ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ตชด.43 ทลายรังเเนวร่วม ยึดยาเสพติด ปืน จยย.เเปลงสภาพ 13 คัน

เริ่มโดย JaY_SoniC, 11:53 น. 09 ต.ค 55

JaY_SoniC

วันนี้ (9 ต.ค. 55) พล.ต.ต.ลิขิต  สุทธะพินทุ ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.วัฒนา เพ็งแก้ว ผบ.ฉก.ตชด.43 และ พ.ต.ต.สุเทพ สังวรกิตติวุฒิ  รอง ผบ.ฉก.ตชด.43 นำกำลังชุดสืบสวนหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.ที่ 43 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 22/2 ม.6 บ้านเกษมรัตน์ ม.6 ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งใช้เป็นสถานที่ชำแหละ และดัดแปลงรถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยมา

โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย นายอารีสมัน หะหมะ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.8 ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จงสงขลา นายสรนันท์  เพ็งแก้ว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 ม.1 ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา นายอาซือมิง หะ อายุ 30 ปี และ นายสุกกรี หะ อายุ 27 ปี สองพี่น้อง อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายอาซือมิง เป็นหนึ่งแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา อีกด้วย

จากการตรวจค้นภายในบ้านและรอบๆตัวบ้าน พบรถจักรายานยนต์ที่กำลังถูกดัดแปลงสภาพจำนวน 13 คัน และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์อีกจำนวนมาก อุปกรณ์ช่างสำหรับดัดแปลงรถจักรยานยนต์ อาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก กระสุน 9 มม. จำนวน 5 นัด ยาบ้า 9 เม็ด และ ยาไอซ์ 3 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ เงินสด 3,500 บาท ที่เจ้าหน้าที่ใช้ล่อซื้อ และบัญชีลูกค้ายาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า รถจักรยานยนต์ทั้งหมดเป็นรถที่ทั้ง 4 คน ขโมยมาจากในพื้นที่ อ.จะนะ และ อ.เทพา จ.สงขลา เพื่อนำมาชำแหละดัดแปลงสภาพส่งไปขายในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแก๊งนี้เป็นแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนสงขลา และยังลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนขยายผลว่า ทั้ง 4 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตามสำหรับบ้านหลังดังกล่าวมี นางสุบะ  แก้วช่วย  อายุ 36 ปี เป็นเจ้าของ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ที่บ้านเช่าภายใน ซ.วัชรกร เขตเทศบาลตำบลบ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา พร้อมยาไอซ์อีก 5 กรัม ขณะกำลังเก็บเสื้อผ้าหลบหนี โดยยอมรับว่า เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดทีมเดียวกันกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน
/////

ไก่ฟักด้าม


ปืนแก๊ป

หลักในการ..นำพาปืน ไปนอกบ้าน ที่ควรรู้ .และอาจจะไม่ถูกจับกุม หากปฏิบัติตาม.. ..

(1/162) > >>

sigsax:
:)    สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกคน  ผมมีเอกสารชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับ   
การปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ   อ่านแล้วน่าสนใจมากทีเดียวจึงอยากจะเผยแพร่
ให้แก่เพื่อนๆทุกคน   จึงขอคัดลอกมาลงให้ดูดังนี้ครับ

         

กองวิจัยและวางแผน  ส่วนราชการกรมตำรวจ  ที่ 0503 ( ส ) / 27663

วันที่ 30  กันยายน  2525

เรื่อง  การปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณสถาน

ผบช. , ผบก. , หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าทุกหน่วยงาน

ตามบันทึก  ตร.ที่ 0501 /30476 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2517 กำหนดแนวทาง
ในการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ  ให้ใช้ดุลพินิจในการตรวจค้น  จับกุม
ผู้พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณสถานให้เป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 371 ได้บัญญัติไว้  ต่อมาได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ. อาวุธปืนฯ
พ.ศ. 2490 ขึ้นอีก  ในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบันยังคงมีปัญหา
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยมีเพียงใบอนุญาต
ให้มีและใช้อาวุธปืน ( ป. 4 )   แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ( ป. 12 )
ก็มักจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีทุกรายไป  ทำให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตรวจค้น
และจับกุม   เพื่อให้การปฏิบัติของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
และถูกต้อง    จึงขอซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้  ตามบทบัญญัติ
มาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งคณะปฏิรูป
การปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3 กำหนดว่า  ห้ามมิให้
ผู้ใดพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ  โดยไม่ได้รับอนุญาต
ให้มีอาวุธปืนติดตัว  เว้นแต่กรณีต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควร
แก่พฤติการณ์     ไม่ว่ากรณีใด

ห้ามมิให้พกพาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผยหรือพาไปในที่ชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น
เพื่อนมัสการ  การรื่นเริง  การมหรสพ หรือการอื่นใด

:)  ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กฎหมายยังคงเปิดโอกาส  ให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์
นำเอาอาวุธปืนที่ตนมีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย  แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา
ติดตัวไปเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินได้ ภายในขอบเขตที่กฎหมายให้กระทำได้
ตามแนวคำชี้ขาดไม่ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนไปในเมือง
หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ  โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาจากเจ้าพนักงาน
ซึ่งถือว่าโดยสภาพเป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน
ตามสมควรแก่พฤติการณ์  มีแนวทางพอสรุปได้ดังนี้คือ

1.  ถ้าได้นำอาวุธปืนใส่กระเป๋าเก็บไว้ในช่องเก็บของท้ายรถ ซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ทันทีทันใด

2.  เอาอาวุธปืนใส่กระเป๋าใส่กุญแจแล้ววางไว้ในรถซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ในทันทีทันใด

3.  ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัด  จำนวนเป็นหมื่นๆ นำติดตัวมาแล้วมีอาวุธปืน
ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้ว ใส่ช่องเก็บของหน้ารถยนต์เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน

4.  ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัด นำอาวุธปืนติดตัวมาด้วย โดยแยกอาวุธปืน
และเครื่องกระสุนปืนออกจากกัน   ใส่กระเป๋าเอกสารไว้ที่พนักเบาะหลังรถยนต์

5.  ห่ออาวุธปืน และแหนบบรรจุกระสุนปืน ( แมกกาซีน ) แยกออกคนละห่อเก็บไว้ในกระโปรง
รถยนต์ซึ่งใส่กุญแจ

จึงแจ้งมาเพื่อทราบและแจ้งให้ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องทราบ  เพื่อใช้เป็นดุลพินิจ
ประกอบการพิจารณาในการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้ต่อไป

ลงชื่อ  พล.ต.ท.ณรงค์ มหานนท์  ( ณรงค์ มหานนท์ )
รองอ.ตร.ปป.ปร.ท.อ.ตร.

  :)  ลองๆทำตามดู น่าจะยังใช้บังคับอยู่ครับ  ...


         :) :) :)  ทีนี้มาดูผล  ของการปฏิบัติตามแบบนี้กันดูบ้างครับ   :) :) :)

เรื่องทั้งหมดนี้มีที่มาสามารถอ้างอิงได้  โดยผมจะลงที่มาเอาไว้ให้ด้วยครับ
เพื่อจะได้ไปเปิดค้นดูได้ถึงที่มาที่ไป...

   :)  เรื่องที่ ๑  ผู้ต้องหาถูกตำรวจจับได้ในขณะขับรถยนต์ไปเก็บเงินลูกค้าที่ผู้ต้องหา
ขายยาที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นเงินจำนวน ๓๕,๐๐๐ บาท ผู้ต้องหาอ้างว่านำอาวุธปืน
ติดตัวไปเพื่อป้องกันทรัพย์สิน  ปืนดังกล่าวผู้ต้องหาได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้
โดยถูกต้องแล้ว  พร้อมกับแสดงเงินสด ๓๕,๐๐๐ บาท  ให้พนักงานสอบสวนดูไว้เป็นหลักฐาน
                ปรากฎว่าตำรวจค้นปืนได้จากที่เก็บของด้านหน้าซ้าย ของรถยนต์
คันที่ผู้ต้องหาขับไป  อธิบดีกรมอัยการชี้ขาดว่า  ผู้ต้องหา
ไม่ได้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย  แต่ได้เก็บไว้ในที่เก็บของมิดชิด  และการที่ผู้ต้องหา
ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก  โดยพาอาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาตให้มี
และใช้แล้วติดตัวไปด้วยนั้น  นับว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ พรบ.อาวุธปืนฯ
มาตรา ๘ ทวิ , ๗๒ ทวิ ฯลฯ

:)  เรื่องที่ ๒    .. ผู้ต้องหาถูกจับได้พร้อมปืนสั้นขนาด .๓๘ มีทะเบียนแล้ว กับมีกระสุน
ในลูกโม่ ๒ นัด  และกระสุนอยู่ในซองกระสุนอีก ๒๘ นัด ของทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าถือ
ใส่ไว้ในกระโปรงท้ายรถยนต์ของผู้ต้องหา
                  อธิบดีกรมอัยการชี้ขาดว่า ผู้ต้องหานำอาวุธปืนของตนที่ได้รับ
อนุญาตให้มีและใช้แล้ว  ใส่ไว้ในกระเป๋าถือ และเอากระเป๋าถือใส่ไว้ในกระโปรงรถยนต์
ซึ่งใส่กุญแจ  โดยสภาพมิใช่เป็นการพาอาวุธติดตัวและมิใช่โดยเปิดเผย
จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา ฯลฯ

:)  เรื่องที่ ๓ .. ผู้ต้องหาขับรถยนต์บรรทุก ๑๐ ล้อมาตามถนนสายธนบุรี - ปากท่อ
ถูกตำรวจจับที่ด่านตรวจรถ  พร้อมปืนกับกระสุน ๗ นัดซึ่งผู้ต้องหาได้รับใบอนุญาต
ให้มีและใช้แล้ว  แต่ไม่มีใบพกพา  ปืนดังกล่าวอยู่ในกระเป๋าถือบนตะแกรงเหล็ก
เหนือที่นั่งของผู้ต้องหา   
                   อธิบดีกรมอัยการชี้ขาดว่า  ผู้ต้องหามีอาวุธปืนใส่ไว้
ในกระเป๋าถือ   เก็บไว้ในตะแกรงเหล็กเหนือศรีษะที่นั่งคนขับ  โดยสภาพจึงไม่เป็นการ
พาอาวุธปืนติดตัว  ไม่เป็นความผิด  จึงชี้ขาดไม่ฟ้อง

ทั้ง ๓ เรื่อง มาจาก หนังสือ  เล่นปืนไม่ให้ถูกจับ ของอ. สมพร - ศรีนิดา  พรหมหิตาธร
ซึ่งเป็นพนักงานอัยการเป็นผู้เขียน  หน้าที่ ๕๐ - ๕๑  ( พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ )

:) :) :) มาดูต่อครับ  :) :) :)

ต่อไปเป็นความเห็นชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนติดตัว

อัยการสูงสุดได้ชี้ขาดความเห็นแย้งที่ที่ ๖๔ / ๒๕๒๔ เกี่ยวกับการพกพา
อาวุธปืนติดตัวว่า  การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตาม พรบ. อาวุธปืน ฯลฯ
นั้น  จะต้องเป็นการกระทำที่ผู้ต้องหานั้นอยู่ในวิสัยที่สามารถอาจใช้อาวุธปืนนั้นได้
ในทันที  หากต้องการจะใช้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมการเพื่อการใช้ใดๆอีก
ดังนั้น การที่ผู้ต้องหานำอาวุธปืนไป โดยเก็บไว้ที่เก็บของท้ายรถ จึงไม่ใช่เป็นการ
พาอาวุธปืนติดตัวไปตามความหมายของกฎหมาย  การกระทำของผู้ต้องหาจึงขาดองค์
ประกอบความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑
จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา

คดีชี้ขาดความเห็นแย้งที่ ๑๙ / ๒๕๓๗   อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว    เห็นว่า
การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิ นั้น จะต้องเป็นการกระทำที่ผู้กระทำนั้นอยู่ในวิสัยที่สามารถอาจใช้อาวุธปืนนั้นได้ในทันทีหากต้องการจะใช้
โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมการเพื่อการใช้ใดๆอีก  ฉะนั้น การที่ผู้ต้องหา
แยกอาวุธปืนกับกระสุนออกจากกันและบรรจุไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วนำกระเป๋าติดตัวมาด้วย
จึงไม่ใช่การพาอาวุธปืนติดตัวในความหมายของกฎหมาย การกระทำของผู้ต้องหาจึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๗๑ จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา

ที่มา ก็จากหนังสือเล่มเดียวกัน หน้าที่ ๕๖ -๕๗

:)   ในยุค ป.๑๒ ขอยาก ก็ต้องเสี่ยงกันไป  แต่หากว่าประชาชนคนใดพกพาแบบที่ว่ามาแล้ว
ข้างต้นก็มีสิทธฺได้รับความอะลุ่มอะหล่วยจากตำรวจได้   

จึงอยากจะขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่อยู่ในเวปและนอกเวปนี้ครับ
ได้โปรดอะลุ่มอะหล่วยกับคนบริสุทธิ์ที่ต้องพาปืนไปป้องกันตัวด้วยเถิดครับ

เพราะแม้คุณจะจับกุมไปไว้ก่อน  แต่ผลสุดท้ายทางอัยการสูงสุดก็คงจะ
สั่งไม่ฟ้องได้ตามแนวทางดังกล่าวข้างต้น

หากประชาชนได้ให้ความร่วมมือดังกล่าวแล้ว  ขอได้โปรดอะลุ่มอะหล่วยให้ด้วยครับ

ด้วยความปราถนาดีต่อเพื่อนๆสมาชิกชาวปืนทุกคนครับ   :VOV: :VOV: :VOV:



อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวข้างต้นก็สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๓๙๔๕ / ๒๕๔๐ วินิจฉัยว่า  กระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลาง
บรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพและคำพยานจำเลยแสดงว่า มีกุญแจล็อคถึง ๒ ด้าน
ทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง  การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้น
ย่อมเป็นไปได้ยาก จึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพกพาติดตัว ทั้งเหตุผลที่จำเลย
อ้างว่าเป็นการขนย้ายไปยังบ้านที่ต่างจังหวัดนั้น  จำเลยมีสำเนาทะเบียนบ้านมานำสืบว่า
มีการย้ายภูมิลำเนาไปจริง  แม้จะภายหลังวันเวลาเกิดเหตุแต่ก็เพียงไม่กี่วัน   ต้องรับฟังเป็นคุณ
แก่จำเลยตามที่อ้างว่าเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของ  เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็น
เป็นอย่างอื่น  จึงต้องฟังว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่จะพาอาวุธของกลางไป
จำเลยไม่มีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง , ๗๒ วรรคสอง และ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  ๓๗๑

:) ครับจะเห็นว่าคดีนี้ แม้ศาลจะฟังว่าจำเลยย้ายของ มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนก็ตาม
แต่ศาลฎีกาก็ได้วินิจฉัย ถึงหลักว่า อย่างไรที่จะถือว่าเป็นการพกพาปืนติดตัวเอาไว้ด้วย
ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวข้างต้น 

และเป็นความยุติธรรมดีครับ  ..

จึงอยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโปรดอะลุ่มอะหล่วยเกี่ยวกับหลักการ
ดังกล่าวข้างต้นด้วยนะครับ ..  :VOV: :VOV: :VOV:

ปล. หากท่าน ผองพัฒ ( วมต.) และท่านคณะบริหาร RO 01 - RO 05
พิจารณาแล้วเห็นว่า กระทู้ไม่สมควรหรือไม่เหมาะสม  ก็ลบได้นะครับ .. :VOV:


kasamesun3955