ป้องภัยลูกจากดอกไม้ไฟที่มาพร้อมกับเทศกาลลอยกระทง

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เข้าสู่ช่วงเทศกาลลอยกระทงทีไร เรามักจะได้ยินข่าวคราวในท่วงทำนองที่ออกมาเตือนวัยรุ่นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร จนมีการพูดว่าเทศกาลนี้เป็นวันเสียตัวแห่งชาติไปซะแล้ว
       
[attach=1]
ขอบคุณภาพจากเครือข่ายวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน

       แต่ก็ยังมีประเด็นที่น่ากังวลใจอีกเรื่องในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ตั้งใจจะนำมาเขียนเพื่อเตือนพ่อแม่และเด็กๆ ทั้งหลายก็คือการเล่นดอกไม้ไฟ
       
       แม้จะเป็นภัยร้ายน่ากลัวเดิม ๆ ที่ต้องเตือนกันทุกปี แต่ก็ไม่วายที่จะต้องมีอุบัติเหตุที่เกิดจากดอกไม้ไฟเป็นประจำทุกปีเช่นกัน ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ควรตระหนักและใส่ใจในเรื่องนี้อย่างจริงจังได้แล้ว อย่าให้เทศกาลลอยกระทงต้องกลายเป็นอดีตที่เจ็บปวดเพราะอันตรายของมันเลย
       
       ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเด็กส่วนใหญ่มักชอบเล่นดอกไม้ไฟ และมักมองว่ามันเป็นของเล่นชนิดหนึ่งที่มีสีสันสวยงามและเสียงดังเร้าใจ โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะมีโทษร้ายหรือไม่ แม้เด็กบางคนจะรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็อยากรู้อยากลองและอยากเสี่ยง โดยขาดความรู้ถึงการเล่นอย่างถูกวิธี
       
      ภัยร้ายส่วนใหญที่มักเกิดกับเด็กและเยาวชนเพราะดอกไม้ไฟในช่วงเทศกาลลอยกระทงมีอะไรบ้าง
       
       หนึ่ง เสียงดัง เนื่องเพราะดอกไม้ไฟชนิดที่ก่อให้เกิดเสียงดังทุกชนิด จะมีระดับเสียงกระแทกสูงกว่า130เดซิเบล เอ ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้คือ85เดซิเบล เอ นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการหูตึงชั่วคราว และถ้าได้รับเสียงดังในช่วงเวลายาวนานจะทำให้หูตึงถาวรได้
       
       จะสังเกตได้ว่าเด็กๆ โดยเฉพาะบรรดาวัยรุ่นมักจะชอบเล่นดอกไม้ไฟประเภทเสียงดัง ยิ่งเสียงดังมากเท่าไรยิ่งชอบ และบางคนก็ชอบแกล้งคนอื่นให้ตกใจอีกต่างหาก ซึ่งเป็นอันตรายมาก พ่อแม่ควรกำชับว่าการเล่นดอกไม้ไฟประเภทที่มีเสียงดัง เช่น ประทัด วี๊ดบึ้ม กระจับฯลฯ สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ เพราะบางตัวมันวิ่งพุ่งด้วย อาจพุ่งไปที่ตัวคน หรือพุ่งเข้าบ้าน และถ้าไปโดนวัสดุติดไฟง่าย อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้
       
       สอง สารเคมี ในดอกไม้ไฟประกอบด้วยสารเคมีจำนวนมาก โดยสารเคมีที่ใช้เป็นตัวเติมออกซิเจนเพื่อช่วยในการเผาไหม้ เช่น สารประกอบไนเตรท คลอเรต โพแทสเซียม แบเรียม สารเคมีที่ใช้เป็นตัวเร่งและควบคุมความเร็วในการเผาไหม้ให้เกิดความร้อน เช่น ผงกำมะถัน แมกนีเซียม สังกะสี สารเคมีที่ทำให้ประกายไฟของดอกไม้ไฟเป็นสีต่างๆ และสารเคมีที่ช่วยในการเกาะตัวทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่าง ๆ สารเคมีเหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้หากมีการสัมผัสโดยตรงบริเวณผิวหนัง หรือสูดดมเอาสารเคมีที่อยู่ในรูปของเหลว ผง ไอระเหย และควันพิษ เข้าสู่ร่างกาย
       
       แม้กระทั่งดอกไม้ไฟประเภทไฟเย็น ที่มักจะเห็นเด็ก ๆ ยืนถือเล่นกันจำนวนมาก ก็ไม่ได้ปลอดภัย หรือบางคนเข้าใจผิดเห็นชื่อไฟเย็น คิดว่าไฟจะเย็น พ่อแม่ก็ต้องบอกลูกด้วยว่าขึ้นชื่อว่าไฟอย่างไงก็ร้อน ไฟเย็นมีความร้อนที่อุณหภูมิ 649-983 องศาเซลเซียส สามารถทำให้ผิวหนังไหม้ หรือตาบอดได้หากขาดความระมัดระวังที่ดี และจะสังเกตได้ว่าหลังการเล่นดอกไม้ไฟก็จะมีกลุ่มควันและมีกลิ่นออกมาทุกครั้ง และนั่นก็หมายถึงสารเคมีต่างๆ นั่นเอง
             
       สาม ระเบิด อุบัติเหตุที่เกิดจากการเล่นดอกไม้ไฟที่ผิดประเภท เล่นไม่เป็น หรือจุดไฟแล้วด้าน เด็กก็มักจะพยายามรื้ออุปกรณ์ห่อหุ้มเพื่อที่จะหาทางจุดให้ได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดระเบิดได้ ส่วนใหญ่มักพบในกลุ่มเด็กที่ชอบเล่นคึกคะนอง ขาดความระมัดระวัง และขาดความรู้ถึงวิธีการเล่นที่ถูกวิธี และกลุ่มเด็กที่พบอายุตั้งแต่ 4-18 ปี พบเพศชายมากกว่าหญิง มีตั้งแต่การเกิดแผลโดนความร้อน เปลวไฟไหม้ ระคายเคืองตา สิ่งแปลกปลอมเข้าตา ฝังในอวัยวะ เยื่อบุตาอักเสบ เบ้าตาแตก เลือดออกในช่องหลังเลนส์ตา นิ้วขาดตั้งหนึ่งนิ้วถึงหลายนิ้ว กระดูกแขนขาหัก ปอดแตก ซี่โครงหัก บาดแผลไฟคลอก และมีถึงขั้นทุพพลภาพก็มี
       
       สี่ ไฟไหม้ เราจะได้ยินบ่อยๆ กรณีที่โรงงานดอกไม้ไฟเกิดระเบิดแล้วทำให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งอยากให้รวมไปถึงการเล่นดอกไม้ไฟโดยไม่ระมัดระวัง และทำให้พุ่งเข้าบ้านคนหรือสถานที่สาธารณะ ซึ่งหากพุ่งไปโดนวัตถุไวไฟก็อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาได้ด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ควรเล่นในบริเวณแหล่งชุมชนเด็ดขาด

       สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ ผู้ปกครองควรทำ
       
       ประการแรก ไม่ควรให้เด็กเล่นดอกไม้ไฟโดยเด็ดขาด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความรู้กับลูกหลานของเราด้วย เพื่อที่เขาจะได้ระมัดระวังตัว และรู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรเมื่อพบเห็นคนเล่นดอกไม้ไฟ
       
       ประการที่สอง ช่วยสอดส่องบรรดาร้านค้าในละแวกแถวบ้านหรือชุมชน ถ้าพบเห็นการวางขายดอกไม้ไฟ ก็ควรจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นหูเป็นตาให้กับชุมชนด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ลูกหลานของเราก็อาจเป็นเหยื่อได้ด้วยเช่นกัน
       
       ประการที่สาม สิ่งที่ควรคำนึงเป็นลำดับแรกเมื่อลูกเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนเล่นดอกไม้ไฟ ก็คือ ต้องสอนเรื่องปลอดภัย อีกทั้งไม่ควรปล่อยเด็ก เยาวชน เล่นดอกไม้ไฟ หรือจุดประทัดตามลำพัง ฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด
       
       ประการที่สี่ หากมีความจำเป็นต้องจุดดอกไม้ไฟ ก็ควรจะทำให้ถูกวิธี เพราะเด็กๆ จะดูผู้ใหญ่เป็นแบบอย่าง ควรจะรู้วิธีการเล่นอย่างถูกวิธีและปลอดภัยจากฉลาก และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และอย่าเก็บดอกไม้ไฟปะทัดไว้ในเสื้อหรือกางเกงโดยเด็ดขาด เนื่องจากหากเกิดการเสียดสีจนเกิดความร้อนขึ้นอาจจะทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้ และควรหลีกเลี่ยงใกล้คนที่สูบบุหรี่ พร้อมทั้งเตรียมถังน้ำไว้ใกล้ๆ ตัว หากเกิดเหตุขึ้นมาจะได้ระงับเหตุได้ทันท่วงที
       
       อย่างไรก็ตาม เทศกาลลอยกระทงเป็นประเพณี วัฒนธรรมที่งดงาม มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าเรียนรู้มากมาย ควรจะถือโอกาสชวนลูกเรียนรู้ร่วมกันในเทศกาลลอยกระทง อาจทำกิจกรรมร่วมกัน ทำกระทงร่วมกัน โดยที่ไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับดอกไม้ไฟเลย ก็สนุกได้ค่ะ

[Apollo]

ลอยกระทงปีนี้อย่าเล่นพลุหรือดอกไม้ไฟนะครับเดียวจะเป็นแบบนี้นะครับ...

[ha_hnueng]

โฮ้ยยยย 

[นายไข่นุ้ย]

   น่าจะเบลอหน่อยนะครับท่าน    

[Probass]

น่าว่าเดี๋ยวมีคนยิงปืนขึ้นฟ้าหล่าว