ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ว่าด้วยเรื่อง..คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง

เริ่มโดย รวงข้าวจ้า, 20:54 น. 03 ธ.ค 55

รวงข้าวจ้า

วันนี้ ช่วง 18.00 น. พาแม่ไปรอตรวจที่คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ย่านขนส่งหาดใหญ่ ซึ่งเราได้ย้ายบัตรทองของแม่มาที่นี่เรียบร้อย

เพราะเห็นว่าสะดวก ใกล้บ้าน และนี่เป็นการไปรับบริการครั้งแรกของแม่ กับสถานพยาบาลที่ตัดสินใจเลือกให้มาดูแลสุขภาพ

ด้วยความหวังว่า อาจจะดีกว่า ที่เดิม หรืออย่างน้อยก็ได้รับความสะดวกกว่า (ไม่ได้หมายถึงว่า ได้รับการรับรองแบบคุณนายนะคะ แค่ให้ดีและเหมาะสม อย่างที่ควรจะเป็น)

ปรากฏว่านั่งรอพบหมอ เกือบ 1 ชม.เต็ม ยังไม่ได้ตรวจ เราขับรถกลับมาเอาของที่บ้าน และกินข้าวเสร็จไปแล้วรอบนึง
กลับไปรับแม่ คิดว่า คงรอรับยาอยู่ ที่ไหนได้ แม่นั่งก้มหน้า อยู่ที่เดิม (ท่านปวดหัวอยู่ก่อนแ้ล้วด้วย) เราก็เข้าไปถามว่า
ยังไม่ได้่ตรวจอีกหรอ แม่ก็พยักหน้า เราก็หันไปสบตากับ จนท.ที่หน้าเคาน์เตอร์ หล่อนเงยหน้ามาบอกว่า อีกแป่บนะคะ พอดีมีเคสทำแผล โอ้โห! ทำแผลเกือบ 1 ชม. เราก็งง ไม่มีพยาบาลช่วยหรือไง ประสบอุบัติเหตุอะไรมา ทำแผลกันขนาดนั้น

พอเรามองลอดเข้าไปในห้องตรวจ ปรากฎว่า เป็นแม่พาเด็กมารักษา เด็กก็ร่าเริงดี หัวเราะดี แผลคงไม่ใหญ่นะ
แล้วก็ได้ยินเสียงสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ของหมอ หยอกล้อ ประหนึ่งว่าเคสนั้นเป็นเคสสุดท้ายของวัน!

เราก็เลยถามแม่ว่า จะมาใหม่พรุ่งนี้ไหม (เพราะดูจากสถานการณ์ภายในห้อง น่าจะยาวได้อีก) หรือจะรอ ช่วงหัวค่ำ คนจะเยอะ มาใหม่ตอนกลางวันน่ะ เราก็ได้แต่บอกไปแบบนี้
แม่ก็พยักหน้า เราก็เดินไปหยิบบัตรประชาชนแม่ หน้าเคาน์เตอร์ บอก จนท. ว่า จะมาใหม่พรุ่งนี้ ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก
และแจ้ง จนท.ว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ละกันนะ่ค่ะ เพราะนี่ก็รอมาเกิน 45 นาทีแล้ว (เพราะรอเคสก่อนหน้าเคสเดียวเกิน 45 นาทีนะคะ ไม่ใช่รอหลายคิว มันก็เกินไป)
คุณ จนท. ไม่มองหน้าเรา มองเลยผ่านไปที่หน้าแม่ และถามว่าคุณป้าจะมาใหม่หรอค่ะ รอก่อนไหม ไหนๆ ก็รอมานานแล้ว
อีกแป่บเดียวค่ะ พอดีเคสนั้นทำแผล (มีย้ำอีก!)

แม่ก็ตอบแบบงึกๆงักๆ ไม่รุ้จะเอายังไง ทีนี้ คุณ จนท. ได้หยิบบัตรประวัติแม่ ลุกขึ้น ทำท่าเดินไปหน้าห้องตรวจ แล้วยึกๆยักๆ
เหมือนกล้าๆ กลัวๆ ที่สังเกตก็คือ คงจะเกรงใจหมอ ไม่กล้าเข้าไปเร่ง ประมาณนั้น

เราก็นั่งมอง ดูสิว่าจะทำยังไงต่อ ในที่สุด จนท. ก็กลับเข้าเคาน์เตอร์ไปนั่งเหมือนเดิม! ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย
สักพัก หมอก็ตรวจคนไข้หลายนั้นเสร็จ หมอเอวบางร่างน้อยท่านหนึ่ง ได้เดินออกมาจากห้อง มีแม่ และเด็กที่น่าจะอยุ่ชั้นอนุบาล ยิ้มหัวเราะ กันออกมาจากห้องหมอ
แปลว่า ไม่ได้สาหัสใช่ไหมคะ หมอใจดีจังเลย ตรวจรักษา-ทักทายคนไข้ซะเกือบชั่วโมง :'(

คลินิกแห่งนี้ เปิดได้ไม่นาน เราก็เคยไปใช้บริการก่อนแม่ มา 2-3 ครั้งได้ หมอเปลี่ยนเวรกันมา ไม่ซ้ำหน้าเลย
ก็ได้รับบริการที่ดีมาตลอดนะคะ แต่สำหรับเหตุการณ์วันนี้
..ไม่เข้าใจว่าคุณหมอขา ท่านตรวจคนไข้ ไม่เฉลี่ยเวลาต่อเคสให้บ้างเลยหรือค่ะ ป่วยมากน้อย การบริหารเวลาอย่างที่ควรจะเป็น
การทำแผลคนไข้ ที่นี่ไม่มีผู้ช่วยพยาบาล ช่วยเลยหรือค่ะ หรือปล่อยให้หมอทำเองหมดทุกอย่างเลย
กว่าจะตรวจ จะซัก ต้องพิมพ์คอมพิวเตอร์ทุกตัว แต็กๆ ๆๆๆๆๆ หมอทำแบบนี้ ณ ที่คลิกนิกเวชกรรมแห่งนี้ ซึ่งเราก็เห็นว่าแปลกดี ไม่เหมือนที่อื่น ที่เคยรักษามา คิดในใจว่าคงเป็นระบบใหม่ อะไรๆ ก็ใส่คอมฯ ไว้ก่อน ชัีวร์!!!
ไม่เหมือนบางที หมอจดใบสั่งยา และคอมเม้นท์อาการสำคัญลงด้วยลายมือบนแผ่นกระดาษ ยังจะใช้เวลาไ้ด้ดี มีประโยชน์กว่า เอาเวลาที่เหลือ ไปรักษาคนไข้ได้อีกเยอะเลยค่ะ

แล้วคุณ จนท. หน้าเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นเวลาล่วงเลย ไม่คิดจะเข้าไปแจ้งหมอสักนิดหรอค่ะ ว่ามีอีกกี่เคส ที่รออยู่
คลินิกปิดกี่ทุ่ม เหลือกี่เคส ที่ควรจะจัดสรรให้เหมาะสม หรือไม่ถ้าเกรงใจมากๆ ก็แจ้งสักนิดค่ะ ว่ามีคนแก่ และเด็กรออยุ่ข้างนอกอีก 2 คิว ไม่ใช่นั่งเบล่อ เกรงใจหมอ จนไม่ทำอะไรเลย มันก็แย่นะคะ

เมื่อครั้งที่คุณไปโปรโมทเชิญชวนให้ย้ายบัตรทอง มารับบริการของคุณ คุณบอกว่า.. มาที่นี่สิคะ มีหมอบริการตลอด ไม่ต้องรอหมอ เหมือนที่อื่น สะดวกสบายกว่า รวดเร็วกว่า ยาก็ดีกว่า จัดไปค่ะ โปรโมทสารพัด ซึ่งชาวบ้านละแวกนั้น ก็ย้ายบัตรกันมา ไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่า ที่ใหม่ กับที่เก่า ที่ใช้บริการอยู่ จะห่างกันไม่มาก ชนิดว่าการเดินทางไม่ต่างกันเลย

ต่างกันตรงที่ อีกที่นึง มีหมอ และเจ้าหน้าที่เยอะกว่า ห้องตรวจเป็นพัดลมและแอร์ธรรมชาติล้วนๆ. ส่วนที่ใหม่ มี จนท. นั่งเบล่อ มีห้องตรวจและหมอคนเดียว ที่ทำหน้าที่หลายอย่างเหลือเกิน ทั้งทำแผล พิมพ์คอม ตรวจโรค เยอะแยะไปหมด แต่แอร์เย็นสบายดีจัง.

เราหาบัตรกรอกความคิดเห็นในการรับบริการไม่เจอเลย มองหาทั้งคลินิก เลยมาพิมพ์ตรงนี้ น่าจะมีติดคลินิคไว้บ้างนะคะ
หากผู้บริหารคลินิกได้รับรู้ถึงจุดบกพร่องบางเรื่อง น่าจะเป็นประโยชน์ อย่างน้อย ก็จะทำให้ เกิดคำว่า "คุณภาพในการให้บริการ" เกิดขึ้นในสถานพยาบาลของท่าน จนท.ควรกระฉับกระเฉง ไม่ใช่เดินนวยนาด จัดยาก็ช้า ทำงานแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ คนป่วยจ้า ไม่ใช่ คนปกติเดินชมห้าง จะได้ใจร่มๆ ไปวันๆ

เรื่องบางเรื่อง ควรดูให้เหมาะสม กับสถานการณ์ที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เห็นอย่างไร ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องของตัว มันไม่ถูก!!

แมวส้ม

มาใช้บริการคลีนิคนอกเวลาของรพ.หาดใหญ่กับรพ.มอ.สิจ๊ะ

ผ่านมาแล

กระทู้หนึ่งต่อว่า เรื่องการพูดไม่ดี ไม่อธิบาย อีกกระทู้ต่อว่าเรื่องดูแลดีไป นานไปไม่จัดสรรเวลา เลยงงเลยว่าญาติผู้ป่วยชอบแบบไหน
( พอดีกระทู้ใกล้ๆก็มาบ่นเช่นกัน)
1. เอาคนไข้มาหารเวลา แล้วเฉลี่ย  สรุปคนไข้มากก็แทบไม่ได้พูดเลย หรือ
2. ดูแลคนไข้ให้ดี พูดจาให้ดี ใช้เวลาเต็มที่ แต่คนมาข้างหลังใช้เวลารอนาน ตามที่เจ้าของกระทู้ไม่ชอบ
3. แบ่งตามความรุนแรงของโรคแล้วจัดสรรเวลาตามเหมาะสม

ส่วนใหญ่มักใช้ข้อ 3 มากที่สุด แต่ไม่อาจประเมินตามความรู้สึกของญาติคนไข้ได้ทั้งหมด เพราะญาติเรา เราก็มองว่ารุนแรงและสำคัญอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเป็นพ่อของเด็กคนนั้น มีแผลที่ต้องใช้เวลาเย็บไม่นาน แต่เด็กไม่ยอมให้ตรวจและรักษา คุณจะใช้วิธีผูกมือ ผูกขา แล้วฝืนรักษาให้เด็กร้อง หรือคุณจะใช้วิธีหลอกล่อเด็กให้รู้สึกดี เล่น และสนุก แต่ต้องใช้เวลามากขึ้นละ คำตอบก็คงเหมือนคนทั่วไป คือไม่อยากให้ลูกร้อง ให้หมอดูแลให้ดี จริงหรือไม่ ผมแค่รู้สึกว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆ ขี้หมูราขี้หมาแห้ง ถ้าไม่อยากรอก็สามารถหาที่อื่นๆได้ ในหาดใหญ่มีคลินิกเยอะมาก ดีกว่าจังหวัดอื่นอีกมาก   รพ.เอกชนก็มี   จริงหรือไม่                 

ขุนศึก

เห็นตามท่าน ผ่านมาแล ครับ

ในประเด็นนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าหมอต้องใช้เวลากับคนไข้คนไหนเป็นเวลาเท่าไหร่การใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาประเมินบางครั้งอาจไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุด

แต่ถ้ากรณีนี้เป็นเพราะผู้ช่วยหลอกให้นั่งคอยหมอทั้งๆที่หมอยังไม่มา หรือหมอมาแล้วแต่ทำธุระอย่างอื่นอยู่โดยผู้ช่วยไม่ไปแจ้งว่ามีคนป่วยมารอรับการตรวจรักษาอยู่ แบบนี้น่าตำหนิครับ

ต้นโมกข์

อ้างจาก: ผ่านมาแล เมื่อ 06:57 น.  04 ธ.ค 55
กระทู้หนึ่งต่อว่า เรื่องการพูดไม่ดี ไม่อธิบาย อีกกระทู้ต่อว่าเรื่องดูแลดีไป นานไปไม่จัดสรรเวลา เลยงงเลยว่าญาติผู้ป่วยชอบแบบไหน
( พอดีกระทู้ใกล้ๆก็มาบ่นเช่นกัน)
1. เอาคนไข้มาหารเวลา แล้วเฉลี่ย  สรุปคนไข้มากก็แทบไม่ได้พูดเลย หรือ
2. ดูแลคนไข้ให้ดี พูดจาให้ดี ใช้เวลาเต็มที่ แต่คนมาข้างหลังใช้เวลารอนาน ตามที่เจ้าของกระทู้ไม่ชอบ
3. แบ่งตามความรุนแรงของโรคแล้วจัดสรรเวลาตามเหมาะสม

ส่วนใหญ่มักใช้ข้อ 3 มากที่สุด แต่ไม่อาจประเมินตามความรู้สึกของญาติคนไข้ได้ทั้งหมด เพราะญาติเรา เราก็มองว่ารุนแรงและสำคัญอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเป็นพ่อของเด็กคนนั้น มีแผลที่ต้องใช้เวลาเย็บไม่นาน แต่เด็กไม่ยอมให้ตรวจและรักษา คุณจะใช้วิธีผูกมือ ผูกขา แล้วฝืนรักษาให้เด็กร้อง หรือคุณจะใช้วิธีหลอกล่อเด็กให้รู้สึกดี เล่น และสนุก แต่ต้องใช้เวลามากขึ้นละ คำตอบก็คงเหมือนคนทั่วไป คือไม่อยากให้ลูกร้อง ให้หมอดูแลให้ดี จริงหรือไม่ ผมแค่รู้สึกว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆ ขี้หมูราขี้หมาแห้ง ถ้าไม่อยากรอก็สามารถหาที่อื่นๆได้ ในหาดใหญ่มีคลินิกเยอะมาก ดีกว่าจังหวัดอื่นอีกมาก   รพ.เอกชนก็มี   จริงหรือไม่               
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
ไม่ได้เป็นพ่อค้ามืออาชีพ
ขายของเฉพาะที่ไม่ได้ใช้
ค้าขายจริงใจไม่หมกเม็ด
ต่อรองราคาได้แต่อย่าแรง

รวงข้าวจ้า

ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในมุมมองที่ต่างออกไป

ใช่คะ หากมองในมุมเด็กร้องงอแง ไม่ยอมให้รักษา อาจต้องใช้เวลานานผิดปกติ
และคนป่วย ที่ไปรับการรักษา ทุกคนล้วน "ไม่สบาย" เหมือนกันทั้งนั้น
หาก จนท. เห็นว่าเคสเดิม "มีความจำเป็น" ต้องใช้เวลานาน ก็ควรมีน้ำใจมาถามผู้สูงอายุ หรือเด็ก คิวต่อๆไปด้วยว่า
ตอนนี้่เป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ ต้องจัดสรรเวลาอย่างไร

เคยเห็น คนป่วยที่คุยกับหมอ ถามโน่นนี่สารพัด กว่าจะออกจากห้องตรวจ เพื่อให้ตัวเองได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และสบายใจที่สุด ก่อนจะกลับบ้าน
และก็เคยเห็น หมอที่พูดจากระชับได้ใจความ แนะนำอย่างสั้นๆ แต่เข้าใจ พร้อมทั้งมองนาฬิกาข้อมือ บอกกับคนไข้อย่างเกรงใจว่า วันนี้คนไข้รออีกเยอะ ขอเวลาก่อนนะครับ หมอนัดวันนี้ จ่ายยาเท่านี้ คุณไม่ต้องกังวล แล้วพบกันใหม่
ยังไม่เคยเห็นถึงขนาดที่ว่า ไม่พูดกับคนไข้เลย เพื่อบริหารเวลา อันนี้คงเกินไป และเป็นไปได้ยากมาก :)

ในที่นี้พูดถึง เวลาเกือบ 1 ชม.ต่อเคส ซึ่งมันค่อนข้างจะเกินไปสักหน่อย หรือบางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเวลาที่เสียไปเพียงเล็กน้อย ก็แล้วคนจะมอง :) แล้วคิดกลับกัน คนป่วยคิวหลัง (ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ของเราก็ได้) ถ้าเขาเจ็บปวด มีอาการเหนื่อย มากกว่าเคสที่เข้าไปนานแล้วละ จะทำอย่างไร

"เมื่อเคสหนึ่งจำเป็นเหลือเกิน ที่ต้องใช้เวลา แต่หากเวลามันล่วงเลยไปพอสมควร จนท. "ควร" บอกหมอสักเล็กน้อย เผื่อหมอจะนึกได้ ว่าคนเจ็บข้างหลังยังมีอีกน่ะ เหตุผลที่ต้องการจะชี้แนะก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้คิดจะไปเอาอะไรกับเด็กป่วยหรอกค่ะ"

ไม่ได้อยากจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวประเมินหรือตัดสินใคร เพียงแค่ ประเมินความน่าจะเป็น และที่เหมาะที่ควร จากสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า และก็เพียงแค่แนะนำให้ปรับปรุง ไม่ได้ว่าไม่ดีไปเสียหมด

ส่วนเรื่อง สถานพยาบาลในหาดใหญ่มีเยอะแยะ และ รพ.เอกชน ก็มี อันนี้เราทราบดี
แต่ก็แปลก ที่คนทางเลือกน้อยๆ รายได้จำกัด มักถูกเบียดบังในการแสดงความคิดเห็น หรือเรียกร้องความถูกต้องเหมาะสมในสังคม เพียงเพราะ สิทธิ์เสียงที่มีมันราคาไม่เท่ากัน เท่านั้นเองหรือ

อย่าให้คำว่า บัตรทอง บัตรฟรี มาค้ำคอ จนพูดอะไรไม่ได้ ตำหนิติเตียนอะไรไม่ได้ มันน่าน้อยใจนัก
สถานพยาบาล เบิกจากรัฐ รัฐก็เก็บภาษีประชาชน ถึงเราจะเรียนมาน้อย เราก็พอจะรู้ว่า เราเป็นประชาชนที่ต้องเสียภาษี.






กะละมัง

ใช่คะ หากมองในมุมเด็กร้องงอแง ไม่ยอมให้รักษา อาจต้องใช้เวลานานผิดปกติ
และคนป่วย ที่ไปรับการรักษา ทุกคนล้วน "ไม่สบาย" เหมือนกันทั้งนั้น
หาก จนท. เห็นว่าเคสเดิม "มีความจำเป็น" ต้องใช้เวลานาน ก็ควรมีน้ำใจมาถามผู้สูงอายุ หรือเด็ก คิวต่อๆไปด้วยว่า
ตอนนี้่เป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ ต้องจัดสรรเวลาอย่างไร


ต้องเข้าใจซักนิด เจ้าหน้าที่ก็แค่ลูกจ้าง ไม่ใช่หมอหรือผู้มีอำนาจใหญ่โต จะได้ไปบริหารจัดการเวลาในการรักษาได้ เดินไปเร่งหมอดีไม่ดีโดนทั้งหมอทั้งคนไข้ญาติคนไข้ด่าเอาเปล่าๆ


เคยเห็น คนป่วยที่คุยกับหมอ ถามโน่นนี่สารพัด กว่าจะออกจากห้องตรวจ เพื่อให้ตัวเองได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และสบายใจที่สุด ก่อนจะกลับบ้าน
และก็เคยเห็น หมอที่พูดจากระชับได้ใจความ แนะนำอย่างสั้นๆ แต่เข้าใจ พร้อมทั้งมองนาฬิกาข้อมือ บอกกับคนไข้อย่างเกรงใจว่า วันนี้คนไข้รออีกเยอะ ขอเวลาก่อนนะครับ หมอนัดวันนี้ จ่ายยาเท่านี้ คุณไม่ต้องกังวล แล้วพบกันใหม่
ยังไม่เคยเห็นถึงขนาดที่ว่า ไม่พูดกับคนไข้เลย เพื่อบริหารเวลา อันนี้คงเกินไป และเป็นไปได้ยากมาก :)

คนที่ชอบให้หมอพูดมากก็มี คนที่ไม่ชอบให้หมอพูดมากก็มี หมอรักษาโรคไม่ใช่หมอดูจะได้ไปรู้ว่าใครชอบอย่างไร คนเจ็บคนป่วยคนไข้ต่างหากต้องเลือกว่าชอบหมอแบบไหนแล้วก็เลือกที่จะไปรักษา ไม่ใช่จะเอาความคิดเราไปใส่หัวเขา บอกที่เค้าทำอยู่มันไม่ดีและดีกว่าถ้าทำตามเรา

ในที่นี้พูดถึง เวลาเกือบ 1 ชม.ต่อเคส ซึ่งมันค่อนข้างจะเกินไปสักหน่อย หรือบางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเวลาที่เสียไปเพียงเล็กน้อย ก็แล้วคนจะมอง :) แล้วคิดกลับกัน คนป่วยคิวหลัง (ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ของเราก็ได้) ถ้าเขาเจ็บปวด มีอาการเหนื่อย มากกว่าเคสที่เข้าไปนานแล้วละ จะทำอย่างไร

เกินไปที่ว่าสำหรับใคร??? ถามพ่อแม่เด็กคนที่อยู่ข้างในเค้าดูรึยังว่าหมอดูแลรักษาลูกเค้านานเกินไปไหม คนอื่นเค้าก็บอกแล้วว่าอย่าเอาความรู้สึกตัวเราคนเดียวมาประเมิน คนป่วยคิวหลังที่เจ็บปวดทุกทรมานมากกว่ามารอรักษาก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ตัวของเรารู้สึกอย่างไรไม่บอกเอาเอง ทำไมต้องเราเค้ามาถามให้ได้อะไร ถ้าเค้าไม่ถามไม่ต้องนั่งทนเจ็บไปหรือไร เจ็บมากหมอไม่ออกมาดูก็ต้องคิดเอาเองว่าจะรอต่อไปหรือไปหาหมอคนอื่น มันก็เหมือนปวดท้องถ่ายหนักถ่ายเบาเมื่อห้องน้ำมันไม่ว่างคุณจะรอหรือไปหาที่อื่นถ่ายทุกข์มันอยู่ที่คุณทั้งนั้น จะมานำเสนอได้ไหมว่าห้องน้ำสาธารณะต้องควรบริหารจัดการเวลาถ่ายหนัก10นาที ถ่ายเบา5นาที หรือถ้าถ่ายเบาอยู่คนจะถ่ายหนักมาต้องหลบให้คนถ่ายหนักก่อน

"เมื่อเคสหนึ่งจำเป็นเหลือเกิน ที่ต้องใช้เวลา แต่หากเวลามันล่วงเลยไปพอสมควร จนท. "ควร" บอกหมอสักเล็กน้อย เผื่อหมอจะนึกได้ ว่าคนเจ็บข้างหลังยังมีอีกน่ะ เหตุผลที่ต้องการจะชี้แนะก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้คิดจะไปเอาอะไรกับเด็กป่วยหรอกค่ะ"

กลับกันคุณลองคิดว่าถ้าหมอกำลังตรวจคุณหรือแม่ของคุณอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาบอกซักเล็กน้อยว่ามีคนไข้รออยู่คุณหรือแม่คุณจะรู้สึกอย่างไร กลับกันอีกทีแล้วหมอจะรู้สึกอย่างไรที่เจ้าหน้าที่ที่ตัวเองจ้างมาทำเกินหน้าที่มาคอยเร่งรัดการทำงานของหมอ???

ไม่ได้อยากจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวประเมินหรือตัดสินใคร เพียงแค่ ประเมินความน่าจะเป็น และที่เหมาะที่ควร จากสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า และก็เพียงแค่แนะนำให้ปรับปรุง ไม่ได้ว่าไม่ดีไปเสียหมด

ประเมินความน่าจะเป็นจากอะไรความรู้สึกของคุณหรือความจริงที่ควรจะเป็น เวลานั่งเครื่องบินรถไฟรถทัวว์ถ้าทางข้างหน้าว่างเราจะเดินไปบอกให้เค้าเร่งความเร็วได้มั๊ย จากสถานการณ์ที่ว่าคือทางมันว่าง จากที่เหมาะที่ควรคือจะช้าไปทำไมเร่งเร็วขึ้นก็ถึงเร็วขึ้น ทีนี้ที่ควรปรับปรุงคือคนขับเครื่องบินหรือเจ้าของความคิด

ส่วนเรื่อง สถานพยาบาลในหาดใหญ่มีเยอะแยะ และ รพ.เอกชน ก็มี อันนี้เราทราบดี
แต่ก็แปลก ที่คนทางเลือกน้อยๆ รายได้จำกัด มักถูกเบียดบังในการแสดงความคิดเห็น หรือเรียกร้องความถูกต้องเหมาะสมในสังคม เพียงเพราะ สิทธิ์เสียงที่มีมันราคาไม่เท่ากัน เท่านั้นเองหรือ

เอ่อ ผมว่าเค้าหมายถึงทางเลือกอื่นๆก็มี คลีนิคอื่นก็มี โรงบาลอื่นก็มี เค้าไม่ได้ห้ามแสดงความคิดเห็น ตรงไหนหว่าที่เค้าไปห้ามแสดงความคิดเห็นพอคนอื่นเค้าไม่เห็นด้วยก็ปิดตัวเองด้วยการหาว่าเค้ามาเบียดบังความคิดเห็นงั้นรึ??? ราคาคงไม่ใช่โจทย์ของเรื่องนี้เพราะเค้าบอกรึเปล่าว่าเค้าไม่รับรักษาคุณเพราะคุณใช้สิทธิ์บัตรทอง ก็เปล่า แต่ที่อ่านของคุณมาตั้งแต่ต้นคือคุณไม่พอใจที่คุณพาแม่ไปหาหมอแล้วตัวคุณทิ้งแม่ไปเอาของไปกินข้าว กลับมาคุณโมโหที่เห็นเค้าทิ้งแม่คุณให้นั่งรอหมอ ใช่คุณมีสิทธิ์จะโกรธแต่อย่าลืมที่จะโกรธตัวเองด้วยนะครับ ถ้าคุณไม่ทิ้งแม่ไปกินข้าง คุณคงได้นั่งคุยเป็นเพื่อนท่าน ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่าอาการแม่คุณเป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ไปบอกกับเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้เค้ามาถาม

อย่าให้คำว่า บัตรทอง บัตรฟรี มาค้ำคอ จนพูดอะไรไม่ได้ ตำหนิติเตียนอะไรไม่ได้ มันน่าน้อยใจนัก
สถานพยาบาล เบิกจากรัฐ รัฐก็เก็บภาษีประชาชน ถึงเราจะเรียนมาน้อย เราก็พอจะรู้ว่า เราเป็นประชาชนที่ต้องเสียภาษี.

ติอ่ะติได้แต่มันต้องเอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เอาความรู้สึกเราคนเดียวมาเป็นที่ตั้งประโยชน์มันจะได้กับส่วนรวมจริงหรอ คุณบอกเองเด็กที่อยู่ข้างในก็ร่าเริงดี หัวเราะดีนั่นก็แปลว่าหมอเค้าทำหน้าที่ได้ดีไม่งั้นทั้งเด็กทั้งแม่เด็กคงหน้าบึ้งร้องไห้งอแงกันออกมา ถึงบอกไงจะเอาแต่ตัวเราเป็นที่ตั้งไม่ได้ อย่าไปคิดว่าปัญหาเค้าเท่ามดปัญหาเราเท่าช้าง มันจะทำให้เราตัวเรารู้จักแต่คำว่าตัวเองเท่านั้น

ก็ทนๆกันไป

เคสนี้ผมว่าคนประสานงาน(พนักงานที่เคาน์เตอร์)น่าจะหาคนที่มีความฉลาดในการจัดคิวหน่อยก็น่าจะแก้ปัญหาได้ในระดับนึงครับ และ ที่สำคัญคือมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อมนุษย์ด้วยกัน คือ ยิ้มแย้ม มองโลกในมุมบวก มีจิตบริการ ---> หายากส์สำหรับคนสมัยนี้เน๊าะ

นางฟ้าชุดขาว

อ้างจาก: ก็ทนๆกันไป เมื่อ 12:47 น.  04 ธ.ค 55
เคสนี้ผมว่าคนประสานงาน(พนักงานที่เคาน์เตอร์)น่าจะหาคนที่มีความฉลาดในการจัดคิวหน่อยก็น่าจะแก้ปัญหาได้ในระดับนึงครับ และ ที่สำคัญคือมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อมนุษย์ด้วยกัน คือ ยิ้มแย้ม มองโลกในมุมบวก มีจิตบริการ ---> หายากส์สำหรับคนสมัยนี้เน๊าะ

อ่านตั้งแต่ต้น จับใจความได้ว่าเด็กมาก่อนแต่หมอรักษานานไปในความคิดคนมารอ ทีนี้พ่อคนฉลาดช่วยบอกหน่อยสิคะ ว่าจะจัดคิวยังไง เคยคุมแต่คิวสองแถวมาก่อนออกก่อนตามคิว ไม่งั้นจะมีคิวไปทำไม มาหลังจะออกก่อน ผิดที่คนคุมคิวโง่หรอคะพ่อคนฉลาดล้ำ

รวงข้าวจ้า

ใช่คะ หากมองในมุมเด็กร้องงอแง ไม่ยอมให้รักษา อาจต้องใช้เวลานานผิดปกติ
และคนป่วย ที่ไปรับการรักษา ทุกคนล้วน "ไม่สบาย" เหมือนกันทั้งนั้น
หาก จนท. เห็นว่าเคสเดิม "มีความจำเป็น" ต้องใช้เวลานาน ก็ควรมีน้ำใจมาถามผู้สูงอายุ หรือเด็ก คิวต่อๆไปด้วยว่า
ตอนนี้่เป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ ต้องจัดสรรเวลาอย่างไร


ต้องเข้าใจซักนิด เจ้าหน้าที่ก็แค่ลูกจ้าง ไม่ใช่หมอหรือผู้มีอำนาจใหญ่โต จะได้ไปบริหารจัดการเวลาในการรักษาได้ เดินไปเร่งหมอดีไม่ดีโดนทั้งหมอทั้งคนไข้ญาติคนไข้ด่าเอาเปล่าๆ

ไม่ใช่ให้จัดการเวลา ให้ทำหน้าที่ "บรรเทา" ให้เวลาที่มันเกินไป ปรับในระดับที่เหมาะสม
หากหมอรับรู้แล้ว แต่เพิกเฉย ก็คงจะไปว่าอะไรไม่ได้
แต่ "ไม่ทำอะไรเลย" ทั้งๆ ทีเ่ห็นอยู่ อันนี้อยู่ที่จิตสำนึกคน


เคยเห็น คนป่วยที่คุยกับหมอ ถามโน่นนี่สารพัด กว่าจะออกจากห้องตรวจ เพื่อให้ตัวเองได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และสบายใจที่สุด ก่อนจะกลับบ้าน
และก็เคยเห็น หมอที่พูดจากระชับได้ใจความ แนะนำอย่างสั้นๆ แต่เข้าใจ พร้อมทั้งมองนาฬิกาข้อมือ บอกกับคนไข้อย่างเกรงใจว่า วันนี้คนไข้รออีกเยอะ ขอเวลาก่อนนะครับ หมอนัดวันนี้ จ่ายยาเท่านี้ คุณไม่ต้องกังวล แล้วพบกันใหม่
ยังไม่เคยเห็นถึงขนาดที่ว่า ไม่พูดกับคนไข้เลย เพื่อบริหารเวลา อันนี้คงเกินไป และเป็นไปได้ยากมาก :)

คนที่ชอบให้หมอพูดมากก็มี คนที่ไม่ชอบให้หมอพูดมากก็มี หมอรักษาโรคไม่ใช่หมอดูจะได้ไปรู้ว่าใครชอบอย่างไร คนเจ็บคนป่วยคนไข้ต่างหากต้องเลือกว่าชอบหมอแบบไหนแล้วก็เลือกที่จะไปรักษา ไม่ใช่จะเอาความคิดเราไปใส่หัวเขา บอกที่เค้าทำอยู่มันไม่ดีและดีกว่าถ้าทำตามเรา

โอ้ว เลือกหมอได้ด้วย เก่งจัง. ตกลงหมอไม่ต้องปรับปรุง หรือรักษาเวลา หรือรู้จักคิดว่าอะไรควรไม่ควร อะไรพอดี หรือเกินไปเลย คนป่วยเท่านั้น ต้องเจียมตัวเอาเอง. ความคิดเราไม่ได้ไปใส่หัวเขา แต่ความคิดของเรา แตกต่างจากเขา ซึ่งสิ่งที่เขาคิด ก็ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูกเสมอไป. ที่พูดมาก็ถูก คือธรรมชาติของคน ชอบทำในส่ิงที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่เราอธิบาย ก็คือที่เจอมา ตามมารยาทที่เขาปฏิบัติกันค่ะ. คนเราชอบทำอะไร และชอบในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน และคนเราก็มีประสบการณ์การพบเจอที่แตกต่างกันด้วยค่ะ. :)


ในที่นี้พูดถึง เวลาเกือบ 1 ชม.ต่อเคส ซึ่งมันค่อนข้างจะเกินไปสักหน่อย หรือบางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเวลาที่เสียไปเพียงเล็กน้อย ก็แล้วคนจะมอง :) แล้วคิดกลับกัน คนป่วยคิวหลัง (ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ของเราก็ได้) ถ้าเขาเจ็บปวด มีอาการเหนื่อย มากกว่าเคสที่เข้าไปนานแล้วละ จะทำอย่างไร

เกินไปที่ว่าสำหรับใคร??? ถามพ่อแม่เด็กคนที่อยู่ข้างในเค้าดูรึยังว่าหมอดูแลรักษาลูกเค้านานเกินไปไหม คนอื่นเค้าก็บอกแล้วว่าอย่าเอาความรู้สึกตัวเราคนเดียวมาประเมิน
คนป่วยคิวหลังที่เจ็บปวดทุกทรมานมากกว่ามารอรักษาก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ตัวของเรารู้สึกอย่างไรไม่บอกเอาเอง ทำไมต้องเราเค้ามาถามให้ได้อะไร ถ้าเค้าไม่ถามไม่ต้องนั่งทนเจ็บไปหรือไร เจ็บมากหมอไม่ออกมาดูก็ต้องคิดเอาเองว่าจะรอต่อไปหรือไปหาหมอคนอื่น มันก็เหมือนปวดท้องถ่ายหนักถ่ายเบาเมื่อห้องน้ำมันไม่ว่างคุณจะรอหรือไปหาที่อื่นถ่ายทุกข์มันอยู่ที่คุณทั้งนั้น จะมานำเสนอได้ไหมว่าห้องน้ำสาธารณะต้องควรบริหารจัดการเวลาถ่ายหนัก10นาที ถ่ายเบา5นาที หรือถ้าถ่ายเบาอยู่คนจะถ่ายหนักมาต้องหลบให้คนถ่ายหนักก่อน


เกินไปสำหรับมนุษย์ัืที่พึงมีน้ำใจและเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน. และเกินไปสำหรับมารยาทในการให้และรับบริการ ของทั้งสองฝ่าย.

"เมื่อเคสหนึ่งจำเป็นเหลือเกิน ที่ต้องใช้เวลา แต่หากเวลามันล่วงเลยไปพอสมควร จนท. "ควร" บอกหมอสักเล็กน้อย เผื่อหมอจะนึกได้ ว่าคนเจ็บข้างหลังยังมีอีกน่ะ เหตุผลที่ต้องการจะชี้แนะก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้คิดจะไปเอาอะไรกับเด็กป่วยหรอกค่ะ"

กลับกันคุณลองคิดว่าถ้าหมอกำลังตรวจคุณหรือแม่ของคุณอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาบอกซักเล็กน้อยว่ามีคนไข้รออยู่คุณหรือแม่คุณจะรู้สึกอย่างไร กลับกันอีกทีแล้วหมอจะรู้สึกอย่างไรที่เจ้าหน้าที่ที่ตัวเองจ้างมาทำเกินหน้าที่มาคอยเร่งรัดการทำงานของหมอ???

มองแคบจัง ถ้าเป็นแม่เรา ท่านอยู่ในห้องนั้นมานานพอสมควรแล้ว ได้รับการตรวจพอสมควรแล้ว เทียบจากเวลาที่เกิดขึ้น
ท่านไม่คิดอะไรหรอกค่ะ ท่านจะรีบลุกให้ด้วยซ้ำ และคิดว่า คุณแม่หลายท่านคงทำเช่นนี้ เพราะเขาเห็นใจคนที่ไม่สบายเหมือนเขา กำลังรอรักษาอยู่ค่ะ เรื่องนี้ก็เ็ป็นจิตสำนึกของคนอีกเหมือนกันค่ะ :). เรื่อง จนท. งั้นแปลว่า จนท.ผู้น้อย ไม่สามารถท้วงติง จนท.ระดับสูง ที่อาจบริหารงานผิดพลาดได้เลยหรือค่ะ หมอถูกที่สุดหรือค่ะ และการเร่งรัด ไม่ใช่ไปพูดจาปาวๆ เพียงแค่กระซิบเบาๆ ว่ามีคุณยายไม่สบายมาก มารอนานแล้ว และมีเด็กรออีก 2 เคสด้านนอก หมอท่านคงจะไม่ใจร้ายหรอกมั้งคะ และก็ไม่เห็นจะเป็นการกระทำที่ล่วงเกิน หรือน่าเกลียดอะไร เพราะเวลามันผ่านไปนานแล้วสำหรับเคสนั้น มันผ่านไปนานจริงๆ ไม่ใช่ผ่านไปแค่ 15 นาที แล้วไปเร่ง แบบนั้นก็ทุเรศเกินไปค่ะ


ไม่ได้อยากจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวประเมินหรือตัดสินใคร เพียงแค่ ประเมินความน่าจะเป็น และที่เหมาะที่ควร จากสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า และก็เพียงแค่แนะนำให้ปรับปรุง ไม่ได้ว่าไม่ดีไปเสียหมด

ประเมินความน่าจะเป็นจากอะไรความรู้สึกของคุณหรือความจริงที่ควรจะเป็น เวลานั่งเครื่องบินรถไฟรถทัวว์ถ้าทางข้างหน้าว่างเราจะเดินไปบอกให้เค้าเร่งความเร็วได้มั๊ย จากสถานการณ์ที่ว่าคือทางมันว่าง จากที่เหมาะที่ควรคือจะช้าไปทำไมเร่งเร็วขึ้นก็ถึงเร็วขึ้น ทีนี้ที่ควรปรับปรุงคือคนขับเครื่องบินหรือเจ้าของความคิด

คุณเปรียบเทียบ ในเรื่องที่มันไปกันไม่ได้ คุณใช้อารมณ์ส่วนตัวของคุณ ผสมกับความหมั่นไส้แนวคิดของเจ้าของกระทู้
พยายามเปรียบเทียบ และไล่ต้อนให้จนมุม ให้ดูแย่ คุณไม่รับความเห็นของใคร ในมุมของเขา และไม่ให้เกียรติ
เรื่องบางเรื่อง "ยืดหยุ่น" และปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ อย่าเปรียบเทียบส่ิงที่มีโอกาสเป็นไปได้ ปรับได้
กับสิ่งที่ไม่สามารถปรับได้ มันต่างกัน


ส่วนเรื่อง สถานพยาบาลในหาดใหญ่มีเยอะแยะ และ รพ.เอกชน ก็มี อันนี้เราทราบดี
แต่ก็แปลก ที่คนทางเลือกน้อยๆ รายได้จำกัด มักถูกเบียดบังในการแสดงความคิดเห็น หรือเรียกร้องความถูกต้องเหมาะสมในสังคม เพียงเพราะ สิทธิ์เสียงที่มีมันราคาไม่เท่ากัน เท่านั้นเองหรือ

เอ่อ ผมว่าเค้าหมายถึงทางเลือกอื่นๆก็มี คลีนิคอื่นก็มี โรงบาลอื่นก็มี เค้าไม่ได้ห้ามแสดงความคิดเห็น ตรงไหนหว่าที่เค้าไปห้ามแสดงความคิดเห็นพอคนอื่นเค้าไม่เห็นด้วยก็ปิดตัวเองด้วยการหาว่าเค้ามาเบียดบังความคิดเห็นงั้นรึ??? ราคาคงไม่ใช่โจทย์ของเรื่องนี้เพราะเค้าบอกรึเปล่าว่าเค้าไม่รับรักษาคุณเพราะคุณใช้สิทธิ์บัตรทอง ก็เปล่า

คุณอ่านหนังสือไม่แตกหรือค่ะ. เราเปรียบเปรยให้ฟัง. หากเรามีกำลังทรัพย์มากพอ เราอาจจะไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้. เมื่อเราไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ เราก็อาจไม่ได้มาพิมพ์ในนี้ เมื่อเรามาพิมพ์ แต่มีคนบอกว่า ทนไม่ไหว ก็ไม่ต้องรอ
ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน.. ไม่มีเงิน ก็ต้องทน ต้องรอ หากไม่อยากรอ ก็ไปเสียเงิน รักษาที่ดีๆ จะได้จบปัญหา. ก็เท่านั้น


แต่ที่อ่านของคุณมาตั้งแต่ต้นคือคุณไม่พอใจที่คุณพาแม่ไปหาหมอแล้วตัวคุณทิ้งแม่ไปเอาของไปกินข้าว กลับมาคุณโมโหที่เห็นเค้าทิ้งแม่คุณให้นั่งรอหมอ ใช่คุณมีสิทธิ์จะโกรธแต่อย่าลืมที่จะโกรธตัวเองด้วยนะครับ ถ้าคุณไม่ทิ้งแม่ไปกินข้าง คุณคงได้นั่งคุยเป็นเพื่อนท่าน ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่าอาการแม่คุณเป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ไปบอกกับเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้เค้ามาถาม.

ไม่ได้ทิ้งค่ะ เราท้องอยู่ และกลับไปทานข้าว ทานยา ที่บ้านไม่มีใคร มีหลาน กับคนแก่ เราก็กลับไปพาลูกอีกคนกินข้าว และตัวเองก็กินด้วย แล้วก็กินยา แล้วก็รีบขับรถไปหาแม่. และถึงเราจะนั่งอยู่ด้วย คงไม่มีใครมาถามไถ่อาการหรอกค่ะ เพราะก่อนลุกไป ก็นั่งอยู่กับท่าน เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงลุกไป. และเราเห็นว่า เรารอไม่ไหว และได้แจ้งไปกับเจ้าหน้าที่แล้ว ว่าเลยเวลามานานแล้วนะ จะ 1 ชม.แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ทราบดี ว่ามันคือเรื่องจริง แต่กลับไม่ทำอะไร นอกจากบอกให้รอ. เราแย่มากเลยใช่ไหมคะ.

อย่าให้คำว่า บัตรทอง บัตรฟรี มาค้ำคอ จนพูดอะไรไม่ได้ ตำหนิติเตียนอะไรไม่ได้ มันน่าน้อยใจนัก
สถานพยาบาล เบิกจากรัฐ รัฐก็เก็บภาษีประชาชน ถึงเราจะเรียนมาน้อย เราก็พอจะรู้ว่า เราเป็นประชาชนที่ต้องเสียภาษี.

ติอ่ะติได้แต่มันต้องเอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เอาความรู้สึกเราคนเดียวมาเป็นที่ตั้งประโยชน์มันจะได้กับส่วนรวมจริงหรอ คุณบอกเองเด็กที่อยู่ข้างในก็ร่าเริงดี หัวเราะดีนั่นก็แปลว่าหมอเค้าทำหน้าที่ได้ดีไม่งั้นทั้งเด็กทั้งแม่เด็กคงหน้าบึ้งร้องไห้งอแงกันออกมา ถึงบอกไงจะเอาแต่ตัวเราเป็นที่ตั้งไม่ได้ อย่าไปคิดว่าปัญหาเค้าเท่ามดปัญหาเราเท่าช้าง มันจะทำให้เราตัวเรารู้จักแต่คำว่าตัวเองเท่านั้น

เราไม่ได้คิดว่าปัญหาของเราใหญ่โตค้ำฟ้า หรือเราต้องได้รับบริการที่เลิศหรูกว่านี้ แต่เราคิดว่า อะไรที่มันเกินพอดี ควรมีการปรับปรุง และแจ้งให้ทราบ เพื่อพัฒนา หรือ บรรเทา ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด. แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่า นี่เป็นเพียง แนวความคิดส่วนบุคคล ที่มีเพียงเราคนเดียว คุณรู้ได้ยังไง ว่าคิวต่อจากเรา เขาดีใจแค่ไหน ที่มีคนลุกมาทำอะไรสักอย่าง ให้ได้รับการรักษาที่ไวขึ้นมาอีกนิด. คุณรู้ได้ยังไง ว่าคนอ่านบางท่าน อาจจะมองต่างจากคุณ.


เราไม่ได้่เห็นแก่ตัวเอง หรือครอบครัว หรือเห็นว่าตัวเองถูกเสมอในทุกสิ่งที่คิด. เพราะคนที่เห็นแก่ตัวของแท้ เขาไม่ทำแค่นี้ เขามีพฤติกรรมที่แย่กว่านี้. และหากคุณไม่พอใจในสิ่งที่เราพิมพ์ หรือต้องการ "สั่งสอน" "เปรียบเปรย" "พูดให้คิด" หรือให้คำแนะนำต่างๆ แก่ดิฉัน เชิญต่อได้เลยค่ะ :) เพราะบางที เวลาโมโห ดิฉันก็อาจมองข้ามข้อบกพร่องของตนเอง ไม่แปลกค่ะ ยินดีมาก หากมีเวลาจะเข้ามาตอบให้อีกคะ :)

ยินดีรับทุกคำพูด ทุกแนวคิดที่แตกต่าง. คนบางคนเกิดมาวาสนาดี ไม่เคยพบเจอะกับประสบการณ์ หรือสถานการณ์แย่ๆ
ที่ต้องอดทน กว่าจะผ่านพ้นไป นั่นก็เป็นโชคดีของเขา. คนบางคนเกิดมาวาสนาน้อย แต่เลือกได้ว่าจะให้ชีวิตตัวเองเป็นยังไง.
จะยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตในทุกเรื่อง หรือจะปกป้องตัวเอง และยิ้มรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วปล่อยให้มันผ่านไป นั่นก็เลือกได้อีกเช่นกัน.

นางผี

อ้างจาก: นางฟ้าชุดขาว เมื่อ 13:15 น.  04 ธ.ค 55
อ่านตั้งแต่ต้น จับใจความได้ว่าเด็กมาก่อนแต่หมอรักษานานไปในความคิดคนมารอ ทีนี้พ่อคนฉลาดช่วยบอกหน่อยสิคะ ว่าจะจัดคิวยังไง เคยคุมแต่คิวสองแถวมาก่อนออกก่อนตามคิว ไม่งั้นจะมีคิวไปทำไม มาหลังจะออกก่อน ผิดที่คนคุมคิวโง่หรอคะพ่อคนฉลาดล้ำ
นางฟ้าท่าจะเมาตด

ไม่ใช่นักเลง ไม่ลายเคงใคร

บังเอิญว่าเมื่อไม่นานมาแล้ว มีกระเทยควายตัวดำปี๋ 2 คน มาโปรโมทคลีนิคนี้ที่บ้านเรา โน่น นี่ นั่น สารพัด และสรุปว่าเราก็ทำบัตรเพราะมันใกล้บ้านมาก และที่สำคัญเค้าบอกว่ามีหมอตลอด ก็เลย โอเค เค้าบอกว่าประมาณ 1 สัปดาห์ จะเอาบัตรมาให้จนป่านนี้ ล่วงมาเกือบครึ่งปี ยังไม่เห็นหน้าบัตรเลยอ่ะ บัดนี้เราแจ้งแก่ใจแล้วว่า ทำไม ถึงต้อง เดินเท้าเข้าบ้านประชาชนให้เค้าทำบัตร ทำเหมือนพวกขายตรงอะไรประมาณนี้ เราเข้าใจในสิ่งที่เจ้าของกระทู้พยายามจะบอกเล่า และเราก็เข้าใจในสิ่งที่คุณมองต่างมุมทั้งหลายพยายามที่จะชี้ให้เห็นในมุมต่างของท่าน แต่มนุษย์เราสมัยนี้ที่อยู่ชนชั้นล่าง หรือชั้นกลาง คนเหล่านี้มีทางเลือกไม่มากหรอก ถ้าเลือกได้ไม่ว่าหน้าไหนก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และยิ่งกับุพการีด้วยแล้วยิ่งต้องเป็นสิ่งที่ดี่สุด แต่บางครั้งสิ่งที่เราเลือก(จำเป็นต้องเลือก)อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ซึ่งเราคิดว่าเจ้าของกระทู้ก็คงรับได้แต่แค่อยากระบายด้วยความน้อยเนื้่อต่ำใจ ไม่ได้ต้องการที่จะมาปะทะคารมกับใครหรอก ส่วนคุณทั้งหลายที่พยายามบอกว่าใ้ห้เข้าใจในการบริกาของอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง ซึ่งเราก็คิดว่า ณ วันนั้น เหตุการณ์ตรงนั้น พฤติกรรม การกระทำ สี่หน้า แววตาท่่าทาง ของหมอ และ จนท.ในคลีนิค ไม่มีใครรับรู้ไม่มีใครได้สัมผัส มีแต่ เจ้าของกระทู้เท่านั้นที่เห็น รับรุ้ และสัมผัสได้ จึงอยากให้พวกท่านมองให้เป็นกลางเข้าไว้ พวกท่านอาจจะเป็นคนทำงาน จึงอาจจะมองในมุมของคนที่ทำงานบางครั้งก็อยากให้คนมาเข้าใจหัวอกของคนทำงานบ้าง เราอยากให้ 2 ฝ่าย "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" แล้วทุกท่านจะ มีความรู้สึกอีกอย่างเกิดขึ้น อย่าถกเถียงกันไปเลย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เรื่องของเค้า มิใช่เรื่องของเราแม้แต่น้อย อย่าลืมนะ คลีนิคนี้สายพันธุ์ โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งก็มีกระทู้ร้องเรียนมาเยอะ เหมือนกัน เราก็คงไม่รอบัตรจากกระเทยควาย 2 คน นั่นแล้ว หลาบบบบบบบบ เพราะถ้าเป็นเราเจอสถานการณ์แบบนี้เราก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องมานั่งระบายเหมือนคุณเจ้าของกระทู้รึป่าว แต่เราเชื่อมั่นในสิทธิผู้ป่วย 10 ประการ ถ้าเราได้รับการบริการที่บกพร่องไปจาก 10 ข้อนี้เราก็มีสิทธิที่จะพูดบ้าง ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน และขอวอนไว้ตรงนี้เลยว่า ผู้ใดที่เห็นต่าง จากความคิดของเรา ไม่ต้องมาต่อความยาวนะ เพราะเราไม่ชอบต่อปากต่อคำกับใคร เพราะเรายังกินข้าว ไม่ได้แทะกระดูก เราไม่ชอบดูถูกความคิดใคร อย่างที่บอก "ไม่ใช่นักเลง ไม่ลายเคงใคร" แค่ผ่านมาเฉยๆ ประมาณว่า แวะมาเจือกอ่ะ ยอมรับตามนั้น...บาย

ไม่ใช่นักเลง ไม่ลายเคงใคร

บังเอิญว่าเมื่อนานมาแล้ว มีกระเทยควายตัวดำปี๋ 2 คน มาโปรโมทคลีนิคนี้ที่บ้านเรา โน่น นี่ นั่น สารพัด และสรุปว่าเราก็ทำบัตรเพราะมันใกล้บ้านมาก และที่สำคัญเค้าบอกว่ามีหมอตลอด ก็เลย โอเค เค้าบอกว่าประมาณ 1 สัปดาห์ จะเอาบัตรมาให้จนป่านนี้ ล่วงมาเกือบครึ่งปี ยังไม่เห็นหน้าบัตรเลยอ่ะ บัดนี้เราแจ้งแก่ใจแล้วว่า ทำไม ถึงต้อง เดินเท้าเข้าบ้านประชาชนให้เค้าทำบัตร ทำเหมือนพวกขายตรงอะไรประมาณนี้

เราเข้าใจในสิ่งที่เจ้าของกระทู้พยายามจะบอกเล่า และเราก็เข้าใจในสิ่งที่คุณมองต่างมุมทั้งหลายพยายามที่จะชี้ให้เห็นในมุมต่างของท่าน แต่มนุษย์เราสมัยนี้ที่อยู่ชนชั้นล่าง หรือชั้นกลาง คนเหล่านี้มีทางเลือกไม่มากหรอก ถ้าเลือกได้ไม่ว่าหน้าไหนก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และยิ่งกับุพการีด้วยแล้วยิ่งต้องเป็นสิ่งที่ดี่สุด แต่บางครั้งสิ่งที่เราเลือก(จำเป็นต้องเลือก)อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ซึ่งเราคิดว่าเจ้าของกระทู้ก็คงรับได้แต่แค่อยากระบายด้วยความน้อยเนื้่อต่ำใจ ไม่ได้ต้องการที่จะมาปะทะคารมกับใครหรอก ส่วนคุณทั้งหลายที่พยายามบอกว่าใ้ห้เข้าใจในการบริกาของอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง

ซึ่งเราก็คิดว่า ณ วันนั้น เหตุการณ์ตรงนั้น พฤติกรรม การกระทำ สี่หน้า แววตาท่่าทาง ของหมอ และ จนท.ในคลีนิค ไม่มีใครรับรู้ไม่มีใครได้สัมผัส มีแต่ เจ้าของกระทู้เท่านั้นที่เห็น รับรุ้ และสัมผัสได้ จึงอยากให้พวกท่านมองให้เป็นกลางเข้าไว้ พวกท่านอาจจะเป็นคนทำงาน จึงอาจจะมองในมุมของคนที่ทำงานบางครั้งก็อยากให้คนมาเข้าใจหัวอกของคนทำงานบ้าง เราอยากให้ 2 ฝ่าย "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" แล้วทุกท่านจะ มีความรู้สึกอีกอย่างเกิดขึ้น อย่าถกเถียงกันไปเลย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เรื่องของเค้า มิใช่เรื่องของเราแม้แต่น้อย

อย่าลืมนะ คลีนิคนี้สายพันธุ์ โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งก็มีกระทู้ร้องเรียนมาเยอะ เหมือนกัน เราก็คงไม่รอบัตรจากกระเทยควาย 2 คน นั่นแล้ว  "หลาบบบบบบบบ"   เพราะถ้าเป็นเราเจอสถานการณ์แบบนี้เราก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องมานั่งระบายเหมือนคุณเจ้าของกระทู้รึป่าว

แต่เราเชื่อมั่นในสิทธิผู้ป่วย 10 ประการ ถ้าเราได้รับการบริการที่บกพร่องไปจาก 10 ข้อนี้เราก็มีสิทธิที่จะพูดบ้าง ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน และขอวอนไว้ตรงนี้เลยว่า ผู้ใดที่เห็นต่าง จากความคิดของเรา ไม่ต้องมาต่อความยาวนะ เราไม่ชอบต่อปากต่อคำกับใคร

เพราะเรายังกินข้าว ไม่ได้แทะกระดูก เราไม่ชอบดูถูกความคิดใคร อย่างที่บอก "ไม่ใช่นักเลง ไม่ลายเคงใคร" แค่ผ่านมาเฉยๆ ประมาณว่า แวะมาเจือกอ่ะ ยอมรับตามนั้น...บาย

เอาแบบอ่านสบายตา ดีกว่านะ อันแรกมันแออัดเกินไป  แถมนิดนึง เจ้าของกระทู้ ขอให้คุณแม่หายป่วยในเร็ววัน ส่วนคุณเพื่อนรวมแชร์ทั้งหลายขอให้พวกท่านเจริญก้าวหน้าในหน้ามี่การงาน มีสติปัญญาเป็นเลิศ ขอให้พระคุ้มครองทุกท่าน

น้ำท่วม54

อ้างจาก: รวงข้าวจ้า เมื่อ 13:42 น.  04 ธ.ค 55
ใช่คะ หากมองในมุมเด็กร้องงอแง ไม่ยอมให้รักษา อาจต้องใช้เวลานานผิดปกติ
และคนป่วย ที่ไปรับการรักษา ทุกคนล้วน "ไม่สบาย" เหมือนกันทั้งนั้น
หาก จนท. เห็นว่าเคสเดิม "มีความจำเป็น" ต้องใช้เวลานาน ก็ควรมีน้ำใจมาถามผู้สูงอายุ หรือเด็ก คิวต่อๆไปด้วยว่า
ตอนนี้่เป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ ต้องจัดสรรเวลาอย่างไร


ต้องเข้าใจซักนิด เจ้าหน้าที่ก็แค่ลูกจ้าง ไม่ใช่หมอหรือผู้มีอำนาจใหญ่โต จะได้ไปบริหารจัดการเวลาในการรักษาได้ เดินไปเร่งหมอดีไม่ดีโดนทั้งหมอทั้งคนไข้ญาติคนไข้ด่าเอาเปล่าๆ

ไม่ใช่ให้จัดการเวลา ให้ทำหน้าที่ "บรรเทา" ให้เวลาที่มันเกินไป ปรับในระดับที่เหมาะสม
หากหมอรับรู้แล้ว แต่เพิกเฉย ก็คงจะไปว่าอะไรไม่ได้
แต่ "ไม่ทำอะไรเลย" ทั้งๆ ทีเ่ห็นอยู่ อันนี้อยู่ที่จิตสำนึกคน


เคยเห็น คนป่วยที่คุยกับหมอ ถามโน่นนี่สารพัด กว่าจะออกจากห้องตรวจ เพื่อให้ตัวเองได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และสบายใจที่สุด ก่อนจะกลับบ้าน
และก็เคยเห็น หมอที่พูดจากระชับได้ใจความ แนะนำอย่างสั้นๆ แต่เข้าใจ พร้อมทั้งมองนาฬิกาข้อมือ บอกกับคนไข้อย่างเกรงใจว่า วันนี้คนไข้รออีกเยอะ ขอเวลาก่อนนะครับ หมอนัดวันนี้ จ่ายยาเท่านี้ คุณไม่ต้องกังวล แล้วพบกันใหม่
ยังไม่เคยเห็นถึงขนาดที่ว่า ไม่พูดกับคนไข้เลย เพื่อบริหารเวลา อันนี้คงเกินไป และเป็นไปได้ยากมาก :)

คนที่ชอบให้หมอพูดมากก็มี คนที่ไม่ชอบให้หมอพูดมากก็มี หมอรักษาโรคไม่ใช่หมอดูจะได้ไปรู้ว่าใครชอบอย่างไร คนเจ็บคนป่วยคนไข้ต่างหากต้องเลือกว่าชอบหมอแบบไหนแล้วก็เลือกที่จะไปรักษา ไม่ใช่จะเอาความคิดเราไปใส่หัวเขา บอกที่เค้าทำอยู่มันไม่ดีและดีกว่าถ้าทำตามเรา

โอ้ว เลือกหมอได้ด้วย เก่งจัง. ตกลงหมอไม่ต้องปรับปรุง หรือรักษาเวลา หรือรู้จักคิดว่าอะไรควรไม่ควร อะไรพอดี หรือเกินไปเลย คนป่วยเท่านั้น ต้องเจียมตัวเอาเอง. ความคิดเราไม่ได้ไปใส่หัวเขา แต่ความคิดของเรา แตกต่างจากเขา ซึ่งสิ่งที่เขาคิด ก็ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูกเสมอไป. ที่พูดมาก็ถูก คือธรรมชาติของคน ชอบทำในส่ิงที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่เราอธิบาย ก็คือที่เจอมา ตามมารยาทที่เขาปฏิบัติกันค่ะ. คนเราชอบทำอะไร และชอบในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน และคนเราก็มีประสบการณ์การพบเจอที่แตกต่างกันด้วยค่ะ. :)


ในที่นี้พูดถึง เวลาเกือบ 1 ชม.ต่อเคส ซึ่งมันค่อนข้างจะเกินไปสักหน่อย หรือบางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเวลาที่เสียไปเพียงเล็กน้อย ก็แล้วคนจะมอง :) แล้วคิดกลับกัน คนป่วยคิวหลัง (ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ของเราก็ได้) ถ้าเขาเจ็บปวด มีอาการเหนื่อย มากกว่าเคสที่เข้าไปนานแล้วละ จะทำอย่างไร

เกินไปที่ว่าสำหรับใคร??? ถามพ่อแม่เด็กคนที่อยู่ข้างในเค้าดูรึยังว่าหมอดูแลรักษาลูกเค้านานเกินไปไหม คนอื่นเค้าก็บอกแล้วว่าอย่าเอาความรู้สึกตัวเราคนเดียวมาประเมิน
คนป่วยคิวหลังที่เจ็บปวดทุกทรมานมากกว่ามารอรักษาก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ตัวของเรารู้สึกอย่างไรไม่บอกเอาเอง ทำไมต้องเราเค้ามาถามให้ได้อะไร ถ้าเค้าไม่ถามไม่ต้องนั่งทนเจ็บไปหรือไร เจ็บมากหมอไม่ออกมาดูก็ต้องคิดเอาเองว่าจะรอต่อไปหรือไปหาหมอคนอื่น มันก็เหมือนปวดท้องถ่ายหนักถ่ายเบาเมื่อห้องน้ำมันไม่ว่างคุณจะรอหรือไปหาที่อื่นถ่ายทุกข์มันอยู่ที่คุณทั้งนั้น จะมานำเสนอได้ไหมว่าห้องน้ำสาธารณะต้องควรบริหารจัดการเวลาถ่ายหนัก10นาที ถ่ายเบา5นาที หรือถ้าถ่ายเบาอยู่คนจะถ่ายหนักมาต้องหลบให้คนถ่ายหนักก่อน


เกินไปสำหรับมนุษย์ัืที่พึงมีน้ำใจและเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน. และเกินไปสำหรับมารยาทในการให้และรับบริการ ของทั้งสองฝ่าย.

"เมื่อเคสหนึ่งจำเป็นเหลือเกิน ที่ต้องใช้เวลา แต่หากเวลามันล่วงเลยไปพอสมควร จนท. "ควร" บอกหมอสักเล็กน้อย เผื่อหมอจะนึกได้ ว่าคนเจ็บข้างหลังยังมีอีกน่ะ เหตุผลที่ต้องการจะชี้แนะก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้คิดจะไปเอาอะไรกับเด็กป่วยหรอกค่ะ"

กลับกันคุณลองคิดว่าถ้าหมอกำลังตรวจคุณหรือแม่ของคุณอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาบอกซักเล็กน้อยว่ามีคนไข้รออยู่คุณหรือแม่คุณจะรู้สึกอย่างไร กลับกันอีกทีแล้วหมอจะรู้สึกอย่างไรที่เจ้าหน้าที่ที่ตัวเองจ้างมาทำเกินหน้าที่มาคอยเร่งรัดการทำงานของหมอ???

มองแคบจัง ถ้าเป็นแม่เรา ท่านอยู่ในห้องนั้นมานานพอสมควรแล้ว ได้รับการตรวจพอสมควรแล้ว เทียบจากเวลาที่เกิดขึ้น
ท่านไม่คิดอะไรหรอกค่ะ ท่านจะรีบลุกให้ด้วยซ้ำ และคิดว่า คุณแม่หลายท่านคงทำเช่นนี้ เพราะเขาเห็นใจคนที่ไม่สบายเหมือนเขา กำลังรอรักษาอยู่ค่ะ เรื่องนี้ก็เ็ป็นจิตสำนึกของคนอีกเหมือนกันค่ะ :). เรื่อง จนท. งั้นแปลว่า จนท.ผู้น้อย ไม่สามารถท้วงติง จนท.ระดับสูง ที่อาจบริหารงานผิดพลาดได้เลยหรือค่ะ หมอถูกที่สุดหรือค่ะ และการเร่งรัด ไม่ใช่ไปพูดจาปาวๆ เพียงแค่กระซิบเบาๆ ว่ามีคุณยายไม่สบายมาก มารอนานแล้ว และมีเด็กรออีก 2 เคสด้านนอก หมอท่านคงจะไม่ใจร้ายหรอกมั้งคะ และก็ไม่เห็นจะเป็นการกระทำที่ล่วงเกิน หรือน่าเกลียดอะไร เพราะเวลามันผ่านไปนานแล้วสำหรับเคสนั้น มันผ่านไปนานจริงๆ ไม่ใช่ผ่านไปแค่ 15 นาที แล้วไปเร่ง แบบนั้นก็ทุเรศเกินไปค่ะ


ไม่ได้อยากจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวประเมินหรือตัดสินใคร เพียงแค่ ประเมินความน่าจะเป็น และที่เหมาะที่ควร จากสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า และก็เพียงแค่แนะนำให้ปรับปรุง ไม่ได้ว่าไม่ดีไปเสียหมด

ประเมินความน่าจะเป็นจากอะไรความรู้สึกของคุณหรือความจริงที่ควรจะเป็น เวลานั่งเครื่องบินรถไฟรถทัวว์ถ้าทางข้างหน้าว่างเราจะเดินไปบอกให้เค้าเร่งความเร็วได้มั๊ย จากสถานการณ์ที่ว่าคือทางมันว่าง จากที่เหมาะที่ควรคือจะช้าไปทำไมเร่งเร็วขึ้นก็ถึงเร็วขึ้น ทีนี้ที่ควรปรับปรุงคือคนขับเครื่องบินหรือเจ้าของความคิด

คุณเปรียบเทียบ ในเรื่องที่มันไปกันไม่ได้ คุณใช้อารมณ์ส่วนตัวของคุณ ผสมกับความหมั่นไส้แนวคิดของเจ้าของกระทู้
พยายามเปรียบเทียบ และไล่ต้อนให้จนมุม ให้ดูแย่ คุณไม่รับความเห็นของใคร ในมุมของเขา และไม่ให้เกียรติ
เรื่องบางเรื่อง "ยืดหยุ่น" และปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ อย่าเปรียบเทียบส่ิงที่มีโอกาสเป็นไปได้ ปรับได้
กับสิ่งที่ไม่สามารถปรับได้ มันต่างกัน


ส่วนเรื่อง สถานพยาบาลในหาดใหญ่มีเยอะแยะ และ รพ.เอกชน ก็มี อันนี้เราทราบดี
แต่ก็แปลก ที่คนทางเลือกน้อยๆ รายได้จำกัด มักถูกเบียดบังในการแสดงความคิดเห็น หรือเรียกร้องความถูกต้องเหมาะสมในสังคม เพียงเพราะ สิทธิ์เสียงที่มีมันราคาไม่เท่ากัน เท่านั้นเองหรือ

เอ่อ ผมว่าเค้าหมายถึงทางเลือกอื่นๆก็มี คลีนิคอื่นก็มี โรงบาลอื่นก็มี เค้าไม่ได้ห้ามแสดงความคิดเห็น ตรงไหนหว่าที่เค้าไปห้ามแสดงความคิดเห็นพอคนอื่นเค้าไม่เห็นด้วยก็ปิดตัวเองด้วยการหาว่าเค้ามาเบียดบังความคิดเห็นงั้นรึ??? ราคาคงไม่ใช่โจทย์ของเรื่องนี้เพราะเค้าบอกรึเปล่าว่าเค้าไม่รับรักษาคุณเพราะคุณใช้สิทธิ์บัตรทอง ก็เปล่า

คุณอ่านหนังสือไม่แตกหรือค่ะ. เราเปรียบเปรยให้ฟัง. หากเรามีกำลังทรัพย์มากพอ เราอาจจะไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้. เมื่อเราไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ เราก็อาจไม่ได้มาพิมพ์ในนี้ เมื่อเรามาพิมพ์ แต่มีคนบอกว่า ทนไม่ไหว ก็ไม่ต้องรอ
ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน.. ไม่มีเงิน ก็ต้องทน ต้องรอ หากไม่อยากรอ ก็ไปเสียเงิน รักษาที่ดีๆ จะได้จบปัญหา. ก็เท่านั้น


แต่ที่อ่านของคุณมาตั้งแต่ต้นคือคุณไม่พอใจที่คุณพาแม่ไปหาหมอแล้วตัวคุณทิ้งแม่ไปเอาของไปกินข้าว กลับมาคุณโมโหที่เห็นเค้าทิ้งแม่คุณให้นั่งรอหมอ ใช่คุณมีสิทธิ์จะโกรธแต่อย่าลืมที่จะโกรธตัวเองด้วยนะครับ ถ้าคุณไม่ทิ้งแม่ไปกินข้าง คุณคงได้นั่งคุยเป็นเพื่อนท่าน ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่าอาการแม่คุณเป็นอย่างไร เจ็บปวด มากน้อยเพียงไร รอไหวหรือไม่ไปบอกกับเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้เค้ามาถาม.

ไม่ได้ทิ้งค่ะ เราท้องอยู่ และกลับไปทานข้าว ทานยา ที่บ้านไม่มีใคร มีหลาน กับคนแก่ เราก็กลับไปพาลูกอีกคนกินข้าว และตัวเองก็กินด้วย แล้วก็กินยา แล้วก็รีบขับรถไปหาแม่. และถึงเราจะนั่งอยู่ด้วย คงไม่มีใครมาถามไถ่อาการหรอกค่ะ เพราะก่อนลุกไป ก็นั่งอยู่กับท่าน เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงลุกไป. และเราเห็นว่า เรารอไม่ไหว และได้แจ้งไปกับเจ้าหน้าที่แล้ว ว่าเลยเวลามานานแล้วนะ จะ 1 ชม.แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ทราบดี ว่ามันคือเรื่องจริง แต่กลับไม่ทำอะไร นอกจากบอกให้รอ. เราแย่มากเลยใช่ไหมคะ.

อย่าให้คำว่า บัตรทอง บัตรฟรี มาค้ำคอ จนพูดอะไรไม่ได้ ตำหนิติเตียนอะไรไม่ได้ มันน่าน้อยใจนัก
สถานพยาบาล เบิกจากรัฐ รัฐก็เก็บภาษีประชาชน ถึงเราจะเรียนมาน้อย เราก็พอจะรู้ว่า เราเป็นประชาชนที่ต้องเสียภาษี.

ติอ่ะติได้แต่มันต้องเอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เอาความรู้สึกเราคนเดียวมาเป็นที่ตั้งประโยชน์มันจะได้กับส่วนรวมจริงหรอ คุณบอกเองเด็กที่อยู่ข้างในก็ร่าเริงดี หัวเราะดีนั่นก็แปลว่าหมอเค้าทำหน้าที่ได้ดีไม่งั้นทั้งเด็กทั้งแม่เด็กคงหน้าบึ้งร้องไห้งอแงกันออกมา ถึงบอกไงจะเอาแต่ตัวเราเป็นที่ตั้งไม่ได้ อย่าไปคิดว่าปัญหาเค้าเท่ามดปัญหาเราเท่าช้าง มันจะทำให้เราตัวเรารู้จักแต่คำว่าตัวเองเท่านั้น

เราไม่ได้คิดว่าปัญหาของเราใหญ่โตค้ำฟ้า หรือเราต้องได้รับบริการที่เลิศหรูกว่านี้ แต่เราคิดว่า อะไรที่มันเกินพอดี ควรมีการปรับปรุง และแจ้งให้ทราบ เพื่อพัฒนา หรือ บรรเทา ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด. แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่า นี่เป็นเพียง แนวความคิดส่วนบุคคล ที่มีเพียงเราคนเดียว คุณรู้ได้ยังไง ว่าคิวต่อจากเรา เขาดีใจแค่ไหน ที่มีคนลุกมาทำอะไรสักอย่าง ให้ได้รับการรักษาที่ไวขึ้นมาอีกนิด. คุณรู้ได้ยังไง ว่าคนอ่านบางท่าน อาจจะมองต่างจากคุณ.


เราไม่ได้่เห็นแก่ตัวเอง หรือครอบครัว หรือเห็นว่าตัวเองถูกเสมอในทุกสิ่งที่คิด. เพราะคนที่เห็นแก่ตัวของแท้ เขาไม่ทำแค่นี้ เขามีพฤติกรรมที่แย่กว่านี้. และหากคุณไม่พอใจในสิ่งที่เราพิมพ์ หรือต้องการ "สั่งสอน" "เปรียบเปรย" "พูดให้คิด" หรือให้คำแนะนำต่างๆ แก่ดิฉัน เชิญต่อได้เลยค่ะ :) เพราะบางที เวลาโมโห ดิฉันก็อาจมองข้ามข้อบกพร่องของตนเอง ไม่แปลกค่ะ ยินดีมาก หากมีเวลาจะเข้ามาตอบให้อีกคะ :)

ยินดีรับทุกคำพูด ทุกแนวคิดที่แตกต่าง. คนบางคนเกิดมาวาสนาดี ไม่เคยพบเจอะกับประสบการณ์ หรือสถานการณ์แย่ๆ
ที่ต้องอดทน กว่าจะผ่านพ้นไป นั่นก็เป็นโชคดีของเขา. คนบางคนเกิดมาวาสนาน้อย แต่เลือกได้ว่าจะให้ชีวิตตัวเองเป็นยังไง.
จะยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตในทุกเรื่อง หรือจะปกป้องตัวเอง และยิ้มรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วปล่อยให้มันผ่านไป นั่นก็เลือกได้อีกเช่นกัน.

ส.สั่งสอน จำมั่ง จนท. /ผู้ที่เห็นต่าง   
สนับสนุน คุณรวงข้าวครับ แม่ใครใครก็รักนะครับ  ส.เดี๋ยวโดน

นะคับ

ดูบุคลิกคุณเป็นคนใจร้อนรึเปล่า
ใน รพ.เขานั่งรอกัน  รับบัตรคิวแต่เช้าตรู่  ได้ตรวจบ่าย  แอร์ไม่มี

ให้แม่นั่งรอ  คุณขับรถออกไปทำธุระ+กินข้าว  แสดงว่าคุณmanageเวลาให้คุ้มค่าเต็มที่

เอาฟรี เอาดี  เอาเร็ว 
คนไม่มีรายได้ถึงขั้นจ่ายภาษี รัฐก็ให้สวัสดิการตรงนี้  เพราะงั้น  คนเยอะ  มันเป็นของแน่


หาอะไรมาทำไปด้วย  จะดีที่สุด ระหว่างรอตรวจ
มีแอร์ก็โคตรหรูแล้ว

ใจเขาใจเรา

"ใจเขาใจเรา" นะครับ

มันก็มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องปกติของการคิดต่าง ไม่มีใครผิดครับ

การพูดคุยหยอกล้อกับคนไข้จนเพลินลืมดูเวลา อันนี้แย่นะครับ แต่หากว่าเป็นการเกลี้ยกล่อมเพื่อทำแผล อันนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ คงต้องหาอะไรมาทำเพื่อฆ่าเวลาจริงๆนั่นแหละ

แม่ของผมท่านเคยหกล้มในห้องน้ำแล้วโดนประตูบาดนิ้ว ลึกมาก จึงรีบไป รพ.หาดใหญ่ ตอนนั้นก็ดึกแล้วจึงไปตึกฉุกเฉิน นอนรอเป็นชั่วโมงจนซีดหมดแล้วผมจึงกัดฟันพาไป รพ.ราษฏร์ยินดี ไปปุ้บทำแผลปั้บ แต่นั่นแหละ 5,xxx .- ถ้ามองเม็ดเงินอาจดูไม่เยอะกับใครบางคน แต่กับมนุษย์เงินเดือนอย่างผมนี่เกือบครึ่งนึงของเงินเดือนแล้ว ทุกวันนี้นิ้วนั้นของแม่ก็ งอ ตลอดเวลา ใช้งานไม่ได้อย่างปกติละครับ

หัวอกหมอ

เนื่องด้วย ผมเป็นหมอ รพ. หาดใหญ่ ขอชี้แจง ในส่วนที่ระบุว่า เป็น คลินิกสายพันธุ์ รพ.หาดใหญ่ครับ เรื่องราวของคลินิกดังกล่าวหมอไม่มี comment ครับ ไม่ทราบข้อมูล แต่ขอเล่าเรื่องราว
รพ.หาดใหญ่ เป็น รพ. สังกัดกระทรวงครับ รับผิดชอบ ผู้ป่วยทั้งหมด ใน พื้นที่ เขต 12 หมายถึงครอบคลุม การรับผู้ป่วยที่ซับซ้อน เคสยาก ที่ รพ. จังหวัดอื่นๆ รักษาไม่ได้  จาก รพ. ตรัง - พัทลุง - สตูล - 3 จังหวัด - สงขลา  ซึ่ง รพ. เรา ไม่มีนโยบายปิดบัตร หรือเลือกรักษา   เทียบกับ รพ.มอ. ซึ่ง หมอเรียนจบจากที่นั่น  ที่มี นโยบาย ปิดบัตรตรวจ โดยให้แพทย์ตรวจ ประมาณ 30-40 คน ต่อ วัน  เทียบกับ รพ.หาดใหญ่ ล่าสุด อาทิตย์ที่แล้ว หมตรวจ 120 คน ตรวจเกือบตาย แทบจะคลานออกจากห้องตรวจ เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาเฉลี่ยต่อ ผู้ป่วย 1 ท่าน ต้องน้อยกว่า รพ มอ. และ เทียบไม่ได้เลยกับ รพ. เอกชน  บางคำถามก็ตอบไม่ทัน  นอกจากนี้ จำนวน หมอ ใน รพ. หญ่  น้อยกว่า รพ.มอ มาก   อีกทั้ง
จำนวน แพทย์ใช้ทุน  -  แพทย์ที่เรียนสาขาต่อยอด fellowship - จนท  ก็น้อยกว่ามาก  ทำให้ สัดส่วนการรับผิดชอบหมอ 1 คน ต่อ จำนวนผู้ป่วย  คนละ volume ครับ
       รพ.มอ . ไม่มีนโยบายเสริมเตียง  เต็ม ตึกผู้ป่วย น่าจะประมาณ 30-40 เตียง/ ward
ก็จะส่งมา รพ หญ ทันที  ใครเคยไป รพ.หมอ จะเห็น ครับ โดยเฉพาะ แผนก อายุรกรรม เตียงล้นมาทางเดิน แทบจะไม่มีที่เดิน
     เมื่อตรวจ มักจะ delay เวลาตรวจไปเรื่อยๆ เนื่องจาก เคสยาก มีปัญหาทางการแพทย์ หลายด้าน ต้องปรึกษาหลายแผนก บางเคสก็ต้องรอคุยกับญาติ เพื่อวางแผนการรักษา ที่จอดรถก็ไม่มี คนไข้เยอะ ญาติคนไข้อีก ทำให้ภาพ รพ. เหมือน ตลาดสด แออัด เมื่อคนเยอะ การใช้งานสถานที่ก็มาก ห้องน้ำสกปรก เก้าอี้ไม่มีให้นั่ง  เมื่อรอนานไปเรื่อยๆ ผู้ที่รอก็ ยัวะ อารมณ์ บ่ จอย หมอก็เครียด พยาบาล จนท ที่ให้บริการก็เครียด ทำให้มักเกิดการกระทบกระทั่ง กะ ทีมงานของ รพ.     จนท. - หมอ - พยาบาล บางคน ก็เครียด มีอารมณ์เป็นเหมือนกัน ไม่ได้เป็นพ่อพระ แม่พระ  ทำให้อาจเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจด้วยครับ
     เวลาอยู่เวร คนไข้มหาศาลมาก รับหมด  รพ.มอ เขาไม่รับนะครับ  30 บาท หญ.  - ปกส. ร้อยทั้งร้อย ส่งคนไข้มาทันที โดยอ้างสิทธิ์  ทั้งๆที่เคสฉุกเฉิน ที่ไหนๆ ก็ต้องเอาคนไข้เป็นศูนย์กลางก่อน   เคสเบิกได้ ก็ส่งยังส่งมาเลย   หมอ ก็ไม่เข้าใจ เค้าอ้างว่าเป็น นโยบาย ของ รพ ครับ
    แล้วหมอมาอยู่ที่นี่ทำไม    รพ.หาดใหญ่ มีดีอะไร??? 
หากคิดว่าเงินเดือนดี เก็บไปเลยครับ  เพื่อนหมอที่ ซี เท่ากัน แต่อยู่ รพ รัฐบาล อื่น เงินเดือนเกือบ แสนครับ  แต่หมอ ที่นี่ ประมาณ 50000 บ    เหมือนจะเยอะใช่ไหมครับ ไม่เยอะ เลยครับ เพราะต้องเอา เวลาอยู่เวรมารวม มาคิดด้วย
หากอยู่ เอกชน หมอเฉพาะแบบหมอ start 200000 ครับ แต่หมอก็ยัง happy กะตรงนี้ครับ
มีดีที่ให้หมอ พยาบาล จนท ที่เค้าเสียสละตัวเอง มาเหนื่อย ตรงจุดนี้ไงครับ  คนรวยๆ มีเยอะใน หญ.  แต่คนจน คนชั้นกลาง หาเช้ากินค่ำ มันมากกว่ามาก   หมอเหนื่อยจริง แต่รู้ว่าคนไข้เป็นทุกข์ ใครอยากจะมาเสียเวลาที่ รพ. หาก ไม่เจ็บป่วย เรามีหน้าที่นี้ก็ทำไป ได้บุญ  โดนด่าบ้าง อะไรบ้าง ก็ตามนั้น ทำได้อย่างเดียว  คือ ทำใจครับ 

สุดท้ายครับ  อยากให้ทุกคน ใจเย็นๆ เวลามา รพ. ครับ

เกิดมาเป็นหมอ  ก็ต้องเหนื่อยเหมือนกันครับ

Ning Zaa


เห็นแล้วเพลีย

อ้างจาก: Ning Zaa เมื่อ 14:30 น.  28 ม.ค 57
ทำใจค่ะงานบริการ

คิดผิดแล้วคุณ งานบริการก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมาคอยรองมือรองเท้าผู้มารับบริการซะทุกอย่าง

คุยกันให้ดีและก็ให้เห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่ายก็จบ

แต่ถ้าคนป่วยคุยไม่รู้เรื่องแล้วยังคิดว่าหมอต้องทำงานบริการอย่างเดียว คนไข้ต้องเป็นใหญ่ เข้าเอกชนไปสิครับ

Ning Zaa


อืม...นะ

ก็น่าแปลก เพราะเคสส่งต่อไป มอ. เค้าให้ส่งไปรพ. หาดใหญ่ กันหมด เริ่มเมื่อต้นปีนี้เอง
จากที่เคยขอใบส่งต่อ ไป มอ. โดนยกเลิกหมด ต้องไป รพ.หาดใหญ่ที่เดียว ส.โขกกำแพง




มาแชร์

ผมเคยไปหาหมอ คลินิกแถวบ้านหเมือนกัน เขาเป็นหมอใหญ่ที่ รร หาดใหญ่ ผมเจ็บหูไปหา พอหมอรักษาเสร็จมาสั่งยา แค่ขี้หูเต็ม ให้ยาเต็ม ครั้งนี้ก็ไม่สงสัยมาก พอป่วยครั้งที่สอง เป็นไข้ ให้ยา พาราและอื่นอีกมากมาย บ้างครั้ง ป่วยเล็กน้อย ก็ให้ยามาเต็ม (ขายแต่ยาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครั้งละ300+) หมอบ้างคนก็เอาแต่เงินเกิน ส.บ่น