ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โรงพักฉาว-6พันล้าน

เริ่มโดย สุเทพ สู้ๆ, 22:06 น. 27 ม.ค 56

สุเทพ สู้ๆ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=tWqx199efl8

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=tWqx199efl8

วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8095 ข่าวสดรายวัน

"ดีเอสไอ"ตามจับพิรุธ โรงพักฉาว-6พันล้าน เอกชนรับเงิน-ทิ้งงาน ศึกหนัก"สุเทพ-ปชป."

คอลัมน์ รายงานปทุมวัน



ยิ่งสอบยิ่งลึก ยิ่งขุดยิ่งค้นพบปัญหาที่ฝังซ่อนอยู่มานานนับปี กรณีโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศจำนวน 396 หลัง วงเงิน 6,672,000,000 บาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เป็นหนึ่งในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กู้เงินหลายแสนล้านบาทมาทำโครงการยิบย่อยต่างๆ ช่วงที่เริ่มเข้าบริหารประเทศใหม่ๆ ช่วงปลายปี 2551

หลายโครงการมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นเรื่องอื้อฉาว และมีการสอบสวนกันยกใหญ่

โครงการล่าสุดคือก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศ ซึ่งคดีนี้ส่งถึงมือกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และสืบพบข้อมูลรวมทั้งหลักฐานมากมาย

จุดเริ่ม-"ชูวิทย์"แฉกลางสภา

ปัญหาโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยตรวจสอบเรื่องนี้ โดยตอนแรกทำกันแบบเงียบๆ

แต่เรื่องมาฉาวโฉ่เมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.พรรครักประเทศไทย เปิดอภิปรายไม่ไว้วาง ใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายชูวิทย์กล่าวหาร.ต.อ.เฉลิม บกพร่องในการดูแลกำลังพล เพราะตำรวจนับหมื่นนายทั่วประเทศไม่มีโรงพักเพื่อใช้ทำงาน เนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ไม่แล้วเสร็จตามกำหนด

พร้อมกันนี้ยังนำคลิปและภาพถ่ายมาแฉว่า โรงพักเกือบทั้งหมดส่วนใหญ่มีแต่เสา สนิมเขรอะ ปล่อยให้รกร้าง บางโรงพักที่มีที่ดินน้อยต้องทุบโรงพักเก่าเพื่อนำพื้นที่มาก่อสร้าง แต่ก็ทำไม่เสร็จ ผู้รับเหมาทิ้งงานไปดื้อๆ

ทว่าไปๆ มาๆ คนที่เดือดร้อนจากการอภิปรายนี้แทนที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลับกลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์แทน เนื่องจากโครงการดังกล่าวริเริ่มและทำสัญญากันสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ระหว่างปี 2552-2554

กระทั่งมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าโครงการนี้มีผู้รับเหมาที่ได้สัญญาไปเพียงรายเดียว คือบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด มีที่ตั้งอยู่ อ.เมืองเชียงใหม่!??

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอแยกประมูลเป็นรายภาค เพื่อความรวดเร็วและเป็นการกระจายรายได้ให้ผู้รับเหมาท้องถิ่นด้วย แต่มีการเปลี่ยนภายหลังให้รวมทุกโครงการเป็นสัญญาเดียว และมีผู้รับเหมารายเดียวประมูลได้ไป

หลังจากจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประเด็นนี้ถูกขยายผลเมื่อพรรคเพื่อไทยลงสำรวจข้อมูล พบว่าโรงพักทุกแห่งทำไม่แล้วเสร็จตามสัญญา และส่วนใหญ่ผู้รับเหมา ซึ่งรับช่วงต่อมาจากผู้ทำสัญญากับรัฐบาลทิ้งงานไป

เงินโครงการไทยเข้มแข็ง

กระทั่งวันที่ 24 ธันวาคม 2555 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นำเอกสารและหลักฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) ทั่วประเทศ จำนวน 396 หลังนี้เข้าร้องเรียนต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะน่าจะเข้าข่ายมีการทุจริต และการฮั้วประมูล

นายธาริตตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว โดยพบว่าจุดเริ่มมาจากเงินโครงการไทยเข้มแข็งที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กู้เงินจำนวน 4 แสนล้านบาทมาใช้จ่าย และให้หน่วยงานต่างๆ เสนอโครงการขึ้นมาเบิกเงิน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เสนอโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง วงเงิน 6,672,000,000 บาท

แยกเป็นอาคารที่ทำการสถานีตำรวจขนาดใหญ่ จำนวน 88 หลัง อาคารที่ทำการสถานีตำรวจขนาดกลาง จำนวน 136 หลัง และอาคารที่ทำการสถานีตำรวจขนาดเล็ก จำนวน 172 หลัง

ช่วงแรกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอแยกประมูลเป็นรายภาค(ตำรวจภาค1-9) รวม 12 สัญญา เพราะโรงพักทั้ง 396 หลัง กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งนายสุเทพปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552

ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2552 พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกย้ายมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ จนเกษียณอายุเมื่อเดือนกันยายน ปีเดียวกัน

นายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อพล.ต.อ.ปทีป เป็นผบ.ตร.คนใหม่ แต่ทำไม่สำเร็จเพราะคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เห็นว่าพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.เหมาะสมกว่า

นายอภิสิทธิ์ เรียกประชุมก.ต.ช.และเสนอชื่อพล.ต.อ.ปทีป ถึง 2 รอบแต่ไม่สำเร็จ เพราะก.ต.ช.เสียงส่วนใหญ่รู้ถึง"ข้อมูลสำคัญ" จึงยืนยันให้พล.ต.อ.จุมพล เป็นผบ.ตร.คนใหม่

นายอภิสิทธิ์จึงใช้วิธีที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์วงการตำรวจ ด้วยการตั้งพล.ต.อ.ปทีป รักษาราชการแทนผบ.ตร. จนเกษียณอายุราชการในปี 2553

แก้ประมูลเป็นสัญญาเดียว

ช่วงเกิดศึกตั้งผบ.ตร. มีคำถามที่น่าสนใจว่าเหตุใดนายอภิสิทธิ์ ถึงดึงดันเสนอชื่อพล.ต.อ.ปทีป ถึงขนาดกล้าไม่สนใจ"ข้อมูลสำคัญ" ทั้งๆที่โดยประวัติของนายอภิสิทธิ์ และพล.ต.อ.ปทีป แทบไม่เคยมีความสัมพันธ์ต่อกันเลย!??

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดพล.ต.อ.ปทีป ได้นั่งรักษาราชการแทนผบ.ตร.มานานเกือบ 1 ปีจนเกษียณอายุราชการ เมื่อเดือนกันยายน 2553

จากการตรวจสอบของดีเอสไอพบหลักฐานว่า หลังจากพล.ต.อ. พัชรวาท เสนอโครงการสร้างโรงพักโดยให้แยกเป็น 12 สัญญา ซึ่งนาย สุเทพ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552

แต่มาในวันที่ 8 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน นายสุเทพ มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเดิมเปลี่ยนให้เป็นการรวบประมูลสัญญาเดียวในส่วนกลาง ซึ่งขณะนั้นพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร.

เวลานั้นพรรคเพื่อไทย ที่เป็นฝ่ายค้านออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และเรียกร้องให้นายอภสิทธิ์ ตรวจสอบเรื่องนี้

กระทั่งวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 พล.ต.อ.ปทีป เข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี54 เกี่ยวกับการรวมสัญญาประมูลโครงการสร้างโรงพักเหลือสัญญาเดียว โดยอ้างว่าช่วยให้ประหยัดงบประมาณ

คณะกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตว่าการรวมสัญญาจะสามารถก่อสร้างโรงพักถึง 396 หลัง ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจะได้ได้ทันเวลาหรือไม่!??

ท้ายที่สุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็สรุปว่าให้รวมสัญญาประมูลโครงการสร้างโรงพักจาก 12 สัญญา เหลือสัญญาเดียว และขออนุมัติจ้างก่อสร้างต่อนายสุเทพ ในฐานะรักษาการนายกฯ

นายสุเทพให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้จัดจ้าง บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ก่อสร้างวงเงิน 5,848 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553

จากหลักฐานพบว่าสัญญาดังกล่าวเริ่มต้นวันที่ 26 มีนาคม 2554 สิ้นสุดวันที่ 17 มิถุนายน 2555 เวลาการก่อสร้างรวม 450 วัน แต่บริษัทขอขยายสัญญา 3 ครั้ง ครั้งแรก ขยาย 30 วัน ครั้งที่ 2 ขยาย 180 วัน และครั้งที่ 3 ขยาย 60 วัน ครบกำหนดเวลาก่อสร้าง 14 มีนาคม 2556 โดยสัญญากำหนดให้จ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้รับจ้างร้อยละ 15 ของราคาค่าจ้าง

ดีเอสไอลงพื้นที่ก่อสร้างโรงพักต่างๆ ช่วงปลายเดือนมกราคม พบว่าไม่มีความคืบหน้า ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงเสา หรือที่หนักกว่านั้นเป็นเพียงที่โล่งๆ ก็มี เป็นที่คาดได้ว่าบริษัทคู่สัญญาไม่มีทางทำเสร็จได้ทันก่อนครบกำหนดวันที่ 14 มีนาคม นี้ แน่นอน

ดีเอสไอสอบพบพิรุธอื้อ

นายธาริต กล่าวว่า นายสุเทพ อนุมัติให้ยกเลิกแนวทางจัดจ้างเป็นรายภาค และอนุมัติใหม่ให้มีการจัดจ้างรวมกัน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 ทำให้มีเพียงบริษัทเดียวที่ชนะการประมูลคือบริษัท พีซีซี ดิเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้การสร้างไม่เสร็จเพราะทำเพียงบริษัทเดียว

"การเสนอโครงการก่อสร้างโรงพัก ตอนแรกกระจายอำนาจให้กองบัญชาการตำรวจภูธรแต่ละภาค แยกกันไปประมูล แต่รัฐบาลในขณะนั้นคือรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสุเทพ ไม่ดำเนินการตามการเสนอ แต่กลับเปลี่ยนให้ประมูลจากส่วนกลาง เพื่อจ้างเหมาเอกชนเพียงรายเดียวเข้าทำสัญญาก่อสร้างโรงพักทั้ง 396 แห่ง ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ เพราะสัญญาระบุชัดเจนว่าห้ามไม่ให้จ้างช่วงต่อ ทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ เอกชนทิ้งงาน ทั้งที่บริษัทคู่สัญญาได้เบิกเงินไปแล้ว 2 งวดรวมกว่า 1,500 ล้านบาท"

นายธาริต กล่าวอีกว่า ดีเอสไอพบความไม่ปกติของการดำเนินการดังกล่าว เพราะการประมูลรวมกันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะจำนวนการก่อสร้างกระจายทั่วประเทศเมื่อเทียบกับระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญาเพียงปีกว่า คงทำได้ยาก เรื่องดังกล่าวส่อว่าไม่ปกติในการจัดจ้างและเรื่องงบประมาณ

"ลักษณะการกระทำโดยจัดจ้างก่อสร้างอาคารรวมกันในครั้งเดียว อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 13 ประกอบมาตรา 11 ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกระทำความผิดโดยการกำหนดเงื่อนไข มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ซึ่งดีเอสไอจะได้ดำเนินการสืบสวนต่อไป เพราะเป็นเรื่องผิดปกติ"

นายธาริตกล่าวและว่านอกจากจะดำเนินการสอบสวนกรณีนี้แล้ว ยังประสานไปพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เพื่อให้บอกเลิกสัญญากับ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เนื่องจากทำผิดสัญญา ทำงานช้ากว่าที่กำหนด

มาร์คออกตัวไม่เกี่ยวข้อง

พร้อมกันนี้อธิบดีดีเอสไอ สั่งให้ตรวจสอบบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ฯ ว่ามีสายสัมพันธ์ใดกับผู้มีอำนาจในขณะลงนามสัญญาหรือไม่

เบื้องต้นพบว่าบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ฯ ตั้งอยู่เลขที่ 292 /1 ถ.เชียงใหม่ - ลำปาง ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดิมจดทะเบียนในชื่อ กิจการร่วมค้า พีซีซี จำกัด ต่อมาวันที่ 27 ส.ค. 2550 เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พีซีซี ดีเวลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท

หลังจากดีเอสไอออกมาสอบสวนกรณีนี้ โดยนายสุเทพ มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้อนุมัติ ทำให้นายอภิสิทธิ์ ออกมาชี้แจงทันทีว่า ไม่เคยรับทราบการฮั้วประมูลโครงการนี้เลย และยืนยันว่าคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ที่ตนเป็นประธานในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้

"ขอให้ถามรายละเอียดจากนายสุเทพ แต่ผมพยายามสอบถามจากคนที่ทำงานอยู่ และกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ และไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เพราะต้องดูข้อหาก่อน แต่เชื่อว่านายสุเทพพร้อมชี้แจง"

ส่วนนายสุเทพ ยังไม่ออกมาตอบโต้หรือชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับโครงการสร้างโรงพัก ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกรณีที่เกิดขึ้น ต้องมีคนรับผิดชอบเพราะงบประมาณของรัฐเสียหายไปนับพันล้านบาท ยังไม่นับขวัญและกำลังใจของตำรวจที่มีจำนวนมากต้องนั่งทำงานในโรงรถ หรือเต็นท์ชั่วคราว

ทั้งๆ ที่ควรจะมีโรงพักที่มีความสะดวก นั่งทำงานมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว

ส่วนหนึ่งของโรงพักที่สร้างค้างไว้ก่อนผู้รับเหมาทิ้งงาน

......................................................................................

note:
11 ตุลาคม 2553 วันอนุมัติ สัญญา แสดงว่าวันเซ็นต์สัญญาระหว่าง สตช กับผู้รับเหมาต้องเกิดหลังวันที่11 แล้วใครเป็น ผบ ตร ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ไม่ใช่ ปทีป ที่เกษียณ ก่อน 30 กันยา 53ไอ้โม่งคนเซ็นต์สัญญาต้องร่วมรับผิดชอบด้วย

ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ได้มีมติเห็นชอบตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเสนอชื่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ด้วยมติเอกฉันท์ 9:0 หลังจากที่ตำแหน่งนี้ว่างเว้นมายาวนานเกือบหนึ่งปี
จากนั้นในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกัน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นทางการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ปีเดียวกัน[8]

สุเทพ สู้ๆ

บริษัท PCC DEPELOPMENT CONSTRUCTION ที่ว่าอยู่ที่เชียงใหม่นั่น ...

ก็คือบริษัทฯ ของพ่อตาของคุณเนวินครับ!!!"...

ไก่ฟักด้าม

ถามบริษัทรับเหมานั่น ก็น่าจะทราบนะครับว่าใครเอาเปอร์เซ็นไป
ส.อืม ส.อืม ส.อืม