สถานสงเคราะห์คนอนาถาหาดใหญ่

[พี่แอ๊ด]

ภาพนี้เป็นภาพของสถานสงเคราะห์คนอนาถา
ถ่ายในปี พ.ศ.2460  ซึ่งอยู่ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 (สาม 3) 
เยื้อง ๆ ร้านขายหนังสือแพร่วิทยา ในปัจจุบัน
ผู้บริจาคที่ดินแห่งนี้  คือ  ขุนนิพัทธ์จีนนคร
หรือ เจียกีซี  บริจาคตั้งแต่ปี 2457

[พี่แอ๊ด]

ขุนนิพัทธ์ฯ บริจาคที่ดินบนถนนสาย 3  เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน
45 ตารางวา  พร้อมใช้เงินส่วนตัวสร้างอาคารเรือนไม้ 3 หลัง
เพื่อใช้เป็นที่รักษาพยาบาลคนงานชาวจีน  และเป็นที่พักของ
ชาวจีนที่อพยพที่ไม่มีที่พักอาศัยได้พักอาศัย  พร้อมจัดให้หมอ
ซึ่งเป็นญาติจากประเทศจีน  ช่วยจัดยาจีน  โดยไม่คิดค่า
รักษาแต่อย่างใด

[พี่แอ๊ด]

ภาพขุนนิพัทธ์จีนนคร  ผู้บุกเบิกเมืองหาดใหญ่
และเป็นผู้ก่อตั้งสถานสงเคราะห์คนชราอนาถาหาดใหญ่

[พี่แอ๊ด]

คนงานจีนที่ก่อสร้างทางรถไฟและทำเหมืองแร่ของขุนนิพัทธ์ฯ
เมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้น  ไม่มีสถานที่ปฐมพยาบาล  ขุนนิพัทธ์ฯ
ให้คนจีนที่มีความรู้ทางการรักษาเป็นผู้ทำการรักษา
เมื่อหมู่บ้านโคกเสม็ดชุน  เป็นชุมชนใหญ่ขึ้น  มีชาวจีนอพยพ
เข้ามาอาศัยจำนวนมาก เช่น แต้จิ๋ว, ไหหลำ, ฮกเกี้ยน. ฮากกา
และ กว๋องสิว  ชาวจีนดังกล่าวไม่มีที่พักอาศัย  ท่านจึงได้บริจาค
สถานที่แห่งนี้

[พี่แอ๊ด]

ขุนนิพัทธ์จีนนคร  ให้ชาวจีน 5 ภาษา ที่อาศัยในสถานที่แห่งนี้
คัดเลือกผู้นำขึ้นมาปกครองดูแลกันเอง  พร้อมทั้งดูแลสถานที่ด้วย
ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากพ่อค้าชาวจีนช่วยบริจาคเงิน เพื่อ
จัดหาอาหาร  เครื่องนุ่งหุ่ม  ยารักษาโรค
ภาพนี้เป็นวันวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2500

[พี่แอ๊ด]

ภาพถ่ายด้านหน้าวันวางศิลาฤกษ์  วันที่ 31 ธันวาคม 2500

[พี่แอ๊ด]

ต่อมานายชีกิมหยงและนางละม้าย ฉัยยากุล บริเวณที่ดินใกล้เคียง
จำนวน 86 ตารางวา 
พ.ศ.2492  นายหลีเสียง  คนจีนชาวกว๋องสิน  บริจาคที่ดิน
1 งาน 84 ตารางวา  หากใครอยู่หาดใหญ่คงจำได้ว่าบริเวณนั้น
เป็นโรงงานซีอิ๊ว 

[พี่แอ๊ด]

ต่อมาขุนนิพัทธ์ฯ  เห็นว่าเมื่อมีคนจีนที่พักอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้
เสียชีวิตลง  ไม่มีที่ฝังศพ  จึงบริจาคที่ดินตำบลบ้านพรุ  เนื้อที่
ประมาณ  193 ไร่  เพื่อใช้เป็นสุสานสำหรับฝังศพเป็นวาระสุดท้าย
ของคนจีนเหล่านั้น

[พี่แอ๊ด]

ภาพขุนนิพัทธ์ฯ  คนที่ 5 จากซ้าย  เมื่อวันที่
1 กุมภาพันธ์ 2504

[พี่แอ๊ด]

ขุนนิพัทธ์ฯ คนที่ 5 จากซ้าย ถ่ายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2505

[พี่แอ๊ด]

สถานที่แห่งนี้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิถูกต้องตามกฏหมาย
เมื่อวันที่ 10  เมษายน 2517  ใช้ชื่อว่า มูลนิธิจงฮั่ว
สงเคราะห์คนชราอนาถา   
ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 184  ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3
ตรงข้ามโรงแรมหาดใหญ่เซ็นทรัล
เยื้อง ๆ กับร้านแพร่วิทยา สาม 3
เป็นถนนที่มีราคาสูงทั้งในอดีตและปัจจุบัน

[พี่แอ๊ด]

นี่คือภาพประวัติศาสตร์ของเมืองหาดใหญ่  และประวัติศาสตร์
ของมูลนิธิแห่งนี้
เป็นภาพคุณกิตติ  จิระนคร  ทายาทขุนนิพัทธ์ฯ คนที่ 11
และคุณมาลี  จิระนคร  ทายาทขุนนิพัทธ์  คนที่ 9
กำลังมอบกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินให้แก่ ประธานมูลนิธิสมัยที่ 60
เมื่อวันที่ 18  มิถุนายน  2548  ณ  ห้องประชุมชั้น 2
ของมูลนิธิแห่งนี้

[พี่แอ๊ด]

นายกิตติ  จิระนคร  ทายาทคนสุดท้องของท่านขุนนิพัทธ์ฯ
กล่าวความรู้สึกในงานพิธีรับมอบโฉนดที่ดินของมูลนิธิฯ เมื่อ
วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548

[พี่แอ๊ด]

นางมาลี   จิระนคร  และ  นายกิตติ  จิระนคร
ทายาทขุนนิพัทธ์ฯ  ในพิธีรับมอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ของมูลนิธิ  เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548

[August_hkt]

น่าดูจังเลย 


สงสารคนแก่

[พี่แอ๊ด]

ตราจองที่ดินของท่านขุนนิพัทธ์จีนนครในอดีต
และที่ดินแห่งนี้ที่ท่านบริจาคให้เป็นสถานสงเคราะห์
คนชราอนาถาหาดใหญ่

[พี่แอ๊ด]

ส่วนหนึ่งของโฉนดที่ดินที่ท่านขุนนิพัทธ์ฯ เป็นผู้บริจาค
ต่อมา  นายกิตติ  จิระนคร  ทายาทคนสุดท้องของ
ขุนนิพัทธ์ฯ  ได้โอนให้เป็นชื่อของมูลนิธิแห่งนี้

[พี่แอ๊ด]

ประวัตินายกิตติ  จิระนคร  ทายาทขุนนิพัทธ์

[พี่แอ๊ด]

ใช่คะ  บางคนลูกนำมาอยู่ที่นี่  โดยอ้างว่าไม่มีเวลาดูแล
เมื่อปีที่แล้วไปธุระที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยที่คลองเตย  เป็นอาคาร
พาณิชย์ 3 ชั้น  หันไปเห็นผู้ชายนอนอยู่บนเตียง  จำได้
ว่าเป็นเถ้าแก่  สอบถามทำไมจึงมาอยู่ที่นี่  เถ้าแก่เล่าให้
ฟังว่า ลูกหลอกให้โอนที่ดิน แล้วตัวเองไม่สบาย  ลูกพาไป
โรงพยาบาลหาดใหญ่ พยาบาลโทรไปตามให้มารับ ปรากฏ
ว่าเขาให้ไปส่งที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยแห่งนี้  เจ้าของศูนย์ฯ
บอกว่าลูกเอาเงินค่าจ้างมาให้ทุกเดือน  แต่ให้รับที่รถ 
ไม่เคยลงจากรถมาเยี่ยมเลย  เลยถามว่า  อยากจะกินอะไร
ไหม  คำตอบที่ได้รับก็คือ อยากกลับบ้าน

[วสันตฤดู :)]

เหอๆ สลดมากครับ กับการที่ลูกทิ้งพ่อแม่

แล้วอ้างว่าไม่มีเวลา ไม่ีมี..... บลาๆๆๆ
ไม่คิดบ้าง ว่าพ่อแม่เค้าให้เวลาท่านทั้งชีวิตกับเรา
เค้าไม่ได้ต้องการให้เราอยู่กับเค้าตลอดเวลา
แ่ค่กลับมาเจอหน้ากัน กินข้าวด้วยกัน ดูแลกัน
แค่นี้ก็สุขแล้วครับ

[พี่แอ๊ด]

ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3  เป็นถนนที่ราคาที่ดินแพง
มากที่สุดสายหนึ่งของหาดใหญ่

[คนเมืองนี้]

เรื่อง"เอาพ่อมาทิ้ง"เป็นเรื่องจริง อยู่ที่นี่มีคนดูแล มีข้าวกิน มีเงินบริจาคให้ด้วย แต่ส่วนใหญ่อยากกลับบ้านไปอยู่กัีบลูกหลาน บางคนสร้างตัวจนมั่นคง สมบัติยกให้ลูกๆหมด ตัวเองกลับถูก"ให้ออกจากบ้านของตัวเอง" เศร้าครับ