BMWส่งไฮบริดชิงแชร์ตลาดรถหรู 3โมเดล8รุ่นรวด-เล็งเพิ่มกำลังผลิตรับยอดขายโต

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

updated: 25 ก.พ. 2556 เวลา 21:36:44 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

"บีเอ็มดับเบิลยู" หวังเบียดขึ้นผู้นำตลาดรถหรู ส่งไฮบริดลงตลาด 3 โมเดล 8 รุ่นรวด แย้มเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการเติบโต ปลื้ม โกยยอดขายทุบสถิติโต 44% สูงกว่าตลาดรวม

นายแมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ว่า จากตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายรวม 15,200 คัน และสำหรับปีนี้ก็คาดว่ายอดขายน่าจะเติบโตเพิ่มเป็น 17,000 คัน ซึ่งบริษัทเองก็มียอดขายเพิ่มขึ้นชัดเจนและเติบโตสูงกว่าตลาดรวม จึงอยู่ระหว่างการศึกษาการเพิ่มกำลังการผลิต จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 6,000 คันต่อปี โดยกำลังเลือกรูปแบบการลงทุน อาทิ การเพิ่มไลน์การผลิต การเพิ่มกะ หรือการเพิ่มระบบออโตเมชั่นในสายการผลิต นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเพิ่มโมเดลที่จะผลิตในประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย จากเดิมที่มีรุ่นซีรีส์ 3, 5, 7, เอ็กซ์ 1 และเอ็กซ์ 3 ซึ่งจะต้องเลือกรุ่นที่มียอดขายเพียงพอและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ส่วน แผนการเพิ่มมาร์เก้ตแชร์ในตลาดรถยตืหรูนั้น จากที่มีอยู่ 37% ด้วยกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ชิงรุก มุ่งเน้นเทคโนโลยีไฮบริดด้วยเทคโนโลยี BMW ActiveHybrid ที่แนะนำถึง 3 โมเดล รวม 8 รุ่น บีเอ็ม ดับเบิลยู แอคทีฟ ไฮบริด 3,บีแอคทีฟ ไฮบริด 3 เอ็ม สปอร์ต, แอคทีฟ ไฮบริด 3 เอ็ม สปอร์ต ที่ใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว และ อเเด็ปทีฟ เอ็ม ซัสสเปนชั่น, แอคทีฟ ไฮบริด 5 B,แอคทีฟ ไฮบริด 5 เอ็มสปอร์ต และ แอคทีฟไฮบริด 7 แอล, แอคทีฟ ไฮบริด 7 แอล เอ็ม สปอร์ต, แอคทีฟ ไฮบริด 7 แอล ไฮ ไลน์ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้รถที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

ขณะ เดียวกันก็ยังคงจุดเด่นของแบรนด์ นั่นคือความสปอร์ตและความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ บริษัทยังมอบบริการหลังการขาย BSIBMW Services Inclusive ซึ่งเป็นการดูแลบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี/100,000 กิโลเมตร และลูกค้ายังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับ เบิลยูดังกล่าวนี้เพิ่มเติมได้อีก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร เพื่อการคุ้มครองสูงสุดรวม 6 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร

ขณะที่สินค้า เดิมที่เป็นตัวทำยอดขายหลัก อาทิ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ในปีนี้ก็จะมีโอกาสในการทำตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากปีที่ผ่านมาเริ่มส่งมอบได้ในช่วงกลางปี ส่วนรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์วัน ที่ถือเป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดนั้น ปีที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับโฉมใหม่ คาดว่าจะยิ่งทำให้ได้รับการตอบรับที่ดียิ่งขึ้น บริษัทจึงคาดว่า

ในปีนี้จะมีตัวเลขยอดขายเติบโตถึงสองหลัก

หลัง จากในปี 2555 ที่บริษัทมียอดขายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอยู่ที่ 6,114 คัน เติบโตขึ้นถึง 44% สูงกว่าตลาดรวมที่เติบโต 38% นอกจากนี้ทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังสร้างสถิติยอดขายสูงสุด ด้วยยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูที่ 5,613 คัน เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มินิ 501 คัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 290 คัน เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า