ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรคนค้นฅน แถลงปมโพสต์เตือนเรื่องข้าว

เริ่มโดย itplaza, 17:17 น. 11 ก.ค 56

itplaza

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการคนค้นฅน นัดแถลงข่าวด่วนบ่ายวันนี้ กรณีโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องข้าวเน่า ระบุ ลุกลามบานปลายไปเกินกว่าที่จะคาดคิด มีหลายเรื่องที่ก่อให้เกิดการปรุงแต่ง



            วันนี้ (11 กรกฎาคม 2556) นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการ คนค้นฅน ได้โพสต์ข้อความผ่านหน้า เฟซบุ๊ก สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ อีกครั้ง โดยระบุว่า "ลุกลามบานปลายไปเกินกว่าที่จะคาดคิด มีหลายเรื่องที่ก่อให้เกิดการปรุงแต่ง บิดเบือนกันไปจากความคลาดเคลื่อน และส่งผลกระทบกับผู้อื่นที่ผมไม่ได้เจตนา รวมทั้งก่อให้เกิดผลที่ไม่ใช่เป้าหมายในการกระทำของผม ผมไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ และยังยืนยันความตั้งใจตามหลักการ แต่ไม่อยากให้ความเข้าใจผิดอันมีต้นเหตุจากการกระทำของผมก่อปัญหาให้สังคมซ้ำ ถ้าประสานงานทันผมจะแถลงบ่ายวันนี้ ที่ทีวีบูรพา"

            ทั้งนี้ ปมปัญหาดังกล่าวที่เป็นประเด็นร้อนแรงไปชั่วข้ามคืน เริ่มจาก นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือ เช็ค ผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 โดยระบุถึง โรงสีข้าวรายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย มีสารพิษตกค้าง และสารดังกล่าวไม่สามารถละลายน้ำได้ นอกจากนี้ยังจะทำให้หนูตายภายใน 5 นาที นายสุทธิพงษ์ จึงประกาศเตือนไม่ให้ซื้อข้าวหอมมะลิบางยี่ห้อโดยเด็ดขาด จนถูกกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทำให้ นายสุทธิพงษ์ ต้องลบข้อความดังกล่าวทิ้ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

            และเมื่อวานนี้ (10 กรกฎาคม 2556) นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ได้โพสต์ข้อความอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊ก Suttipong Thamawuit เมื่อเวลาประมาณ 16.25 น. โดยเป็นการตั้งคำถามถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนเองไม่ได้มีเจตนาออกมาแฉใคร ที่โพสต์ข้อมูลของโรงสีข้าวรายใหญ่ว่า มีสารพิษตกค้างนั้น ก็เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเอง เพราะหากมีการนำข้าวออกสู่ท้องตลาดจริง ประชาชนที่บริโภคข้าวเหล่านี้ ก็จะต้องสะสมพิษในร่างกายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งการทำอย่างนี้ไม่ต่างกับการทำร้ายกันทางอ้อม ดังนั้น หากการโพสต์ข้อมูลแฉโรงสีข้าวเป็นเรื่องไม่ควรทำอย่างที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์จริง ผมก็อยากตั้งคำถามย้อนกลับไปว่า เหตุของปัญหานี้อยู่ที่ไหน อยู่ที่การแชร์ข้อมูล หรืออยู่ที่วิธีการในการเก็บรักษาข้าวที่ต้องใช้สารเคมีมีพิษซึ่งตกค้างและเป็นอันตรายต่อชีวิตกันแน่ ซึ่งข้อความทั้งหมดที่ นายสุทธิพงษ์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Suttipong Thamawuit มีใจความ ดังนี้

            "สิ่งที่ผมยังไม่ได้โพสต์ "เรื่องข้าว"

            คนไทยส่วนใหญ่จะคิดเหมือนผมหรือเปล่าผมไม่แน่ใจหรอกครับ เพราะผมไม่ได้อยากขุดคุ้ยหรือแฉเบื้องหลังการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งไม่เคยคิดอยากจะทำ ไม่มีความสุขในการทำ และไม่มีความสามารถที่จะทำ ผมคิดว่ามีผู้มีหน้าที่ต้องทำ ควรทำและสามารถทำได้ดีกว่าคนทำสารคดีเล็ก ๆ อย่างผมอยู่แล้ว

            สิ่งที่ผมกังวล ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองเลยเพราะผมมีข้าวที่ดีที่ผลิตโดยกัลยาณมิตรของผมเองรับประทาน ผมเพียงแต่เป็นห่วงว่าถ้าข่าวและข้อมูลตามที่ปรากฏอยู่จากการแชร์กันมาเป็นความจริง นอกจากความวิตกกังวลของคนกินข้าวที่ไม่มีทางเลือกแล้ว ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ต่างจากการวางยาพิษหมู่คนไทยค่อนประเทศไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาแสดงความกังวลหรือแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏเลย กระทั่งข้าวจะออกสู่ท้องตลาด หรือออกสู่ท้องตลาดมาแล้วเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะเป็นการก่อบาปครั้งใหญ่มากอีกครั้งหนึ่งของสังคมไทย หลังจากเราทำต่อกันมาแล้วนับครั่งไม่ถ้วน หากกุศลเจตนาของผมที่ไม่อยากให้ใครก่อบาปต่อใครเป็นเรื่องผิด ผมก็ยอมรับ ซึ่งผมถามตัวเองว่าถ้าผมเป็นพ่อค้าข้าวที่ขายข้าวให้คนกินผมจะมีความสุขหรืออยากก่อบาปโดยการเอาสิ่งเป็นพิษให้ลูกค้าผู้มีบุญคุณของผม ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน (หรือไม่ก็ตาม) กินไหม ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าไม่

            ถ้าผมเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมอยากเห็นประชาชนที่เลือกผมมาต้องสะสมพิษในร่างกายซึ่งจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยและทุกขเวทนาอีกมากมายในภายหลังจากการกินข้าวหรือไม่ และผมอยากมีส่วนร่วมต่อการก่อกรรมกับพวกเขาโดยการเพิกเฉยหรือไม่ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ว่าใครก็ต้องตอบเหมือนผมนั่นก็คือ "ไม่"

            มันเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจมากใช่ไหมครับ ถ้าแม้แต่กระทั่งลูกเด็กเล็กแดงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือทารกไร้เดียงสาที่ดื่มนมจากนมมารดายังพลอยรับกรรมดื่มพิษไปด้วย คิดแบบนี้ดรามาเกินไปหรือเปล่าครับ

            กรรมที่ก่อเช่นนี้ในทางพุทธศาสนาเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรงมาก ศาสนาไม่ได้สอนให้ผมเอาตัวรอดแต่สอนให้ผมตระหนักว่าถ้าพบเห็นผู้ใดกำลังจะก่อกรรมอันเบียดเบียนและทำลายชีวิต ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ ถ้าผมทำอะไรได้ผมไม่ควรดูดาย หากไม่แสดงความปรารถนาดีต่อชีวิตผู้อื่นนั่นแหละ เป็นความผิดบาป

            ถ้าความหวังดีของใครก็ตามที่มีต่อทุกฝ่ายเป็นโทษต่อตัวเอง ผมว่าก็คงต้องกลับไปตั้งคำถามกับการเทศนาให้คนหลุดพ้นจากอวิชชาของพระทุกวัดด้วยเช่นกัน

            เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้ จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไรก็สุดแท้แต่ ประเด็นที่สำคัญที่ไม่ควร"หลุด" และไม่ควร "หลง" ก็คือสุดท้ายแล้วอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยในการกินข้าวของคนค่อนประเทศ

            ในความกังวล สงสัย อึมครึม ผมอยากให้ทุกท่านใช้ปัญญาพิจารณาว่าใครควรจะเป็นผู้คลี่คลายความสงสัยในเรื่องนี้ คนทำสารคดีชีวิตอย่างผม สำนักข่าว พ่อค้าข้าว เจ้าหน้าที่ หรือรัฐบาล แล้วลองใช้สติไตร่ตรองดูนะครับว่าหากใครลงมือทำจะได้รับการสรรเสริญหรือนินทา ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเป็นความผิดหรือความไม่ดีที่ไม่ควรทำตรงไหน และสุดท้ายนี้ผมอยากชวนให้คนไทยพิจารณาเหตุของปัญหานี้ตามหลักพุทธศาสนาว่า เหตุอยู่ที่ไหน อยู่ที่การแชร์ข้อมูล (ซึ่งมีคนแชร์มากมายก่อนผม) หรืออยู่ที่วิธีการในการเก็บรักษาข้าวที่ต้องใช้สารเคมีมีพิษซึ่งตกค้างและเป็นอันตรายต่อชีวิต

            ........หรืออยู่ที่พิษทั้งหลายในใจคน"




ขอบคุณเนื้อหา kapook.com
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=28043&page=1