ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

น้ำของปลา..ฟ้าของนก..ประเทศของ...?

เริ่มโดย น้าเปลว, 11:06 น. 05 ต.ค 55

น้าเปลว

น้ำของปลา-ฟ้าของนก-ประเทศของ...?

เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ "มั่นใจในกองกำลัง นปช." ก็หมดความเกรงใจประชาชน ดังนั้น จะเห็นว่า ทุกเรื่อง-ทุกมาตรการที่รัฐบาลนี้ต้องการทำ จะแบะท่านักเลงทำทันที ใครขวาง จะมีกองกำลัง "แดงเทียม" ยกไปข่มขู่-คุกคาม ในยุคเผด็จการแท้ๆ โดยทั่วไปเขายังให้เกียรติสถาบันศึกษา ไม่เคยเข้าไปคุกคาม แต่วันนี้รัฐบาลที่ยกหางตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย ศาลก็ไม่เว้น สถาบันศึกษาก็ไม่เว้น เมื่อไม่ได้-ไม่เป็นดังใจ จะยกโขยงกันไปแสดงความป่าเถื่อนคุกคามทันที!
ที่เป็นดังนี้ ด้วยเหตุ ๒ ประการ ประการแรก เพราะรัฐบาลเสื้อแดงประเมินแล้วว่า "ฝ่ายประชาชน" และองค์กรอำนาจรัฐส่วนใหญ่ต่างสยบยอมด้วยระย่อให้กับระบอบทักษิณที่มี "กองกำลัง นปช." เกรี้ยวกราด-น่ากลัว หมดแล้ว
ส่วนพวกที่ไม่ยอมสยบ ก็เป็นพวกต่างคน-ต่างเก่ง "อยู่ในที่ตั้ง" ซึ่งก็...ไม่มีน้ำยาอะไร เพราะถึงอย่างไรก็ไม่สามารถผนึกรวมตัวมาราวีเป็นเสี้ยนตำมือ-ตำตีน นปช.เพื่อไทยได้
อีกส่วนก็เป็นพวก "อิ่มสุข-อิ่มสมบัติ" ที่ถือว่าธุระไม่ใช่ ยุ่งไปก็เปลืองตัว สู้นิ่งๆ เฉยๆ ไว้ดีกว่า ฝ่ายไหนมา ก็ค่อยลื่นไหลไปฝ่ายนั้น!
ส่วนประการที่ ๒ ยุคก่อน-สมัยก่อน นิสิต-นักศึกษาเหมือน "ตัวต่อ-ตัวแตน" ที่หวงรัง คือประเทศและสถาบันศึกษา อย่าว่าแต่ใครจะก้าวล่วงเข้าไปแตะเลย เอาแค่โฉบเฉี่ยวเข้าไปในรัศมี ต่อ-แตน คือนักศึกษาจะฮือออกมารักษารวงรัง...เท่าชีวิต
ยุคก่อน ไม่ว่าจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์-เกษตรฯ รวมถึงรามฯ เขาบ่มเพาะนักศึกษาให้เกลียดเผด็จการ ต่อต้านคอรัปชั่น รักความเป็นธรรม ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และพร้อมตายเพื่อประชาชนอยู่สุข
ดังนั้น นิสิต-นักศึกษา คือกองทัพปัญญาวุธ นำประชาชนในสงครามความคิด ชิงระบอบเพื่อความชอบธรรมและเพื่อชาติ เพื่อประชาชน
แต่วันนี้ ด้วยทัศนคติคนรุ่นใหม่ "รัฐบาลโกงไม่เป็นไร ถ้าเอามาแบ่งปัน" ส่วนผลงานสถาบันขึ้นหน้า-ขึ้นตา คือนักศึกษาที่ประกวดนางงามชนะ รัฐบาลแดงประเมินได้ทันทีว่า ประชานิยมสู่เป้าหมาย "เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน" ที่เริ่มมาแต่ยุคทักษิณ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔
ถึงวันนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนแค่รากหญ้า กระทั่ง "นิสิต-นักศึกษา" ก็กลายเป็นยอดหญ้า "เสพติดยาประชานิยม" ไปด้วยกันแล้ว นั่นคือ สิ่งปรนเปรอคืออุดมการณ์ไปแล้ว
สถาบันส่วนสถาบัน นักศึกษาต้องจ่าย ส่วนอาจารย์ก็รับจ้างเป็นเขียว-เป็นแดง-เป็นเหลืองไป ต่างคนต่างมีเป้าหมาย รีบจ่าย รีบเรียน แล้วรีบจบ ไม่มีอะไรต้องผูกพันชนิดต้องตายแทนกันอีกแล้ว
จะเห็นชัดในวิกฤติสังคมช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษา ซึ่งหมดบทบาทไปจากสังคมต่อสู้ทางปัญญาไปแล้ว ที่เด่นชัดอยู่คือในหมู่อาจารย์ แทบหาไม่เห็นว่าจะมีอาจารย์สถาบันไหนแหลมออกมาเป็นงาแซงแทงเสยสังคมวิปริต
แต่ที่ไม่ต้องหาก็เห็น คืออาจารย์ในหลายสถาบันศึกษา โดยเฉพาะจากจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ออกมาเป็นปัญญาตาม ด้วยยอมรับพฤติกรรมทักษิณ ยอมรับพฤติกรรมกองกำลัง นปช. ยอมรับการเผาบ้าน-เผาเมือง กระตือรือร้นแนวทาง "เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน"
ด้วยเหตุเสื่อม ๒ ประการนี้ จึงบอกได้ว่า ที่รัฐบาลประเมินสังคมวันนี้ ถูกต้องแล้ว!
ดังนั้น อยากทำอะไรกับบ้านเมือง ก็จงทำไปเถิด ไม่มีใครขวางปรารถนาได้อีกแล้ว ด้วยศักดานุภาพแห่งกองกำลังนอกกฎหมาย นปช. จะปรับ ครม. อยากตั้งใคร-ตั้งเลย ต้องการยกอธิปไตยไทยผ่านอู่ตะเภาให้สหรัฐแลกกับผลประโยชน์ตระกูลไหน-ยกไปเลย
หรือจะทำลายอนาคตประเทศให้ย่อยยับ ด้วยเหตุผลเบื้องลึกเฉพาะตนบางประการ ผ่านการทำลายตลาดค้าข้าว ด้วยการหลอกล่อให้ชาวนาหลงติดในราคาบิดเบือนชั่วมื้อ-ชั่วคราว ในขณะที่ราคาตลาดเกวียนละ ๑๐,๐๐๐-๑๑,๐๐๐ บาท ก็เอาเงินงบประมาณมารับซื้อเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท รวบข้าวทั้งประเทศให้อยู่ในกำมือรัฐบาล
อยากทำ ก็ทำไปเถอะ...ในเมื่อทักษิณสั่ง พวกท่านไม่ฟังใครอื่นอยู่แล้ว ทั้งคลัง ทั้ง ธ.ก.ส.ที่ทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์จ่ายค่าซื้อข้าวแทนรัฐบาลขณะนี้ ก็แทบไม่มีเงินจะเหลืออยู่แล้ว!
ในความเลือนหวังด้วยเหตุเสื่อม ๒ ประการนั้น ต้องยอมรับว่า การออกมาของ ๑๒๗ คณาจารย์ ด้วยการกล้านำของ "นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญเบรกโครงการรับซื้อข้าวของรัฐบาลเมื่อ ๔-๕ วันที่ผ่านมานี้ นั้น
เป็นการสละ "สุขเฉพาะตน" ด้วยหวังรักษา "สุขส่วนรวม" ของพี่น้องชาวนา และของระบบเศรษฐกิจไทยที่ต้องขอบคุณแทนชาวนา (อันจะรับรู้ในส่วนนี้ได้ในอนาคต) จากใจจริงๆ
การออกมาคัดค้าน "เหมาซื้อข้าวทั้งแผ่นดิน" ของรัฐบาล ท่านอาจารย์อดิศร์กล้าเกิน จนผมกลัวใจ เพราะขนาดพวกกองกำลังแดงในคราบ "ชาวนาเทียม" ยกขบวนบุกถึงนิด้า และลามไปหลายถิ่น-หลายจังหวัด อาจารย์ยังคงรักษาทั้งบุคลิกภาพ และทั้งเจตนามุ่งมั่นแน่วแน่
ผมจึงพูดได้ ๕ คำเท่านั้น คือ ขอบคุณครับ...อาจารย์!
ชาวนานั้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่เรียกว่า "หาเช้า-กินค่ำ" เมื่อรัฐบาลรับซื้อเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ย่อมดีใจเป็นธรรมดา ฉะนั้น ถ้าจะมีชาวนาบางส่วนบอกว่า "ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์" ก็โปรดเห็นใจ ด้วยเข้าใจเถิดว่า นั่นคือความบริสุทธิ์ซื่อ เหมือนคนกระหายน้ำ เมื่อมีคนยื่นกะลาน้ำให้ดื่ม ความคิดในความกระหาย ไม่มีอะไรมากไปกว่า ปรารถนาดื่มดับกระหาย
ชาวนาคือคนกระหายน้ำ ด้วยจิตบริสุทธิ์ไม่คิดหรอกครับว่า ในกะลาน้ำที่เขายื่นให้ดื่มนั้น ผสมยาพิษประเภทกัดกร่อน ไม่ทำให้ตายในทันที แต่รักษาไม่หาย และตายแน่ในอนาคตอันใกล้!
แต่ท่านอาจารย์รู้ว่าในกะลาแห่งความปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายนั้น มันผสมยาพิษ ขณะที่เขาเอื้อมมือมารับไปดื่ม แล้วอาจารย์ไปปัดกะลาหวังให้น้ำหก ก็เป็นธรรมดาชาวนาที่กระหายย่อมโกรธ
แต่ท่านได้ใช้ความรู้แห่งครูบาอาจารย์ "ช่วยชีวิต" คนที่อยู่ในสถานะด้อยโอกาสทางสังคมกว่า สมคุณค่าแห่งความเป็นอาจารย์คู่สถาบันแล้วครับ
วันนี้ ในชีวิตที่พยายามช่วยให้รอด เขายังไม่รู้ แต่สุดท้าย ในสังคมที่รอด พี่น้องชาวนาทุกคนก็ต้องรู้ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า ๑๒๗ คณาจารย์ช่วย รู้เพียงว่า รอดตายเพราะ "ไม่ดื่มยาพิษ" ก็พอแล้ว
เมื่อวาน (๔ ต.ค.) ตัวแทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะผู้ปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลที่ต้องรับซื้อข้าวทุกเมล็ดเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการส่งเสริมราคาผลิตผลเกษตรกร สภาผู้แทนราษฎร ถึงประเด็น ขณะนี้ "เงินซื้อข้าวหมด" ว่า
"งบประมาณที่ ครม.อนุมัติรับจำนำข้าว ๑๓.๓๑ ล้านตัน มีเพียงกว่า ๑ แสน ๙ หมื่นล้านบาทเท่านั้น แต่ที่พบปัญหาคือ มีการออกใบประทวนให้เกษตรกรมากกว่าที่ ธ.ก.ส.ประเมินไว้ ทำให้งบประมาณไม่พอ จึงต้องของบเพิ่มอีก ๔ หมื่นกว่าล้าน แต่ ครม.ยังไม่อนุมัติ ธ.ก.ส.ต้องสำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งตอนนี้เงินสำรองกว่า ๑ แสนล้านก็ใกล้หมด ทาง ธ.ก.ส.ยังไม่ได้รับเงินจ่ายสำรองคืนเลย หาก ครม.ยังไม่อนุมัติเพิ่มเติม จะเกิดปัญหาจ่ายเงินล่าช้าออกไปอีก และจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในการบริหารจัดการงานทั่วไปของ ธ.ก.ส.ด้วย"
กับคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนฯ "นายบุญไทย แก้วขันตี" รองผู้จัดการ ธ.ก.ส.ได้ชี้แจงถึงความพร้อมในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามฤดูกาลผลิตปี ๕๕/๕๖ ตั้งแต่ ๑ ตุลา.๕๕ ถึง ๑๕ กันยา.๕๖ ว่า
"ได้ดำเนินการตามมติ ครม. ขณะที่ ธ.ก.ส.ทำหน้าที่เหมือนเป็นแคชเชียร์จ่ายเงินตามใบประทวน หากพบปัญหาที่ใบประทวนจะตีกลับไปตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ขณะนี้จ่ายเงินไปแล้วจำนวน ๓๐๓,๘๗๙ ล้านบาท และยังคงดำเนินการต่อไป คาดว่าการรับจำนำข้าวรอบใหม่จะมีสูงถึง ๑๕ ล้านตัน วงเงิน ๒.๔ แสนล้านบาท และที่รับจำนำไว้แล้วทั้งหมด ไม่มีเกษตรกรซักรายมาไถ่ถอนคืนเลย"
ครับ...ซื้อมาเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท หมดไปกว่า ๔-๕ แสนล้าน แต่ตลาดแค่เกวียนละ ๑๑,๐๐๐ บาท แล้วมันจำเป็นอะไรที่รัฐบาลต้องทำอย่างนั้น ทั้งสูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ทั้งทำลายระบบค้าข้าว และทั้งส่งกระแสราคาข้าวผิดๆ ไปยังชาวนา ล้วนเป็นปมปัญหา "ฆ่าอนาคตชาติ" ตัวเองทั้งสิ้น
ถึงนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จะอ้อมแอ้มว่า ขายจีทูจีให้ประเทศโน้น-ประเทศนี้ไปแล้วกว่า ๗ ล้านตัน ส่งปีหน้า-ปีโน้น ขนาดราคาโม้ ยังไม่ยอมบอกว่าขายตันละเท่าไหร่ ในขณะที่เวียดนามขายตันละ ๔๖๗-๔๗๐ เหรียญฯ
แล้วข้าวไทยเลี่ยมทองหรือไง ที่จะขายได้ถึงตันละ ๕๐๐ เหรียญฯ?
ได้ยิน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม บอกว่า ไม่ต้องกลัวจะไม่มีที่เก็บข้าวเปลือก ได้เตรียมโกดังสนามบินดอนเมืองไว้แล้ว ผมว่าไม่น่าจะพอ ควรเคลียร์สนามบินสุวรรณภูมิไว้ด้วยก็ดี พอเน่าทุกโกดังได้ที่แล้ว
จะได้ฌาปนกิจไปซะทีเดียวพร้อมๆ กันเลย!.