ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อาการตาล้ากับโลกดิจิตอล

เริ่มโดย itplaza, 10:38 น. 11 พ.ย 56

itplaza


ดูเหมือนความพยายามในการใช้กระดาษถนอมสายตาของคุณจะไม่ได้ผลเสียแล้ว เพราะในขณะเดียวกันคุณก็ยังคงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้น โทรศัพท์มือถือและอุปการณ์เทคโนโลยีที่ฉลาดขึ้นยังเป็นตัวแปรทำให้คุณอยากที่จะใช้ประโยชน์จากพวกมันเพิ่มขึ้นและนั่นหมายความว่าคุณจะมีเวลาอยู่กับหน้าจอที่มีแสงจ้านานขึ้น จนเราและหลายคนสงสัยกันว่า อาการติดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในชีวิตประจำวัน จะส่งผลเสียกับเราอย่างไร ซึ่งเราได้นำคำถามนี้ไปปรึกษา พญ.อภิรดี ปรีชานนท์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดวงตามาให้คุณ


อาการตาล้ากับโลกดิจิตอล รูปที่ 1

ภาพจาก blackenterprise.com



ถาม : ผู้ชายที่คลั่งไคล์ (และคลั่งไคล้) โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์ประเภทแท็บเล็ตจนเป็นนิสัย จากทั้งการเพ่งมองจอขนาดเล็กและแสงจ้าจะส่งผลต่อสายตาอย่างไรบ้าง

ตอบ : อุปกรณ์ทัชแพดและสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็กกว่าจอคอมพิวเตอร์ ตัวหนังสือหรือภาพในอุปกรณ์ก็มีขนาดเล็ก ทำให้ต้องจ้องมองใกล้เพื่อให้เห็นชัด ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อปรับภาพให้ชัดเจน จะทำให้ตาล้าได้ง่าย หากทำได้ควรปรับขนาดตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานของกล้ามเนื้อตา ส่วนความเข้มของแสงที่ใช้ที่หน้าจอ และแสงที่ช่วยในการทำงานต้องมีระดับเหมาะสม ไม่สว่างจ้าจนระคายตา หรือสลัวจนมองไม่ชัด

ทิศทางของแสงสว่างแวดล้อมก็มีความสำคัญ หากผู้ทำงานถนัดขวา แสงควรส่องมาจากทางซ้ายมือ หลีกเลี่ยงแสงในมุมที่ตกกระทบหน้าจอแล้วสะท้อนเข้าตา เพราะจะทำให้สบายตา ตาพร่าได้ ระยะห่างของสิ่งที่ดูควรห่างจากตาประมาณ 35 เซนติเมตร การใช้งานสายตามากๆ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือโรคใดๆ ไม่ทำให้สายตาแย่ลง เพียงแค่ทำให้ไม่สบายตาจนอาจทำให้หงุดหงิด ประสิทธิภาพการทำงานลดลง



อาการตาล้ากับโลกดิจิตอล รูปที่ 2

ภาพจาก techdigest.tv



อาการตาล้าเป็นอย่างไร

ตามีกล้ามเนื้อตาซึ่งใช้ในการกลอกตาและจ้องมอง การใช้สายตาเป็นเวลานานๆ กล้ามเนื้อตาต้องทำงานก็จะมีอาการเมื่อยล้าได้ อาการตาล้า เช่น ปวดกระบอกตา อาจมีอาการตึงไปขมับ ตึงไปท้ายทอย หากยังคงฝืนใช้ตาต่อไปโดยไม่พักอาจรู้สึกคลื่นไส้ได้ เราสามารถใช้งานสายตาได้ แต่ควรพักเป็นระยะทุกๆ 30 นาที



ขอขอบคุณ : พญ.อภิรดี ปรีชานนท์ (Apiradi Prechanond M.D.) จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตา ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล และโรงพยาบาลจักษุรัตนิน

ขอบคุณเนื้อหา  GM
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=7&news_id=31034&page=1