ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกินพันบาทครองแชมป์ขายดี-รอ"ไอโฟน5"เครื่องหิ้ว

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 10:16 น. 21 ก.ย 55

ทีมงานประชาสัมพันธ์

updated: 20 ก.ย. 2555 เวลา 17:30:34 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีจีโฟน จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตลาดรวมโทรศัพท์มือถือในปีนี้จะอยู่ที่ 16-18 ล้านเครื่อง อาจมากกว่าการประเมินตัวเลขโดยสำนักวิจัยหลายแห่งที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 13-14 ล้านเครื่อง เพราะสำรวจได้ไม่ครบทุกพื้นที่ทั้งไม่ได้รวบรวมแบรนด์เล็ก ๆ จึงได้ตัวเลขดังกล่าวออกมา ในแง่การเพิ่มขึ้นของโทรศัพท์มือถือในตลาดค่อนข้างน้อย แม้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเครื่องใหม่จะลดจาก 3 ปี เหลือ 2 ปี แต่ไม่ใช่เปลี่ยนเพื่อซื้อเครื่องใหม่แค่ไปหาซื้อเครื่องมือสองมาทดแทน

เมื่อเจาะไปแต่ละประเภทของโทรศัพท์มือถือ สัดส่วนของสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จากปีที่ผ่านมามีไม่ถึงครึ่งของจำนวนเครื่องในตลาด แต่ขณะนี้เกิน 50% แล้ว โดยเฉพาะที่มีราคาตั้งแต่ 4,000-6,000 บาท และ 6,000-15,000 บาท ที่เหลือเป็นเครื่องระดับไฮเอนด์ แม้มีจำนวนน้อย แต่สร้างมูลค่าให้ตลาดสมาร์ทโฟนกว่า 50% หากตีมูลค่ามีมากกว่า 75%

สำหรับฟีเจอร์โฟนอยู่ในภาวะทรงตัว มีระดับราคาสินค้าอยู่ที่ 500-700 บาท โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อสินค้าที่มีราคามากกว่าพันบาท เพราะเพิ่มเงินอีกนิดจะได้สมาร์ทโฟนกลุ่มเริ่มต้นได้แล้ว ส่วนสภาพตลาดโดยรวมถือว่าค่อนข้างเงียบ แต่ถือเป็นเรื่องปกติในช่วงหน้าฝนของทุกปี ซึ่งยอดขายของบริษัทเองก็ตกลงบ้าง

ดังนั้นไตรมาสสุดท้ายจึงจะมีการกระตุ้นตลาดเพื่อผลักดันยอดขายเต็มที่ นอกจากแบรนด์ต่าง ๆ มีคิวเปิดตัวสินค้าใหม่แล้วยังจะมีโปรโมชั่นสำหรับรุ่นเก่าออกมาด้วย

กลุ่มฟีเจอร์โฟนที่มีราคาไม่เกิน 1 พันบาท มีหลากหลายแบรนด์ เช่น "ซัมซุง" รุ่น E1200T หรือในชื่อรุ่น Hero ราคา 590 บาท ถ้าเพิ่มฟังก์ชั่นฟังวิทยุได้ราคาจะเพิ่มเป็น 650 บาท, "แอลจี" รุ่น A190 ใช้ 2 ซิม เริ่มต้นที่ 890 บาท "โนเกีย" รุ่น 101 และ 100 ราคา 930 บาท และ 790 บาท ตามลำดับ ในฝั่งเฮาส์แบรนด์ก็มี เช่น อินฟินิตี้ รุ่น "อาหม่อง" รองรับภาษาอาเซียน ใช้ 2 ซิม ราคา 990 บาท, "เวลคอม" รุ่น S101 ราคา 750 บาท, ไอ-โมบาย รุ่น Hitz 218 ราคา 790 บาท เป็นต้น

นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า หลังจาก "ไอโฟน" รุ่นใหม่เปิดตัวแล้ว บรรดาร้านค้าที่นิยมหิ้วเครื่องจากต่างประเทศเข้ามาขายจะมีเวลาทำกำไรเพียง 1 เดือนเท่านั้น เพราะการขายอย่างถูกต้องในประเทศไทยจะเร็วขึ้น จากเดิมต้องรอ 4-5 เดือน ประกอบกับผู้บริโภคไม่มั่นใจเรื่องบริการจึงซื้อเครื่องหิ้วน้อยลงด้วย

"รอไม่นาน โอเปอเรเตอร์ และร้านค้าปลีกรายใหญ่ก็ได้สิทธิ์ขายแล้ว เมื่อมีไอโฟน 5 ไอโฟน 4S จะมีการปรับราคาและสเป็กลงเท่ากับไอโฟน 4 ความจุ 8 GB เรื่องนี้น่าจะส่งผลกับร้านหิ้วในพื้นที่ต่าง ๆ พอสมควรโดยเฉพาะที่มาบุญครองที่มีร้านพวกนี้อยู่มาก ถ้าหวังทำกำไรแค่เดือนเดียวเพื่ออยู่ได้ยาว ๆ คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการปรับตัวมาขายเครื่องมือสอง และอุปกรณ์เสริมจึงเห็นเยอะขึ้น ลูกค้ายอมรอเครื่องที่ชัวร์ เลือกร้านที่ใหญ่กว่าแม้ต้องเสียเงินแพงขึ้น 3-5 ร้อยบาทก็คุ้ม ในมาบุญครองมีการนำเครื่องที่มีปัญหามาวางขาย หรือที่เรียกว่า Refurbish ปะปนอยู่ 1.5-4% ถ้าเลือกไม่ดีก็เสี่ยง"

ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ นายไพโรจน์กล่าวว่า เมื่อต้นปีบริษัทวางแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 40 แห่ง แต่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ในห้างต่าง ๆ ไม่สามารถขยายให้ครบได้ ดังนั้นในปลายปีจึงมีสาขาเพิ่มขึ้น 30 แห่ง เมื่อรวมที่เปิดอยู่ก่อนจะมีทีจีโฟนช็อป 150 แห่ง ซึ่งสาขาที่เปิดเพิ่มจะเน้นไปในห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด

ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมี 150 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 20% รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายสมาร์ทโฟนกว่า 80% เพราะมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของเครื่องทั้งหมดที่ตั้งเป้าขายปีนี้ หรือ 1.25 ล้านเครื่อง แต่บริษัทก็หวังว่าจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ถ้าแนวโน้มใน

การขายยังเป็นเช่นนี้ ล่าสุดทำแคมเปญร่วมกับทรูมูฟ และน้ำดื่มสแปลช โดยนำฝาจีบ 20 ฝา และเงิน 490 บาท แลกซื้อมือถือซัมซุง รุ่น E1050 พร้อมซิมทรูมูฟ ถึง 31 ต.ค.

ด้านนายมงคลฤกษ์ พูลพัฒน์ เจ้าของร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ "เอ.โอ.บี." ในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง กล่าวว่า ไอโฟน 5 มาแรง มีผู้บริโภคมาสอบถามเกี่ยวกับกำหนดวางตลาดเป็นจำนวนมาก มากกว่าช่วงเปิดตัวไอโฟน 4S ปีที่แล้ว โดยส่วนตัวมองว่า ไอโฟน 5 จะได้รับความนิยมมากกว่าแน่นอน เพราะชื่อรุ่นเปลี่ยนไป โดยสินค้าจะเข้ามาในร้านภายในวันที่ 23 ก.ย.นี้แน่นอน มีแหล่งส่งของทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง และสิงคโปร์

ส่วนราคาจำหน่ายเริ่มต้นในรุ่น 16 GB น่าจะอยู่ที่ 35,000 บาท บวกเพิ่มอีก 4,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีความจุมากขึ้น ช่วงแรกอาจหารุ่นที่ต้องการได้ยาก เช่น รุ่นความจุ 16 GB สีขาว อาจของขาดตลาด "ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.เริ่มมีลูกค้านำไอโฟน 4S มือสองมาขายเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคน่าจะนำไอโฟน 4S มือสองมาขายมากช่วงที่ไอโฟน 5 เริ่มวางจำหน่าย เพราะส่วนใหญ่ต้องการให้ร้านโอนข้อมูลไปยังเครื่องใหม่ทันทีที่ขายเครื่องเก่า คาดว่าไอสตูดิโอในประเทศไทยจะนำไอโฟน 5 เข้ามาจำหน่ายเป็นทางการเร็วที่สุดกลาง ต.ค.นี้ หรืออย่างช้าต้น พ.ย. จากนั้น 2 สัปดาห์จึงเริ่มขายออนไลน์"

นายมงคลฤกษ์เสริมว่า เดือน ก.ค.-ส.ค. ยอดขายไอโฟนทุกรุ่นชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับยอดขายโทรศัพท์ในกลุ่มระดับราคา 20,000 บาท ขณะที่ระดับราคา 10,000 บาท ขายได้ปกติ แต่เทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดโดยรวมค่อนข้างซบเซา แต่ตั้งแต่ ก.ย.เป็นต้นไป ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็นปกติเพราะไตรมาสสุดท้ายเป็นหน้าขาย ทั้งมีไอโฟนรุ่นใหม่