เดิมพันทะลุได้เสียแน่

[itplaza]

ถ้าแหยง ก็คงไม่ส่งสัญญาณไฟเขียวให้สภาเดินหน้าโหวตวาระ 3

ตามรูปการณ์นาทีนี้ "เผือกร้อน" ตกมาอยู่ในมือของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อุ้มไว้เองเต็มๆ ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ในกระบวนการทูลเกล้าฯถวาย ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา

เงื่อนไขล็อก ออกลีลาตีกรรเชียงไม่ได้

แล้วก็เป็นนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ สายตรงทีมงาน "ไทยคู่ฟ้า" ออกมาคอนเฟิร์มเองเลยว่า จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายได้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

สำทับด้วยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ มือกฎหมายคนสำคัญของ ครม.ก็แสดงความมั่นใจว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะไม่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 154 ตามที่ ส.ว.และ ส.ส.ฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เพราะบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 154 มีผลบังคับใช้กับร่าง พ.ร.บ.เท่านั้น แต่สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ นอกจากจะต้องนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯถวายภายใน 20 วัน นับตั้งแต่วันรับร่างจากประธานรัฐสภา

ทีมงานฝ่ายบริหารพร้อมดันหลัง "ยิ่งลักษณ์" ลุยไฟ

ในอารมณ์ที่ "ขุนค้อน" นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา พูดดังๆ

ออกอากาศไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ "คราวนั้นให้เกียรติ คราวนี้ไม่ให้เกียรติแล้ว คราวนี้ผมทำได้อย่างเดียว เดินตามกรอบรัฐธรรมนูญเท่านั้น คุณใช้อำนาจอะไร ผมใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญสั่งผม รัฐธรรมนูญบอกว่าพ้น 15 วัน ต้องลงมติวาระที่สาม รัฐธรรมนูญสั่ง แล้วคุณเอาอะไรมาสั่ง ทำไมผมต้องฟังคุณ"

เสียงแข็งใส่กันแบบซึ่งๆหน้า

แถมคิวนี้ยังมีปรมาจารย์รุ่นเก๋าอย่าง "บิ๊กเติ้ง" นายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาช่วยดันหลังอีกแรง ยืนยันไม่มีปัญหาเด็ดขาด ทุกอย่างเรียบร้อย ตามขั้นตอนนายกรัฐมนตรีต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายภายใน 20 วัน

ฝ่ายรัฐบาลแปรรูปขบวนไปในทิศเดียวกัน

งานนี้เดิมพันทะลุ มีได้เสียแน่

และไม่ใช่แค่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว.ที่จ่อวัดใจเกมเพาเวอร์เพลย์เท่านั้น

ล่าสุดประธานรัฐสภา ยังออกหนังสือด่วนนัดประชุมร่วมรัฐสภา ตามวาระพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่เกี่ยวกับการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 ว่าด้วยอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและโทษยุบพรรคการเมือง

ใส่เกียร์ห้า กระทืบคันเร่งเดินหน้าสุดซอย

ตามยุทธศาสตร์ของฝ่าย "ทักษิณ" ที่ยึดขอบข่ายอำนาจของตัวเองเป็นตัวตั้ง โดยเฉพาะความได้เปรียบจากการล็อกอำนาจ 2 ใน 3 "อำนาจอธิปไตย 3 ขา"

ว่ากันตามกติกาสูงสุดของประเทศ

นั่นคือฝ่ายบริหาร ผ่านรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและฝ่ายนิติ-บัญญัติที่ครองเสียงข้างมากในสภา ตั้งป้อมวัดพลังกับฝ่ายตุลาการที่แฝงอยู่ในรูปขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ

ตามข้อมูลวงในของ "นายใหญ่" ที่เชื่อว่า "เปาบุ้นจิ้น" ก็แบ่งออกเป็นหลายสาย

ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันเหมือนตุลาการภิวัตน์กำลังแรงๆ

ตามรูปการณ์ด่านสกัดเกมรื้อรัฐธรรมนูญฉบับหน้าแหลมฟันดำ หรือร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2557 เต็มที่ก็ทำได้แค่กระตุกแข้งกระตุกขาให้เสียจังหวะ สร้างความรำคาญก็เท่านั้น

ตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่บินโฉบมาปักหลักอยู่แถบฮ่องกง มาเก๊า เพื่อติดตามข้อมูลเชิงลึกจากเมืองไทยอย่างใกล้ชิด

เรียกแกนนำระดับตัวจักรสำคัญไปรายงาน พร้อมสั่งการเกมเดิมพันด้วยเส้นทาง "กลับบ้าน"

สถานการณ์สอดรับต่อเนื่องกับกระแสวงใน ตระกูลชินวัตรกำลังเนรมิตคฤหาสน์สุดอลังการบนเนื้อที่นับ 100 ไร่ ย่านรามอินทรา

แน่นอนโดยขนาดที่กว้างขวางมหึมา น่าจะเน้นการจัดลำดับชั้นความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก ไม่ให้ผู้ปองร้ายส่องสไนเปอร์จากรั้ว ล็อกเป้าถึงตัวได้ง่ายๆ

โดยรูปการณ์ "นายใหญ่" พร้อมกลับมาเสี่ยงที่เมืองไทยแล้ว.


ทีมข่าวการเมือง

ขอบคุณเนื้อหา : ไทยรัฐ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=29996&page=1