OpenOffice ปักธงในองค์กรใหญ่ พร้อมเปิดตัว LibreOffice

[ทีมงานบ้านเรา]

OpenOffice ปักธงในองค์กรใหญ่ พร้อมเปิดตัว LibreOffice ตัวล่าสุด

[attach=1]


กลุ่มองค์กรชั้นนำในประเทศไทย และเนคเทค ประกาศความสำเร็จในการ นำ OpenOffice ไปใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมเปิดตัว LibreOffice โปรแกรมออฟฟิศล่าสุดในตระกูล OpenOffice...

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2554 ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ สมาคมสมาพันธ์โอเพนซอร์สแห่งประเทศไทย (TOSF) ร่วมกันแถลงข่าวความก้าวหน้าในโครงการพัฒนาปรับปรุงการจัดการภาษาไทยใน OpenOffice ที่เป็นชุดออฟฟิศที่หลายองค์กรนำมาใช้ทดแทนซอฟต์แวร์ราคาแพงที่ต้องนำเข้า จากต่างประเทศ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ดี เอช เอ สยามวาลา ฯลฯ

เนื่องจาก OpenOffice เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ที่มีการเผยแพร่ซอร์สโค้ด ทำให้เมื่อมีข้อบกพร่อง นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทยจึงสามารถแก้ไขซอฟต์แวร์ได้เอง โครงการปรับปรุง OpenOffice นี้ เนคเทครับเป็นเจ้าภาพในการวิจัยพัฒนา โดยยึดเอาผลการหารือกับกลุ่มผู้ใช้และผู้เกี่ยวข้องที่ได้ระบุถึงปัญหาเร่ง ด่วนที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ได้ทำงานร่วมกับบริษัทโอเพนซอร์สดิเวลอปเมนต์ (Osdev) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะกับซอฟต์แวร์ OpenOffice โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุน ทั้งนี้เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้ใช้ OpenOffice รายใหญ่ มีผู้ใช้กว่า 10,000 คน มีการใช้งาน OpenOffice ถึง 70% จึงร่วมกับองค์กรผู้ใช้อีกหลายแห่ง เพื่อรายงานและคัดเลือกปัญหาเร่งด่วน 4 เรื่อง อันได้นำมาสู่แก้ไขในรอบแรกของโครงการ

หลังจากนั้นจะมีการดำเนินการเช่นนี้ต่อไปทุกปี เนื่องจาก OpenOffice เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่มีการใช้งาน และมูลค่าสูง สามารถทดแทนการนำเข้าซอฟต์แวร์หลักร้อยล้านบาทในแต่ละปี ในอดีตนักพัฒนาของไทยได้เคยมีการพัฒนาปรับปรุงโปรแกรม OpenOffice มาแล้วหลายครั้ง โดยเผยแพร่ออกมาในชื่อใหม่ คือ ออฟฟิศทะเล และ ปลาดาว จนกระทั่งปี 2548 ที่เนคเทค ซิป้า และ บริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในขณะนั้น ตกลงร่วมกันว่าจะโปรโมตซอฟต์แวร์ภายใต้ชื่อโครงการหลักของซันคือ OpenOffice.org เพียงตัวเดียว เพื่อลดความสับสนในฝั่งผู้ใช้ นับจากนั้นทั้งเนคเทคและซิป้าจึงโปรโมตชื่อ OpenOffice.org ตลอดมา

การพัฒนาปรับปรุง OpenOffice ครั้งนี้แตกต่างกับครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงคุณภาพของ OpenOffice ไม่ใช่สร้างโปรแกรมใหม่ขึ้นมาอีก โครงการนี้จึงเป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เจ้าของซอฟต์แวร์นำไปรวมไว้ในซอร์ส โค้ดต้นฉบับ  ที่ปัจจุบันได้แก้ปัญหาสำเร็จแล้วทั้ง 4 เรื่อง โดยมี 3 เรื่องที่เข้าไปซอร์สโค้ดต้นฉบับเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักพัฒนาของ OpenOffice ได้ย้ายไปอยู่ในโครงการใหม่ที่ชื่อ LibreOffice แทน หลังจากในปีที่แล้ว บริษัทออราเคิล คอร์ปอเรชัน ได้ควบรวมกิจการของบ.ซันฯ และปลดโครงการ OpenOffice.org ของซันออกไปในที่สุด ดังนั้นผลการปรับปรุงจากโครงการของไทย จึงจะไปปรากฏใน LibreOffice เวอร์ชันต่อไปคือ 3.4 แทน

นายสุธี ผู้เจริญชนะชัย รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค เปิดเผยว่า จากความร่วมมือของกลุ่มผู้ใช้งาน OpenOffice รายใหญ่ โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ได้สนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงปัญหาจำนวน 4 รายการ และบัดนี้เนคเทคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย 1. ปัญหาการทำงานร่วมกันกับ Microsoft Excel เรื่องรูปแบบของปีพุทธศักราช 2. ปัญหาการแสดงผลฟอนต์ที่ผิดพลาด จาก Angsana New ไปเป็น Time New Roman 3. ปัญหาการแสดงผล Autocomplete ที่ผิดพลาด เกิดลักษณะตัวซ้ำ 4. ปัญหาการแสดงผล ภาษาไทย ผิดพลาดในส่วน Dialog box (หรือ user interface) ที่มีภาษาไทยและอังกฤษร่วมกัน

ด้าน นายวิรัช ศรเลิศล้ำวาณิช นายกสมาคมสมาพันธ์โอเพนซอร์สแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนตัวมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ความพยายามในขั้นต้นของการแก้ปัญหาภาษา ไทยในโอเพนออฟฟิศ ได้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยสมาคมสมาพันธ์โอเพนซอร์สแห่งประเทศไทยได้พยายามจะผลักดันให้เกิดรูปแบบ ที่ยั่งยืนของการพัฒนาและส่งเสริมโอเพนซอร์สในเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอฟต์แวร์โอเพนออฟฟิศ ที่เป็นซอฟต์แวร์ที่มีศักยภาพ และมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ใช้องค์กร จึงได้มีการดึงเอาผู้ใช้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาต่อยอด โดยในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เป็นผู้สนับสนุนรายแรกในการทำงาน ด้วยผลสำเร็จนี้จะช่วยให้สามารถได้ รับการสนับสนุนจากองค์กรที่มีความต้องการและมีผู้ใช้งานขนาดใหญ่ มาช่วยสนับสนุนต่อเนื่อง และ ผลงานที่ได้ก็จะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะต่อองค์กรเดียว แต่ได้ประโยชน์กับกลุ่มผู้ใช้ทั้งประเทศ โดยอาศัยนักพัฒนาจากเนคเทค และชุมชนนักพัฒนาในประเทศ ที่จะช่วยพัฒนาทักษะของคนไทยไปพร้อม ๆ กัน"


ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 08 – 06 – 2554