ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ดร.โสภณ ชี้พระมหาวุฒิชัยตั้งโรงเรียนชาวนาบนสมมติฐานผิด

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 16:10 น. 27 ก.ย 56

ทีมงานบ้านเรา

โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
sopon@thaiappraisal.org  www.facebook.com/dr.sopon

[attach=1]

ผมอ่านข่าว "ร.ร.ชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ วิถีนิพพานอาชีพเกษตร" ในไทยรัฐ วันที่ 27 กันยายน 2556  พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้ก่อตั้งบอกว่า "ถ้าประเทศไทยไม่ มีชาวนาเศรษฐกิจของประเทศพังทันที" จึงร่วมกันตั้งมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ พร้อมทั้ง เปิด ร.ร.ชาวนา พุทธเศรษฐศาสตร์ สอนชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์  สมมติฐานข้อนี้ผิด

            ในความเป็นจริง ประเทศไทยพึ่งภาคการเกษตรน้อยมาก กล่าวคือ ผลผลิตจากภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนเพียง 11% ของ GDP ณ ปีล่าสุดคือ พ.ศ.2554 หรือมีมูลค่า 1.271.524 ล้านบาท เมื่อเที่ยบกับ GDP ที่ 11.120,518 ล้านบาท ในขณะที่ภาคการผลิตหลักคือภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วนสูงสุดคือ 30% และภาคการค้าส่งและค้าปลีก 15% เกษตรกรรมตกอยู่ในอันดับที่ 3  ยิ่งกว่านั้น หากอุตสาหกรรมรวมไปถึงเหมืองแร่ ไฟฟ้าประปา แก๊ส และการก่อสร้างด้วยแล้ว จะกินส่วนแบ่งใน GDP สูงถึง 38%



ผลิตภํณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ณ พ.ศ.2554

รายการ                                                        ล้านบาท         สัดส่วน

ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP)    11,120,518               100%           

เกษตรกรรม                                               1,271,524                11%

เกษตรกรรมเฉพาะปลูกข้าว                          764,125                  7%

อุตสาหกรรม                                              3,297,910                30%

การค้าส่ง-ปลีก                                           1,630,226                15%

ที่มา: www.nesdb.go.th/Portals/0/eco_datas/account/ni/cvm/2011/ตารางสถิติบัญชีประชาชาติ%20ปี%202554%20แบบปริมาณลูกโซ่.xls               



            อันที่จริงภาคการเกษตรเคยเป็นเศรษฐกิจหลักเมื่อช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ พ.ศ.2494 ในขณะนั้น ภาคเกษตรกรรม เคยมีสัดส่วนใน GDP ถึง 38% ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมีสัดส่วนเพียง 13% เท่านั้น  แต่ ณ ปัจจุบันกลับตาลปัตร ยิ่งหากพิจารณาเฉพาะการทำนาปลูกข้าวตามที่พระมหาวุฒิชัย อ้างถึงด้วยแล้ว ณ พ.ศ.2554 มีสัดส่วนใน GDP เพียง 7% เท่านั้น

            อย่างไรก็ตามประชากรในภาคเกษตรกรรมมีเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 41% ของประชากรทั้งหมด ในขณะที่ประชากรในภาคบริการมีสูงถึง 40% และภาคการผลิตมีเพียง 19% เท่านั้น การนี้ชี้ให้เห็นว่าผลิตภาพในภาคการเกษตรต่ำมาก ส่วนมากอาจผลิตเพียงแค่พอใช้สอย ประชากรในต่างจังหวัดส่วนมากอพยพไปทำงานในภาคการผลิตอื่นในภาคอื่น เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกหรือในตัวจังหวัดหลักในภูมิภาค

            'ความเพ้อฝัน' ที่จะให้คนชนบทกลับไปใช้ชีวิตแบบ 'คิขุอาโนเนะ' ทำนาอย่างพอเพียงจึงเป็นแค่ความฝันอันเหลือเชื่อและเป็นไปไม่ได้เลย เท่ากับส่งเสริมให้พากันไปตายในบ้านเกิดที่มีทรัพยากรจำกัด ในสมัยปัจจุบันนี้จะให้ชาวบ้านอยู่กันแบบจับกบ กับเขียด เก็บหอยตามท้องนา ยิงกระปอม (กิ้งก่า) สอยใข่มดแดงมากินกันคงไม่ได้แล้ว ประชากรก็เพิ่มขึ้นมากมาย

            การที่ประชากรส่วนหนึ่งมาทำงานในเมืองหรือในภาคการผลิตอื่น ส่งเงินกลับบ้าน ทำให้ประชากรส่วนที่เหลือมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น  ส่วนที่จะได้รับ 'สารพิษ' จากการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการบริโภคนิยม การนิยมวัตถุ เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลที่ต้องรู้จักมีภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่พยายามใฝ่ฝันให้พวกเขากลับไปมีชีวิตแบบบุพกาลเช่นแต่ก่อน

            ในอีกแง่หนึ่งบ้านในชนบทในก็เป็นเสมือนlสถานตากอากาศ (Resort)' สำหรับการไปพักผ่อน (Retreat) ของชาวชนบทที่มาทำงานในเมืองได้กลบัไป 'ชาร์ตแบต' ในวันหยุดบ้าง โดยนัยนี้การขยายการทำนา จึงเป็นสิ่งฝืนความเป็นจริง อันที่จริงควรจำกัดการทำนา หรือทำให้การทำนาเป็นภาคเกษตร-อุตสาหกรรม เพื่อให้มีผลิตภาพมากขึ้น มากกว่าที่จะผลิตแบบตามมีตามเกิดและได้ผลผลิตต่ำเช่นที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้

            แทนที่เราจะส่งเสริมให้คนมีนา เราน่าจะส่งเสริมให้เลิกทำนา โดยเฉพาะเอาที่นาหรือที่เกษตรกรรมในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม มาปลูกป่า และป้องกันการบุกรุกอย่างเฉียบขาด การแจกที่ดินให้คนไปทำนา จึงเป็นแนวคิดที่ผิด การซื้อที่ดินจากชาวนาโดยเฉพาะในพื้นที่บุกรุก เพื่อมาทำเป็นป่า ฟื้นฟูป่าควบคู่กับการปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าอย่างเฉียบขาด จึงเป็นหนทางแห่งความเจริญของไทยมากกว่าการส่งเสริมให้ทำการเกษตรกรรมแบบ '

            อย่างไรก็ตามคนที่อยากทำนา โดยเฉพาะการทำนาปลอดสารพิษนั้น เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่สามารถถือเป็นมาตรฐานทั่วไปได้ ถือเพียงว่าเป็น Market Niche หรือช่องทางการตลาดใหม่เฉพาะกลุ่ม คือกลุ่มปัญญาชนหรือผู้มีอันจะกินที่ห่วงสุขภาพ แทนที่จะผลิตขายเฉพาะกลุ่ม เราสามารถทำให้สินค้าของเรามีราคาสูงกว่าทั่วไป เพราะผู้ซื้อมีกำลังซื้อสูงกว่าคู่แข่งในตลาด Niche Market มีน้อยกว่า โดยธรรมชาติแล้ว Market Niche เป็นตลาดเล็ก ๆ ที่แม้มีจุดขายที่เหนือกว่า แต่ใช่จะสามารถแทนที่ตลาดทั่วไป (Conventional) ได้

            นอกจากนี้การทำ Niche Market ยังเป็นการสร้างแบรนด์ ผู้ทำย่อมได้หน้าได้ตาจากการทำดีเหนือคนอื่น  ทำให้ดูดีกว่าในสังคม นักบวช ปัญญาชน คนที่ได้ชื่อว่าคนดีในสังคม มักชมชอบการทำดีในลักษณะนี้ แต่จะถือเป็นวิถีทั่วไปคงไม่ได้ การใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันตราย แต่ความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่งก็คือ ถ้าในโลกนี้สามารถกำจัดศัตรูพืชได้โดยไม่ใช้สารเคมี ได้ทั่วไปจริง ๆ ก็คงไม่มียากำจัดศัตรูพืชออกมาขายอย่างแน่นอน

            ในตอนท้าย พระมหาวุฒิชัย ยังกล่าววา "ตราบใดที่คนเรายังต้องกินต้องอยู่ เราต้องสอนนิพพานแห่งอาชีพควบคู่กันไปด้วย เกษตรกร ชาวนาไทยถึงจะอยู่รอดได้" คำพูดนี้ฟังดูดี แต่แปลว่าอะไร ในกรณีนี้อาจตีความได้ว่าเป็นการ 'เล่นคำ' มากกว่าสาระที่แท้จริง เราต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยน ประชากรมากขึ้น ทรัพยากรมีจำกัด การจะให้ใครต่อใครกลับไปทำนา ทำไร่เช่นบรรพบุรุษ คงเป็นไปไม่ได้

          การฝืนความจริงให้คนกลับไปทำนา เท่ากับพากันลงเหว จึงเป็นความฝันที่เหลือเชื่อ และเชื่อไม่ได้



อ้างอิง

ข่าว "ร.ร.ชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ วิถีนิพพานอาชีพเกษตร" ไทยรัฐ 27 กันยายน 2556 www.thairath.co.th/content/edu/372228

ทิศทางการทำงานของแรงงานไทย ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/citizen/news/news_lfsdirect.jsp

แรงงานเกษตรในประเทศไทย กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/reader-opinion/20130702/514538/แรงงานเกษตรในประเทศไทย.html
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

Puiey2521

อย่าลืมนะครับ ประเทศไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม รากฐานอันแข็งแกร่ง หากภาคอุตสาหกรรมล้มเหลว ประเทศไทยก็ยังคงพึ่งพาภาคเกษตร ไม่ให้ประเทศล่มสลายทางเศรษฐกิจได้ ต่อให้เอาตัวเลขอะไรมายืนยัน ผมว่าคนไทยก็ยังต้องพึ่งพาภาคเกษตรได้เสมอ สนับสนุนท่าน ว. ครับ
ทำดีแล้วโดน "ด่า" ดีกว่าพวกไม่ทำ "ห่า" แล้วด่า "คนอื่น"

apache