จังหวะต้องปรับครม.

[itplaza]

ยกแรกก็ขี่ดวงข่มกันไปก่อนเลย

"คุณชายหมู" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากค่ายประชาธิปัตย์ จับสลากคนที่ 4 ได้เบอร์ 16 ชนิดที่เจ้าตัวอุทานโอ้โห กองหนุนเฮเบาๆ ขณะที่ "บิ๊กจูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มวยจากค่ายเพื่อไทย นั่งรอคิวลุกมาจับปิงปองลูกสุดท้าย ได้หมายเลข 9 ไปครอง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของกองเชียร์

ตัวเลขนั้นสำคัญไฉน ในอารมณ์ของนักเลือกตั้งอาชีพย่อมรู้กันดี

เพราะ ไม่อย่างนั้นบรรดาคู่ชิงชัยคงไม่แหกขี้ตาตื่นมาแย่งจองคิวกันตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ถือฤกษ์พานาทีกันแบบเป๊ะๆ ชนิดที่ พล.ต.อ.พงศพัศต้องทำตามคำแนะนำของโหรประจำ

พรรค บอกให้ไปเหยียบพื้นศาลาว่าการ กทม.ตั้งแต่ตี 5 กับอีก 19 นาที ส่วน "คุณชายหมู" ก็ไปจอดรถอยู่ข้างศาลาว่าการ กทม.รอให้ถึงฤกษ์ที่ล็อกไว้เวลา 7 โมงกับ 19 นาที

เอาเป็นว่า พล.ต.อ.พงศพัศได้เลขสวย จำง่าย แต่ที่ต้องรีบกลบกระแสให้ลืมๆกันไป ตามฉากที่ "บิ๊กจูดี้" ต้องเดินสายมุด "ถ้ำนางสิงห์" ไปพินอบพิเทา "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถึงบ้านที่ย่านลาดปลาเค้า เคลียร์อาการ "งอน" ของเจ้าแม่ กทม. ก่อนจะเดินสายไปให้ "สารวัตรเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯในฐานะ "ขุนศึกฝั่งธน" เป่ากระหม่อมที่อาณาจักรย่านบางบอนกระตุกภาพทีมงานพรรคเพื่อไทย "จูนเครื่อง" กันติดในนาทีสุดท้าย

ตามภาพข่าวที่ทั้ง "สารวัตรเหลิม" และ "เจ๊หน่อย" โผล่มาเป็นกำลังใจให้ พล.ต.อ.พงศพัศ ในคิวจับสลากชิงเบอร์ ประกาศช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยแบบไม่ออมมือ

นับเป็นงานที่หนักขึ้นของแชมป์เก่าประชาธิปัตย์ที่ถือ "แต้มต่อ" อยู่ไม่ขาด

จาก บรรยากาศคึกคักที่ศาลาว่าการ กทม. ตัดฉากหักอารมณ์ไปที่บรรยากาศเศร้าๆที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กับการถึงแก่อสัญกรรมของนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ และรมว.การท่องเที่ยวฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในช่วงสายของวันที่ 21 มกราคม ด้วยภาวะไตวาย

ภาย หลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากเกิดอาการแน่นหน้าอก และหายใจไม่ออก ขณะปฏิบัติภารกิจที่ห้องทำงาน ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ด้วยภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ 2 เส้น จึงทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและหัวใจไม่ทัน

ถือเป็นการสูญเสียบุคลากรคนสำคัญทางการเมืองไปอีกคน

แต่ นั่นไม่เท่ากับการสูญเสียของ "บิ๊กเติ้ง" นายบรรหาร ศิลปอาชา "หลงจู๊ใหญ่" พรรคชาติไทยพัฒนา ที่เหมือนเสียแขนเสียขากับการจากไปของน้องชายที่ต้องมาทำงานการเมืองแทนให้ ในสถานการณ์ที่ตัวเอง ลูกสาว ลูกชาย ติดล็อกโทษแบนการเมือง 5 ปี

"บรรหาร" แทบไม่เหลือ "มือ" ที่ไว้ใจได้มาคุมสมบัติทางการเมือง

ที่ แน่ๆการถึงแก่อสัญกรรมของนายชุมพลจะทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง เข้าจังหวะพอดี ล้อกระแสที่มีคนพยายามโหมควันการปรับ ครม.ออกมาจากพรรคเพื่อไทย โดยทีแรกพยายามจะโยงเงื่อนไขที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัติ ความเป็นรัฐมนตรีของนายวราเทพ  รัตนากร  รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีของนายวราเทพก็ยังก้ำกึ่ง เพราะเซียนกฎหมายฟันธงไม่น่ามีปัญหา

แล้ว ก็เป็นกรณีของนายชุมพลที่เข้าเงื่อนไขไฟต์บังคับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเป็นต้องปรับ ครม.เพื่อประสิทธิภาพในเชิงบริหารราชการแผ่นดิน

ล่า สุด นายกฯยิ่งลักษณ์ยืนยันว่า จะยังไม่มีการปรับ ครม.จนกว่างานศพจะเสร็จสิ้น  ตามแนวโน้ม  กางปฏิทินแล้วก็น่าจะต้องไปว่ากันหลังเสร็จศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงต้นเดือนมีนาคม เข้าเหลี่ยมประเมินผลงานคนที่ลงแรงช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ

โดยเฉพาะคิวของ "เจ๊หน่อย" ที่หันกลับมาช่วยแบบเต็มตัว แถมยังมีฉากต่อเนื่องที่เจ้าแม่เมืองหลวงเข้าไปนั่งร่วมประชุมกับนายกฯยิ่ง ลักษณ์ ในเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ (คกส.)ล้อกับช็อตเบื้องหลังที่ "นายใหญ่" อย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร วีดิโอลิงค์มากล่อมกลางวงแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้ "เจ๊หน่อย" หลีกทางสนามเล็ก ประคองตัวไว้ใช้งานในเวทีใหญ่

ตามออปชั่น ยังไง "เจ๊หน่อย" ก็ต้องมีเก้าอี้ใน ครม.เป็นรางวัลซื้อใจ

ตรง กันข้าม มันก็เป็นสัญญาณไปถึงพวกที่กำลังหมดโปรโมชั่น โดยเฉพาะพวกที่มีข่าวหลุดไปถึงหู "นายใหญ่" ประเภทที่ลักลอบ "ทำมาหากิน" โดยไม่ส่งกงสี

โดนกาหัว ใส่ชื่อไว้ในบัญชี "โละสต็อก" แล้ว 2-3 ราย

นั่น หมายถึงว่า นาทีทองเหลืออีกไม่นาน ตามท้องเรื่องที่ลือกันวงในพรรคเพื่อไทย รอบที่ผ่านมารัฐมนตรีบางคนถึงกับต้องถอนเงินในบัญชีที่ประกันให้ลูกเรียนต่อ ต่างประเทศ มาต่อโปรโมชั่นเก้าอี้

ถ้าไม่รีบตีทุนคืนตอนนี้ ก็หมดโอกาสแล้ว.


ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=24208&page=1