ฉก.สงขลา ส่งมอบคืนพื้นที่ อ.จะนะ และ นาทวี ให้ กอ.รมน. จ.สงขลา ดูแล

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ส่งมอบพื้นที่ อ.จะนะ และ นาทวี  ให้ กอ.รมน. จ.สงขลา ดูแล หลังในรอบ 2 ปีเหตุการณ์สงบ หวังเป็นพื้นที่นำร่องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

            วันนี้  (8 ม.ค.55) ที่วิทยาลัยการอาชีพนาทวี พลตรีนพวงศ์ สุรวิชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ส่งมอบพื้นที่ อ.จะนะ และ อ.นาทวี ให้แก่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.สงขลา โดยมี นายกฤษฎา บุญราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นผู้รับมอบ ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสงขลา เนื่องจากพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเหตุการณ์สงบ และไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น

[attach=7]

            นายกฤษฎา  บุญราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.จะนะ และนาทวี ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน มีเหตุรุนแรงลดลงตามลำดับ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเหตุการณ์สงบ และไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน ป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ชุมชน และที่สำคัญ คือ พี่น้องประชาชนได้แสดงออกถึงการปฏิเสธความรุนแรงกับเหตุการณ์ดังกล่าว  วันนี้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหน่วยกำลังทหาร ได้มอบหมายภารกิจให้รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้อง อ.จะนะ และนาทวี  ซึ่งหลังรับมอบพื้นที่แล้ว ทาง กอ.รมน.จ.สงขลา จะมอบหมายให้กองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในการรับผิดชอบดูแลพื้นที่  และมีความมั่นใจว่าจะดูแลพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอ ให้ดีที่สุด และจะยับยั้งป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายในพื้นที่ที่รับผิดชอบ รวมทั้งจะพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความมั่นคง และเป็นที่อำเภอที่น่าอยู่ สามารถนำร่องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และพี่น้องประชาชน ที่จะร่วมกันสมัครสมานสามัคคี ดูแล ปกป้องพื้นที่ให้เกิดวามสงบสุขอย่างยั่งยืน

ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ระบุ หลังจากนี้ทางจังหวัดจะเร่งประสานให้ผู้ที่ถูกออกหมายจับคดีความมั่นคงใน พื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา ที่เหลืออีก 17 ราย มารายงานตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการกฎหมายมาตรา 21 ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษในคดีความมั่นคงและอาญา ไม่ต้องมีการประกันตัว ไม่ตกเป็นผู้ต้องหา หรือเป็นนักโทษ ไม่สวมชุดนักโทษ และเครื่องพันธนาการ เพียงแต่เข้าฝึกอบรมอาชีพ 6 เดือนในสถานที่ที่ศาลสั่งแต่ไม่ใช่ในเรือนจำ ญาติพี่น้องลูกและภรรยาเยี่ยมได้ตลอดเวลา ซึ่งต่างกับผู้ต้องหาคดีอาญาอื่นๆ ที่ต้องรับประกันตัว ต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งใช้เวลาหลายปีกว่าคดีสิ้นสุด โดยที่ผ่านมา มีผู้ที่ถูกออกหมายจับคดีความมั่นคงเข้ารายงานตัวแล้ว 4 คน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการฝึกอาชีพ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งจะต้องดำเนินการต่อไป โดยให้ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำศาสนาชี้แจงในรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรา 21

ข้อมูลและที่มา http://www.prsongkhla.com/prsongkhla/index.php/en