เผด็จการตัวจริงเสียงจริงที่ยอมฆ่าประชาชนเพื่อรักษาบัลลังก์

[ฟานดี้]

พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ปฏิเสธที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง ท่ามกลางกระแสการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ


นี่เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของนายกัดดาฟีนับตั้งแต่เกิดเหตุ วุ่นวาย โดยเขากล่าวว่า ทั้งโลกกำลังจับตามองลิเบียและกลุ่มประท้วงกำลัง"รับใช้ปีศาจ" พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกไปจัดการพวก"แมลงสาบ" ที่แสดงการต่อต้านเขา และประกาศจะเดินหน้าสู้ต่อไปและพร้อมสละชีพ


พ.อ.กัดดาฟี ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมงในการปราศรัยด้านนอกบ้านพักของเขาในกรุงทริโปลี โดยระบุว่าตนเองเป็นนักรบและนักปฏิวัติที่นำความรุ่งโรจน์มาสู่ประเทศ ที่ต้องการเห็นลิเบียยิ่งใหญ่เป็นเสาหลักแห่งภูมิภาค และหากว่าตนเองต้องก้าวลงจากตำแหน่งจริง เขาจะยังคงเป็นผู้นำเพื่อการปฏิวัติ เขาพร้อมจะสู้ต่อไปเพื่อประเทศชาติและจะยอมสละชีพเพื่อความสงบสุขของประเทศ


"นี่คือประเทศของผม ผมจะสู้จนกระทั่งเลือดหยดสุดท้าย" พ.อ.กัดดาฟีประกาศด้วยความโกรธเกรี้ยว นอกจากนั้นเขายังกล่าวว่า "เขาจะยอมตายเยี่ยงผู้กล้าในแผ่นดินของบรรพบุรุษ" และเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกมาเดินขบวนในวันนี้ (23 ก.พ.)


เขากล่าวโทษว่า "พวกขี้ขลาดและคนทรยศ"เป็นต้นเหตุของเหตุวุ่นวาย ซึ่งพยายามทำให้ลิเบียกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความโกลาหล และสร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ชาวลิเบียทั่วไป


พ.อ.กัดดาฟี ระบุว่ากลุ่มผู้ประท้วงเป็นเพียงวัยรุ่นที่ถูกมอมเมาและปลุกปั่นให้หลงผิด และเรียกร้องให้ประชาชนชาวลิเบียที่สนับสนุนในตัวเขาออกมารวมตัวตามท้องถนน ขับไล่กลุ่มผู้ประท้วง และจัดการกับแกนนำที่สร้างความเสียหายให้ประเทศ


"จับตายหนูพวกนั้นให้หมด" เขากล่าว "ออกมาจากบ้านและถล่มพวกมันไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"


"หากถึงจุดจุดหนึ่ง เราอาจจำเป็นต้องใช้กำลังตามข้อกฏหมายนานาชาติและรัฐธรรมนูญของลิเบีย" และกล่าวเตือนว่าประเทศอาจตกอยู่ในสภาพสงครามกล่างเมือง หรือถูกครอบงำโดยสหรัฐฯการการประท้วงยังดำเนินต่อไป ใครก็ตามที่พยายามเล่นเกมกับความเป็นภราดรภาพของประเทศจะต้องถูกสังหาร"



โดยเขายกตัวอย่างที่รัฐบาลจีนใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มนักศึกษาที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ว่าความสามัคคีของคนในชาติ "สำคัญยิ่งกว่ากลุ่มผู้ประท้วงเพียงเล็กน้อย" ซึ่งเขาระบุว่าเป็นเพียง 1% ของประชากรทั้งประเทศเท่านั้น


นอกจากนั้นเขายังแสดงการต่อต้านชาติตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯที่พยายามจะสร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นในลิเบีย


โดยระหว่างการแถลงการณ์ มีรายงานถึงเหตุการยิงกันตามท้องถนนในกรุงทริโปลี ขณะที่เมืองเบงกาซี ประชาชนจำนวนมากปารองเท้าด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่ได้ชมการถ่ายทอดสดการกล่าวแถลงการณ์ดังกล่าว


ขณะที่กระทรวงมหาดไทยลิเบีย เปิดเผยตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตรวมอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่เหตุประท้วงก่อตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าอยู่ที่ 300 ราย โดยเป็นพลเรือน 189 คน และทหารอีก 111 นาย โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่เมืองเบงกาซี เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ อย่างไรก็ดี กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงถึง 400 ราย

ขณะที่ กัดดาฟี ได้จ้างทหารรับจ้างชาวต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่มาจากทวีปแอฟริกาออกปราบปรามผู้ชุมนุมแทน โดยมีรายงานว่าทหารรับจ้างกลุ่มดังกล่าวได้กราดยิงสังหารประชาชนที่เดินตาม ท้องถนนทุกคนจนซากศพเกลื่อนเมือง ซึ่งกัดดาฟี ได้ออกมากล่าวว่าประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ติดสัญลักษณ์สีเขียวไว้ที่แขน เพื่อความปลอดภัยของตน

จากเหตุการนี้ จะทำให้น้พมันแพงขึึ้้นเรื่อยๆเพราะลิเบียลดการผลิตน้ำมันลงแล้ว 4-5 แสนบาเรลต่อวัน

5555...

[นักสังเกตุการณ์]

มันเพี้ยนมาตั้งแต่เกิดแล้วครับ ตอนนี้แบตเตอรี่เริ่มอ่อนแล้ว หมดเวลาเสียที

[riddick]

จริงๆไอ้กัดดาฟี่ มันน่าจะตายไปพร้อมซัดดัมตั้งนานแล้ว คนลิเบียเพิ่งตื่น

[ฟานดี้]

จริงๆไอ้กัดดาฟี่ มันน่าจะตายไปพร้อมซัดดัมตั้งนานแล้ว คนลิเบียเพิ่งตื่น

เดอะเทเลกราฟฟ์ของอังกฤษ ได้เผยภาพสุดระทึกของเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกองกำลังกบฎลิเบีย กับกองกำลังกัดดาฟี ที่เกิดขึ้นในเมืองราส ลานูฟ ทางตะวันออกของลิเบีย

ซึ่งจากเหตุดังกล่าวมีรายงานว่ากองกำลังกบฎเป็นผู้ชนะ หลังได้เสริมกำลังสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายสนับสนุน กัดดาฟี เข้ายึดเมืองดังกล่าวได้
















..ล่อกันมันหยดจริง ๆ..

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.telegraph.co.uk