ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

“มหาธีร์” หนุน “ไทย” ใช้เวทีการเจรจาดับไฟขัดแย้งเพื่อสันติภาพอาเซียน

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 15:56 น. 07 ก.ย 55

ทีมงานบ้านเรา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   7 กันยายน 2555 13:42 น.   

[attach=1]
ดร.มหาธีร์ โมฮำหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย "ดร.มหาธีร์ โมฮำหมัด" ยกบทเรียนความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านหลังได้รับเอกราช แต่ยึดหลักสันติภาพใช้การเจรจาตกลง และศาลระหว่างประเทศเพื่อยุติปัญหามาโดยตลอด ย้ำไทยก็ต้องอาศัยแนวทางนี้แก้ไขความขัดแย้งภายในประเทศในฐานะสมาชิกอาเซียนเช่นกัน โดยปัญหาไฟใต้นั้นหากไม่ได้รับเชิญก็จะไม่มีการเข้าไปแทรกแซง
       
       วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงปาฐกถาในเวทีการประชุมวิชาการรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์และสันติศึกษาในบริบทอาเซียน ณ หอประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
       
       ต่อมา ดร.มหาธีร์ โมฮำหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "วิสัยทัศน์ผู้นำเกี่ยวกับการเมือง ความขัดแย้ง และสันติภาพในประเทศสมาชิกอาเซียน" โดยยกประสบการณ์ และการแก้ปัญหาของมาเลเซียเป็นกรณีศึกษา และวิเคราะห์ถึงแนวโน้มการสร้างสันติภาพ ภายใต้บริบทความเป็นประชาคมอาเซียน

       ดร.มหาธีร์ โมฮำหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า จากการที่ประเทศมาเลเซียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษเป็นเวลานาน เมื่อเป็นอิสระก็ต้องเข้ามาดูแลกันเอง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่หลายประเทศในอาเซียนคัดค้านทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงไทยที่มีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ กันอยู่บ้าง แต่ก็ต้องจัดการปัญหาเหล่านี้ทั้งที่ไม่ได้มีประสบการณ์
       
       มาเลเซียอยู่ท่ามกลางพรมแดนที่ติดกับเพื่อนบ้านหลายประเทศ และมีปัญหากับทุกๆ ประเทศเพื่อนบ้าน ไทยก็มีการอ้างสิทธิซ้ำซ้อนสามเหลี่ยมทางทะเลจีนใต้ ซึ่งอาจจะทำสงครามในช่วงนั้นก็ได้ แต่ผู้นำของ 2 ประเทศในช่วงนั้นก็ไม่ได้ต้องการ และตกลงร่วมกันเพื่อสันติ จึงตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าซาบซึ้ง และยิ่งใหญ่มาก
       
       กรณีขัดแย้งกับอินโดนีเซียมีการกล่าวอ้างสิทธิของเกาะสวยงามมาก 2 แห่ง โดยเราอ้างว่าคนของเราอยู่ที่นั่นก็เป็นของเรา ซึ่งไม่สามารถเจรจาต่อรองได้เหมือนกรณีประเทศไทย จึงยืดเยื้อนาน และขึ้นศาลระหว่างประเทศให้ตัดสินว่าใครเป็นเจ้าของเกาะกันแน่ และไม่ว่าจะออกมาเช่นไรก็ต้องเคารพ ท้ายที่สุดศาลให้เป็นของมาเลเซีย ทำให้อินโดนีเซียผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องปฎิบัติตามที่ให้พันธะสัญญาว่าจะยอมรับคำติดสินของศาล แต่ถ้าเราไม่ยอมรับกันนั้น ย่อมให้เกิดการสู้รบ ความรุนแรงตามมาอย่างแน่นอน
       
       เช่นเดียวกับกรณีของสิงคโปร์ที่มีการอ้างสิทธิของหินผา และประภาคารที่อังกฤษได้สร้างไว้ เรากล่าวอ้างว่าเป็นของมาเลเซีย และให้ศาลระหว่างประเทศตัดสิน แต่ศาลตัดสินผิดไป และเราจะทำอย่างไรได้นอกจากยอมรับเช่นเดียวกัน แต่ก็ทำให้เราได้เป็นมิตรกับสิงคโปร์โดยไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรง
       
       หรือกรณีบรูไน เราอ้างสิทธิที่ครอบครองทางทะเล และส่งเรือไปขุดเจาะหาน้ำมันซึ่งก็อาจมีไม่มาก บรูไนก็ส่งเรือรบเข้ามาต่อต้าน แต่ผู้นำของมาเลเซียเห็นว่าไม่ได้มีค่ามากมายที่จะช่วงชิงพื้นที่ทางทะเลนั้น และตกลงที่จะขุดเจาะหาน้ำมันร่วมกันด้วยการเจรจาต่อรองเท่านั้น อาเซียนจึงสามารถแก้ความขัดแย้งด้วยวิธีการสันติ ตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มอาเซียนนั้นก็มีการพบประระหว่างผู้นำมาโดยตลอด สามารถโทรศัพท์ถึงกันได้ด้วยการพูดคุยเป็นการส่วนตัว
       
       ดร.มหาธีร์ กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลืมความรุนแรงในการช่วงชิงสิทธิครอบคลุมต่างๆ และหลีกเลี่ยงเป็นการเจราต่อรอง ใช้ศาลสถิตยุติธรรม แต่เราอาจละเลยการขึ้นศาล ดังนั้น ทางออกในการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ต้องมีการเตรียมใจว่าอาจจะแพ้ หรือชนะก็ได้ แต่ต้องยึดวิธีการสันติ ต่อรอง ทำอนุญาโตตุลาการ ไปศาลระหว่างประเทศให้ชี้ขาด นี่น่าจะเป็นวิธีการที่มีอารยธรรมมากกว่า เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ทั่วโลก ถ้าคุณคิดอย่างระมัดระวังจะเห็นว่าอาเซียนมีความสำเร็จมากที่สุด หลายประเทศในโลกต้องการเสวนากับเรา ทั้งสหรัฐฯ อินเดีย ยุโรป ในการส่งเสริมความสัมพันธภาพอันดีทั้งในด้านเศรษฐกิจกับประเทศอื่นๆ
       
       นอกจากนี้ ได้หยิบยกตัวอย่างอีกว่า กรณีความขัดแย้งกับจีนก็เช่นกัน เขากล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของทะเลด้วยมีการตั้งชื่อทะเลจีนใต้ ก่อนอื่นเราต้องศึกษาความซับซ้อนของการกล่าวอ้างเพื่อหาวิธีการแก้ไข เพราะหากอ้างความเป็นเจ้าของโดยชื่อแล้ว มหาสมุทรอินเดียก็ไม่ต้องเป็นของอินเดียหรือ  ที่สำคัญคือ ต้องประเมินระดับของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น จีนเป็นพี่ใหญ่มีประชากรเป็นพันล้านคน และเราไม่ควรไปทำเช่นนั้น จีนเองไม่ได้อยากมีสงคราม เพราะในเชิงเศรษฐกิจแล้วเขาก็คงห่วงเรื่องสินค้าที่กระจายอยู่แทบทุกแผงของต่างประเทศ ซึ่งอาจจะต่างกับสหรัฐอเมริกาที่ชอบเพราะมีอาวุธทางการทหารที่ทันสมัย จึงต้องอาศัยวิธีการเจรจา แต่ถ้ายุติไม่ได้ก็ต้องพึ่งศาลระหว่างประเทศที่ตั้งโดยสหประชาชาติ เพราะสงครามไม่ใช่สิ่งที่เรามองหา



       
       ดังนั้น รูปแบบอาเซียนในสมัยใหม่นั้น แม้จะมีปัญหาระหว่างเพื่อนบ้านอยู่เสมอแต่หลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้กันด้วยกำลังอาวุธ กรณีของชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นพลเมืองของพม่า และอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศมาเลเซีย ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่จะมีความรุนแรงในอนาคต เพราะเราไม่สามารถรองรับคนไร้สัญชาติที่อพยพเข้ามาเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับคนไร้รัฐอีกจำนวนมาก และก็ต้องหาทางออกอย่างสันติ แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม
       
       "อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าโดยส่วนใหญ่แล้วกลุ่มอาเซียนได้นำสันติภาพมาสู่ภูมิภาคนี้ และขอบคุณผู้นำอาเซียนที่ร่วมกันหลีกเลี่ยงความรุนแรงมาเป็นการเจรจาต่อรอง และพึ่งพาศาลโลก แต่ตนคิดว่าไทยยังไม่ได้ลงนามยอมรับศาลโลก ก็ไม่เป็นไร เราจะมีอาเซียนที่เข้มแข็ง และทำงานร่วมกันทางเศรษฐกิจ และทางการเมืองที่ช่วยเหลือกันรักษาสันติภาพ เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่โลกว่าจะยุติความขัดแย้งกันอย่างไร"
       
       กรณีปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีบางครั้งมีความเกี่ยวเนื่องกับประเทศมาเลเซียอยู่บ้าง และได้ถูกผู้เข้าร่วมการเสวนาซักถามว่าหากอาเซียนเข้ามามีส่วนร่วมแล้วจะกลายเป็นการแทรกแซงหรือไม่ ดร.มหาธีร์ ชี้แจงว่า หากไม่ได้รับเชิญให้ร่วมมาแก้ไข ก็เป็นปัญหาภายในของประเทศไทยเอง แต่หากต้องการคนกลางที่จะช่วยเหลือ สมาชิกอาเซียนก็จะให้ความร่วมมือ
       
       "มันไม่ฉลาดนักที่จะไปแทรกแซงปัญหาภายในของประเทศเพื่อนบ้านโดยพลการ และจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา สมาชิกของอาเซียนที่มีปัญหา เคยทำทั้งเชิญสมาชิกอาเซียนด้วยกันไปช่วยคลี่คลาย อำนวยความสะดวก หรืออื่นๆ และบางครั้งก็เชิญนอกกรอบของอาเซียน แต่ในฐานะของเพื่อนบ้านที่มีมิตรไมตรีต่อกัน" ดร.มหาธีร์กล่าวย้ำ
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

puiey

ต้องจับตา อนาคตของอาเซียนกันต่อไป ว่าจะเป็นปึกแผ่น และนำพากันได้หรือไม่
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

อาเซียนนน


เด็กใหญ่

เหตุผลที่มาเลย์เซียยอมปล่อยให้สิงคโปร์แยกเป็นอกราช ไม่ใช่เพราะมาเลย์ใจดีมีประชาธิปไตย์อะไรอย่างที่ มหาธืร์ ยกตัวอย่างดูดี แต่ให้ไทยทำอย่างมาเลย์ เพราะมาเลย์มีวาระซ้อนเล้น ปัจจุบันก็สนันสนุนกลุ่มกบฏใต้ทุกวันนี้ หทาร และคนใต้ในพื้นที่รู้กันอยู่แล้ว เหตุผลที่มาเลย์ซียต้องยอมให้ชาวจีนในมาเลย์แยกออกเป้นสิงคโปร์เพราะ ชาวจีนซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในมาเลย์มีสถานะทุกอย่างสูงกว่าคนเชื้อสายมาเลย์ และกุมเศรษฐกิจทั้งหมดใว้ แม้เสียงในสภาของสมาชิกผุ้แทนเป็นชนเชื้อสายจีน เริ่มจะมีมากกว่าเชื้อสายมาเลย์ จึงกลัวว่าต่อไปจะสูญเสียทั้งหมดโดยชอบตามกฏหมาย การออกกฏหมายต่อไปคนมาเลย์จะอยู่ภายใต้คนเชื้อสายจีน เมื่อแยกออกไป เสียงในสภาจะมีคนเชื้อสายจีนน้อยมาก นั้นเอง

หันหน้าเข้าหากัน

เข้าใจกันดีที่สุด

หันหน้าเข้าหากันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ไม่ต้องพูดไปถึงต่างชาติเลย

แค่คนในชาติ ขอให้รับฟังกันหน่อยดีไม๊

มีกลุ่มคน 2 กลุ่มพยายามที่จะแยกจากกัน

ทำการทุกวิถีทางที่จะอยู่เหนือฝ่ายตรงข้าม

ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดลาวาศอกให้กันและกัน

ฝ่ายกองหนุนทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากันอย่างศัตรู

ซึ่งมันไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติที่คนทั้งสองฝ่ายต้องอาศัยอยู่

คนกลางที่จะเข้ามามีบทบาทในการเจรจาก็หน่ายและขยาด

เพราะนาย ก.มากลุ่มหนึ่งยอมรับอีกหลุ่มกลับไม่ยอมรับ

พอนาย ข.มากลุ่มที่ไม่ยอมรับรับได้แต่กลุ่มแรกกลับไม่เอา

ต่างฝ่ายต่างยึดติดกับฐิติของฝ่ายตนเองมากเกินไป

อันนี้รวมไปถึง กองเชียร์กองหนุนด้วยที่เป็นอุปสรรคในการปรองดอง

ซึ่งอันที่จริงแล้ว ทั้งสองกลุ่มก็คือคนไทยเหมือนกัน

ที่มหาธีร์พูดก็มีส่วนถูกแต่มันไม่ทั้งหมดที่จะแก้ปัญหาได้

เหตุการณ์เกิดคนละที่คนละเวลา อีกอย่างคนละสัญชาติ

ความนึกคิด ปัญหา เหตุการณ์ก็ไม่เหมือนกัน แก้แบบเดียวกันคงไม่ได้

แต่แนวทางที่เป็นจริงที่สุด ดีที่สุด คือ การเปิดเจรจากัน

การได้มีโอกาสพูดคุย ถึงขั้นจับไม้จับมือกัน ความรู้สึกจะเปลี่ยนไปได้

ประสบการณ์จริงคนที่เกิดบาดหมางกันคือไม่เข้าใจกัน นั่นเอง

และอย่าลืมว่า การเจรจาไม่ใช่ว่า วันเดียว ตรั้งเดียว สำเร็จได้

ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะปรองดองกัน ตั้งธงไว้ก่อน ยิ้มกันไว้ก่อน

การเจรจาหนักนิดเบาหน่อยก็จะขยับมาสู่จุดที่จะตกลงเข้าใจกันได้

ขอภาวนาคนที่ยังมีอคติต่อกันไม่ว่าใครก็ตามภายใต้ธงชาติเดียวกันนี้

ขอมาร่วมมือร่วมใจกัน อย่าถือเขาถือเราอีกต่อไปเลย

คนเราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้นะครับ

มีอะไรที่ยอมยอมได้ก็ยอมยอมบ้างเพื่อประเทศชาติของเรา

ขอยืนยัน ประเทศชาติของเรา

เด็กใหญ่

"มีอะไรที่ยอมยอมได้ก็ยอมยอมบ้างเพื่อประเทศชาติของเรา"
พูดเหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยๆ ใช้ความรู้พื้นๆเช่นเรื่องเด็กๆตีกัน เรื่องคนทะเลาะกัน เรื่อผัวเมียตีกัน เรื่องเพื่อนบ้านติดกันไม่ถูกกัน เอาความรู้สึกอย่างนั้นมาพูด ขอร้องกันได้. แต่จะเอามาใช้กับความมั่นคงของชาติไม่ได้ ลองปรึกษาถามครูบาอาจารย์ คนในครอบครัวก่อนดีไม๊ว่า แนวนำเสนอมานั้น พวกเขาคิดอย่างไร เพราะอะไร

joco

พูดคุยแบบสันติวิถีอ่ะดีครับ  แต่เค้าจะยอมหรอ เพราะเราก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าปัญหาครั้งนี้คือการแยกดินแดน 
ถ้าเราบอกว่าหยุดการสู้รบ  แต่เราไม่ให้แผ่นดิน3จังหวัด ผู้ก่อเหตุเค้ายอมรับหรือป่าวละ การที่ท่านบอกว่าให้อาเซียนมาช่วย
ช่วยในเรื่องใด ช่วยเพื่อยกระดับให้ผู้ก่อเหตุ แล้วให้ประเทศใหญ่มาแทรกแซงอย่างนั้นหรือ หรือจะต่อสู้ดินแดนกันในศาลโลกแล้วมาเลย์ได้ไปเพราะจะได้ยุติปัญหาหรอ

1 พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนของเค้าครับ  รู้เครื่องในกันดี  โจรอยู่บ้านไหนคนพื้นที่รู้

2 คนในพื้นที่มีสักกี่คนที่ให้ความร่วมมีกับรัฐ เพราะลูกหลานคือผู้ก่อเหตุถ้าให้ข่าวเท่ากับทำร้ายตัวเอง

3 น้ำมันเถื่อน ของหนี้ภาษี  ยา พื้นที่อำนาจ และโจรแยกดินแดนร่วมถึงชาวบ้านที่เกลียดไทยพุทธคือปัญหาต้องแก้

4 เราต้องเล่นเชิงรุก จับปิดล้อม  ใช้เทคโนโลยีดาวเทียม และที่สำคัญข้อมูลข่าวในพื้นที่ต้องมีให้มากที่สุด

5 จัดหานักจิตวิทยาทำความเค้าใจเรื่องภาษา ศาสนา  ให้คนของเค้าไม่คิดว่าไทยคือศาสนาพุทธอย่างเดียวเราคือพี่น้องกัน



6



4

เด็กใหญ่

คุณ joco > ที่ว่ามานั้น ทำทุกอย่างแล้ว หมดเงินไปมหาศาล ทั้งคอรัปชั่น ทั้งทุ่มเทไป ไม่มีอะไรดีขึ้น     เพราะเขาต้องการแยกเป็นอิสระโดยมีมาเลย์ช่วยอยู่เบื้องหลัง  ไม่ใช่เราสู้มันไม่ได้ ไม่ใช่ปราบไม่สำเร็จ แต่ไม่ทำกันเพื่อชาติจริงๆ พวกทำจริงทำได้แค่ตั้งด่าน ลาดตะเวน แต่ไม่มีการสั่งการให้ทำเพื่อเอาชนะ ไม่เคยกดดันมาเลย์ทั้งๆที่รู้ว่ามาเลย์สนันสนุน มหาธีเล่นการเมืองกับไทยตลอด มาเลย์เขาฉลาดกว่าไทยอย่างเทียบกันไม่ได้ ถ้าได้ประโยชน์ เขาเอา ถ้าเสมอกันเขายังไม่ยอมเลย ขอย้ำว่ามาเลย์เขาถือว่าเขามีการศึกษาดีกว่าไทย มีกลุ่มอิสลามซึ่ง  เรามีดีที่มาเลย์ชาตินี้มีไม่ได้เหมือนกัน อย่าเอาวัฒนธรรมใจออ่น ใจดีเสนอให้จนเห็นเราโง่ อยากให้ลองคิดมุมกลับอย่างที่เขาคิด  เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นกับคนไทยจนดูไร้น้ำยา อย่าเป็นแค่เสือกระดาษ ทหารไทยเรื่องรบมีตลอดทั้งปี ทหารมาเลย์ไม่เคยรบเลย 40 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ไทยไปเอาคอมมิวตส์มาลายาออกไป มาเลย์ แต๊งกิ้วไทยไอโง่

เสือเหลือง

อ้างจาก: เด็กใหญ่ เมื่อ 18:49 น.  07 ก.ย 55
เหตุผลที่มาเลย์เซียยอมปล่อยให้สิงคโปร์แยกเป็นอกราช ไม่ใช่เพราะมาเลย์ใจดีมีประชาธิปไตย์อะไรอย่างที่ มหาธืร์ ยกตัวอย่างดูดี แต่ให้ไทยทำอย่างมาเลย์ เพราะมาเลย์มีวาระซ้อนเล้น ปัจจุบันก็สนันสนุนกลุ่มกบฏใต้ทุกวันนี้ หทาร และคนใต้ในพื้นที่รู้กันอยู่แล้ว เหตุผลที่มาเลย์ซียต้องยอมให้ชาวจีนในมาเลย์แยกออกเป้นสิงคโปร์เพราะ ชาวจีนซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในมาเลย์มีสถานะทุกอย่างสูงกว่าคนเชื้อสายมาเลย์ และกุมเศรษฐกิจทั้งหมดใว้ แม้เสียงในสภาของสมาชิกผุ้แทนเป็นชนเชื้อสายจีน เริ่มจะมีมากกว่าเชื้อสายมาเลย์ จึงกลัวว่าต่อไปจะสูญเสียทั้งหมดโดยชอบตามกฏหมาย การออกกฏหมายต่อไปคนมาเลย์จะอยู่ภายใต้คนเชื้อสายจีน เมื่อแยกออกไป เสียงในสภาจะมีคนเชื้อสายจีนน้อยมาก นั้นเอง
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ครับมาเลย์เก่งในเรื่องนโยบาย ตปท.แบบตีสองหน้า มีมั้ยที่ช่วยทางการไทยในการจับตัวผู้ก่อการร้ายใน 3 จชต.ทุกครั้งที่ก่อเรื่องสารเลวเสร็จก็หนีเข้าไปซุกผ้าถุงผู้หญิงในมาเลเซียทุกที ราชการไทยได้แต่มองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้ มหาเธร์คนนี้แหละที่ทำให้เกิดนโยบายภูมิบุตราซึ่งเลือกปฏิบัติกับปชช.ชาวมาเลย์ที่ไม่ใช่เชื้อสายมาเลย์แท้ๆ ตั้งแต่ลดสิทธิในการรับราชการ กม.มรดก การศึกษา ต้องให้สิทธิคนมาเลย์เชื้อสายมาเลย์ก่อน จนทุกวันนี้มีความขัดแย้งทางเชื้อชาติรุนแรงอยู่ลึกๆ ไทยเราโง่บวกใจดีเกินไปที่ไปช่วยเจรจาและปราบปราม จคม. ให้เค้า โดยที่เขาไม่ได้ช่วยเหลือเราในการปราบปรามพวกโจรถ่อยในสาม จชต.เลยซะครั้งเดียว ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน

หม่าเล๋ ๆ

'อันวาร์ อิบราฮิม' พูดเรื่องจากใจ  เมื่อโดนเจ้าเลห์การเมืองมาเลย์มหาธีร์ จับติดคุก 
จากประสบการณ์ของข้าพเจ้า การอยู่ในคุก ก็เป็นโอกาสที่ดี ที่ผมได้มีเวลาศึกษาอัลกุรอาน อ่านหนังสือต่างๆ รวมทั้งตำราที่เขียนโดยปราชญ์ปัตตานี เช่น เชคดาวูด อัลฟาตอนี เป็นต้น ทำให้ผมมีความเข้าใจในอิสลามมากขึ้น มีการนำเอาหลักการอิสลามมาเป็นแนวในการดำรงตนมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมรับไม่ได้คือ ความไม่เป็นธรรมที่ผมถูกคุมขังด้วยข้อหาที่ผมไม่ได้กระทำผิดสิ่งที่เราควรคิดใคร่ครวญอีกประการหนึ่งก็คือ ในโลกนี้ มีมุสลิมเยอะมากที่ร่ำรวย และประสบความสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือในเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก แต่เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ยากจนที่สุดก็เป็นมุสลิม

คนรือเสาะรู้ดี

ต้องยอมรับว่ามาเลย์เขามีสายตาที่ยาวไกลกว่าเรามาก จริงๆแล้วเขาก็มีพรรคการเมืองเยอะแยะเหมือนเรา ต่างก็อยากเป็นรัฐบาล ต่างก็พยายามหาวิธีทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้มให้ได้(ไม่รู้สกปรกเท่าเราหรือเปล่า?)และปัญหาหนักที่สุดที่เขามี แต่เราไ่ม่มีนั่นคือปัญหาเชื้อชาติ นับว่าเป็นหอกข้างแคร่ที่อันตรายพอๆกับ"การก่อการร้าย"ในบ้านเรา
คนจีนกุมเศรษฐกิจทั้งหมด
คนอินเดียเป็นชนชั้นกรรมกร ฐานะต่ำต้อยที่สุด
เชื้อสายอื่นๆมีไม่มากพอจะก่อเหตุวุ่นวายได้
เหลือแต่มุสลิม..เจ้าของประเทศ ไม่ต้องทำมากแต่รับเต็มๆเหนือกว่าเชื้อสายอื่นๆ เหมือนเอาเปรียบ ก็ต้องเรียกว่าเอาเปรียบอยู่ดี คนจีนเสียภาษีเยอะ อินเดียทำงานเยอะ แต่มาเลย์ทำน้อยกว่าเพื่อน แต่มีสิทธิ์มีเสียงเหนือกว่าทุกเชื้อชาติ ฯลฯ
เหล่านี้คือปัญหา แต่เขาก็สามารถชักจูงให้ทั้งหมดมารวมกันได้เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งพรรคการเมืองและเชื้อชาติต่างๆ แล้วก็ร่วมกันขับเคลื่อนพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งและมั่นคง เริ่มจาก
การศึกษา
สังคม
เศรษฐกิจ
การเมือง
การทหาร ฯลฯ
ถามว่าถ้าเราจะ"เริ่มนับ1"จากวันนี้เพื่อให้ทันมาเลเซีย จะใช้เวลาสักกี่ปี?
คำตอบ..ไม่ต้องสะเออะคิดไปแข่งกะมาเลเซียเลย ไล่ยังไงก็ไม่ทันแล้ว
เพราะเขาคือประเทศ"กำลังพัฒนา"(มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง กำจัดจุดด้อย เสริมจุดเด่น)
เราคือ"ประเทศด้อยพัฒนา"(ไม่มีอะไรใหม่ ของเก่าที่แย่ๆกลับแย่ลงๆ)
คู่แข่งที่แท้จริงกำลังไล่หลังมาติดและจะแซงเราในอีกไม่กี่ปี นั่นคือ
ลาว
เขมรและเวียตนาม
ยังดีที่ตอนนี้เหลือประเทศที่ล้าหลังเราอยู่อีก 1 นั่นคือ"พม่า"...ครับผม


หลวงพี่ทันใจ

" ถามว่าถ้าเราจะ"เริ่มนับ1"จากวันนี้เพื่อให้ทันมาเลเซีย จะใช้เวลาสักกี่ปี?
คำตอบ..ไม่ต้องสะเออะคิดไปแข่งกะมาเลเซียเลย ไล่ยังไงก็ไม่ทันแล้ว
เพราะเขาคือประเทศ"กำลังพัฒนา"(มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง กำจัดจุดด้อย เสริมจุดเด่น)
เราคือ"ประเทศด้อยพัฒนา"(ไม่มีอะไรใหม่ ของเก่าที่แย่ๆกลับแย่ลงๆ)
คู่แข่งที่แท้จริงกำลังไล่หลังมาติดและจะแซงเราในอีกไม่กี่ปี นั่นคือลาวเขมรและเวียตนาม
ยังดีที่ตอนนี้เหลือประเทศที่ล้าหลังเราอยู่อีก 1 นั่นคือ"พม่า"...ครับผม "

ความเห็นส่วนตัวน่ะ
1. เริ่มนับ1"จากวันนี้เพื่อให้ทันมาเลเซีย จะใช้เวลาสักกี่ปี?
ตอบ   มาเลย์เขาไม่กลัวเราไล่ทัน และเรายังเห็นหลังมาเลย์แว๊บๆ ที่มาเลย์กลัวเรามีเรื่องเดียว คือกลัวข้าราชการไทยเลิกคอร์รัปชั่น แต่เขาก็รู้ว่าแค่กลัวในฝัน การคอร์รัปชั่นของไทยเป็นวัฒนธรรมของไทยด้วย นักธุรกิจ เอกอัคราชฑูต ทุกชาติต้องเข้ารับการอบรมให้รู้วิธีการจ่าย ก่อนเดินทางมารับตำแหน่งในไทย
2. ประเทศลาวต้องถือว่า เป็นประทศสังคมนิยมที่น่ารักที่สุด ไม่มีอะไรที่ไทยต้องเป็นห่วง กับไทย
3. เขมร กับเวียตนาม 2 ประเทศนี้ต้องจัดให้เครดิต ความใว้วางใจต่ำกว่าลาว
4. พม่า รัฐบาลทหารกำลังอิ่ม คุมได้ทุกอย่าง เงินไม่มีที่เก็บ ลูกหลานได้สิทธิพิเศษจากอเมริกา ยุโรป เรียบร้อย ขนไปตั้งหลักเรียบร้อยแล้วประเทศไหนมันจะไม่เอา เงินเข้าประเทศฟรีๆ  แต่เรื่องการพัฒนาอีกนาน เพราะมีชนเผ่าพันธ์มาก สมัยก่อนอังกฤษยังต้องยอมทิ้งเลย

เวรกรรมประเทศไทย

อ้างจาก: หลวงพี่ทันใจ เมื่อ 19:58 น.  09 ก.ย 55
" ถามว่าถ้าเราจะ"เริ่มนับ1"จากวันนี้เพื่อให้ทันมาเลเซีย จะใช้เวลาสักกี่ปี?
คำตอบ..ไม่ต้องสะเออะคิดไปแข่งกะมาเลเซียเลย ไล่ยังไงก็ไม่ทันแล้ว
เพราะเขาคือประเทศ"กำลังพัฒนา"(มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง กำจัดจุดด้อย เสริมจุดเด่น)
เราคือ"ประเทศด้อยพัฒนา"(ไม่มีอะไรใหม่ ของเก่าที่แย่ๆกลับแย่ลงๆ)
คู่แข่งที่แท้จริงกำลังไล่หลังมาติดและจะแซงเราในอีกไม่กี่ปี นั่นคือลาวเขมรและเวียตนาม
ยังดีที่ตอนนี้เหลือประเทศที่ล้าหลังเราอยู่อีก 1 นั่นคือ"พม่า"...ครับผม "

ความเห็นส่วนตัวน่ะ
1. เริ่มนับ1"จากวันนี้เพื่อให้ทันมาเลเซีย จะใช้เวลาสักกี่ปี?
ตอบ   มาเลย์เขาไม่กลัวเราไล่ทัน และเรายังเห็นหลังมาเลย์แว๊บๆ ที่มาเลย์กลัวเรามีเรื่องเดียว คือกลัวข้าราชการไทยเลิกคอร์รัปชั่น แต่เขาก็รู้ว่าแค่กลัวในฝัน การคอร์รัปชั่นของไทยเป็นวัฒนธรรมของไทยด้วย นักธุรกิจ เอกอัคราชฑูต ทุกชาติต้องเข้ารับการอบรมให้รู้วิธีการจ่าย ก่อนเดินทางมารับตำแหน่งในไทย
2. ประเทศลาวต้องถือว่า เป็นประทศสังคมนิยมที่น่ารักที่สุด ไม่มีอะไรที่ไทยต้องเป็นห่วง กับไทย
3. เขมร กับเวียตนาม 2 ประเทศนี้ต้องจัดให้เครดิต ความใว้วางใจต่ำกว่าลาว
4. พม่า รัฐบาลทหารกำลังอิ่ม คุมได้ทุกอย่าง เงินไม่มีที่เก็บ ลูกหลานได้สิทธิพิเศษจากอเมริกา ยุโรป เรียบร้อย ขนไปตั้งหลักเรียบร้อยแล้วประเทศไหนมันจะไม่เอา เงินเข้าประเทศฟรีๆ  แต่เรื่องการพัฒนาอีกนาน เพราะมีชนเผ่าพันธ์มาก สมัยก่อนอังกฤษยังต้องยอมทิ้งเลย
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ วิเคราะห์ได้เยี่ยมจริงๆครับ สงสารแต่ประเทศไทยที่ได้ข้าราชการและนักการเมืองเฮงซวย เข้ามาเกาะกินสูบเลือดจากเงินภาษีที่รีดไถ่จากปชช.เพื่อมาบำเรอความอยากไม่มีที่สิ้นสุดของนักการเมืองและข้าราชการ ในขณะที่มาเลเซียมีข้าราชการและนักการเมืองที่มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมมากกว่าเรา  ส.โกรธอย่างแรง ส.โกรธอย่างแรง ส.โกรธอย่างแรง ส.โกรธอย่างแรง ส.สั่งสอน

ตโอ๊ะจใ

ใครว่ามาเลย์ไม่จริงใจ บ้า แน่ๆ >>>>>...
       ศาลมาเลย์ยกฟ้อง 3 มือระเบิด บททดสอบความร่วมมือไทย-มาเลเซียดับไฟใต้
Sat, 2012-08-11 15:08
นูรยา เก็บบุญเกิด
โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ (DSJ)
แม้มีการคาดการณ์หรือกล่าวหากันอยู่บ่อยครั้งว่า ขบวนการต่อต้านรัฐในภาคใต้ของไทยใช้มาเลเซียเป็นฐานในการวางแผนก่อเหตุรุนแรง แต่ก็ยังไม่มีการจับกุมกันอย่างคาหนังคาเขา ตราบจนกระทั่งในปี 2552 ที่ตำรวจมาเลเซียได้เข้ารวบตัวชายมุสลิม 3 คนจากนราธิวาสได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนไทย – มาเลเซีย
นายมูฮัมหมัดซิดี อาลี (ซ้าย) นายมามะคอยรี สือแม (กลาง) และ นายมะยูไน เจ๊ะดอเลาะ (ขวา)
อุปกรณ์บางส่วนที่พบขณะตำรวจมาเลเซียเข้าตรวจค้นในบ้านเช่าในรัฐกลันตันในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 ซึ่งอดีตจำเลยคดีระเบิดทั้งสามคนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว หมายเลข 1) กระสุนปืนขนาด.38 2) กล่องเหล็ก 3) ไดนาไมค์ 4) โทรศัพท์มือถือ 5) พาวเวอร์เจล และ 6) แอมโมเนียมไนเตรท 
การดำเนินคดีกับทั้งสามคนเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง เพราะจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียในการร่วมมือกับดับไฟใต้ได้อย่างดี  คดีนี้เริ่มต้นจากเหตุการณ์ในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรมสอบสวนอาชญากรรมในรัฐกลันตัน (Kelantan Criminal Investigation Department) บุกเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องสงสัยที่คาดว่ามีสารเสพติดในครอบครองภายในบ้านเช่าในหมู่บ้านเกเบง อำเภอปาเซร์มัส ประเทศมาเลเซียพร้อมสื่อมวลชน แต่เมื่อเข้าจับกุมกลับพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก ได้แก่ ไดนาไมต์จำนวน 160 แท่ง กล่องโลหะ ถังดับเพลิง สารแอมโมเนียมไนเตรท โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์รีโมทคอนโทรล และกระสุนกว่า 248 นัด
ชายมุสลิมสัญชาติไทยทั้ง 3 คนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น คือ นายมามะคอยรี สือแม นายมูฮัมหมัดซิดี อาลี และนายมะยูไน เจ๊ะดอเลาะ ทั้ง 3 คนถูกศาลมาเลเซียตัดสินลงโทษจำคุก 10 เดือนและโบย 3 ครั้งในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นก็ถูกดำเนินคดีฐานมีเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นคดีที่ทางการไทยเฝ้าติดตามมาโดยตลอด 
ผู้ต้องหาคดีนี้เป็นใคร
นายมามะคอยรี เป็นผู้ต้องหา 1 ใน 7 คนที่ถูกจับกุมในโรงเรียนอิสลามบูรพา อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 หลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นโรงเรียนและพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก
ต่อมาระหว่างถูกคุมขัง มามะคอยรีได้แจ้งเจ้าหน้าที่เรือนจำว่า ตนเองป่วยและขอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ แม้ว่าเขาจะถูกล่ามโซ่ไว้กับเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล แต่มามะคอยรีก็ยังสามารถหาวิธีหลบหนีไปได้สำเร็จ ชื่อของเขาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อถูกตำรวจมาเลเซียจับกุมตัวที่บ้านเช่าหลังนั้น 
ในขณะที่มามะคอยรีถูกควบคุมตัว และถูกศาลมาเลเซียพิจารณาคดีอยู่นั้น จำเลยอีก 6 คนที่ถูกจับกุมพร้อมกับเขาที่โรงเรียนอิสลามบูรพาได้ถูกศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาลงโทษประหารชีวิตไป 5 คน ส่วนอีกหนึ่งคนให้จำคุก 27 ปี โดยข้อหาที่ร้ายแรงที่สุดคือความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายและเป็นซ่องโจร โดยศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่ "เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม" 
หากนายมามะคอยรีถูกนำตัวกลับมายังประเทศไทยก็จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน
ส่วนนายมูฮัมหมัดซิดี เคยถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ข้อมูลของตำรวจระบุว่า เขาเป็นมือระเบิดในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ส่วนนายมะยูไนไม่พบประวัติในฐานข้อมูล
คำพิพากษาของศาลมาเลเซีย
หลังจากทั้ง 3 คนถูกตำรวจมาเลเซียจับกุม วันที่ 27 ธันวาคม 2552 ทางการมาเลเซียได้นำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปยังศาลแผนกคดีอาญา ศาสปาเสมัส อ.ปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียเพื่อทำการไต่สวน แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลจึงเลื่อนการไต่สวนออกไป
การพิจารณาคดีว่างเว้นไปนาน จนกระทั่งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลมาเลเซียจึงได้ทำการไต่สวนและตัดสินว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุได้ว่า นายมูฮัมหมัดซิดีและนายมะยูไนมีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองวัตถุระเบิดศาลจึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวจำเลย 2 คนในชั้นของการไต่สวน โดยให้เหตุผลว่า อัยการไม่สามารถที่จะหาหลักฐานเบื้องต้นมาชี้มูลผูกมัดจำเลยทั้งสองได้ จำเลยเพียงมาเยี่ยมเยียนเพื่อนเท่านั้น 
ในเอกสารของทางการไทยที่บันทึกคำสั่งศาลปาเสมัสในวันนั้น ระบุว่า เจ้าของบ้านได้ให้การว่า จำหน้าจำเลยสองคนนี้ไม่ได้ และจำเลยให้การว่า มาเยี่ยมเพียงหนึ่งวันและจะเดินทางกลับ นอกจากนี้ของกลางได้ถูกเก็บไว้ที่ใต้ถุนบันไดและหลังประตูในห้องของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งแขกคงจะไม่ได้เข้าไปในบริเวณนั้นซึ่งอยู่ลึกเข้าไป          คดีนี้จึงมีมามะคอยรีคนเดียวที่เป็นจำเลย โดยในวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 ศาลสูงโกตาบารูได้พิพากษาให้ยกฟ้อง โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยที่ไปนั่งฟังคำพิพากษาด้วย เล่าว่า นายมามะคอยรีอ้างกับศาลว่า เหตุที่ตนหลบหนีออกจากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลเซียนั้น ก็เนื่องจากมีอาการปวดหลังและปวดท้องจากการถูกซ้อมทรมานโดยเจ้าหน้าที่ของไทย และได้มาพักอาศัยที่บ้านเพื่อนในมาเลเซีย ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวเป็นบ้านของนายอัมรานซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตที่ จ.นราธิวาสไปก่อนหน้านี้ ศาลเห็นว่านายมามะคอยรี เพียงมาอาศัยพักพิงและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดและอาวุธที่พบในบ้านดังกล่าว          เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทย ระบุว่าคำพิพากษานี้ทำให้ทางการไทย "ผิดหวังมาก" หากจำเลยทั้งสามได้รับการลงโทษ ก็จะแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะไม่สนับสนุนและให้ที่พักพิงแก่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบหนีเข้าไปยังมาเลเซีย ซึ่งน่าจะส่งผลโดยตรงต่อการปฏิบัติการของกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในชายแดนใต้
เจ้าหน้าที่คนเดิม ชี้ว่า การดำเนินการในเรื่องนี้ ทางมาเลเซียเองจะต้องดูประเด็นเรื่องการเมืองภายในประเทศด้วย เพราะว่าทั้งพรรค UMNO ซึ่งคุมรัฐบาลกลางอยู่และพรรค PAS ซึ่งคุมรัฐบาลท้องถิ่นในรัฐกลันตัน ต่างก็ต้องการแย่งฐานคะแนนเสียงของคนมุสลิม และไม่ต้องการที่จะดำเนินการใดๆ ที่มีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อฐานเสียงของตัวเองได้ คนมลายูในภาคใต้ของไทยกับตอนเหนือของมาเลเซียมีความสัมพันธ์เชิงเครือญาติและร่วมชาติพันธุ์กัน ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือกัน คนมาเลเซียมองว่า การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเอกราชไม่ใช่การก่อการร้าย 
การส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นอกจากจะผิดหวังกับคำพิพากษาแล้ว ทางการไทยยังผิดหวังกับความไม่ร่วมมือของทางการมาเลเซียในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วย เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอธิบายว่า การส่งกลับนั้นทำได้ 2 ทาง คือ หนึ่ง เป็นการส่งกลับด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งยังคงมีข้อถกเถียงในเชิงกฎหมายว่าไทยกับมาเลเซียนั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Extradition Treaty) ระหว่างกันหรือไม่ ไทยชี้แจงว่า มีโดยการอ้างสนธิสัญญาที่เคยทำไว้กับอังกฤษซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของมาเลเซีย แต่ฝ่ายมาเลเซียถือว่าไม่มีผลบังคับใช้แล้ว วิธีที่สองคือการผลักดันกลับฐานเข้าเมืองผิดกฎหมาย 
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงไทยเล่าว่า ทางการไทยส่งคนไปเฝ้าถามทุกวันว่าจะมีการปล่อยตัวจำเลยเมื่อใด แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากทางการมาเลเซีย
"เขาจงใจปกปิด" เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว 
ฝ่ายทหารเองก็พยายามที่จะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพในการขอให้ส่งตัวกลับมา นายมูฮัมหมัดซิดีและนายมะยูไน ได้ถูกปล่อยตัวที่บริเวณชายแดนในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมาโดยทางการไทยไม่ได้รับทราบ ส่วนนายมามะคอยรี หลังจากศาลได้ยกฟ้องและสั่งปล่อยตัว เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้นำไปควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจที่ปาเสร์มัส รัฐกลันตัน ปัจจุบันไม่แน่ชัดว่าทั้งสามคนอยู่ที่ใด

ตโอ๊ะจใ

หลักฐานนิดหน่อยเอง มาเลย์จับเองกับมือ แท้ๆ ได้มาตรฐานสากล

คนรือเสาะรู้ดี

ครับ...เป็นแบบนี้มาตลอด4-50ปี ตอนพวกมันไล่ฆ่าคนพุทธตายเป็นว่าเล่น ไม่เห็น"มุสลิม"หน้าไหนออกมาประณาม มีแต่พูดลอยๆ"ไม่สนับสนุนความรุนแรง"หรือไม่ก็..."ยังไม่รู้ฝีมือใคร?" เรียกว่าพูดทิ้งปริศนาให้ไปตีความเอาเอง แต่พอถึงจุดไคลแม็กซ์จะออกหัวออกก้อย บรรดามุสลิมชื่อดังทั้งในประเทศและนอกประเทศดาหน้าิิิออกมาเชียร์ให้"เจรจา" เพราะรู้ว่าฝ่ายก่อการร้ายซึ่งเป็นมุสลิมด้วยกันกำลังได้เปรียบ ไม่ว่าผลเจรจาออกมารูปใด ยังไงก็ได้เปรียบ อย่างน้อยก็ไม่ถูกฆ่าหรือไม่ถูกดำเนินคดี แถมได้เงินได้ที่ดินได้โน่นนี่สารพัด...เป็นรางวัลที่ยอมมอบตัว
อยากให้ถ่ายทอดสดตอนพวกทหาร(หาญ)นั่งโต๊ะเจรจาสงบศึกกับพวกก่อการร้าย และควรเปิดสายให้ถาม-ตอบได้ แค่อยากถามว่า ตอนที่พวกเอ็งใช้มีดฆ่าตัดคอคนพุทธ พวกเอ็งคิดอะไรอยู่
แล้วตอนนี้มามอบตัว พวกเอ็งคิดอะไรในใจ?

เด็กใหญ่

เมื่อวิเคราะห์ นโยบายการบริหารประเทศของมาเลย์เซียแล้ว จะเห็นชัดว่า รัฐบาลมาเลย์เซีย กับรัฐบาลไทย ต่างกันสิ้นเชิง
1.รัฐบาลมาเลย์เซีย มีความรู้ความสามารถเหนือกว่ารัฐบาลไทย ทุกสาระ
2.ชั้นเชิงเหนือกว่ารัฐบาลไทย ทั้งการฑูต การค้า และการเมือง การปกครองชนในชาติ
3.ทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์เพื่อคนในชาติมาเลย์ในอนาคต เพื่อการได้มาเหนือดินแดนไทยในรูปแบบ โฉนดที่ดินชื่อไทย แต่คนมาเลย์ครอบครอง
4.มีความคิดก้าวหน้ากว่าผู้นำประเทศไทย และ นักการเมืองไทย
5.ได้สร้างผลงานเป็นที่ไว้วางใจของคนมาเลย์ว่าไม่ทรยศต่อชาติตนเอง
6.รัฐบาลมาเลย์แสดงให้เห็นว่าจะไม่ยอมทำการใดๆ เพื่อเสี่ยง มุ่งหวังหวังผลทางเศรษฐกิจของประเทศมาเลย์
   แลกกับการทำให้ความมั่นคงของประเทศออ่นแอลงซึ่งจะมีผลเสียต่อเศรษฐกิจระยะยาว

ไอ้เท่งไอ้ทอง

ทุกๆMOUที่มีการเซ็นแล้วในอดีตระหว่างไทยกับมาเลเซีย และMOUที่จ่อรอจะเซ็นร่วมกันในอนาคต เอาหัวเดิมพันได้เลยเราเสียเปรียบเกือบทุกMOU
ต้องขอชมว่าชั้นเชิงทางนโยบายของมาเลเซียเหนือกว่ารัฐบาลไทย108ขุม ชาติหน้าก็ยังสาย ไล่ไม่ทันเขาหรอก

คนรือเสาะรู้ดี

เรามองเขาเป็นมหามิตรผู้ใกล้ชิดและไว้ใจได้มาตลอด เราเป็นฝ่ายใจกว้างยอมในทุกๆเรื่องเรื่อยมา ตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆจนถึงเรื่องใหญ่ๆ และหลายๆกรณีทำให้ประชาชนคนไทยอดสงสัยไม่ได้ว่า"ยอมง่ายๆได้ยังไง?" ยกตัวอย่างสัก 1 เรื่อง กรณีก๊าซธรรมชาติในทะเล ว่ากันตามแผนที่เราขุดในเขตบ้านเราแท้ๆ แต่ดันไปเสียเหลี่ยมที่เขาประกาศขยายเขตเศรษฐกิจทางทะเลจนล้ำเข้ามาในจุดที่เราเจอก๊าซธรรมชาติพอดี แล้วเราก็ยอมให้เขาเซ็น"ร่วมลงทุน" เท่านี้ไม่พอ ก๊าซที่ขุดได้ต้องให้เขาใช้ก่อน 5 ปีแรก
ถ้าจะให้สรุปเรื่อง3จชต.ที่แม้แต่ทหารซึ่งมีหน้าที่โดยตรงยังตอบไม่ได้ว่าจะไปทางไหน?จะแก้ยังไง?ทุกวันนี้ว่ากันตรงๆ"จ่ายยาตามอาการ"ถ้าหายถือว่าฟลุ๊ค ถ้าไม่หายถือว่าปรกติเพราะพยายามรักษากันมาหลายหมอแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะช่วยได้ หรือ ช่วยได้อย่างมาก นั่นคือ ความร่วมมือด้วยความจริงใจจากรัฐบาลประเทศมาเลเซีย ที่ถือได้ว่าเป็นยาแรงขนานเอกอีกตัวหนึ่งได้เลย