมาก)

ภาพนี้เคยมีพิมพ์เป็น ส.ค.ส.ขายด้วยตามที่จะลงประกอบ ผมคิดว่าถ่ายในตรอกแคบนอกกำแพงเมืองที่ผมลงสีน้ำตาลไว้  ทางตะวันตกของกำแพงบริเวณใกล้ๆกับตลาดบ่อพลับ(ซึ่งมีการรื้อออกไปบางส่วนแล้ว ในรูปในกระทู้ไขปริศนาร.๕เสด็จสงขลา) ซึ่งบริเวณนี้กลายเป็นถนนนครนอกในเวลาต่อมา จะเห็นกำแพงเมืองอยู่ด้านซ้ายโดยผู้ถ่ายหันไปทางทิศใต้ครับ เมื่อลองซุมดูที่ไกลๆของกำแพงมีลักษณะคล้ายป้อมขวางอยู่ครับ น่าจะเป็นป้อมไพรีพินาศที่เคยมีตรงมุมกำแพงเมืองแถวสะพานเหล็กครับ ก่อนที่กำแพงเมืองจะหักมุมไปทางตะวันออกตามแนวทางรถไฟที่ลงไปท่าสะพานเหล็ก

จากแสงเงาที่ถ่าย(ลูกศรแดง) ถ่ายช่วงประมาณ 1030 ถึง1100น. ซึ่งน่าเป็นช่วงเวลาที่ ในหลวงร.๕ เสด็จฯ และรูปที่ อจ.หม่องว่าทรงถ่ายที่สะพานคลองขวางโดยหันไปทางทิศใต้ก็ถ่ายประมาณเที่ยงวัน จากเงาชายคาบนถนน
------------------------------------------------------------------------
ในรูปประกอบที่2
ลูกศรม่วงคือทิศที่ผมคิดว่าตากล้องถ่ายครับ

ลูกศรแดงชี้ไปทางตะวันตก
------------------------------------------------------------------------

ในภาพประกอบที่3 วงกลมสีเขียวคือบริเวณที่คาดว่าถ่ายภาพนอกกำแพงเมือง

ตึกจีนสีน้ำตาลอ่อน

สีม่วงคือมุมที่คาดว่าตากล้องถ่ายภาพนี้

หม่องวิน มอไซ

ขอบคุณท่านคนเขารูปช้างมากครับ  :D
มีข้อสงสัยอยู่ ๒ ประการเกี่ยวกับประเด็นนี้ครับ
๑. ร.๕ เสด็จในครั้งนี้ ถ้าเป็นถนนนครนอก แสดงว่าเป็นคนละคราวกับภาพถ่ายประตูเมืองต่าง ๆ เนื่องจากครั้งนั้น น่าจะเสด็จฯ มาตามถนนนครใน
๒. นอกกำแพงทางด้านซ้ายมือของภาพ เป็นทิศตะวันออก ดูมีต้นไม้ใหญ่มากมาย ซึ่งที่จริงบริเวณนั้นน่าจะเป็นบ้านคนนะครับ

แต่เห็นด้วยครับว่า น่าจะถ่ายไปทางทิศใต้ ทั้งประเด็นเรื่องป้อม และมองเห็นไกล ๆ ว่ามีเขารูปช้างหรือเขาเทียมดาด้วยครับ  ::)

คนเขารูปช้าง

อจ.หม่องฯ ครับ ความเห็นผมคิดว่าการเสด็จพระราชดำเนินของพระองค์ท่านในปี ๒๔๔๘
เกิดขึ้นบนถนนนครในเป็นหลัก จะเห็นได้ว่ามีการประดับธงทิว ธงชาติ บนถนนนครในมากมาย  มีคนมาคอยรับเสด็จสองข้างถนนนครในเต็มไปหมด มีเจ้าหน้าที่ชุดขาวยืนประจำตามจุด
บ้างก็หมอบเฝ้ารอรับเสด็จอยู่หน้าบ้านเรือนร้านค้า ส่วนตรอกย่อยนอกกำแพงเมืองช่างภาพไปถ่ายเก็บบรรยากาศไว้ จะเห็นว่าผู้คนนั่งอาศัยร่มเงากำแพง บ้างก็เดินในตรอกแคบกันตามสบายครับ

ส่วนต้นไม้ที่อจ.หม่องว่า ขึ้นอยู่มากริมกำแพงด้านในนั้น ผมคิดว่าอาจเป็นวัชพืชที่ขึ้นบนเชิงเทินของกำแพงเมืองดูลักษณะกิ่งก้านไม่ใหญ่ หรือไม่บ้านคนบนถนนนครในปลูกไว้ระหว่างหลังบ้านกับกำแพงเมืองครับ

Singoraman

ตามติดติดตามด้วยความชืนชมและตื่นเต้นครับ
วันที่ 6-11 เมย. อยากได้สมาชิกทุกท่านในห้องนี้
และเรื่องราวในห้องนี้ไปฉายภาพขึ้นจอในงาน "สงขลาแต่แรก"
ที่ ริมกำแพงเมืองสงขลาอย่างยิ่ง
ฝาก อ.ก้อย พิจารณาด้วยครับ

คนเขารูปช้าง

ขอบคุณ อจ.Singoraman และผู้สนใจทุกๆท่านที่ติดตามครับ

ผมคิดว่ามีผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งที่จะบอกเล่าเรื่องราวของภาพเก่าสงขลาได้ดีมากที่สุด
เพราะท่านเป็นช่างภาพด้วย ไม่ทราบว่าสุขภาพของท่านขณะนี้เอื้ออำนวยที่จะมาเล่าเรื่องให้ลูกหลานฟังหรือเปล่า ท่านคือ คุณหยกสินี จตุรพฤกษ์ แห่งร้านฉายาสงขลา ผมคิดว่าคณะผู้จัดงานฯน่าจะรีบติดต่อทาบทามท่านดูครับ

หม่องวิน มอไซ

จากหนังสือภาพถ่ายและสิ่งพิมพ์ ของพี่เอนก นาวิกมูลครับ

พี่แอ๊ด

ตามที่อ่านพระราชหัตถเลขาฉบับที่ 2 ของ ร.5 เรื่องเสด็จประพาส แหลมมลายู คราว รศ.108 วันที่ 29  เวลาบ่ายดูที่ปั้นหม้อ ต.บ่อพลับเหนือ จ.สงขลา เป็นที่ปั้นหม้ออย่างบางแล้ว  กลับออกไปดูที่เมรุพระยาสงขลา (พระยาวิเชียรคีรี สังข์ ณ สงขลา) ไม่ทราบปี พ.ศ.  เป็นไปได้ว่าเสด็จในคราวนี้

หม่องวิน มอไซ

ที่โต๊ะห้องสมุดของพันทิป มีท่านสมาชิกถามถึงประตูเมืองสงขลาด้วยครับ  :)
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9590069/K9590069.html

ปลาบุหลุ๊ด

เมื่อไหร่รายการ พินิจนคร จะมาถ่ายทำที่สงขลาบ้าง  สงขลามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่า จะเป็นเจดีย์ ,ป้อมปืนใหญ่ที่หัวเขาแดง สุสานเจ้าเมืองเก่า ทั้งที่เป็นจีนและมุสลิมที่ฝั่งหัวเขา ผู้คนหลากหลายเชื้อสาย บ้านเรือนเก่าๆ ที่นครนอกนครใน  วัฒนธรรมประเพณีที่มีมานานนม  อาหารการกินที่เป็นอัตตลักษณ์  เรื่องราวการสร้างบ้านแปลงเมือง  และอื่นๆ อีกมากมาย จาระไนไม่หมด

พีระ

จวนเจ้าเมืองดังรูปที่พี่เอนกให้ไว้ ปัจจุบันอยู่บริเวณบ้านคุณกระจ่าง จารุพฤกษ์พันธ์ ถามอาเจ็กแถวนั้น เคยเห็นก่อนที่จะโดนระเบิดช่วงสงครามโลก อยู่หน้าอาคารโทรศัพท์บริเวณที่สรุปกันไปจดฝั่งทะเลสาบ
เสียดายมากครับ ผมเรียนท่านเจ้าอาวาสวัดยางทองไว้ว่าจะหารูปไปให้เพราะท่านสนใจจะสร้างวิหารจีนในวัดยางทอง คงสร้างที่เดิมไม่ได้แล้งเพราะเป็นที่เอกชน แต่รูปแบบสถาปัตย์กรรมจะพยายามให้สถาปนิกเอาไปใช้ในโอกาสที่เหมาะสมครับ