ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฉายานักการเมือง กับ นักข่าว

เริ่มโดย อำมาตย์, 11:35 น. 27 ธ.ค 55

อำมาตย์

เห็นนักข่าวเขาตั้งฉายา "นักแสดง-นักการเมือง" ประจำปี ผมก็พลอยคิกคัก-สนุกสนานตามไปด้วย จะว่าไปแล้ว นักข่าวเขาเก่งนะ ที่เห็นตั้งคนนั้นว่างั้น คนนี้ว่างี้ ถูกใจ-ไม่ถูกใจใครเป็นอีกเรื่อง แต่กว่าจะคลอดออกมาได้แต่ละฉายา เขาต้องประชุมทั้งกลั่น-ทั้งกรองภายใต้ความกดดันและการล็อบบี้น่าดูเชียว นักข่าวบางคนเขาก็มีพรรคมีพวกที่ต้องคอยดูแล ดังนั้น คลอดฉายากันออกมาได้ โดย "วงไม่แตก" เหมือนสภาอุตสาหกรรม หัวใจช้ำๆ ชาวบ้านก็โมทนาแล้ว...พ่อคุณ!
วงอื่นๆ ในบ้าน-ในเมืองแตกกันเกือบหมด เหลือวงนักข่าวไว้ซักวง จะได้ไม่เสียศักดิ์ที่ว่าสูงนัก-สูงหนา แล้วก็ช่วยกันทำหน้าที่เป็นชันยาสมานรอยแยก-รอยแตกสังคมให้มันพออยู่กันได้ อย่าให้ที่แตกถึงขั้นต้อง "แยกเป็น ๒ ซีก" เลย
บางคนอาจถาม แล้วจะให้ทำยังไง เพราะเป็นแค่นักข่าวตัวกระจ้อยร่อย ต้องคอยทำตาม สุดแต่ "ข้างใน" เขาจะแอสไซน์ให้ถาม-ให้ทำข่าวไปทิศทางไหน ขืนทำตาม ที่รู้-ที่เห็น-ที่เป็น ก็มีหวังได้เป็น "นักข่าวหัวกระเด็น"
คือ "กระเด็น" จริงๆ!
ก็ไม่ต้องทำยังไงหรอกครับ ในข้อจำกัดด้วยคอก-ด้วยค่าย ทำหน้าที่ส่งข่าว "ขายข่าว-ขายหนังสือ" ให้เจ้าสังกัดก็พอ ตัวเองอย่าต้องไปไกลถึงขั้น "ขายตัว" ตามไปด้วยเลย
ระดับนักข่าวอาชีพ ด้วยสายเลือดอิสรชนคนสื่อ ย่อมเข้าใจว่า การแก้ปัญหาที่ต้องทำข่าวสนองนโยบายเจ้าของด้วยการลาออก นั่นมันไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่มันเป็นการ "ไม่สู้สังคม"
และการไม่สู้เพื่อสังคมด้วยวิชาชีพที่ตัวเองรักนั้น มันก็คือการทรยศทั้งกับตัวเองและทั้งกับวิชาชีพ คนแบบนี้ "ทั้งชาติ" ก็จะมีชีวิตอยู่เพื่อเอา โดยไม่เห็นคุณค่าว่า การมีชีวิตอยู่ "เพื่อให้" นั้น
นั่นคือหัวใจ "อิสรชนแห่งคนสื่อ" แท้จริง!
เพราะการ "ให้" ของอิสรชนคนสื่อ ไม่ได้หมายถึงต้องเอาเงินทองของข้าวไปให้ใคร แค่ "ให้ความจริง" จากงานที่ทำ แค่นั้น...ถ้ายังให้ไม่ได้ แล้วทั้งชีวิต มันมีค่าอะไรตรงไหนเหลือที่จะคิดว่า
ตัวเองยังมีค่าเพื่อสังคม!?
ผมไม่เคยเป็นเจ้าของ หรือนายทุนสื่อตามนิยาม "ระบบทุน" ที่คำตอบของความสำเร็จวัดตรงผลกำไรเป็นตัวเงิน แต่ผมโชคดีที่ชีวิตงานเคยได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของสื่อระดับใหญ่อย่างน้อยก็ ๒ ค่าย ๒ ท่าน
จริงอยู่ เจ้าของสื่อจะไม่ปล่อยให้นักข่าวเขียนอะไรก็ได้ตามใจชอบ ต้องมีกรอบ-มีนโยบายเป็นทิศทางบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด และไม่จริงเลยที่เจ้าของสื่อจะเห็นนักข่าวที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพเป็นศัตรู เป็นอุปสรรค เป็นตัวทำลายธุรกิจสื่อ
และจริง ๑๐๐% ด้วยความจริงนั้น ทุกสำนักพิมพ์ ทุกสื่อ จะมีนักข่าวส่วนหนึ่ง "แข็งข้อ" กับนโยบายเจ้าของที่สวนทางกับข้อเท็จจริง เพื่อไปสนองกลุ่มอำนาจ-กลุ่มผลประโยชน์
ถามว่า...แล้วเจ้าของทำยังไง?
คำตอบที่ผมพบจริงๆ ก็คือ ถ้านักข่าวแข็งข้อ ด้วยนักข่าวนั้นยึดมั่น "ข่าวเป็นข่าว" ไม่ใช่ไปรับจ้างจากคนภายนอกมาปั้นข่าวขายอีกที เจ้าของ...เฉยๆ ครับ
ถ้าผู้มีอำนาจโกรธ โทร.มาต่อว่า...ไหนว่าพวกกัน แล้วทำไมพาดหัว-พาดหางทลายห้างกันอย่างนี้ เจ้าของท่านจะเล่นยี่เก เล่นละคร ทำเป็นโกรธแค้นนักข่าว ด้วยลีลาแห่งไหวพริบปฏิภาณ ถึงขั้นบอกสั่งไล่ออก ยึดเมีย จนผู้ยิ่งใหญ่คลายคลั่งใจไปเอง
แล้วเจ้าของสื่อท่านก็...หัวเราะชอบใจ บอกว่า...ข่าวเป็นข่าวโว้ย!
ก็ไม่เห็นท่านไปต่อ-ไปว่า ไปด่านักข่าวที่ทำลายสัมพันธภาพระหว่างผู้ใหญ่ต่อผู้ใหญ่ซักที อย่างเก่ง เดินปะหน้านักข่าวคนนั้น ท่านจะยิ้มๆ แล้วตบไหล่สัพยอก...
เบาๆ หน่อยก็ดีโว้ย!
ก็เท่านั้น ส่วนนักข่าวคนนั้นจะเบาหรือจะหนัก ก็ไม่เห็นท่านสน ท่านเคยบอกผมด้วยซ้ำว่า...ไม่ต้องไปกลัวมัน เรายืนให้ตรงไว้ พวกอำนาจมันก็จะเป็นไม้เลื้อยมาเอง เราไม่ต้องเลื้อยไปหามัน!
"ผอ.กำพล วัชรพล" เจ้าของไทยรัฐ ที่ครบรอบวันเกิดท่านอีกครั้งในวันที่ ๒๗ ธันวา คือวันนี้แหละ ท่านเคยบอกผมอย่างนั้น ผมไม่จำวันที่ท่านเสียชีวิต รักที่จะจำวันที่ท่านเกิด เพราะนึกถึงการเกิดแล้วทำให้ "ใจอบอุ่น" ตลอดกาล
ไหนๆ ก็คุยเรื่องนักข่าว ที่ผมใช้คำว่า "แอสไซน์" ข้างบนนั่น อย่านึกว่าผมอวดฝรั่ง มันเป็นภาษา "สั่งข่าว" ของหัวหน้าข่าวที่มีต่อนักข่าวน่ะ ก็มาจาก Assignment ข่าวประจำวันทั่วๆไป นักข่าวก็ทำไป มีอะไรก็ว่ากันไปตามที่เป็น
เฉพาะข่าวนโยบายเฉพาะกิจ-เฉพาะกาลเท่านั้นที่ "ข้างใน" เขาจะมีเป็นนโยบายให้ทำ ไม่ให้ทำเป็นอย่างนั้น-อย่างนี้
"ข้างใน" คือใคร?
ก็ "คนจ่ายเงินเดือน" ให้นักข่าวไงล่ะ..วุ้ย!
เนี่ย...ด้วยการทำหน้าที่ จะว่าอิสระก็อิสระ จะว่าถูกแทรกแซงก็แทรกแซง นักข่าวระดับขนอุย ที่คิดว่าท้องฟ้าจะต้องสีครามสดใสเสมอ จะขมขื่นหน่อย เพราะยังพลิกแพลงในการบริหารคำสั่งเจ้าของกับการทำหน้าที่สื่อด้วยซื่อสัตย์ต่อสังคมให้ลงตัวยังไม่เป็น
แต่พวกนักข่าวประเภท "ปีกกล้า-ขาแข็ง" เดือยก็แข็ง ขึ้นสู่สภาพอินทรีบ้าง อีแร้งบ้าง บินสูง มองไกล โฉบแม่น พวกนี้จะขึ้นเกล็ดเป็นพังพอน พร้อมฟัดกับงูเห่าเจ้าสำนัก คือกัดกันทั้งชาติ แต่ไม่มีใครแพ้-ชนะ และไม่มีใครล้มหายตายจาก
ถ้าเหลือแต่งูเห่า ไม่มีพังพอน งูเห่าก็เฉา
ถ้าเหลือแต่พังพอน ไม่มีงูเห่า พังพอนก็เฉา!
ดังนั้น เจ้าของสื่อแท้จริงกับอิสรชนคนสื่อแท้จริง ต้องมีอยู่ด้วยกัน ถึงกัดกัน แต่จะไม่(ยอม) แยกจากกัน หนังสือพิมพ์หลักๆ เขาจะมีนักข่าวประเภทหัวแข็งติดเป็น "ยาสามัญประจำโรงพิมพ์" ไว้ทุกแห่งเสมอ
เพราะมันเป็นยี่ห้อ หรือเป็น "ครีมแต่งหน้า" ทำให้เค้กค้างคืนดูสวยงามได้อยู่!
แล้วนักข่าวที่ถึงระดับ "ตัวพ่อ-ตัวแม่" ที่เรียกว่านักข่าวทำเนียบฯ นั่นแหละ ถึงปลายปีที เขาก็จะประชุมตั้งฉายารัฐบาล นายกฯ และรัฐมนตรีกัน ผมไม่เคยเป็นนักข่าวการเมือง ทำเนียบฯ ก็ไปไม่ถูก ไม่รู้เขาตั้งกันแบบไหน เคยแต่ถามพวกอินทรี-อีแร้งเขา เขาก็เล่าให้ฟัง
เอาว่า...กว่าจะได้มา เบื้องหน้าของแต่ละฉายา เบื้องหลังแทบ "หลั่งเลือด" ปานนั้นเชียว!
ฉายาที่นักข่าวทำเนียบฯ ตั้งแต่ละปี ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์รัฐบาลและ ครม. ความจริงแล้ว มันสะท้อนภาพลักษณ์ด้าน "อิสรชนแห่งคนสื่อ" ด้วยว่า ฉายาที่ออกมานั้น ออกมาแบบ "อิสรชนพินอบ" หรือ "อหังการอิสรชน"?
เอ้า...ดูนักข่าวทำเนียบฯ ปีนี้เขาให้ฉายาแต่ละคนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์กันบ้างว่า ถึงแก่น-ถึงกึ๋น หรือบ้องแบ๊ว-แต๋วแตก ขนาดไหน อย่างไร
-ฉายารัฐบาลประจำปี ๒๕๕๕ "พี่คนแรก"
-วาทะแห่งปี "คำว่าลอยตัวนั้นต่างกับคำว่าไม่รับผิดชอบ"
-ฉายานางสาวยิ่งลักษณ์ "ปูกรรเชียง"
-ฉายารองนายกฯ เฉลิม "กันชนตระกูลชิน"
-ฉายารองนายกฯ กิตติรัตน์ "ลูกไก่ไวท์ไล"
-ฉายา พล.อ.อ.สุกำพล "ตามล่าหน้าหล่อ"
-ฉายานายณัฐวุฒิ "ไพร่เทียม" (ตกคำว่า "แอก" ไปหรือเปล่าไม่ทราบ)
-ฉายานายบุญทรง "บุญทรุด"
-ฉายานายวรวัจน์ "ด.ดันดี"
-ฉายานายชัชชาติ "โฟร์แมนสแตนด์บาย"
-ฉายานายปลอดประสพ "ปั้นน้ำเป็นทุน"
-ฉายานายจารุพงศ์ "สิงห์สำรอง"
ท่านมีความคิดเห็นต่อฉายาที่นักข่าวทำเนียบฯ ปีนี้เขาตั้งอย่างไรบ้างครับ ใช่-ไม่ใช่,เหมาะสมมั้ย, เบาไปมั้ย, หนักไปมั้ย, ตรงพฤติกรรมจริงมั้ย, ประคบประหงม-เอาใจ หรือตั้งกันแบบ "แบใจ-ผ่ากระบาล"?
"นายทุนสื่อ" ครอบงำนักข่าว ผมว่าไม่น่ากลัว
"กระโปรงครอบหัวนักข่าว" นี่ซี...น่ากลัวกว่าเยอะ!

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

โกงกิน หลอกใช้
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป