ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รีวิวเรื่อง Last Summer แบบเต็มๆ

เริ่มโดย PondSai, 02:46 น. 08 ก.ค 56

PondSai



Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย
(กิตติธัช ตั้งศิริกิจ/สิทธิศิริ มงคลศิริ/ษรัณยู จิราลักษม์, 2013, A+/A)

อย่างหนึ่งที่เห็นได้จากหนังเรื่องนี้คือ reference ที่ค่อนข้างชัดเจน หนังเหมือนเล่าประเด็นต่อยอด หรือหยิบใช้สิ่งที่เคยทำงานได้ผลมาแล้วจากหนังไทยที่เคยประสบความสำเร็จ (ทั้งทางรายได้และคำวิจารณ์) มาทำงานต่อ ตั้งแต่ลุคและวิธีการแสดงแบบ สินจัย เปล่งพานิช (รักแห่งสยาม) ธีมที่ต่อยอดมาจาก 'เมธาวี' และด้านดาร์คๆ ของวัยรุ่นมัธยมปลาย - ที่พูดมานี้ไม่ได้จะบอกว่าเป็นข้อเสียหรือข้อดีพิเศษ แต่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และทำให้ตัวหนังเองมีอะไรให้พูดถึงมากขึ้น โดยที่ไม่ได้จำเป็นต้องหยิบยกไปเทียบหัวต่อหัวกันว่า อันไหนดีกว่า อันไหนเจ๋งกว่า

แต่ถ้าหากให้เทียบกับวงการภาพยนตร์ไทยโดยรวม ถือว่าเรื่องนี้ 'กล้า' มากในหลายๆ จุด ทั้งการบิดหน้าหนังเพื่อหลอกที่ทำได้สำเร็จ (แต่ไม่รับประกันเสียงตอบรับว่าจะออกไปแดนบวกหรือลบ) จุดที่ทำให้เริ่มสนใจหนังเรื่องนี้ขึ้นจริงจังระหว่างที่นั่งดูอยู่ก็คือเมื่อหนังเข้าเรื่องน้องจอยตายอย่างรวดเร็วมาก ไม่มีการปูพื้นใดๆ และบีบให้เหตุการณ์รุดหน้าไปเรื่อยๆ ปกติแล้วเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มความขัดแย้งมักกินเวลาไม่นาน แต่กับเรื่องนี้ยืดเวลาของสถานการณ์นั้นออกไปจนกินเวลาเกือบ 1 ใน 3 ของหนังทั้งหมด แล้วจังหวะเล่าเรื่องอะไรต่ออะไรช่วงนั้นมันลงตัวมากๆ

ตอนแรกคิดไปว่า หนังพลาดแน่แล้ว เลือกเดินเร็วขนาดนี้เพราะมีวี่แววจะสะดุดขาตัวเองล้มได้ทุกเมื่อ แล้วยิ่งต้องพึ่งพิงการแสดงของนักแสดงวัยรุ่นด้วย แต่พอเหตุการณ์ที่หัวหินยิ่งโกลาหล รุนแรง และกู่ไม่กลับมากขึ้นนี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีจังหวะที่น่าสนใจ วิธีการที่หนังเลือก 'เล่น' กับเรื่อง unexpected death คือการปลดล็อคสิ่งที่หนังไทยกระแสหลักเลือกที่จะไม่ทำเพราะว่ามัน 'เสี่ยง' แต่การเสี่ยงของ Last Summer ได้ช่วยขัดให้ประเด็นความดาร์คของวัยรุ่นนั้น shine ขึ้นมา ทำหน้าที่ของตัวเองได้ผล และสื่อสารได้ดี

อีก 'กล้า' หนึ่งของหนังคือมีช่วงหนึ่งที่หนังเลือกให้ ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ แบกหนังทั้งเรื่องด้วยตัวคนเดียว และจากที่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นนักแสดงใหม่ที่ค่อนข้าง overrated (จากตอน 'ลัดดาแลนด์' ซึ่งรู้สึกว่าเธอก็ดี แต่ไม่ได้ดี 'ขนาดนั้น') ก็ต้องชมจริงๆ ว่าเธอ carry บทนี้ได้น่าสนใจมากๆ เพราะตัวละครของเธอจะนำเรื่องกระโดดไกลไปสู่ประเด็นที่หนังวางไว้ทั้งหมด ก่อนจะถึงช่วง cool down ในตอนท้าย ทั้งเรื่องความดาร์คของวัยรุ่น และวัฒนธรรม celebrity ที่พึ่งพิงกับอำนาจนิยมและคอรัปชั่นอันเข้มข้นในโรงเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมันชัดขนาดนี้ในชีวิตจริง (ทั้งที่เพิ่งผ่านชีวิตช่วงนั้นมาแค่ราวๆ สิบปีนี่เอง เป็นไปได้ทั้งการที่ว่าสิบปีที่แล้วกูไร้เดียงสามาก ไม่รู้ไม่เห็นห่าอะไรเลย กับการที่โรงเรียนเมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่เกิดภาวะเข้มข้นขนาดนี้)

แกนกลางของเรื่องคือการตายของจอย และหนังเลือกเล่าพาดเกี่ยวไปถึงคนรอบตัวจอย ทั้งแฟน, เพื่อนสนิท และจบสุดท้ายที่ครอบครัว ลุคและวิธีการแสดงที่ถูกทำให้ดูเหมือนสินจัยที่พูดไว้ข้างบนนั้นก็คือของ เง็ก-กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ นักแสดงที่ไม่ได้เห็นหน้ากันนานแล้ว น่าเสียดายว่าตัวละครแม่ของคุณเง็กถูกออกแบบมาให้ 'แบนราบ' อย่างจงใจเกินไปหน่อย และยิ่งเมื่อตัวหนังเลือกที่จะจบประเด็นซึ่งเชื่อมโยงกับครอบครัวด้วยความรู้สึกในโทนบวก อารมณ์ในโทนหวาน (แม้จะยังไม่เลี่ยน) ความเข้มข้นของพล็อตและประเด็นที่วางไว้มาทั้งเรื่องมันเลยเหมือนถูกตัดตอน ไปไม่สุดทาง

มันไม่ใช่ความผิดของหนังโดยตรงด้วยซ้ำสำหรับประเด็นนี้ เพราะเอาเข้าจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นหนังไทย หรือหนังเอเชีย หนังคนตะวันออก ยากมากที่หนังจะยอมผลักประเด็นหรือความมืดดำให้ไปไกลถึงขั้นที่นำเอาความหม่นมืดนี้ไปปนเปื้อนกับสิ่งที่เรียกว่า 'ครอบครัว' และ 'สายใยรัก' เพราะนอกจากตัวละครนี้แล้วตัวละคร 'ผู้ใหญ่' อื่นๆ ที่อยู่ในหนังและเข้ามามีบทบาท ต่างก็ถูกออกแบบให้มีลักษณะแบนราบ จนอาจไม่ต้องตรงตามคุณลักษณะของ 'ตัวละครที่ดี' ในแบบหนังที่มีมิติซับซ้อนของความเป็นมนุษย์

แต่ก็เพราะเงื่อนไขเหล่านี้เอง สิ่งที่สถิตอยู่ในสังคมนี้เอง เมื่อเรากำลังพูดถึงผู้ใหญ่ที่ dominate หรือมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความดาร์คของวัยรุ่น ความบิดเบี้ยวของเด็กกำลังโต (และต้อง responsible กับการตายของจอย) และต้องการให้เราร่วมรู้สึกว่าผู้ใหญ่เหล่านี้มีเชื้อร้ายหรือความผิดบาปอยู่ในตัวจริง มันต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ typically แบน และมีลักษณะเฉพาะของความเป็น 'ผู้ใหญ่ที่ไม่ดี' เท่านั้น (หลายคนอาจบอกว่า ไม่จริง พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แต่ 'ดีเกินไป') ไม่ใช่แค่ แม่ แต่ยังรวมถึง พ่อผู้ไม่ปรากฏตัว และ ครู ที่เข้าข่ายคุณสมบัติเหล่านี้

เครดิต : คุณตี้ ชญานิน