ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เซเว่นเปิด 3 กลยุทธ์รับมือตลาดค้าปลีกเปลี่ยน ปั้นไพรเวทแบรนด์

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 13:11 น. 24 ก.ย 55

ทีมงานประชาสัมพันธ์

เซเว่นเปิด 3 กลยุทธ์รับมือตลาดค้าปลีกเปลี่ยน ปั้นไพรเวทแบรนด์ ขยายอีคอมเมิร์ซสู้ศึกปี56

updated: 21 ก.ย. 2555 เวลา 18:24:48 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ เซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนและคู่แข่งขันที่ขยายตัวมากขึ้น โดยไม่จำกัดอยู่แค่คอนวีเนียนสโตร์อีกต่อไป แต่หมายความถึงดิสเคาน์สโตร์และไฮเปอร์มาร์เก็ต  ดังนั้นแนวทางการดำเนินธุรกิจปี 2556 นั้น จึงเดินหน้าด้วย 3 กลยุทธ์หลัก  ได้แก่ 1. การพัฒนาสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ หรือไพรเวทแบรนด์  เพื่อรองรับการปรับตัวของไฮเปอร์มาร์เก็ตที่รุกขยายสาขาขนาดเล็กในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะเดียวกันสินค้ากลุ่มเฮ้าส์แบรนด์ของไฮเปอร์มาร์เก็ตก็โตขึ้นต่อเนื่อง

ดังนั้นปีหน้าเซเว่นฯเตรียมพัฒนาสินค้าไพรเวทแบรนด์ร่วมกับซัพพลายเออร์ รวม 500 รายการ จากปัจจุบันใช้ชื่อว่า โอลี่แอทเซเว่น ที่มีสินค้าอยู่ที่ 300 รายการ โดยจะเปลี่ยนเป็น 2 แบรนด์หลัก ได้แก่  เซเว่น เฟรช แบรนด์สำหรับอาหารสด และเซเว่น ซีเล็ค แบรนด์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค

สำหรับกลยุทธ์ที่สอง คือ การปรับตัวสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เพราะเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตเข้ามาบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภค บวกกับแนวโน้มของ 3G ที่กำลังเกิดขึ้น และผู้บริโภคไทยมีโทรศัพท์มือถือถึง 44 ล้านคน ทำให้เซเว่นต้องมีการปรับตัวสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น ดังนั้นมีแผนจะนำสินค้าที่ขายดีในร้านเซเว่น  หรือสินค้าแตกต่าง และสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่เข้าไปจำนวนใน Shop At 7.com เพิ่มเติมขึ้นจากช่องทางขายของเซเว่น แคตตาล็อก

"ด้วยจำนวนสาขาปัจจุบันกว่า 6,000 สาขาและจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นสาขาในปี 2561 บวกกับระบบการขนส่งและชำระเงินที่ได้มาตรฐาน  ทำให้มั่นใจว่าบริการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ"

กลยุทธ์ที่สาม คือ การปรับรูปแบบของร้านและระบบการจัดการสินค้า ตามพฤติกรรมผู้บริโภคและโลเกชั่นของร้าน ในส่วนของรูปแบบร้าน ด้วยโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป จำนวนการแต่งงานลดลง คนโสดเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องการสินค้าขนาดเล็ก และความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวดิ่งหรือคอนโดโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัท ดังนั้นได้ร่วมมือกับแอลพีเอ็น เปิดร้านเซเว่นในโครงการแอลพีเอ็น และบริหารจัดการสินค้าให้เหมาะกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย  นอกจากนี้ยังเตรียมขยายร้านขนาด 3-4 คูหาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก

ด้านการจัดการและบริหารสินค้านั้น เซ่เว่นจะเน้นการนำเสนอความแตกต่างของสินค้า บริหารสต็อก พัฒนานวัตกรรมต่างๆ  บริหารโอกาสทางการขายในแต่ละช่วง เช่น ฤดูร้อน ฤดูหนาวและฤดูฝน ควรจะขายสินค้าประเภทใด

ปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทิศทางค้าปลีกปีหน้า คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจีดีพี (GDP) หรือ ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ รวมถึงปัจจัยภายนอกเรื่องของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คนแต่งงานและย้ายถิ่นฐานน้อยลง ขณะที่ดิสเคาน์สโตร์เริ่มกลายเป็นคู่แข่งทางอ้อมมากขึ้น จากการปรับตัวสู่สาขาไซส์เล็ก ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น

ส่วนการขยายสาขาของบริษัทยังวางเป้าจะเพิ่มอีก 540 สาขาในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 6,479 สาขา คาดการณ์ว่าปี2556 เซเว่นอีเลฟเว่นจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-10% เหมือนทุกปีที่ผ่านมา