'เชือดไก่' ดักไว้ก่อน?

[itplaza]

เล่นเอาสะดุ้งกันทั้งโลก กับปรากฏการณ์รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา เข้าสู่สภาวะ "Shutdown" ภายหลังสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันเที่ยงคืนวันที่ 1 ตุลาคม ตามเวลาในสหรัฐฯ

ยังผลให้หน่วยงานราชการหลายแห่งที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจสำคัญเร่งด่วนไม่สามารถเบิกงบฯ ใช้จ่ายและจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ พนักงาน 800,000 คน จาก 2.9 ล้านคนของรัฐบาลกลางจะถูกพักงาน และอีกกว่าหนึ่งล้านคน จะถูกขอให้ทำงานแต่ไม่ได้รับค่าจ้าง

มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เจอเกมการเมืองยื้อกันในสภา ยังไปไม่เป็น

สุดท้ายกรรมตกอยู่กับประชาชน

เรื่องของเรื่อง มันก็ล้อกันเลยกับสถานการณ์สะดุดด้านงบประมาณของประเทศไทย

ล่าสุดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งเรียกประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีสภาผู้แทนราษฎร และผู้แทนสำนักงบประมาณ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงาน ป.ป.ช.เข้าชี้แจง

กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของ ส.ว.และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้พิจารณาการตัดลดงบประมาณในส่วนขององค์กรอิสระขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

ยังไม่แน่ใจจะจบสิ้นกระบวนการเมื่อไหร่

ในอารมณ์ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าเหตุการณ์จะไม่เกิดกับไทยเช่นเดียวกับของสหรัฐฯ เพราะในความเป็นจริงเราสามารถใช้กรอบงบประมาณปีที่ผ่านมาไปพลางๆก่อนได้ ขณะนี้สำนักงบประมาณก็ได้เสนอต่อ ครม.ให้นำงบประมาณไปใช้ได้

แต่อาจจะมีผลกระทบต่อโครงการใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนของงบประมาณในปีที่ผ่านมา อาจมีส่วนทำให้เกิดการหยุดชะงัก หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีความชัดเจนออกมารัฐบาลจะได้ถือปฏิบัติ

เอาเป็นว่า เบื้องต้นเงินเดือนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สะดุด

ไม่อย่างนั้นคงหนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน

อย่างไรก็ตาม โดยสถานการณ์ "Government Shutdown" ของสหรัฐฯน่าจะเป็นกระแสกดดันให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ค้างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่นาน

ในสถานการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญยังต้องรับแรงกดดันอีกด้านหนึ่งจากร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ที่ล่าสุด นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยืนยันอีกครั้งว่า มีหน้าที่เสนอตามขั้นตอน โดยยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ไม่สามารถชะลอ หรือปฏิบัติตามหลักการอื่นได้

ยอมรับด้วยว่า มีหลายฝ่ายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยอาจมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้านก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องยึดหลักกฎหมาย

สรุปเลยว่า เอาช้างมาฉุดก็ไม่ถอย

และก็เป็นอะไรที่น่าจับตา กับปรากฏการณ์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ สั่งลงโทษจำคุกจำเลยรวม 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาและให้ริบของกลาง ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.นพวรรณ ตั้งอุดมสุข เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

จากกรณีที่จำเลยได้พิมพ์ข้อความอันเป็นการดูหมิ่นเบื้องสูงแล้วนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาไท ให้ประชาชนทั่วไปท่ีใช้บริการเว็บไซต์ดังกล่าวได้อ่าน ซึ่งการกระทำดังกล่าว อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เบื้องสูงได้

หลังก่อนหน้าวันเดียว ศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษากลับให้ "จำคุก" นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี กรณีนำเอาคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" ที่พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง ไปปราศรัยต่อบนเวทีม็อบพันธมิตรฯ

ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 2 ปี

กระตุกมาตรฐานความ "เข้ม" คดีหมิ่นสถาบัน

ในจังหวะสถานการณ์ยื้อยุดฉุดกระชากลากถู กระบวนการทูลเกล้าฯ ถวายร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. รัฐบาลกับฝ่ายต้านต่างฝ่ายต่างกระทำการ "ล่อแหลม"

ตามรูปการณ์ โอกาสสูงที่จะมีคนกระทำการเสี่ยง "ล้ำเส้น"

จึงต้องมีรายการเชือดไก่ให้ลิงดู ขู่ดักทางไว้ก่อน.

ขอบคุณเนื้อหา : ไทยรัฐ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=30056&page=1