ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อภิมหาโปรเจ็ค..

เริ่มโดย คนบ้า, 10:32 น. 02 ต.ค 55

คนบ้า

มาแล้วจ้า แผนการอภิมหาโคตรโกงกินใหม่ เนื้อที่ 2 แสนไร่คราวนี่้ใช้เงินสูงมาก ถึง 1.8 ล้านล้านบาท กินกันให้ท้องแตกตาย "โครงการถมทะเลอ่าวไทย " สร้างเมืองใหม่ อ้างเป็นนโยบายเก่าสมัย ทักษิณ ที่เคยวางแผนไว้แต่ไม่ได้ปฎิบัติ เพราะมีกระแสต่อต้านมาก จึงล้มโครงการไป คิดเรอะว่าคราวนี้จะใช้ Woman's Touch แล้วคนไทยจะเปลี่ยนใจ ใหลหลง ข่าวว่า หล่อนไปปิ๊ง ? ตัวอย่างจากนครเทียนจิน เมืองท่าใหญ่ของจีน และยังเป็นการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอีกด้วย จะผลักดันให้เกิดขึ้น เป็นรูปธรรมให้ได้

ขยันใช้เงินจัง ชาติไม่ล่มจมไม่มีทางหยุด เรื่องนี้ ใช้เงินกองทุนสำรองของประเทศ จัดเป็นนโยบายเร่งด่วน ซะด้วย แนวทางในการดำเนินการนั้น ให้นำโมเดล ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ เป็นต้นแบบ

สำหรับพื้นที่ที่จะถมทะเลนั้น มีหลายตัวเลือก อาทิ สมุทรปราการ สมุทรสาคร เพชรบุรี และชลบุรี เบื้องต้นได้คัดเลือก พื้นที่เป็น 2 แนวทางคือ
1.ก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำ บริเวณริมฝั่งทะเล จุดเริ่มต้นโครงการอยู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วอ้อมทะเลอ่าวไทย ไปเมืองพัทยา
2.ก่อสร้างลึกเข้าไปในทะเล ห่างจากชายฝั่งทะเล 15-16 กิโลเมตร ตามแนวสันทราย จากชายฝั่งทะเลในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ไปถึงฝั่งทะเลด้าน จ.ชลบุรี รูปแบบจะเป็นถนนขนาด 4-6 เลน ตลอดทางจะมีประตูน้ำขนาดใหญ่สำหรับระบายน้ำทะเลเข้าออก และจะมีการถมทะเลพัฒนาเชิงพาณิชย์

ความคืบหน้าของโครงการ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการยกร่างพระราชบัญญัติ ฉบับใหม่ เสนอให้จัดตั้งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle : SPV) ใช้ชื่อว่า บริษัท บริหารจัดการและ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย จำกัด เป็นผู้ดำเนินงาน ในการจัดการโครงการ ให้มีรูปแบบเหมือนบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ที่คอยผลักดัน นโยบายด้านเศรษฐกิจ และการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ ทั้งแปรสภาพแหล่งน้ำ และถมทะเล

แม่เจ้าโว๊ยย กลัวจังว่าจะเป็นเหมือน สนามบินสุวรรณภูมิ เจ๊ปู วาดหวังได้สองเด้ง คือ การถมทะเลจากปากอ่าวออกไป 10 กิโลเมตร พร้อมกับสร้างเขื่อนกันน้ำทะเล เป็นแนวยาว เพื่อป้องกันและรักษา ระดับน้ำทะเลไม่ให้เข้ามาท่วมกรุงเทพฯ กับ การถมทะเลจากเมืองปากน้ำ จนถึงจังหวัดสมุทรสาครจะทำให้ได้ที่ดิน เพิ่มรวมประมาณ 3 แสนไร่ แผ่นดินงอกใหม่นี้ จะถูกสร้างเป็นเมืองใหม่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ 2 แสนไร่ อีก 1 แสนไร่ จะนำไปขายให้ กับเอกชนที่จะเข้ามาลงทุน กะว่าจะฟันกำไรถึงไร่ละ 20 ล้าน รวมแสนไร่ ก็เป็นเงินมหาศาล ถึงสองล้านล้านบาท เงินส่วนนี้จะถูกผัน ไปพัฒนาระบบน้ำใน 25 ลุ่มน้ำ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะชลประทาน ระบบท่อที่ต้องใช้เม็ดเงิน ลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท

เมืองใหม่แห่งนี้ ถูกวางไว้ว่าจะเป็นแหล่ง ศูนย์กลางธุรกิจแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลาง ทางการเงิน ศูนย์ธุรกิจทางไอที คล้ายกับซิลิคอนวัลเลย์ ศูนย์กลาง การรักษาพยาบาล ศูนย์กลางการเป็นสำนักงานใหญ่ ของบริษัทข้ามชาติในภูมิภาคนี้ ทำให้ประชากรมีงานทำ ไม่ต่ำกว่า 100,000 อัตรา โดยมีระบบการคมนาคม ที่สะดวกรองรับ เช่น รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับกรุงเทพ ได้สะดวกและภายในระยะเวลาอันสั้น โมเดลการสร้างเมืองใหม่นี้ จะคล้ายๆ เมือง Putrajaya และ Cyberjaya ของมาเลเซีย

ไอเดียสุดแสนบรรเจิด ชวนเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างยิ่ง คราวนี้ความฝันที่จะสร้างเมืองอุตสาหกรรมไอที อุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ ในไทยที่ผลักดันกันมานมนาน คงจะเป็นจริงเสียที แต่งานนี้กลุ่มอนุรักษ์ กลุ่มเอ็นจีโอ กลุ่มนักกฎหมายสิ่งแวดล้อม กลุ่มประชาคมและ ชุมชนริมทะเล ที่ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการทำประมงชายฝั่ง ทั้งเลี้ยงหอย ปู ปลา จองกฐินกันไว้แล้ว ประกาศลงมือเมื่อไหร่ เจอพวกค้านไม่ได้ผุดได้ เกิดแน่ ถึงแม้เพื่อไทยจะถือดีว่าได้รับชัยชนะ จากการเลือกตั้งมาอย่าง ถล่มทลายก็ตาม

หากยังไม่ลืมกันง่ายเกินไปนัก สมัยทักษิณ เคยมีการผลักดันโครงการก่อสร้าง ถนนเลียบอ่าวไทย เป็นโครงการเส้นทางลัด สู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) นั่นเพียงแค่ จะทำถนนเลียบอ่าว ยังไม่ถึงขั้นถมทะเล ผืนมหึมา มีเสียงค้านทุกสารทิศเพราะ ผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยา ป่าชายเลน การไหลของกระแสน้ำ วิถีชีวิต ชุมชม แม้ว่าจะมีการระดม นักวิชาการจากรั้วมหาวิทยาลัย ชั้นนำมาเป็นคลังสมอง สุดท้ายรัฐบาลทักษิณ ก็ต้องถอดใจไปไม่รอด เพราะต้องใช้เม็ดเงินลงทุน มหาศาลกว่า 7 หมื่นล้าน ต้องจัดทำรายงาน การประเมินผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ต้องเปิดประชาพิจารณ์ ซึ่งยากที่จะผ่านการเห็นชอบ

มาคราวนี้ โครงการนี้ให้สำเร็จ ต้องผ่านกระบวนการ ผ่านขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การแก้ไขกฎหมาย การเปลี่ยนสีผังเมือง การทำรายงานประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รายงานประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (HIA) การรับฟังความเห็น ของผู้มีส่วนได้เสีย ต้องให้องค์การอิสระ ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ให้ความเห็นก่อนดำเนินโครงการ ตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550

ผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต่อระบบนิเวศน์ การกัดเซาะชายฝั่งทะเล ที่จะรุนแรงขึ้น เพราะการเปลี่ยนทิศทาง การไหลของน้ำ ที่สำคัญการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ทะเลผลลัพธ์ ที่จะตามมาในทางกลับกัน คือการปิดกั้นน้ำที่จะระบายลงสู่ท้องทะเล ซึ่งจะส่งผลให้ กรุงเทพฯและปริมณฑล กลายเป็นเมืองบาดาลจม อยู่ใต้ท้องทะเล แทนที่จะแก้ไขปัญหา น้ำท่วมกรุงเทพฯ

ที่ดินจากการถมทะเล จะขายให้ใคร โครงการนี้ ยังไม่มีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มไหนขานรับ หรือหากจะขายให้ต่างชาติ ก็จะถูกสังคมต้องรุมด่า ขนาดจะออกกฎหมายมารองรับ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติ เข้ามาเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี ว่าเป็นกฎหมายขายชาติขายแผ่นดิน ซึ่งสุดท้ายก็พังพาบไปเช่นกัน