ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฟ้องสิทธิ์การปกครองลูก

เริ่มโดย พ่อหม้ายลูกติด, 11:02 น. 24 ก.ย 56

พ่อหม้ายลูกติด

ผมกับแฟนได้จดทะเบียนหย่ากันแล้ว แต่ผมได้ยกสิทธิในการดูแลบุตรไว้กับมารดา (ตอนนี้ลูกสาวอายุ 1 ขวบ 3 เดือน) ทุกวันนี้ได้ผลัดกันดูแลลูกกันคนละสัปดาห์ แต่ตอนนี้ทางแฟนไม่ยอมให้ผมไปรับลูกตามที่ตกลงกันไว้ ให้แค่ไปหาและก้อรับไปเที่ยวได้แค่นั้น ซึ่งตอนนี้ทางญาติของผมต้องการให้ผมถือสิทธิ์ในการปกครองลูก แต่แฟนผมไม่ยอมบอกให้ไปฟ้องร้องเอาเอง ซึ่งทางญาติของผมเองก็ให้ฟ้องร้องเพราะไม่อยากให้มีปัญหาภายหลังตอนที่ลูกจะเข้าโรงเรียน เพราะทางแฟนผมก็ต้องการให้ลูกไปเรียนแถวบ้านเขา ซึ่งในทางกฏหมายนั้นจะพิจารณาจากอะไรครับว่าลูกควรอยู่กับใคร

ซึ่งแฟนของผม อายุ 24 จบแค่ ม.6 หน้าที่การงานก็ไม่เป็นหลักแหล่ง แถมยังทำงานเป็นเด็กดริ้งค์ตามสถานบันเทิงตอนกลางคืนด้วย อาจมีรับงานเป็นพริตตี้กลางวันบ้างแต่ก็ไม่ได้มีตลอด ส่วนมากจะทำเป็นเด็กดริ้งค์ครับ แถมบ้านที่เขาอยู่ก็เป็นตึกแถวเช่าอยู่กับแม่และน้องเขาอีกสองคน ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะแออัด เพราะลูกของผมก็ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภาระของแม่เขาเองก็ยังมีอยู่ไม่สามารถมาเลี้ยงดูลูกของผมได้ดีแน่นอนครับ

ส่วนตัวผมอายุ 30 จบปริญญาตรี ทำงานเป็นวิศวะ งานที่ทำอยู่ก็มั่นคงเพราะทำมา 8 ปีแล้วครับ บ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านของผมเอง ญาติพี่น้องก็อยู่แถวบ้านทั้งหมด มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งทุกคน ซึ่งลูกของผมเองก็มีญาติๆคอยช่วยเลี้ยงเยอะครับ

ผมเป็นคนที่รักครอบครัวมากซึ่งเหตุผลที่ต้องหย่าก็เพราะแฟนขอหย่าเพื่อที่จะกลับไปทำงานเป็นเด็กดริ้งค์ ซึ่งตัวผมเองก็รับไม่ได้กับอาชีพแบบนี้ แฟนให้เหตุผลว่าต้องการหาเงินไปช่วยแม่ซึ่งเดือดร้อนอยู่ ซึ่งผมก็บอกแฟนแล้วว่าจะไปหากู้มาให้ ซึ่งเขาก็ปฏิเสธ ยืนยันจะไปทำงานกลางคืนอย่างเดียว

(แฟนผมอยู่กรุงเทพส่วนผมอยู่ จ.ฉะเชิงเทรา)

ผมขอสอบถามหน่อยครับว่าถ้าฟ้องร้องกันจริงๆ %ที่ศาลจะตัดสินน่าจะอยู่ในความปกครองของบิดาหรือมารดาครับ








Premier

ตอบให้ ตามประสบการณ์ที่มี
ลูกเป็นสิทธิในการดูแลของแม่ 100 % ตั้งแต่วันที่คุณยกสิทธิให้ไปแล้ว  ภายหลังคุณจะมาขอดูแลคงเป็นไปได้ยาก
ส่วนเรื่องฐานะหรือภาระต่างๆนั้น ใช้เป็นข้ออ้างตอนยังไม่ยกสิทธิได้เท่านั้น ต่อให้ตอนนี้คุณมีเงิน 100 ล้าน ก็เอาลูกไปไม่ได้
เรื่องที่จะสามารถเรียกร้องได้
1.เรื่องการดูแลลูก ต้องดูว่ามีการตกลงเป็นเอกสารหรือเปล่า ว่าให้ดูแลคนละสัปดาห์ ถ้ามีก็เอาไปอ้างได้ อาจจะฟ้องเรียกสิทธิคืน
2.แม่เด็ก อยู่ในสถานะไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เช่น ตาย เป็นโรค พฤติกรรมรุนแรงต่อเด็ก ก็สามารถเรียกร้องเอาเด็กมาดูแลได้
ดูแล้วฟ้องอย่างไร ก็ชนะยากครับ 

sin.maejo

อ้างจาก: Premier เมื่อ 15:14 น.  24 ก.ย 56
ตอบให้ ตามประสบการณ์ที่มี
ลูกเป็นสิทธิในการดูแลของแม่ 100 % ตั้งแต่วันที่คุณยกสิทธิให้ไปแล้ว  ภายหลังคุณจะมาขอดูแลคงเป็นไปได้ยาก
ส่วนเรื่องฐานะหรือภาระต่างๆนั้น ใช้เป็นข้ออ้างตอนยังไม่ยกสิทธิได้เท่านั้น ต่อให้ตอนนี้คุณมีเงิน 100 ล้าน ก็เอาลูกไปไม่ได้
เรื่องที่จะสามารถเรียกร้องได้
1.เรื่องการดูแลลูก ต้องดูว่ามีการตกลงเป็นเอกสารหรือเปล่า ว่าให้ดูแลคนละสัปดาห์ ถ้ามีก็เอาไปอ้างได้ อาจจะฟ้องเรียกสิทธิคืน
2.แม่เด็ก อยู่ในสถานะไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เช่น ตาย เป็นโรค พฤติกรรมรุนแรงต่อเด็ก ก็สามารถเรียกร้องเอาเด็กมาดูแลได้
ดูแล้วฟ้องอย่างไร ก็ชนะยากครับ
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

apache

อ้างจาก: Premier เมื่อ 15:14 น.  24 ก.ย 56
ตอบให้ ตามประสบการณ์ที่มี
ลูกเป็นสิทธิในการดูแลของแม่ 100 % ตั้งแต่วันที่คุณยกสิทธิให้ไปแล้ว  ภายหลังคุณจะมาขอดูแลคงเป็นไปได้ยาก
ส่วนเรื่องฐานะหรือภาระต่างๆนั้น ใช้เป็นข้ออ้างตอนยังไม่ยกสิทธิได้เท่านั้น ต่อให้ตอนนี้คุณมีเงิน 100 ล้าน ก็เอาลูกไปไม่ได้
เรื่องที่จะสามารถเรียกร้องได้
1.เรื่องการดูแลลูก ต้องดูว่ามีการตกลงเป็นเอกสารหรือเปล่า ว่าให้ดูแลคนละสัปดาห์ ถ้ามีก็เอาไปอ้างได้ อาจจะฟ้องเรียกสิทธิคืน
2.แม่เด็ก อยู่ในสถานะไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เช่น ตาย เป็นโรค พฤติกรรมรุนแรงต่อเด็ก ก็สามารถเรียกร้องเอาเด็กมาดูแลได้
ดูแล้วฟ้องอย่างไร ก็ชนะยากครับ
ส.โอ้โห ส.ยกน้ิวให้

ขุนศึก

เรื่องการขอเป็นผู้ดูแลบุตรจะมี 2 กรณี

ในกรณีแรก ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรสนะครับ เด็กที่เกิดจากหญิงซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับชายบิดาของเด็ก กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงซึ่งเป็นมารดาเท่านั้น ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1546 และมารดาแต่ผู้เดียวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ตามกฎหมายตามมาตรา 1566, มาตรา 1567 แม้ว่าท่านจะเลิกรากับภรรยาไป ก็ไม่มีผลลบล้างหรือกระทบกระเทือนต่ออำนาจปกครองของฝ่ายหญิงตามกฎหมาย

ส่วนในกรณีของท่านที่จดทะเบียนสมรส มีบุตร และจดทะเบียนหย่าในภายหลัง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ระบุไว้แบบนี้ครับ

มาตรา 1520   ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา 1582 ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ

มาตรา 1521 ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามมาตรา 1520 ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ

ทีนี้ต้องถามกลับละครับว่าตอนหย่า ได้ทำบันทึกข้อตกลงเรื่องอำนาจปกครองบุตรเอาไว้มั้ย และถ้ามีบันทึกในบันทึกระบุอะไรเอาไว้บ้าง ส่วนการฟ้องร้องเพื่อขอเปลี่ยนสิทธิ์ในการดูแลบุตรนั้นสามารถทำได้ครับ แต่ท่านต้องพิสูจน์ต่อศาลให้ได้ว่าฝ่ายหญิงมีความบกพร่องในการเลี้ยงดูบุตรตรงไหนอย่างไร ส่วนท่านก็ต้องพิสูจน์ต่อศาลให้ได้ว่ามีความพร้อมกว่าในการดูแลบุตร และสำคัญที่สุดบุตรจะได้ประโยชน์อะไรกับการไปอยู่ในการปกครองของท่าน

ศาลดูหลายอย่างครับ คร่าวๆก็ตามที่ท่านว่ามา ที่เหมือนว่าท่านจะศึกษามาบ้างแล้ว ก็เช่น การศึกษา การงาน สังคม ความเป็นอยู่  ทรัพย์สิน และอื่นๆ ส่วนหลักฐานต่างๆที่จะนำไปประกอบว่าฝ่ายหญิงบกพร่องก็เช่นรูปถ่ายต่างๆ สถานที่ทำงาน ภาพในเวลางาน ภาพบ้านเช่าห้องพักที่อยู่ ตลอดจนภาพถ่ายเวลาที่ฝ่ายหญิงไปทำงานใครเป็นผู้ดูแลบุตร ภาพชีวิตความเป็นอยู่ทั่วๆไปของบุตร ทั้งนี้อาจใช้บริการนักสืบเอกชนก็ได้ครับ

แต่อย่างไรก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ลองคุยกับฝ่ายหญิงกันดูอีกหลายๆครั้ง ให้เน้นคุยกันที่ผลประโยชน์ของลูกว่าจะมีอนาคตที่ดีอย่างไรเมื่อไปอยู่ในปกครองของท่าน คุยกันด้วยเหตุและผล ให้นึกถึงวันที่รักกัน และ ให้นึกถึงประโยชน์ของลูกที่จะได้รับเป็นสำคัญ

ส่วนที่ถามทิ้งท้ายไว้ว่า "%ที่ศาลจะตัดสินน่าจะอยู่ในความปกครองของบิดาหรือมารดาครับ" ส่วนตัวคงไม่ตีให้เป็นเปอร์เซ็น แต่จากข้อกฎหมายและความเป็นจริงต่างๆ การที่ศาลจะตัดสินยกบุตรให้อยู่ในการดูแลของฝ่ายใดนั้น "ศาลจะยึดความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ"ครับ เพราะฉนั้นคำตอบนี้ถ้าจากคำบอกเล่าข้างเดียวของท่าน ผมว่าท่านก็มีโอกาสเหมือนกันครับ ที่เหลือจะอยู่ที่พยานหลักฐานในการใช้พิสูจน์ครับ...

sin.maejo

อ้างจาก: ขุนศึก เมื่อ 04:04 น.  27 ก.ย 56
เรื่องการขอเป็นผู้ดูแลบุตรจะมี 2 กรณี

ในกรณีแรก ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรสนะครับ เด็กที่เกิดจากหญิงซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับชายบิดาของเด็ก กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงซึ่งเป็นมารดาเท่านั้น ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1546 และมารดาแต่ผู้เดียวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ตามกฎหมายตามมาตรา 1566, มาตรา 1567 แม้ว่าท่านจะเลิกรากับภรรยาไป ก็ไม่มีผลลบล้างหรือกระทบกระเทือนต่ออำนาจปกครองของฝ่ายหญิงตามกฎหมาย

ส่วนในกรณีของท่านที่จดทะเบียนสมรส มีบุตร และจดทะเบียนหย่าในภายหลัง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ระบุไว้แบบนี้ครับ

มาตรา 1520   ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให้ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตามมาตรา 1582 ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ

มาตรา 1521 ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามมาตรา 1520 ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ

ทีนี้ต้องถามกลับละครับว่าตอนหย่า ได้ทำบันทึกข้อตกลงเรื่องอำนาจปกครองบุตรเอาไว้มั้ย และถ้ามีบันทึกในบันทึกระบุอะไรเอาไว้บ้าง ส่วนการฟ้องร้องเพื่อขอเปลี่ยนสิทธิ์ในการดูแลบุตรนั้นสามารถทำได้ครับ แต่ท่านต้องพิสูจน์ต่อศาลให้ได้ว่าฝ่ายหญิงมีความบกพร่องในการเลี้ยงดูบุตรตรงไหนอย่างไร ส่วนท่านก็ต้องพิสูจน์ต่อศาลให้ได้ว่ามีความพร้อมกว่าในการดูแลบุตร และสำคัญที่สุดบุตรจะได้ประโยชน์อะไรกับการไปอยู่ในการปกครองของท่าน

ศาลดูหลายอย่างครับ คร่าวๆก็ตามที่ท่านว่ามา ที่เหมือนว่าท่านจะศึกษามาบ้างแล้ว ก็เช่น การศึกษา การงาน สังคม ความเป็นอยู่  ทรัพย์สิน และอื่นๆ ส่วนหลักฐานต่างๆที่จะนำไปประกอบว่าฝ่ายหญิงบกพร่องก็เช่นรูปถ่ายต่างๆ สถานที่ทำงาน ภาพในเวลางาน ภาพบ้านเช่าห้องพักที่อยู่ ตลอดจนภาพถ่ายเวลาที่ฝ่ายหญิงไปทำงานใครเป็นผู้ดูแลบุตร ภาพชีวิตความเป็นอยู่ทั่วๆไปของบุตร ทั้งนี้อาจใช้บริการนักสืบเอกชนก็ได้ครับ

แต่อย่างไรก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ลองคุยกับฝ่ายหญิงกันดูอีกหลายๆครั้ง ให้เน้นคุยกันที่ผลประโยชน์ของลูกว่าจะมีอนาคตที่ดีอย่างไรเมื่อไปอยู่ในปกครองของท่าน คุยกันด้วยเหตุและผล ให้นึกถึงวันที่รักกัน และ ให้นึกถึงประโยชน์ของลูกที่จะได้รับเป็นสำคัญ

ส่วนที่ถามทิ้งท้ายไว้ว่า "%ที่ศาลจะตัดสินน่าจะอยู่ในความปกครองของบิดาหรือมารดาครับ" ส่วนตัวคงไม่ตีให้เป็นเปอร์เซ็น แต่จากข้อกฎหมายและความเป็นจริงต่างๆ การที่ศาลจะตัดสินยกบุตรให้อยู่ในการดูแลของฝ่ายใดนั้น "ศาลจะยึดความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ"ครับ เพราะฉนั้นคำตอบนี้ถ้าจากคำบอกเล่าข้างเดียวของท่าน ผมว่าท่านก็มีโอกาสเหมือนกันครับ ที่เหลือจะอยู่ที่พยานหลักฐานในการใช้พิสูจน์ครับ...
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้