ไทยไล่ไม่ทันพ่ายยูเครน3-5,ปารากวัยล็อกพัง3-6

[ทีมงานบ้านเรา]

[attach=1]

"ขุนพลโต๊ะเล็ก" ทีมชาติไทย เร่งเครื่องไล่ไม่ทัน ลงสนามนัดที่สอง พ่าย ยูเครน 3-5 หลังครึ่งแรกโดนนำห่างถึง 5-0 ขณะที่ ปารากวัย ทีมแชมป์จากโซนอเมริกาใต้ นำก่อน 2-0 แต่มาพลาดท่าโดน คอสตาริกา รัวยิงแซงคว้าชัย 6-3 ในศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 7 ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา

การแข่งขัน ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 7 "ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์ คัพ ไทยแลนด์ 2012" ที่ประเทศไทย รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พ.ย. 2555

ไทย 3-5 ยูเครน

ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม เป็นการลงสนามนัดที่สอง ของ สาย เอ โดยทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ที่ประเดิม 3 แต้มแรกจากการคว่ำ คอสตาริกา 3-1 ลงสนามพบกับ ยูเครน ที่มี 1 แต้มจากการไล่เจ๊า ปารากวัย 3-3 เกมนัดนี้หากทีมชาติไทย มีคะแนนติดมือ ก็มีสิทธิ์ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบสองได้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้

เกมนี้ "วิคเตอร์ เฮอร์แมน" กุนซือชาวดัตช์ของทีมไทยตัดสินใจพัก ประกิต ด่านขุนทด นายด่านมือหนึ่ง ที่ยังไม่ฟิตสมบูรณ์เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง พร้อมส่ง สุรพงษ์ ทมพา ผู้รักษาประตูกัปตันทีม ลงไปยืนเฝ้าเสาแทน ขณะที่ผู้เล่น 4 รายยังเป็นแกนหลักในชุดแรก ประกอบด้วย จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, กฤษดา วงษ์แก้ว, เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง

ส่วนฝั่ง เกนนาดี้ ลิเซนซุค เฮดโค้ชยูเครน ยังจัดผู้เล่นชุดแรกแบบเต็มสูบ ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ดิมิโตร ลีทีฟเนนโก้, ผู้เล่น 4 ราย มี เซอร์กี้ เชอร์ปอเนี้ยค, แม็กซิม พาฟเลนโก้, เลฟเก็น โรกาซอฟ และ เดนิส ออฟเซียนนิคอฟ

ขณะที่ชุดผู้ตัดสินเกมคู่นี้ประกอบด้วย ผู้ตัดสินที่ 1 เซอร์จิโอ คาร์เรร่า (คิวบา), ผู้ตัดสินที่ 2 ฟรานซิสโก้ ริเวร่า (เม็กซิโก), ผู้ตัดสินที่ 3 เร็ก คามูซู (หมู่เกาะโซโลมอน), ผู้รักษาเวลา อมิเทส เบฮารี่ (ฟิจิ)

และนัดนี้ยังคงได้รับเกียรติจาก "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี บอร์ดบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ในฐานะนายกสมาคมฟุตบอลฯ ให้เกียรติ เข้ามาร่วมชมและเชียร์นักฟุตซอลไทยอย่างใกล้ชิด

เริ่มเกมครึ่งเวลาแรก เหล่าแฟนคลับโต๊ะเล็กไทย ที่แห่กันเข้ามาชมราว 10,000 ชีวิต ก็ได้ลุ้นเฮก่อน ในนาทีที่ 1 จากลูกยิงของ กฤษดา วงษ์แก้ว ที่ได้สับด้วยขวาบริเวณนอกกรอบ แต่บอลยังไปติดมือ ดิมิโตร ลีทีฟเนนโก้ นายด่านยูเครนทุบทิ้งได้ทัน

นาทีที่ 3 จิรวัฒน์ สอนวิเชียร วางยาวจากแดนหลังขึ้นฝั่งซ้าย บอลถึง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง เกี่ยวบอลลงอย่างสุดสวย ก่อนหาจังหวะยิงมุมแคบ แต่บอลยังหลุดเสาออกไป

นาทีที่ 4 ความผิดพลาดของไทยครั้งแรกส่ง ยูเครน ได้ประตูขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ จากจังหวะที่ เดนิส ออฟเซียนนิคอฟ ขึ้นดวลโขกแย่งบอลกลางอากาศกับ สุรพงษ์ ทมพา นายด่านไทย แต่สุดท้าย สุรพงษ์ ดันคว้าไม่ติดมือ ส่งส้มหล่นให้ เดนิส ออฟเซียนนิคอฟ ได้แปโล่งๆ เข้าไป สุรพงษ์ หวังประท้วงว่าควรจะเป็นลูกฟาวล์ แต่ก็ไม่เป็นผล ยูเครน ออกนำ 1-0

นาทีที่ 6 วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือไทย ใช้แผนเดิมเหมือนเกมแรก ด้วยการสลับผู้เล่นชุด 2 อย่าง ปิยพันธ์ รัตนะ, ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน, เจษฎา ชูเดช และ อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ ลงสนามเพื่อสร้างความหลากหลายในจังหวะเข้าทำ

นาทีที่ 7 เจษฎา ชูเดช ได้จังหวะหลุดเดี่ยว หวังแต่งหลบนายด่าน ยูเครน แต่สุดท้ายยังหลบไม่พ้น ถัดมาอีกไม่กี่วินาที ปิยพันธ์ รัตนะ ได้สับเหน่งๆ หน้าประตู แต่บอลดันไปชนคานกระดอนคาบเส้นออกมาอย่างน่าเสียดาย ชอตนี้ยูเครน ใช้จังหวะสวนกลับเล่นงานพร้อมกับได้ประตูที่ 2 จากการเติมเกมทางซ้าย และเป็น เซอร์กี้ เชอร์ปอเนี้ยก ซัดมุมแคบเสาแรกเข้าไป สุรพงษ์ ทมพา หมดสิทธิ์ป้องกัน ยูเครนนำ 2-0

นาทีที่ 8 โค้ชวิคเตอร์ เฮอร์แมน จำต้องสลับผู้เล่นชุดแรกลงสนามอีกครั้ง เพื่อไม่ให้รูปการณ์ตกเป็นรองคู่แข่งมากเกินควร

นาทีที่ 11 กฤษดา วงษ์แก้ว วิ่งสู้ฟัดไล่สกัดบอลจากเท้าของ เซอร์กี้ ซูบร้า แต่ผู้ตัดสินมองว่ากฤษดาเจตนาเล่นคน พร้อมเป่าฟาวล์และควักใบเหลืองให้ กฤษดา วงษ์แก้ว ทันที ทำให้เจ้าตัวจะโดนแบนเกมนัดสุดท้ายของสายเอ ที่จะพบปารากวัยในวันที่ 7 พ.ย.ทันที

นาทีที่ 13 ไทย ตั้งหน้าตั้งตาบุกเพลิน เพื่อหวังทวงประตูตีไข่แตก ปล่อยหลังบ้านรั่ว ยูเครน ดักสวนกลับ เลฟเก็น โรกาซอฟ ลากเดี่ยวจากแดนตัวเองก่อนหาจังหวะซัดเน้นๆ บนเส้นเขตโทษ จิรัวฒน์ สอนวิเชียร เข้าบล็อกช้า ขณะที่ สุรพงษ์ ทมพา ก็หมดปัญญาป้องกัน ทำให้ ยูเครน ออกนำ 3-0

นาทีที่ 16 มีลุ้นเจาะประตูตีไข่แตกจากลูกงัดของ เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ จากริมเส้นขวา แต่บอลยังเหินโด่งข้ามคานออกไป

นาทีที่ 19 ไทยเกือบเสียประตูที่ 4 เลฟเก็น โรกาซอฟ ซัดบอลแรกชนโคนเสา บอลยังกระดอนมาเข้าเท้าเจ้าตัวซัดบอลสอง แต่คราวนี้ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร เข้าสกัดคาบเส้นได้ทัน

แต่อีกไม่กี่อึดใจให้หลังทีมชาติไทยก็ยังพลาด ส่งให้เสียถึง 2 ประตูซ้อนๆ จากลูกยิงของ เลฟเก็น โรกาซอฟ และ แม็กซิม พาฟเลนโก้ จบครึ่งแรก ยูเครน นำ ไทย 5-0

ครึ่งหลัง วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือไทยจัด 5 คนแรก โดยการใช้ผู้เล่นชุดสองอย่าง ปิยพันธ์ รัตนะ, ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน, อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ และ อารีฟ อาหามะ ลงเล่นก่อนที่จะสลับผู้เล่นตัวหลักลงสนามในภายหลัง

นาทีที่ 22 ยูเครน เซตบอลด้วยความมั่นใจหลังนำห่าง 5 เม็ด ก่อนที่จะมีโอกาสลุ้นเม็ดที่ 6 จากลูกยิงของ แม็กซิม พาฟเลนโก้ แต่ยังไม่ผ่านมือ สุรพงษ์ ทมพา ที่ทุบออกหลังเอาไว้ได้

นาทีที่ 24 ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง พิงบอลแดนหน้า ก่อนที่จะเรียกฟาวล์บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น กฤษดา วงษ์แก้ว รับอาสาตะบันด้วยขวาเต็มเหนี่ยว ส่งบอลพุ่งแรงซุกก้นตาข่ายเข้าไปสร้างความสะใจให้กับแฟนลูกหนังไทยที่เฮกันสนั่นรอบอินดอร์ สเตเดี้ยม ส่งให้ไทยตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-5

นาทีที่ 26 เกนนาดี้ ลิเซนซุค เฮดโค้ช ยูเครน เริ่มสลับส่งผูเล่นสำรอง ที่ยังไม่ได้ใช้งานลงเล่นบ้าง ไม่ว่าจะเป็น มายเคย์โล่ โรมานอฟ, ดิมิโตร โซโรคิน และ ดิมิโตร โอเล็กซานเดอร์ โซโรคิน

นาทีที่ 27 ไทยส่ง ก้องหล้า เหล็กกล้า แนวรับที่สลัดปัญหาบาดเจ็บพร้อมกับคืนสนามได้เป็นนัดแรกของเจ้าตัว ในศึกฟุตซอลโลก เป็นที่คาดกันว่าโค้ชวิคเตอร์ ต้องการทดลอง ก้องหล้า ซึ่งจะลงมาแทนตำแหน่งของ กฤษดา วงษ์แก้ว ที่จะโดนแบนในนัดสุดท้าย

นาทีที่ 28 เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ โดนใบเหลือง หลังดับเครื่องชนใส่ผู้เล่นยูเครนกลางสนาม

นาทีที่ 30 ไทยขึ้นบอลฝั่งซ้าย ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ไหลเข้ากลาง อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ ปล่อยลอดขาบอลถึง กฤษดา วงษ์แก้ว ได้ยิงแต่ยังติดบล็อก

นาทีที่ 32 เจษฎา ชูเดช ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงเล่นหาจังหวะซัดไกลแต่ ดิมิโตร ลีทีฟเนนโก้ ยังปัดออกหลังเอาไว้ได้

นาทีที่ 34 ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง โชว์สเต็ปหลบแข้งยูเครนก่อนหาเหลี่ยมซัดมุมแคบริมซ้าย บอลพุ่งชนหางคิ้วของ ดิมิโตร ลีทีฟเนนโก้ นายด่านยูเครนกระดอนออกข้าง

นาทีที่ 35 แนวรับ ยูเครน ตัดฟาวล์ใส่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่พยายามพลิกบอลหนี ผู้ตัดสินเป่าให้ไทยได้ฟาวล์ และเป็นการฟาวล์ครั้งที่ 6 ของยูเครน ส่งให้ไทยได้จุดโทษจุดที่ 2 และเป็น ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง อาสากดเต็มแรง ดิมิโตร ลีทีฟเนนโก้ ปัดได้แต่ไม่พ้น บอลปิ้นเข้าประตูไป ไทยไล่มาเป็น 2-5 ถือเป็นประตูที่ 2 ของศุภวุฒิ เถื่อนกลางในศึกฟุตซอลโลกหนนี้

นาทีที่ 37 วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือไทยเริ่มใช้ระบบเพาเวอร์เพลย์ จับ ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน เล่นเป็นตัวเพาเวอร์เพลย์ในจังหวะครองบอลบุก

นาทีที่ 38 ไทยได้ประตูที่ 3 จากจังหวะที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ไหลทำทางให้ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ลากจี้เข้ากรอบพร้อม แต่งหลบตัวสุดท้าย ก่อนซัดลอดตัวนายด่าน ยูเครน เข้าไป ทำให้ไทยไล่มาเป็น 3-5

เวลาที่เหลือไทยไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบเกม ไทย แพ้ ยูเครน 3-5 ส่งให้ ยูเครน ผงาดขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอ มี 4 แต้มจาก 2 นัด ส่วนไทยมี 3 แต้มจาก 2 นัดหล่นไปอยู่ที่ 3 หลังประตูได้เสียเป็นรองคอสตาริกา

ปารากวัย 3-6 คอสตาริกา

เกมนัดที่สองของ สายเอ ปารากวัย ทีมแชมป์จากโซนอเมริกาใต้ ที่ลงสนามมาแล้ว 1 นัด เสมอกับ ยูเครน มา 3-3 นัดนี้ต้องการชัยชนะ เพื่อการก้าวเข้าไปเล่นในรอบสองพบกับ "นักเตะเมืองกล้วยหอม" คอสตาริกา ทีมแชมป์จากโซนคอนคาเคฟ ที่ลงสนามนัดแรกแพ้ ไทย 1-3 นัดนี้ต้องการชัยชนะ เพื่อยืดเวลาในการตกรอบ แต่ถ้าพบกับความพ่ายแพ้หนทางที่จะตกรอบแรกมีสูง เริ่มเล่นเปิดเกมได้เพียงแค่ 3 นาที ทีม ปารากวัย ก็สามารถสังหารประตูขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว จากลูกเตะจากริมสนามด้านขวา ฟาบิโอ อาคาลาส ใช้หัวเกือกจิ้มบอลพุ่งเข้าเสียบหว่างขานายทวาร คอสตาริกา ก่อนที่จะแฉลบเข้าประตูไปอย่างง่ายดายให้ทีมปารากวัย ขึ้นนำไปก่อน 1-0

หลังเสียประตูแรก ทีมนักเตะเมืองกล้วยหอม ก็เปิดเกมรุกอย่างหนัก หมายแก้ประตูคืน แต่ก็เจอเกมตั้งรับอันเหนียวแน่นของปารากวัยตัดเอาไว้ได้หมด แถมในบางจังหวะยังสวนกลับได้แบบมีลุ้นประตูที่สอง ท่ามกลางเสียเชียร์ของแฟนบอลชาวไทยที่ส่งเสียงเชียร์ทีมคอสตาริกาทีมรองบ่อน

นาทีที่ 11 ปารากวัย ก็หวดประตูหนีไปเป็น 2-0 เมื่อ ฟาบิโอ อาคาลาส นักเตะตัวเก่งของปารากวัย ลากบอลออกไปทางนอกเส้นประตูด้านขวา วิ่งเบียดไปกับกองหลัง ก่อนที่จะคัดสินใจยิงบอลมุมแคบอย่างแม่นยำ บอลเสียบสามเหลี่ยมมุมแคบไปอย่างงดงาม จนกระทั่งจบเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก ปารากวัย นำ คอสตาริกา 2-0

ครึ่งหลัง ทีมคอสตาริกา เปิดเกมรุกอย่างหนัก จนเกมผ่านไปแค่ 2 นาที ก็สามารถสังหารประตูตีไข่แตกได้สำเร็จเมื่อ คูปิโร่ กระชากบอลหน้าเส้นเขตแบ็กด้านซ้ายก่อนที่จะไหลขวางสนามออกไปทางเสาสองให้ ไอ้หนุ่มผมยาว ซูนิก้า จิ้มหัวเกือกเข้าไปท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอลทีมรองบ่อนทำให้ คอสตาริกา ไล่มาเป็น 1-2

พอได้เสียงเชียร์นักเตะเมืองกล้วยหอม เล่นเหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจ โหมรุกเข้าใส่ทีมปารากวัยได้เป็นระลอกๆ นาทีที่ 25 ทีมคอสตาริกา ก็พลิกเกมกลับมาตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อ คูปิโร่ กระชากบอลออกทางด้านซ้าย จนถึงเส้นหลังก่อนที่จะเปิดบอลระดับเอวเข้ามาหน้าประตูให้ นาวาริเต้ ใช้ตัวดันบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ คอสตาริกา ไล่ตีเสมอเป็น 2-2

นาทีที่ 27 คอสตาริกา ที่เป็นทีมรองบ่อนในครึ่งแรก กลับมาเล่นดีในครึ่งเวลาหลัง ก็สังหารประตูเพิ่มได้อีกเมื่อ ปานิกู ได้บอลหน้าเส้นประตูกดเต็มข้อนายทวารปัดบอลกระดอนออกมาเข้าเท้า คูปิโร่ ยิงซ้ำเข้าไปให้ทีมคอสตาริกาหนีไปเป็น 3-2

และอีก 1 นาทีถัดมา นาวาริเต้ ก็หวดบอลเข้าไปให้ทีมคอสตาริกา หนีไปเป็น 4-2

จนเกมการเหลืออีกเพียงแค่ 9 นาที ปารากวัย หันมาเล่นเกมเพาเวอร์เพลย์ ด้วยการดันผู้เล่นมาเป็นประตูเปิดเกมรุกทีเดียว 5 คน หมายแก้ประตูคืน นาทีที่ 31 ก็เล่นพลาดบอลหลุดเข้าเท้า คูปิโร่ ผู้เล่นของคอสตาริกาที่ตัดสินใจหวดบอลยาวบอลลอยโด่งเข้าเสียบก้นตาข่ายอย่างแม่นยำให้ทีมคอสตาริกาหนีไปเป็น 5-2

นาทีที่ 36 คอสตาริกาต้องเหลือผู้เล่นในสนามแค่ 3 คนเมื่อ จูเรซ เจอใบเหลืองใบที่สองกลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม จึงเป็นนาทีทองของทีมปารากวัย อีก 1 นาทีถัดมา วิลาบ้า ก็หวดประตูให้ทีมปารากวัยไล่มาเป็น 3-5

เข้าช่วงท้ายเกมทีมปารากวัยหันมาเล่นเพาเวอร์เพลย์จนหวิดที่จะได้ประตูเพิ่มหลายครั้ง แต่เทพีแห่งโชคลาภไม่เข้าข้างยิงชนเสาบ้าง ชนคานบ้าง ชนตัวผู้เล่นคอสตาริกาบ้าง

และระหว่างที่ปารากวัยบุกเพลินในช่วง 15 วินาทีสุดท้าย คูปิโร่ ตัดบอลได้ในแดนของปารากวัยตัดสินใจงัดบอลข้ามหัวผู้เล่นปารากวัยที่ยืนขวางเข้าไปนอนก้นตาข่ายให้ทีม คอสตาริกา พลิกเอาชนะไปได้ 6-3

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/