ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 16:29 น. 24 ต.ค 55

ทีมงานประชาสัมพันธ์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          สาว ๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักรู้อะไรไหมเอ่ย ว่าสารอาหารสำคัญอย่างแคลเซียม นอกจากจะดีต่อกระดูกและฟันแล้ว ยังช่วยให้คุณลดน้ำหนักอย่างเห็นผลได้ด้วยนะคะ มีผลการวิจัยและทดลองพบว่าแคลเซียมมีส่วนช่วยควบคุมระบบการเมตาบอลิซึมหรือกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย โดยจะไปขัดขวางการสร้างและสะสมไขมัน ทำให้ร่างกายสามารถดึงไขมันส่วนนี้มาเผาผลาญได้มากขึ้น ช่วยให้ลดพุงกะทิ รอบเอวหนา ต้นขาใหญ่ อย่างเห็นผลเลยล่ะ

          รู้อย่างนี้แล้วก็ชักจะอยากกินอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมกันซะตอนนี้เลยใช่ไหมล่ะ ร่างกายของเราต้องการแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งอาหารอย่างแรกที่ใคร ๆ นึกถึงก็คงหนีไม่พ้น "นม" แหล่งแคลเซียมชั้นดีนั่นเอง แต่ถ้าจะดื่มนมเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก ก็ต้องเลือกเป็นนมแบบพร่องมันเนย หรือแบบแคลเซียมสูงนะคะ และนอกจากนมแล้ว ก็ยังมีอาหารอีกหลายอย่างทีเดียวที่เป็นแหล่งของแคลเซียมชั้นเลิศให้กับคุณได้ ลองมาดู 10 อาหารอุดมแคลเซียมเหล่านี้ ซึ่งเราหยิบข้อมูลดี ๆ มาฝากกันจากเว็บไซต์ Reader Digest  กันดีกว่าค่ะ โดยข้อมูลในที่นี้จะเป็นปริมาณแคลเซียมที่ได้จากอาหาร 100 กรัมนะคะ



      1. งา

           ให้แคลเซียม 227 มิลลิกรัม คิดเป็น 28% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ออนซ์ (ประมาณ 28 กรัม) ให้พลังงาน 160 แคลอรี่

      2. กวางตุ้งฮ่องเต้ (Bok Choy)

           ให้แคลเซียม 158 มิลลิกรัม คิดเป็น 16% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ถ้วย ให้พลังงาน 20 แคลอรี่

      3. ทาฮินี่ (Tahini คืองาบดจนข้นเป็นครีม เป็นอาหารพื้นเมืองจากแถบตะวันออกกลาง)

           ให้แคลเซียม 112 มิลลิกรัม คิดเป็น 12% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 2 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 160 แคลอรี่

      4. ครีมชีส

           ให้แคลเซียม 98 มิลลิกรัม คิดเป็น 10% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ออนซ์ (ประมาณ 28 กรัม) ของครีมชีสชนิดพร่องมันเนย ให้พลังงาน 29 แคลอรี่

      5. คะน้า

           ให้แคลเซียม 93 มิลลิกรัม คิดเป็น 9% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ถ้วย ให้พลังงาน 36 แคลอรี่



      6. อัลมอนด์

           ให้แคลเซียม 75 มิลลิกรัม คิดเป็น 8% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ออนซ์ (อัลมอนด์ประมาณ 22 เมล็ด) ให้พลังงาน 170 แคลอรี่



      7. บร็อคโคลี่

           ให้แคลเซียม 62 มิลลิกรัม คิดเป็น 6% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ถ้วย ให้พลังงาน 55 แคลอรี่

      8. ปวยเล้ง (spinach หรือผักโขมอย่างที่เราเรียกกัน ความจริงคือปวยเล้งนะคะ)

           ให้แคลเซียม 60 มิลลิกรัม คิดเป็น 6% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 2 ถ้วย ให้พลังงาน 14 แคลอรี่

      9. วอเตอร์เครส

           ให้แคลเซียม 40 มิลลิกรัม คิดเป็น 4% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ถ้วย ให้พลังงาน 4 แคลอรี่

      10. โรมาโนชีส

           ให้แคลเซียม 298 มิลลิกรัม คิดเป็น 30% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน

           ปริมาณการบริโภค : 1 ออนซ์ (ประมาณ 28 กรัม) ให้พลังงาน 108 แคลอรี่


          รู้จักวัตถุดิบอุดมแคลเซียมตั้ง 10 ชนิดแล้ว คราวนี้ไปนั่งนึกเมนูกันดีกว่า ว่าสิ่งเหล่านี้จะเอามาทำอะไรกินดี เอาแบบอร่อย ๆ ไม่มัน ไม่เลี่ยน และกินแล้วต้องออกแรงเผาผลาญพลังงานที่ได้ให้หมดด้วยนะคะ จึงจะได้ประโยชน์จากแคลเซียมไปช่วยควบคุมน้ำหนักกันเต็ม ๆ ไงล่ะ ^^

หมอพิชญานนท์ (Dr.Pop)

กินอาหารเสริม calcium ได้

แต่ไม่แนะนำให้กิน Calcium tab (1250 หรือ 625 mg)
เพราะถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ นอกจากไม่ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องกระดูกผุบางแล้ว
ยังเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอีกครับ
คลินิกหมอพิชญานนท์ แพทย์เฉพาะทาง รพ.ม.อ. (สามแยกคลองเรียน อ.หาดใหญ่) แผนที่ https://goo.gl/wp5jbc
โรคทั่วไป โรคเรื้อรัง เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เบาหวาน ความดัน ไขมัน เก๊าท์ ฉีดยา เจาะเลือด ยาคุม ใบรับรองแพทย์สุขภาพ
กระเพาะ กรดไหลย้อน ผื่นแพ้ ลมพิษ เชื้อรา ซึมเศร้า แพนิค โทร. 080-488-9555 Line@ : @Pitchayanont
Facebook : http://www.facebook.com/pitchayanontclinic Website : http://www.pitchayanont.com