ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

กูรูน้ำ'อ.เสรี'ชี้ เขื่อนแม่วงก์ไม่แก้น้ำท่วม พร้อมฟันธงกทม.จมอีกหรือไม่?(ชมคลิป)

เริ่มโดย itplaza, 10:09 น. 02 ต.ค 56

itplaza

หลังจากหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและบางจังหวัด ที่ไม่เคยถูกน้ำท่วม แต่ปีนี้กลับต้องมาจมอยู่ใต้บาดาล ภาพความทุกข์ยาก ความเสียหาย เมื่อครั้งปี 2554 หวนกลับมาให้ได้คิดกันอีกครั้ง หลายคนเกิดคำถามทันที ปีนี้น้ำจะท่วมไหม?? จะท่วมหนักเหมือนปี 2554 หรือไม่?? กรุงเทพฯ จะถูกน้ำท่วมอีกครั้งหรือ? ถ้าไม่ท่วมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพราะอะไร?? ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ จะไขทุกคำถาม ทุกประเด็น กับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต



ไทยรัฐ: สถานการณ์น้ำปี 2556 กึ่งวิกฤติแล้วใช่ไหม

รศ.ดร.เสรี: จากการศึกษาข้อมูลจากกรมชลประทาน และการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงมั่นใจว่าความรุนแรงของเหตุการณ์อุทกภัยในปีนี้ ถือว่ายังคงเป็นภาวะธรรมดา ไม่ถึงขั้นวิกฤติ และไม่รุนแรงเทียบเท่ากับปี 2554 อย่างแน่นอน

ไทยรัฐ: สถานการณ์น้ำท่วมเวลานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด

รศ.ดร.เสรี: สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดจากระบบการระบายน้ำที่ยังคงมีปัญหา และขาดการเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเป็นระบบ เมื่อเผชิญกับพายุดีเปรสชันในช่วงที่ผ่านมา จึงเกิดภาวะน้ำท่วมอย่างฉับพลัน



ไทยรัฐ: อิทธิพลของสภาพอากาศและพายุปีนี้ จะรุนแรงระดับไหน

รศ.ดร.เสรี: ในปีนี้ สภาพอากาศยังคงแปรผันตามร่องมรสุมที่พาดผ่านตามฤดูกาล ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนในปีนี้ยังคงมีปริมาณ ไม่ต่างจากปี 2555 และ 2553 มากนัก ถือว่ายังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ และในบางพื้นที่ยังถือว่าแห้งแล้ง รวมถึงอิทธิพลของพายุก็ยังคงมีระดับความรุนแรงและจำนวนใกล้เคียงกับปี 2553 และ 2555 ดังนั้น เมื่อดูจากปริมาณน้ำสะสม ปริมาณฝน รวมถึงความรุนแรงพายุ จึงส่งผลกระทบแค่บางพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่แล้วทุกปี

ไทยรัฐ: แล้วมีโอกาสที่มวลน้ำจะไหล หรือหลาก มาถึงกรุงเทพฯ จนเกิดน้ำท่วมไหม

รศ.ดร.เสรี: เชื่อมั่นว่ามวลน้ำจะไม่สงผลกระทบต่อตัวเมืองกรุงเทพฯ เพราะจากการดูปริมาณน้ำที่อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน บริเวณ จ.นครสวรรค์ ยังคงอยู่ในภาวะปกติ คือที่ 1712 ลบ.ม./วินาที ซึ่งแม่น้ำสายดังกล่าวสามารถรองรับน้ำได้ถึง 3 เท่า ของปริมาณน้ำในขณะนี้ แต่ในปี 2554 แม่น้ำสายดังกล่าว มีปริมาณน้ำไหลผ่านกว่า 4,000 ลบ.ม./วินาที จึงเป็นสาเหตุให้น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่นา เพราะแม่น้ำสายดังกล่าวมีสภาพเป็นคอขวดบริเวณ จ.ชัยนาท จึงส่งผลให้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ จนทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่



ไทยรัฐ: หากกรุงเทพฯ จะถูกน้ำท่วมเหมือนปี 2554 จะต้องเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รศ.ดร.เสรี: หากประเทศจะต้องประสบปัญหาน้ำท่วมเหมือนปี 2554 ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะต้องมีฝนตกหนักมากถึงประมาณ 800 มิลลิเมตร และจะต้องเจออิทธิพลของพายุโดยตรงประมาณ 4-5 ลูก ภายใน 1 เดือนนี้ ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ ทำให้วิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และถ้าพิจารณาเหตุการณ์ในขณะนี้ ถ้าขั้นเลวร้ายที่สุดก็คงจะเทียบเท่าเพียงแค่สถานการณ์น้ำท่วมในปี 2553 เท่านั้น ซึ่งปีดังกล่าวเป็นปีที่ใด้รับอิทธิพลของปรากฏการณ์ "ลานินญ่า"

ส่วนอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงสิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จะเป็นพายุที่จะส่งผลต่อประเทศโดยตรงลูกสุดท้าย ซึ่งพายุลูกอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป อาจจะแค่เคลื่อนเฉียด และส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่น่าเป็นห่วง



ไทยรัฐ: เขาบอกกันว่าน้ำท่วมใหญ่ 100 ปี จะเกิดขึ้น 1 ครั้ง

รศ.ดร.เสรี: 100 ปี มี 1 ครั้งเกิดจากการนำเอาระดับน้ำมาวัด ซึ่งเมื่อเทียบจากการคำนวณทางสถิติ น้ำสูงระดับนี้ คือ 100 ปี แต่ในความเป็นจริง 100 ปีในวันนี้ อนาคตข้างหน้า อาจจะเป็นเพียงแค่ 5 ปี หรือ 10 ปี ที่เร็วขึ้น เพราะว่าปัจุบันมีการสร้างคันน้ำในหลายจุด และอนาคตข้างหน้าฝนจะตกหนักขึ้นแน่นอน ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นเท่ากับ 100 ปีที่คำนวณไว้ ยกตัวอย่าง เหตุการณ์น้ำท่วมที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีการคำนวณว่า ระดับน้ำท่วมขณะนี้คือ 25 ปี แต่ในความเป็นจริง กบินทร์บุรีถูกน้ำท่วมทุกปี อันเป็นผลจากการบีบน้ำ จึงทำให้ระดับน้ำยกตัวสูงขึ้น

ไทยรัฐ: เขื่อนแม่วงก์ ช่วยป้องกันน้ำท่วมได้อย่างไร

รศ.ดร.เสรี: จากข้อมูล เขื่อนแม่วงก์ไม่สามารถช่วยน้ำท่วมใด้ เนื่องจากเขื่อนดังกล่าวสามารถจุน้ำได้ไม่ถึง 1% แต่เขื่อนแม่วงก์มีประโยชน์ที่จะช่วยกักเก็บน้ำ ช่วยเหลือเกษตรกรในหน้าแล้ง การสร้างเขื่อนแม่วงก์ จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะจัดเวทีเพื่อชี้แจงให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างภาครัฐและประชาชน เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้



ไทยรัฐ: จากนี้ต่อไปประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร

รศ.ดร.เสรี: ประชาชน สามารถวิเคาระห์และเตรียมพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมได้ โดยดูจากระดับน้ำบริเวณบางไทร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่แน่นอนที่สุด ถ้ามีปริมาณน้ำมากกว่า 3,590 ลบ.ม./วินาที จะเป็นสัญญาณว่ามวลน้ำที่เหลืออาจจะทะลักเข้าสู่กรุงเทพฯ ภายในไม่เกิน 7 วัน โดยข้อมูลดังกล่าว สามารถตรวจสอบได้จากทางกรมชลประทาน นอกจากนี้ ควรติดตามการรายงานสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.

ขอบคุณเนื้อหา : MThai
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=30022&page=1

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

อะไรๆก็เขื่อน ผมคิดว่าไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องนัก  ทำไมเราไม่ทำทางอื่นๆบ้าง รู้ครับว่าลมฟ้าอากาศเอาแน่ไม่ได้ ขณะเดียวกันการระบายน้ำเพื่อการเกษตรหรือการอื่นๆก็น่าจะจัดให้เป็นระบบมากกว่านี้ รวมทั้งปลูกป่าปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น ซึ่งหลายๆอย่างจะเชื่อมโยงกันหมด
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

Puiey2521

ทำดีแล้วโดน "ด่า" ดีกว่าพวกไม่ทำ "ห่า" แล้วด่า "คนอื่น"