ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เก็บเก่าเรื่องเล่าแต่แรก.....เทคนิคการลักวัวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (สงขลา พ.ศ

เริ่มโดย คุณาพร., 18:04 น. 16 เม.ย 52

คุณาพร.

เก็บเก่าเรื่องเล่าแต่แรก.....เทคนิคการลักวัวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (สงขลา พ.ศ. 2488)

       นานมาแล้วที่ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ท่านผู้หนึ่ง(ปัจจุบันท่านล่วงลับไปนานแล้ว)ผู้เขียนขอใช้ชื่อท่านว่า "ทวดพล" นะครับ.........เนื่องจากเหตุบางประการจึงไม่อาจจะสามารถเอ่ยชื่อจริง-นามสกุลจริงของท่านผู้ให้สัมภาษณ์ได้.........เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นและได้มีการยกพลทหารญี่ปุ่นขึ้นบกที่เก้าเส้ง  สงขลา( เวลา 1 นาฬิกาเศษของคืนวันที่ 8 ธันวาคม 2484)  จนเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธหนักระหว่างทหารญี่ปุ่น  และทหารไทย ซึ่งสนธิกำลังกับตำรวจ และชาวบ้านเข้าต่อสู่ร่วมกันอย่างกล้าหาญ  ครั้งสงครามยุติลงในราวปี พ.ศ. 2488(ฝ่ายญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข 14 สิงหาคม 2488)  ปรากฏว่าภายในประเทศไทยขณะนั้นยังคงมีทหารญี่ปุ่นตกค้างเพื่อเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก  ทวดพล.....ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังต่อว่า  หลังจากญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามอย่างย่อยยับ  จึงมีคำสั่งให้ทหารญี่ปุ่นเก็บข้าวของและอาวุธต่างๆให้พร้อมเพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศ  โดยระหว่างที่รอยานพาหนะมารับนั้น(คนในสมัยนั้นเข้าใจว่าส่วนใหญ่ทหารญี่ปุ่นรอเรือมารับ)จำต้องหาสถานที่ปักหลักค้างแรมกันเสียก่อน  โดยมีทหารญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งคาดว่ามีจำนวนหลายร้อยนายได้ขนข้าวของเครื่องใช้และสัมภาระในการดำรงชีพมาตั้งค่ายพักแรมกัน ณ เนินดินแห่งหนึ่ง(เนินดิน  ในปี พ.ศ. 2488 คือสถานที่ตั้งของวิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ในปัจจุบัน)  โดยจากคำบอกเล่าของทวดพล   เนินดินนั้นยังกว้างละมีต้นไม้ใหญ่น้อยล้อมรอบ  มีฮวงซุ้ยของชาวจีนตั้งอยู่อย่างประปราย   ทหารญี่ปุ่นกางเต้นผ้าใบขนาดใหญ่ใช้เป็นสถานที่พักกันเป็นจำนวนหลายหลัง  ส่วนอาหารการกินก็สามารถหาได้จากแหล่งน้ำในบริเวณใกล้กับที่ตั้งค่ายพักแรม  เวลาจะอาบน้ำทหารญี่ปุ่นก็จะแก้ผ้ากันหมด(ไม่ใส่เครื่องปกปิดอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว)กลายเป็นทรรศนะอุจาดพอดูสำหรับผู้คน-ชาวบ้านที่ผ่านไปมาในย่านนั้น  สำหรับอาหารโปรดที่ทหารญี่ปุ่นชอบทำกินกันอยู่บ่อยครั้งในขณะที่รอกลับภูมิลำเนาเดิมเห็นจะเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ  แต่ที่เห็นจะโปรดปรานมากกว่าอย่างอื่นคงเป็นเนื้อวัว  ซึ่งนำมาปรุงอาหารได้สารพัดทั้งแบบดิบๆ-สุกๆแล้วแต่ใครพอใจจะสรรหาเมนูกัน  โดยในการจัดหาเนื้อวัวเพื่อนำมาปรุงอาหารในแต่ละมื้อนี้เองจะมีนายทหารเป็นผู้ติดต่อจากชาวบ้านอีกทีหนึ่ง  และที่สำคัญนายทหารญี่ปุ่นจะไม่นิยมซื้อเนื้อวัวแบบประเภทที่แล่ หรือล้มแล้ว  พวกเขานิยมซื้อวัวเป็นฝูง.....นำมาล้มและชำแหล่ะเอง   เนื่องด้วยการขายฝูงวัวให้นายทหารญี่ปุ่นมักได้ราคาดีกว่าการขายให้กับคนไทยด้วยกันเองจึงไม่แปลกที่มีชาวบ้านหลายรายต้อนฝูงวัวของตนมาขายทำกำไรไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าให้กับนายทหารญี่ปุ่น   กล่าวถึงตอนนี้เองทวดพล(นามสมมุติ).......จึงได้เอ่ยถึงอาชีพอีกอย่างหนึ่งที่ทำกำไรอย่างงดงามยามที่ทหารญี่ปุ่นตั้งค่ายอยู่ ณ เนินดินแห่งนั้น  อาชีพที่ว่านี้คือ....." โจรลักวัว" (โจรลักวัว  หรือ  โจรขโมยวัว)  ซึ่งทวดพล เองก็เคยหลงผิดทำอาชีพดังกล่าวมาก่อนจนเกือบเข้าคุกเข้าตะรางไปอยู่เหมือนกัน(ภายหลังท่านจึงเลิกอาชีพดังกล่าวก่อนจะจรลีเข้าตะราง)   เล่าต่อ.......ปกติการลักของๆชาวบ้านที่เป็นคนไทยด้วยกันเอง  ทวดพล จะเน้นเอาของๆคนที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน  อาทิ  คนต่างถิ่นที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่   หรือคนจากถิ่นอื่น  เป็นต้น  แต่ก่อนพวกโจรขโมยวัวมักนิยมลักฝูงวัวขนาดไม่ใหญ่มากนักเพื่อสะดวกในการไล่ต้อนไปซ่อนยังที่ต่างๆ  ถึงกับมีคำกล่าวกันในสมัยนั้นว่า......."หากวัว-ควายหายให้ตามมาแลที่บ้านท่านางหอม"   แสดงให้เห็นว่าแถวย่านบ้านท่านางหอมยังอุดมไปด้วยป่าไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างหนาตา  ใช้เป็นที่หลบซ่อนของฝูงวัน-ควายได้เป็นอย่างดี  วัวที่นายทหารญี่ปุ่นใช้เป็นอาหารในค่ายที่เนินดินก็เช่นเดียวกัน  ปรากฏว่าเคยถูกโจรลักวัวแสดงความเชี่ยวชาญ  ลัก-ขโมยจนหมดทั้งฝูงมาแล้ว.........ผู้เขียนเลยถามทวดพล ว่าเทคนิคการขโมยวัว ที่ใช้เมื่อสมัยปี พ.ศ. 2488  จนทำให้ทหารญี่ปุ่นเสียโง่มาแล้วนี่เขาทำกันเช่นไร   ทวดพลจึงเล่าต่อว่า.......ทวดเอาวัวไปขายให้นายทหารญี่ปุ่นจำนวน 1 ฝูงใหญ่(ราว 25 ตัว)  โดยทหารญี่ปุ่นพอซื้อวัวเสร็จสรรพก็จะนำวัวมาปล่อยให้หากินหญ้าเอาเองภายในบริเวณที่ตั้งค่ายพัก ณ เนินดินดั่งกล่าว  พอตกดึกๆมักจะเหลือทหารยามเพียงแค่ไม่กี่นาย  คนลักวัวก็จะนำเอาเชือกกล้วยมาผูก-มัดกันให้มีขนาดยาวมากๆต่อๆกันไป  โดยก่อนที่โจรลักวัวจะปฏิบัติการไปลักฝูงวัวฝูงดังกล่าวนี้เองจะต้องไม่อาบน้ำมาเป็นเวลาอย่างต่ำ 7 วัน  ซึ่งเชื่อกันว่าหากโจรลักวัวไม่อาบน้ำเป็นระยะเวลา 7 วัน......ใส่เสื้อผ้าชุดเดิม  +การบริกรรมคาถาอาคมที่ตกทอดมาจากครู-อาจารย์แล้ว  จะสามารถลักวัว-ควายได้ดังสมประสงค์   จากนั้นก็..........รอ  รอ  รอ  และรอให้ถึงคืนเดือนมืด(ถ้ามีฝนตกลงมาด้วยจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ)   ค่อยๆหมอบคลานเข้าไปยังค่ายทหารญี่ปุ่นอย่างช้าๆ  นำเอาเชือกกล้วย(หรือเชือกอะไรก็ได้ที่สีมันเข้มๆ-ดำๆแลเป็นธรรมชาติไม่สะดุดตาใคร)นำมาผูกเข้ากับวัวตัวหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าฝูง(คนเป็นโจรลักวัวจะต้องมีวิชา  และดูออกว่าวัวตัวไหนเป็นวัวหัวหน้าฝูง)หลังจากผูกเชือกเข้ากับวัวตัวหัวหน้าฝูงเสร็จแล้ว  โจรลักวัวก็จะหมอบคลานออกมาจากค่ายเนินดินอย่างช้าๆ  จากนั้นจึงค่อยๆลากวัว(วัวตัวหัวหน้าฝูง)อย่างช้าๆ  จนมันเดินมาตามทางที่เราลาก(อย่าให้ทหารยามเห็นเป็นใช้ได้).....โดยระหว่างที่ค่อยๆลากวัวออกมาให้ท่องคาถาที่เป็นคำเฉพาะ......จะสังเกตว่าหากวัวหัวหน้าฝูง  หรือวัวผู้นำฝูงเดินไปในทิศทางใด  วัวที่เหลือทั้งหมดก็จะเดินตามไปในทิศทางนั้น  ทหารยามมักจะไม่สนใจฝูงวัวในยามค่ำคืน  ดึกๆมากนั้น  จวบจนได้ฝูงวัวตามที่ต้องการมาแล้วจึงนำฝูงวัวดังกล่าวไปหลบซ่อนหรือฆ่าเพื่อกิน-ขายเนื้อในบริเวณบ้านท่านางหอม ซึ่งในขณะนั้นยังแลดูเปลี่ยวเกินกว่าจะหาผู้คนเดินเล่นในยามค่ำ  ส่วนวัว-ควายที่ได้มานี่จะเอาไปขายต่อหรือเอาไปแหมะ(ฆ่า-ล้ม)กินกันก็สุดแต่ความต้องการของโจรลักวัวแต่ละรายๆไป  ถึงตรงนี้ผู้เขียนเลยถามต่อไปว่า......."แล้วนอกจากลักวัว-ความแล้วนี่  ยังมีอาชีพเสริมอะไรอีกบ้าง"    ทวดพล.....เห็นคนที่รู้จักกันเขาว่าลักของชาวบ้านต่างถิ่นที่มาปลูกเรือนใหม่ๆ  จำพวกเงิน-ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ  โดยเข้าไปลักในบ้านเลย(เรียกว่าขอมดำดิน)........กรรมวิธี   การลักของในแบบ " ขอมดำดิน" (ปีพ.ศ. 2488 บ้านเหนือ-หาดใหญ่)คือโจรจะต้องรู้เวลาที่เจ้าของบ้านออกไปทำงานก่อนว่าอยู่ระหว่างหยามใดถึงหยามใด(เวลาใด-เวลาใด)จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปยังบ้านเป้าหมายใช้จอบ-เสียม ขุดดินที่ติดกับผนังบ้านหลังดังกล่าวออก  จากนั้นขุดต่อลึกลงไปใต้พื้นบ้าน.........เมื่อขุดเอาดินออกมาจนหมดเราจะพบว่ามีส่วนของปูนที่เป็นส่วนพื้นบ้านกั้นเอาไว้   ให้ใช้ชะแลง-ค้อน  และวัสดุอื่นๆ(แล้วแต่รายๆไป)กะเทาะแผ่นปูนให้แตกออกโดยง่าย........เนื่องด้วยในสมัยก่อน( ปี พ.ศ. 2488)นั้นชาวบ้านในอำเภอเหนือ(อำเภอหาดใหญ่)ยังไม่นิยมการใส่โครงเหล็กเสริมปูนปูพื้นบ้านเท่าใดนักจึงทำให้ง่ายต่อการกะเทาะแผ่นปูนดังกล่าวออกได้โดยง่าย   หลังจากทำการกระเทาะแผ่นปูนปูพื้นบ้านออกจนเป็นช่องพอที่คนๆหนึ่งจะเข้าไปได้แล้วจึงทำการลอดช่องดังกล่าวเข้าไป.......คราวนี้ก็สุดแล้วแต่คุณโจรแต่ละท่านแล้วว่าต้องการอะไรบ้าง..........บันทึก  ณ  ห้วงแห่งความทรงจำ


คุณาพร./17.43/16 เมษายน พ.ศ. 2552
www.siamsouth.com
ห้องคุยกับคุณาพร.(ตำนาน,ความเชื่อ  หาดใหญ่-สงขลา)
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

:) :) :) :) :)

Singoraman

จะเห็นได้ว่าคนโบราณนั้น แม้แต่การ "ลักงัว" กะต้องมีเทคกะหนิก นะจะบอกให้

กิมหยง

สร้าง & ฟื้นฟู