ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

มาดูกับมาดาม : กงเกวียนกำเกวียนของ 'จัน ดารา'

เริ่มโดย itplaza, 10:33 น. 14 ก.พ 56

itplaza



เพราะเบ้าหลอมในอดีตทำให้ชีวิตพลิกผัน ความแค้นที่สั่งสมไว้ไม่ได้รับการระบายหรือปัดเป่า ผลของการปลดปล่อยจะก่อหายนะให้กับจัน ดาราอย่างไรบ้าง...


สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รัก มาดามขอต้อนรับวันแห่งความรักด้วยโศกนาฏกรรมความรักและความแค้นจากภาพยนตร์ ชื่อฉาวแห่งปีอย่าง "จัน ดารา" ภาคปัจฉิมบทหรือบทสรุปเรื่องราวสุดรันทดของจัน ดารา

อย่า เพิ่งเข้าใจผิดว่ามาดามอยากแช่งความรักของใคร แต่ดูแล้วก็อดไม่ได้จะหยิบมาแชร์กับคุณผู้อ่าน เพราะถึงแม้เนื้อหาจะเต็มไปด้วยตัณหา ราคะ ใจความสำคัญที่แฝงมาด้วยก็ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยหน้า ว่ากันตามจริง...ฉากวาบหวิวที่คุณๆ ตั้งตารอ ดูจะด้อยไปเมื่อเทียบกับข้อคิดและสัจธรรมเตือนใจที่นำเสนอผ่านการกระทำของ ตัวละครทุกตัว

"อะไร ที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป อย่าเอามาคิดให้รกสมอง จริงหรือไม่จริง...ยายว่าหนูจันเจ้าขาของยายอยู่ที่นี่ให้สบายใจสบายกายเถอะ แล้วเรายายหลานค่อยคิดหาหนทางแก้แค้นไอ้หลวงจัญไรนั่นให้สาสม ดีหรือไม่ดีล่ะหนูจันเจ้าขาของยาย"
(คุณท้าวพิจิตรรักษา)

หลายคนคงจำเรื่องราวช่วงท้ายของภาคปฐมบทได้ ที่จบลงเมื่อ จัน ดารา (มาริโอ้ เมาเร่อ) กับ เคน กระทิงทอง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) ถูกส่งตัวกลับไปเมืองพิจิตรเพราะทนอยู่กับ คุณหลวงวิสนันท์เดชา (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ไม่ไหว มาถึงภาคนี้...หนูจันเจ้าขาได้กลับไปอยู่กับ คุณท้าวพิจิตรรักษา (รัดเกล้า อามระดิษ) ได้ซึมซับความคิดและทัศนคติที่เต็มไปด้วยไฟแค้นจนเต็มหัวใจ เวลาเดียวกันนั้นเขาได้พยายามตามหาพ่อ จนได้พบกับ ร้อยเอกเรืองยศ (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) นายตำรวจที่ดูแลคดีของ ดารา แม่ของจัน (สาวิกา ไชยเดช)
ภาคนี้เคน กระทิงทองเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะ

ภาคนี้เคน กระทิงทองเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะ

ความจริงเกี่ยวกับคดีของดาราทำให้จันแทบคลั่ง ประกอบกับเมื่อ น้าวาด (บงกช คงมาลัย) ขึ้นมาจากกรุงเทพฯเพื่อตามเขากลับไปแต่งงานกับ คุณแก้ว (โช นิชิโนะ) น้องสาวนอกไส้ที่เกิดท้องกับ คุณขจร (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ลูกติดของ คุณบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม)...ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสงามที่จันจะทวงทุกสิ่งทุกอย่างคืนจาก คุณหลวงวิสนันท์เดชา โดยการยุยงของคุณท้าวยาย

"ผม เคยได้ยินมาว่าความสุขในชีวิตมนุษย์เรามันแสนสั้น เหมือนกับชั่วกะพริบตาเมื่อเทียบกับอายุขัยของตนปกติ มันก็เห็นจะจริง เพราะสิ่งที่สยดสยองหัวใจของทุกคนในบ้านนี้ก็เกิดขึ้น..."
(เคน กระทิงทอง)

การ กลับมาบ้านพิจิตรวานิชนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะจัน...ที่กลายเป็นคนละคนกับเมื่อหลายปีก่อน ไฟแค้นที่สั่งสมและปมในอดีตทำให้เขาใช้อำนาจทุกอย่าง โดยเฉพาะชั้นเชิงด้านกามารมณ์เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อผลลัพธ์บางอย่าง และผู้ได้รับผลกระทบคือคนทั้งบ้าน รวมทั้งน้าวาดผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้าและเคนเพื่อนรักและทาสรับใช้คนสนิท
น้าวาดเหลือจะทนกับพฤติกรรมของจัน

น้าวาดเหลือจะทนกับพฤติกรรมของจัน

บทสรุปของ "จัน ดารา" จะเป็นเช่นไร คุณผู้อ่านต้องหาโอกาสตามไปชม รับรองว่า 'เรื่องอ่านเล่น' ของ คุณอุษณา เพลิงธรรม น่าจะให้อะไรกับคุณๆ ได้หลายอย่าง แม้ว่าจะไม่เหมาะกับมนุษย์จำพวก 'มือถือสาก ปากถือศีล' แต่ขอบอกว่าไม่ล้าสมัยแน่นอน...



"นวนิยาย เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกของผู้เขียน ซึ่งต้องขอบอกกล่าวไว้เสียด้วยว่าเป็นเรื่องอ่านเล่น ซึ่งไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็ก และเป็นของแสลงอย่างยิ่งสำหรับบุคคลประเภท 'มือถือสาก ปากถือศีล'"
(อุษณา เพลิงธรรม)

ส่วนที่ว่าอะไรคือกง เกวียนกำเกวียนของ 'จัน ดารา' มาดามคิดว่าน่าจะมาจากเพลิงแค้นที่สุมอกเขาตั้งแต่เด็กจนโต ความเจ็บแค้นจากการถูกทารุณกรรมและเหยียดหยามว่าเป็นกาฝากของบ้าน หล่อหลอมให้เขาฝังใจในกำเนิดตัวเอง และเมื่อมีโอกาสทวงหนี้แค้น เขาจึงประกาศศักดาจนสุดท้ายก็ไม่เหลือใคร

"ขอ ให้คุณหลวงพึงสำเหนียกเอาไว้ว่าผม...จัน ดารา เป็นเจ้าของบ้านนี้แต่เพียงผู้เดียว คุณหลวงเป็นเพียงผู้อาศัยไม่ต่างจากบ่าวคนอื่น เพราะฉะนั้นจงเจียมกะลาหัวเอาไว้ว่าจะโดนเฉดหัวออกจากบ้านเมื่อไหร่ มันก็สุดแต่ใจเจ้าของบ้าน..."
(จัน ดารา)

เรื่องของจัน ดารา ถือเป็นบทเรียนที่ดีในเรื่องของกฎแห่งกรรม การมีอดีตและคนรอบข้างเลวร้าย ไม่ได้หมายความว่าเรามีข้ออ้างซื้อบัตรผ่านเพื่อทำร้ายคนอื่น การยึดมั่นถือมั่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือปมในอดีต รังแต่ก่อให้เกิดเรื่องเลวร้ายวนเวียนไม่จบสิ้น แต่ความจริงก็ยังคงเดิม เหมือนกับการที่จันติดอยู่กับอดีตและใช้เป็นข้ออ้างเพื่อล้างแค้น แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอดีตหรือชาติกำเนิด...เข้าข่ายวัยเด็กก็เลวร้าย โตขึ้นมาก็สร้างปัญหา ตอนชราก็ไม่เหลือใคร

"คนเราจะรักคนอื่นไม่เป็นหรอกค่ะ ถ้าไม่หัดรักและเคารพตัวเองเสียก่อน"
(คุณบุญเลื่อง)

แม้ ว่าเนื้อหาหลักในภาคนี้จะไม่ค่อยเข้มข้นโดยเฉพาะเรื่องฉากเลิฟซีนร้อนแรง แต่ข้อคิดสำคัญก็แทบมากองรวมกัน โดยเฉพาะคำพูดจากตัวละครหญิงแทบทุกตัว นับว่ากระแทกใจมาก เริ่มตั้งแต่คุณท้าวพิจิตรรักษาที่ประกาศตัวชัดเจนว่าต้องการล้างแค้น น้าวาดที่รับการกระทำของจันไม่ได้ คุณแก้วผู้เกลียดจันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และคุณบุญเลื่องที่โอนอ่อนผ่อนตามจันในระยะแรกเพราะเป็นคนกลางและต้องการแก้ ปัญหาอย่างละมุนละม่อม ก็ยังมีประโยคเด็ดจากปากเธอ ซึ่งก็เป็นความจริงไม่น้อย...คนเราคงหวังให้ใครมารักหรือเข้าใจไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักรักและเข้าใจคนอื่นก่อน
เมื่อคนสองคนที่เกลียดกันเข้ากระดูกดำต้องแต่งงานกัน

เมื่อคนสองคนที่เกลียดกันเข้ากระดูกดำต้องแต่งงานกัน

แต่ ที่มาดามยกโล่และขอยกป้ายไฟให้คงเป็นคำพูดของตัวละครสำคัญแต่ออกมาไม่กี่ฉาก (แถมไม่ร้อนแรง) อย่างไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช) สาวน้อยที่เป็นรักแรกและรักบริสุทธิ์ของจัน ดารา เพราะคำพูดของเธอเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจเขาเมื่อครั้งชีวิตเริ่มดีขึ้น หลังกลับไปอยู่เมืองพิจิตรใหม่ๆ แต่เมื่อความสูญเสียและแรงยั่วยุแห่งกิเลสตัณหาถูกกองรวมกันตรงหน้า จันก็หลงลืมเรื่องเหล่านี้แล้วเต็มใจกระโจนสู่วังวนแห่งเวรกรรมอย่างไม่ ลังเล

"ฉัน เองเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องยากที่ใครก็ตามในโลกนี้จะทำใจง่ายๆ ถ้าได้พบชะตากรรมในชีวิตเยี่ยงเธอ ซึ่งอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความเข้มแข็งและความอดทนที่จะพาเราฝ่ามรสุมชีวิต ในครั้งนี้ไปได้อย่างรอดปลอดภัย"
(ไฮซินธ์)

ก็อย่างที่ไฮซินธ์ บอก...ว่าการทำใจยอมรับความเลวร้ายของชีวิตเป็นเรื่องยาก เช่นเดียวกับการทำความดี ใจที่เข้มแข็งและหนักแน่นเท่านั้นจะช่วยให้ผ่านพ้นมรสุมต่างๆ ขอให้ทุกคนพยายามเข้าค่ะ เรื่องแบบนี้ต้องใช้ "ใจใหญ่" มากกว่าการหาเรื่องคนอื่นมากนัก และรับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งทำให้ใจพองโตค่ะ

จนกว่าจะพบกันใหม่สัปดาห์หน้า.

ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=6&news_id=24769&page=1