ใครโกหกกันแน่? จีนจะซื้อข้าวไทยปีละ 1 ล้านตัน!

[itplaza]

แม้ว่าการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-13 ตุลาคมที่ผ่านมา จะสิ้นสุดไปแล้ว แต่กระแสการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสำเร็จที่รัฐบาลไทยกล่างอ้าง ยังคงได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากใน Social Media

โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีออกมาแถลงว่า ได้มีการหารือเพิ่มเติมกับนายกรัฐมนตรีของจีน หลังจากที่ได้ลงนามในเอ็มโอยูการซื้อขายสินค้าการเกษตร ซึ่งถือเป็นความร่วมมือพิเศษจากเดิมที่รัฐบาลจีนได้ลงนามในสัญญาซื้อข้าวจาก ไทย 1 ล้านตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี แต่จีนเห็นความสัมพันธ์ที่ดีจึงปรับการซื้อข้าวเป็นปีละ 1 ล้านตัน โดยเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี


นอกจากนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ยังบอกอีกว่า จีนตกลงจะซื้อยางพาราอีกเป็นจำนวน  2 แสนตันต่อปี ขณะเดียวกันยังมีสินค้าอื่นๆ ที่จะหารือกันต่อไป และยังไม่รวมการซื้อขายภาคเอกชน โดยรายละเอียดทั้งหมด มอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เร่งประชุมหารือโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันถึงข้อตกลงการขายข้าวให้จีนปีละ 1 ล้านตันว่า เป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่ดำเนินการร่วมกับจีน ซึ่งในรายละเอียดได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์ ไปหารือในวิธีการอีกครั้ง ส่วนเรื่องตัวเลขราคาซื้อขายยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของคณะกรรมการระบายข้าวที่ต้องศึกษารายละเอียด เพราะว่ายังมีอีกหลายขั้นตอน เนื่องจากภาครัฐมีหน้าที่เจรจาหลักเท่านั้น ส่วนรายละเอียดในเรื่องสัญญา เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องเป็นผู้ดำเนินการ


"ข้อตกลงนี้ เป็นเรื่องของรัฐกับรัฐ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ก็ต้องไปหารือในรายละเอียดกับกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง และกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ของจีน ไม่เกี่ยวกับภาคเอกชน ส่วนภายในปีนี้จะสามารถส่งมอบข้าวได้หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ในสัญญาเป็นความร่วมมือที่จีนยืนยันว่าจะรับซื้อข้าวปีละ 1 ล้านตัน ส่วนในรายละเอียดขอให้กระทรวงพาณิชย์ของทั้ง 2 ประเทศไปพูดคุยกันก่อน"

นั่นเป็นมุมมองความสำเร็จของรัฐบาลไทย ซึ่งกำลังอยู่ในสภาพข้าวล้นสต็อก อันเนื่องมาจากโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้น การมีข่าวว่าจะสามารถระบายข้าวออกไปได้เป็นกอบเป็นกำแบบเช่นนี้ ย่อมจะช่วยลดแรงกดดันไปได้บ้าง


แต่ในอีกมุมหนึ่ง มุมของทางการจีน ปรากฎว่า จากการสำรวจข่าวการมาเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีจีนจากเว็บไซต์ของสำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสำนักข่าวใหญ่ที่เป็นทางการของจีน ปรากฎว่าไม่พบข้อความในส่วนที่พูดถึงบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูที่จีนบอกว่า จะรับซื้อข้าวจากประเทศไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นปีละ 1 ล้านต้น หรือ 1 ล้านตันภายใน 5 ปีนั่นเองเลยแม้แต่น้อย

ที่ใกล้เคียงมากที่สุดน่าจะเป็นข่าวของสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนแถลงภายหลังการเจรจากับนายกรัฐมนตรีของไทยว่า ได้เป็นสักขีพยานในการลงนามในข้อตกลงร่วม 2 ฝ่ายหลายฉบับ ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือในทุกๆด้าน พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้เพิ่มความร่วมมือกันให้มากขึ้นในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การคมนาคมขนส่ง พลังงาน การเงิน เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการทหาร ทั้งนี้ ความร่วมมือต่างๆ จะต้องมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น


นอกจากนี้ ยังมีข่าวของสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน ระบุว่านายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ตอกย้ำให้มีการเดินหน้าในความร่วมมือด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมทางด้านเศรษฐกิจ-การค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สินค้าเกษตรแปรรูปและพลังงานไฟฟ้า

ส่วนความสำเร็จที่ฝ่ายจีนย้ำมากๆ คือ ข้อตกลงที่ไทยให้ความสนใจจะร่วมกับจีนในเรื่องการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่จีนเชื่อมั่นว่า มีมาตรฐานเพียงพอที่เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการนี้ได้


ดังนี้ จะเห็นได้ว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศมีประเด็นมุมมองของความสำเร็จในการเจรจาทวิภาคีที่แตกต่างกัน นั่นคือ ฝ่ายไทยเน้นเรื่องความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการส่งออกข้าวและยางพาราไปยังประเทศจีน  ขณะที่ฝ่ายจีนเน้นความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่อยู่ในแผนการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลไทย

อาจจะเร็วเกินไปที่จะกล่าวหาว่า รัฐบาลไทยไปลงนามในบันทึกความเข้าใจลมๆ แล้งๆ เพราะคิดไปเองว่า รัฐบาลจีนได้ตกลงจะซื้อข้าวปีละ 1 ล้านตัน (หรือแม้กระทั่ง 1 ล้านตันภายใน 5 ปี ก็ตาม) เพราะจะต้องติดตามรอผลการดำเนินการในระดับกระทรวงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะมาทำงานร่วมกัน


อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ แหล่งข่าวทางการทูตจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยบอกว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ได้มีการลงนามในข้อตกลงที่จีนจะซื้อข้าวจากไทยปีละ 1 ล้านตันจริงหรือไม่ โดยให้รอการยืนยันจากรัฐบาลจีนอีกระยะหนึ่ง

กล่าวโดยสรุปคือ ในวันนี้ แม้เราจะไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีข้อตกลงว่ารัฐบาลจีนจะซื้อข้าวจากไทยปีละ 1 ล้านตันจริงหรือไม่ ดังนั้น เราจึงยังไม่สามารถที่จะไปกล่าวหาใครว่า พูดโกหก หรือ มีแต่ราคาคุยได้ จนกว่ากลไกการเจรจาในระดับกระทรวงจะเกิดขึ้น (หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ตาม)

เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็ต้องมาคอยดูอีกว่า คนที่พูดโกหกนั้น จะยังทำหน้าที่บริหารประเทศได้ต่อไปหรือไม่???

ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี  www.twitter.com/chavarong  chavarong@thairath.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=30478&page=1

[นายไข่นุ้ย]

 ส.แย่จัง  ใครทำอะไรไว้ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ

[ซัมเบ้ Note 7 Jr.]

อีกไม่นาน  น้ำลดตอผุด