ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เรื่องเล่าเก่าๆ....ศาลเจ้าพ่อตาเดียว วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่

เริ่มโดย คุณาพร., 15:29 น. 12 มี.ค 54

คุณาพร.

เรื่องเล่าเก่าๆ....ศาลเจ้าพ่อตาเดียว วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่

เป็นศาลสำหรับสถิตบูชาปรากฏพบอยู่บริเวณไหล่เขาใกล้ตัวอาคารเรียนของแผนกช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ โดยรูปประติมากรรมเคารพบูชาดังกล่าวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก  ลักษณะตัวงานโดยรวมเป็นประติมากรรมในแบบลอยตัว(round relief)หรือรูปประติมากรรมที่สามารถแลดูได้โดยรอบด้าน โดยเป็นรูปลักษณ์เศียรครูฤาษีตั้งอยู่บนพื้นศาล จุดเด่นที่น่าสนใจก็คือเศียรฤาษีดังกล่าวมีดวงตาเพียงข้างเดียว ส่วนด้านหลังเป็นลักษณะของศาลสำหรับสถิตบูชา ในตำนานกล่าวกันว่า ?เจ้าพ่อตาเดียว?  ?ฤาษีตาเดียว?  หรือ ?พระศุกร์? ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความงาม ความรัก และสันติภาพ  พระศุกร์ หรือเจ้าพ่อตาเดียวถือเป็นพระอาจารย์ของเหล่าเทวดาและอสูร  ส่วนเหตุที่ต้องเสียดวงตาข้างหนึ่งไปนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะเคยลองฤทธิ์กับพระนารายณ์แต่พ่ายแพ้ถูกพระนารายณ์ใช้ยอดหญ้าคาทิ่มแทงถูกดวงตาจนบอด  ดังความว่า.........
                    นานมาแล้วยังปรากฏว่ามีกษัตริย์พระองค์หนึ่งมีพระนามว่า ?ท้าวทศราช? ปกครองกรุงพาลี อย่างขาดทศพิธราชธรรมนำพามาซึ่งความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แม้พระนางสันทาทุกข์พระมเหสี และพระโอรสทั้ง 9 พระองค์จะทูลขอให้พระบิดาทรงยุติพฤติกรรมดังกล่าวแต่ก็ไม่เป็นผล ร้อนถึงองค์พระนารายณ์ต้องลงมาปราบโดยการจำแลงกายเป็นพราหมณ์เตี้ยเดินทางมาขอรับบริจาคทานที่ดินจากท้าวทศราช สืบเนื่องด้วยขณะนั้นเองท้าวทศราชกำลังกระทำการเสริมอิทธิฤทธิ์บุญบารมี(พิธียัญญกิจ)เล็งเห็นว่าการบริจาคทานแก่พราหมณ์เตี้ยจะเป็นการเสริมฤทธิ์อำนาจของตนให้มีสูงขึ้น จึงพูดกับพราหมณ์เตี้ยว่า ?ท่านอยากได้ทานที่ดินเพื่อประกอบกิจใดใดก็ขอให้บอก เราจะให้?  พราหมณ์เตี้ยจึงทูลขอที่ดินเพียงแค่ 3 ย่างก้าวเท่านั้น เนื่องด้วยขณะนั้นเองท้าวทศราชมิได้คิดไตร่ตรองให้ดีจึงทรงพระราชทานที่ดินจำนวน 3 ย่างก้าวให้  ฝ่ายพระศุกร์อันเป็นพระอาจารย์ของท้าวทศราชรู้แกวว่าพราหมณ์เตี้ยเป็นองค์รารายณ์แปลงจึงหายตัวเข้าไปอุดรูเต้าน้ำไว้เพื่อมิให้ท้าวทศราชหลั่งน้ำเป็นทานได้  พระนารายณ์จึงใช้ยอดหญ้าคาทิ่มแทงถูกดวงตาพระศุกร์จนบอดไปเสียข้างหนึ่งจนจำต้องออกมาจากเต้าน้ำปล่อยให้ท้าวทศราชหลั่งน้ำเป็นทานให้องค์นารายณ์แปลง  เมื่อกลอุบายสำเร็จพระนารายณ์จึงคืนร่างเดิมพร้อมทั้งเหยียบเท้าไปบนที่ดินจำนวน 3 ย่างก้าวตามที่ขอไว้ กล่าวคือ ก้าวแรกเหยียบไปยังโลกมนุษย์ ก้าวสองเหยียบไปยังโลกสวรรค์ ก้าวสามเหยียบไปยังโลกนรก ท้าวทศราชจึงไม่มีที่ดินอยู่อาศัยต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ต่อมาพระนารายณ์เห็นใจท้าวทศราชจึงลดโทษให้ด้วยการยินยอมให้ท้าวทศราชมีที่อยู่อาศัย แต่ต้องขออนุญาตและกระทำการบูชาพระภูมิเจ้าที่ในบริเวณนั้นเสียก่อน ซึ่งก็คือการบูชาพระโอรสทั้ง 9 ของพระองค์นั้นเอง ต่อมาจึงเกิดเป็นประเพณีการตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ขึ้นสืบต่อกันมาจวบจนปัจจุบัน ดังนี้
                1.พระชัยมงคล                                  ปกคลองบ้านเมือง
                2.พระนครราช                                   ปกครองป้อมปราการ
                3.พระเทเพน                                     ปกครองป่าเขา
                4.พระชัยศพณ์                                   ปกครองยุ้งฉาง
                5.พระคนธรรพ์                                   ปกครองเรือนหอ
                6.พระธรรมโหรา                                 ปกครองสวน ไร่ นา
                7.พระเทวะเถระ                                  ปกครองวัด
                8.พระธรรมิกราช                                 ปกครองพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งปวง
                9.พระทาสธารา                                   ปกครองห้วย หนอง คลอง บึง และลำธาร เป็นต้น


อนึ่ง  เชื่อกันว่าในสมัยก่อนเเถวบริเวณวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ยังมีสภาพเป็นป่ารกทึบ  มีเจ้าที่บริเวณนี้เป็นคนมุสลิม(ชายชรา)มีดวงตาเพียงข้างเดียว  คนเเถวนี้เรียกท่านว่า "บังตาเดียว"  ท่านได้มอบผืนดินไว้ให้เป็นสมบัติของเเผ่นดิน(คือตั้งเป็นวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่)  ในสมัยก่อน  ราวปี พ.ศ.2536 เคยมีการประกอบพิธีกรรมบวงสรวงทวดตาเดียว(เด็กเทคนิคเรียก เจ้าพ่อตาเดียว)เป็นพิธีบวงสรวงในยามค่ำคืนราว 2 ทุ่ม  นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ในชั้นปี 1 ทุกคนจะต้องมานั่งสมาธิ ณ บริเวณเชิงเขา(ข้างช่างยนต์)จากนั้นจึงทำพิธีขอฝากตัวเป็นผู้อาศัยทวดตาเดียว  เก็บเศษใบไม้คนละ 1 ชิ้น  ระลึกถึงสิ่งที่ไม่ดีไว้ในใบไม้  เก็บมารวมกันให้พราหมณ์(จำเเลง)เป็นผู้นำขึ้นไปฝังไว้บนเชิงเขา(ที่อยู่ของท่าน)  เชื่อกันว่าจะทำให้นักศึกษาที่เข้ามาเรียนที่นี่อยู่เย็นเป็นสุข  เป็นต้น

ศาลเจ้าพ่อตาเดียว ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการบูชาของนักศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่มาอย่างยาวนาน เรียกว่าใครเข้ามาเรียนที่นี่ก็จะต้องกราบไหว้บูชากัน ถามไถ่ดูหลายๆคนยืนยันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์จริง  ยิ่งใกล้วันสอบปลายภาคนี่ยิ่งเห็นเครื่องเซ่นมากมายกว่าปกติ คนที่นี่เขาเชื่อกันอย่างนั้น

เขียน......................คุณาพร  ไชยโรจน์
ถ่ายภาพ.................กิตติพร  ไชยโรจน์

www.siamsouth.com
ห้องคุยกับคุณาพร.
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0























****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

ภาพ  :  ศาลเจ้าพ่อตาเดียว  วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่
















****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

นอกเรื่องนิดนะครับ......นั่งคิดถึงเรื่องเก่าๆที่หาดใหญ่เเล้วอยู่ๆก็นึกถึงต้องมะพร้าวต้นนี้ขึ้นมาน่ะ  ผมมักนั่งมองมันทุกครั้งเวลานั่งรถประจำทางโพธิ์ทองสายเก่าไปเรียนที่สงขลา  อื่ม.....ลาเเล้วลาลับสินะ  ไว้อาลัยให้เจ้าเสียหน่อย  ส.ยกน้ิวให้


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

Kungd4d

 ส-เขิน ส-เขิน  เดี๋ยวนี้ต้นมะพร้าวต้นนี้ไม่อยู่ใหเ ส-เขิ้เ ส-เขินห็นแล้ว ไม่แน่ใจว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ส-เขิน ส.บ๊ายบาย

 

คุณาพร.

ไว้อาลัยให้ต้นมะพร้าวครับ.....น่าเสียดาย  ^ _ ^   ส.ยกน้ิวให้ ส-เหอเหอ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

กู้ภัยพเนจร

"ไม่เืชื่ออย่าลบหลู่ "มื่อก่่อน(นานมาแล้ว) ตอนเรียนอยู่แผนกช่างยนต์ เคยหนีเีรียน ขึ้นไปบนเนินเขาด้านข้างแผนก ตอนนั้นไม่ทราบเลยว่าเป็นอะไร นึกว่าศาลพระภูมิทั่วๆไป  ขึ้นไปนั่งได้สักพัก มันแปลกๆ ดลจิตดลใจให้ต้องกลับมาเข้าเีรียน (รู้สึกว่าตอนสมัยนั้นยังไม่มีบันไดเหมือนในภาพ)

คนคลองเรียน 2