โจทก์สำคัญหายไปหนึ่ง

[itplaza]

มุก" เบิ้ลกระแสกันเนียนๆ

ในลีลาแสบๆแบบทีเล่นแต่เอาจริงของ "เสี่ยโอ๊ค" นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra อำกันเป็นนัยถอด "คลิปลับ" บทสนทนากับผู้เป็นบิดาระหว่างบินมาปักหลักอยู่ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

เบิ้ลกระแสกันเป็นนัย ถึงเรื่องในคลิปจะเป็นจริง ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

และแน่นอน อ่านไต๋ได้ประเด็นที่ตั้งใจเน้นย้ำกันเป็นพิเศษ ตามท้องเรื่องที่ "หนุ่มโอ๊ค" สมมติตัวเองเป็นชายคนที่ 1 ถามชงเลยว่า "พ่อพูดไรเกี่ยวกับความจงรักภักดีบ้างป่าว"

ขณะที่ชายคนที่ 2 ตอบเลยว่า "ใครมาคุยด้วยก็พูดไปทุกครั้งว่า คนจบจากโรงเรียนเตรียมทหารทุกคน ล้วนแต่จงรักภักดีต่อสถาบันฯทั้งนั้น ไม่ควรต้องมาหาเรื่องกันเรื่องนี้เลย"

เทียบกับคลิปร้อนก่อนหน้า โดยตัดคำว่า "เจ๊ก" ออกไป

ฟังแล้วก็ไม่มีตรงไหนที่เสียหายหรือเข้าข่ายหมิ่น

ต่อเนื่องกันกับประเด็นเรื่องที่ปรึกษาทรัพย์สินฯ ผู้เป็นพ่อก็ตอบประมาณว่า เราไม่ได้ทำผิด กลับต้องมาโดนโทษ 2 ปี ถ้าได้กลับ ก็อยากกลับมาเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง หากช่วยเหลือประเทศชาติได้ก็ยินดี หากเป็นคนธรรมดาแล้วยังระแวงกัน ก็เอาไปช่วยในตำแหน่งอะไรก็ได้ ที่เมื่อทำแล้วไม่สามารถยุ่งเกี่ยวการเมืองได้

ก็แค่เสนอ "พิมพ์เขียว" ให้พิจารณาว่ากันตามหลักการ

เช่นเดียวกัน เรื่อง พ.ร.บ.กับ พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ก็ได้ความว่า พ่ออยากกลับบ้าน คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงพี่น้องคนไทย พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.ก็เป็นรูปแบบของการออกกฎหมาย ยากง่ายแตกต่างกัน ก็ให้คู่สนทนาไปพิจารณาดูว่าทำได้หรือไม่อย่างไร ลองไปซาวเสียงกันดู เห็นด้วยก็ทำ ไม่เห็นด้วยก็ไม่ทำ

ก็ยังอยู่ในจังหวะ "โยนหิน" ไม่ได้เร่งเกมหักดิบแต่อย่างใด

เอาคลิปมาขยายความซ้ำ ย้ำกันอย่างเป็นทางการอีกรอบ ตามเหลี่ยมเซียนการตลาดตัวลูก "เสี่ยโอ๊ค" พยายามเล่นมุกคลี่ปมร้อนๆในคลิปลับ เคลียร์กันเป็นนัยว่า เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรในกอไผ่

ไม่ได้มีวาระแฝงทำให้ใครเสียหาย

ทั้งหมดทั้งปวง ก็อย่างที่ผู้เป็นพ่อสรุปให้ลูกชายฟัง ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย เพราะยังไงคนที่รักก็รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คนที่ไม่ชอบก็ยังคงไม่ชอบอยู่เหมือนเดิม

คลิปลับคลิปหลุดไม่มีผลทำให้ "ทักษิณ" ต้องเสียไปมากกว่า ณ ปัจจุบัน

แถมหยั่งแรงกระเพื่อม เช็กปฏิกิริยากันแล้วก็ไม่ได้ "อันตราย" ถึงขั้นขยับอะไรไม่ได้ ประเมินจากท่าทีของกองทัพที่ไม่ได้ซีเรียสกันซักเท่าไหร่
บวกลบ "นายใหญ่" ได้ "กำไร" มากกว่า "ขาดทุน"

ประกอบจังหวะสถานการณ์ที่น่าจะเป็นคุณกับเครือข่าย "ทักษิณ" ถ้ามองกันจากปรากฏการณ์ที่ผ่านมา กับการที่โจทก์คนสำคัญอย่างนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีผลวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เป็นต้นไป

ตามถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า การลาออกในครั้งนี้เป็นความประสงค์ส่วนตัวของนายวสันต์เอง

และไม่มีประเด็นทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลที่ไม่ส่งผลต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่นๆ

โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ยื่นเรื่องไปยังประธานวุฒิสภา เพื่อให้พิจารณาดำเนินการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ภายใน 30 วัน
ต้องรีบเคลียร์ความชัดเจน เพื่อตัดกระแสที่แปรความได้ต่างๆนานา

แต่เอาเป็นว่า เบื้องหลังน่าจะเป็นตามที่แถลงอย่างเป็นทางการ เพราะจริงๆเลย นายวสันต์ตั้งใจจะลาออกก่อนหน้านี้แล้ว แต่บังเอิญมีเหตุการณ์ที่ม็อบเสื้อแดง กวป.บุกมากดดันศาลรัฐธรรมนูญให้ลาออก

ถ้าไขก๊อกกันตอนนั้นก็จะเป็นการเข้าทางแรงกดดันของฝ่ายเสื้อแดง

สไตล์แข็งยี่ห้อ "วสันต์" ไม่อ่อนข้อให้การเมืองอยู่แล้ว.

ขอบคุณเนื้อหา : ไทยรัฐ
ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=28218&page=1