ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ตะแกรงกันหิน,กรองแอร์,ท่อหายใจเฟืองท้าย,กราวด์วาย:D-MAX,MU-X + สาระการใช้รถยนต์

เริ่มโดย armata, 11:22 น. 25 ธ.ค 56

armata

แนะ 6 วิธี เพื่อผู้หญิงใช้ลานจอดรถอย่างปลอดภัย

กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในช่วงนี้ เมื่อ น.ส.พรพรรณ พรหมจารย์ หรือ น้องยิ้ม อายุ 23 ปี ผู้เข้าประกวดโครงการ "Oishi Mc Search Gen 2" ได้ถูกนายทัศไนย แสงศรี อายุ 26 ปี ฆ่าชิงทรัพย์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 มิถุนายน 2556 โดยเหตุเกิดบริเวณลานจอดรถของห้างดังแห่งย่านบางกะปิ จนทำให้หญิงสาวจำนวนมาก ต่างรู้สึกหวาดกลัวหากต้องใช้บริการลานจอดรถห้างสรรพสินค้าในช่วงกลางคืน ซึ่งกรณีดังกล่าว ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจในเรื่องของความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี

          อย่างไรก็ตาม ภัยร้ายบริเวณลานจอดรถของห้างหรือตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นเหตุการณ์ที่สามารถป้องกันได้ในเบื้องต้น ส่วนจะทำอย่างไรบ้างนั้น วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกัน ดังนี้คับ

        1. สำรวจสถานที่ : สำหรับสาว ๆ ที่ต้องใช้บริการลานจอดรถห้างสรรพสินค้าในช่วงเวลากลางคืน หากไม่คุ้นเคยกับสถานที่ดังกล่าว ควรขับรถวนดูสัก 1 รอบ เพื่อสำรวจว่า ลานจอดแห่งนี้มีทางออกในจุดใดบ้าง แต่ถึงจะเป็นสถานที่คุ้นเคยสาว ๆ ก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากบริเวณลานจอดรถมักมีมุมอับ เสาต้นใหญ่ หรือแม้กระทั่งที่ว่างด้านหลังรถ ที่คนร้ายสามารถใช้เป็นจุดซ่อนตัวได้ ทางที่ดีควรหมั่นสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ

        2. เลือกจุดจอดรถ : เน้นบริเวณที่มีไฟส่องสว่าง ถ้าให้ดีควรอยู่ใกล้กับบันได ทางเดินเข้าห้าง หรือทางไปลิฟต์ โดยหลีกเลี่ยงการจอดรถในชั้นที่ไม่ค่อยมีคนใช้ จากนั้นให้ใช้วิธีขับถอยหลังเข้าช่องจอด เพื่อให้เรามองเห็นพื้นที่รอบ ๆ ได้ในวงกว้าง และยังช่วยให้สามารถขับรถออกไปได้รวดเร็วขึ้น หากพบเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้

        3. ห้ามประมาท : มองไปรอบ ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนลงจากรถ อย่าลืมดึงกุญแจออกและล็อกรถให้เรียบร้อย จากนั้นให้เดินตรงไปที่ประตูทางออกหรือลิฟต์อย่างรวดเร็ว โดยหลีกเลี่ยงการพูดคุยโทรศัพท์ หรือการแชท ระหว่างเดินในบริเวณลานจอดรถ

        4. เตรียมพร้อมเสมอ : เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ควรเตรียมกุญแจให้พร้อมก่อนถึงตัวรถ อย่ามั่วแต่ควานหากุญแจในกระเป๋า เพราะอาจตกเป็นเป้าหมายของโจรได้ จากนั้นเมื่อเดินมาที่จอดรถแล้ว ให้มองสำรวจเข้าไปในตัวรถ โดยเฉพาะบริเวณเบาะหลังคนขับว่า มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ เพราะคนร้ายมักซ่อนตัวอยู่ในจุดลับสายตานั่นเอง

        5. ล็อกประตูรถทันที : หลังจากขึ้นรถแล้ว ควรทำการล็อกประตูทันที อย่านั่งแช่ในรถเพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น การจัดของ เพราะถึงจะมีการล็อกประตูรถไว้แน่นหนา แต่คนร้ายอาจมีอุปกรณ์ในการงัดแงะรถ หรือใช้วิธีอื่น ๆ ทำร้ายเราได้ ดังนั้นควรขับรถออกจากบริเวณดังกล่าวให้เร็วที่สุด

        6. ปรับตารางชีวิต : หากสาว ๆ ยังรู้สึกวิตกกังวลว่า ตนเองอาจตกเป็นเป้าหมายของการก่ออาชญากรรม ให้รีบเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันที่ทำ เช่น จอดรถในสถานที่ใหม่ จอดรถในเวลาที่แตกต่างจากเดิม โดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตัวเหมือนเดิมทุกวัน หรือหากต้องเดินทางในเวลากลางคืน ก็ควรชักชวนคนรู้จักที่ไว้ใจได้ให้ร่วมเดินทางไปด้วย

         นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรู้จักควบคุมสติให้มั่นในยามคับขัน เพราะถ้าขณะนั้นเรายังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ก็จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ เพื่อถ่วงเวลาหรือหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้นั่นเอง...


ปัจจัยแรก มักเลือกผู้หญิงที่ "ประมาท" โดยเฉพาะปัจจุบันชีวิตผู้หญิงหลายคน "ออนไลน์ตลอด" มักก้มหน้าก้มตาอัพเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ทำให้ความสนใจไปอยู่กับโทรศัพท์มือถือ นี่เป็น "ช่องโหว่" ทำให้คนร้ายตัดสินใจเลือกเหยื่อแบบนี้ เพราะเข้าถึงตัวเร็ว สามารถกระชากแขนหรือล็อกตัวได้ง่ายกว่าผู้หญิงที่มีสติตลอดเวลา

ปัจจัยที่สอง "ผู้หญิงผมยาว" จากสถิติคนร้ายจะชอบก่อเหตุกับผู้หญิงผมยาวมากถึงร้อยละ 84 เพราะกระชากผมง่าย จับเป็นตัวประกันได้ง่ายกว่าผู้หญิงผมสั้น


พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล



ปัจจัยที่สาม คือการแต่งกาย "ล่อแหลม" เป็นแรงกระตุ้นอย่างดีให้คนร้ายเกิดอารมณ์ทางเพศและตัดสินใจเลือกเหยื่อ ประเภทนี้ ยิ่งในระหว่างก้าวขาขึ้นบันได ก้มเลือกของ หรือเอื้อมหยิบของจากชั้นวางของจะเป็นเป้าสายตาให้คนร้ายลงมือมากที่สุด

ปัจจัยสุดท้าย "สาวเฟอร์นิเจอร์เยอะ" อธิบายง่ายๆ คือแต่งตัวเดินห้างที ใส่ทั้งเพชรทั้งทอง แหวน สร้อย นาฬิกาหรูๆ กระเป๋าแบรนด์เนม นี่แหละคือเป้าหมายหลักของคนร้ายที่ต้องการทรัพย์สิน เพราะคิดว่าจี้แล้วได้ของมากกว่าคนอื่น

"ผู้หญิง อย่างเราต้องไม่ประมาท แม้ว่าจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าก็ตาม เพราะคนร้ายอยู่ได้ทุกที่ ก่อเหตุได้ทุกเวลา เราต้องมีสติอยู่ตลอด พยายามสังเกตพฤติกรรมคนที่เข้ามาใกล้ตัวเราเสมอ อย่าปล่อยให้เราอยู่ในภาวะเสี่ยงเด็ดขาด"

หมอ แอร์ยังฝากเตือนไปถึงเจ้าของห้างสรรพสินค้าว่า ควรมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เพราะผู้หญิงทุกคนถือเป็นผู้ใช้บริการ ทางห้างต้องมีความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย ทั้งกล้องวงจรปิด ยามรักษาความปลอดภัยในจำนวนที่เพียงพอ อย่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วแก้ไขทีหลัง

"นอกจากในห้าง จุดที่อันตรายอีกจุดคือลานจอดรถ เพราะหลายที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ รปภ.อยู่ประจำเพียงทางเข้า-ออกเท่านั้น อีกทั้งยังปลอดคนด้วย เป็นสถานที่เสี่ยงมากสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว"

ทำอย่างไรเมื่อไปห้างคนเดียว และจอดรถไว้บนลานจอดรถ?

หมอ แอร์แนะนำว่า ขั้นตอนแรกเมื่อไปถึงลานจอดรถ ให้จอดรถ โดยหันรถออกไปด้านหน้าถนน อย่าจอดหันด้านหลังออกเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตัวคนขับต้องเข้าไปเปิดประตูรถในที่มืด เสี่ยงต่อการโดนจับเป็นตัวประกันหรือถูกลวนลามได้ ที่สำคัญหากลานจอดรถเปลี่ยว ไม่มีผู้คนหรือมืดให้เรียกยามรักษาความปลอดภัยเดินไปส่งที่รถ

"ผู้ หญิงพอช็อปปิ้งเสร็จ มักถือของพะรุงพะรังและเสียเวลากับการหากุญแจรถ จนลืมระมัดระวังตัว ดังนั้น ก่อนเดินออกมาหารถ ต้องเตรียมกุญแจไว้ก่อน เมื่อเข้าไปในตัวรถต้องรีบล็อกทันที ป้องกันคนร้ายเปิดประตูรถเข้ามา"

เมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้หญิงต้องทำอย่างไรให้รอด?

"อย่าขัดขืน" โดยเฉพาะคนร้ายที่มีอาวุธทั้งปืน มีด อย่าเสียดายทรัพย์สิน คนร้ายอยากได้อะไรให้ไปเลย และที่สำคัญอย่าด่าทอ ตะคอก เพราะจะไปกระตุ้นให้คนร้ายโมโหและทำอันตรายได้

"วิธี ที่ดีที่สุดคือใช้วาทศิลป์อ้อนวอนขอชีวิตด้วยถ้อยคำดีๆ คอยหว่านล้อมให้ปล่อยตัวเรา เมื่อคนร้ายเผลอหรือมีจังหวะให้รีบวิ่งหนีทันทีพร้อมตะโกนให้คนช่วยชีวิต แต่สิ่งสำคัญต้องมีสติอยู่เสมอ อย่ากลัวจนขาดสติ" หมอแอร์กล่าวทิ้งท้าย

ภัย อยู่ใกล้ตัว อย่าเผลอไร้สติ ถ้าไม่อยากตกเป็น "เหยื่อ" แต่หากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจริง "เสียทรัพย์ดีกว่าเสียชีวิต" เพราะมันไม่คุ้มกัน!

หน้า 25,มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556

armata

ไขปัญหา อะไหล่ แท้-เทียบ-เทียม-ปลอม

ว่าด้วยเรื่องรถ และอะไหล่ซึ่งเป็นของคู่กัน มีรถก็ย่อมต้องมีอะไหล่ เพราะรถราใช้ไปทุกวี่ทุกวัน ก็ย่อมต้องมีเสื่อมมีพังเป็นธรรมดา แต่ปัญหามีอยู่ว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอะไหล่ให้กับรถคู่ใจของเรา มันมีทั้ง แท้-เทียบ-เทียม-ปลอม อ๊ะ! แล้วแบบนี้จะรู้ได้ยังไง เลือกแบบไหนล่ะถึงจะดี เรื่องนี้คนใช้รถอย่างเราๆ ควรต้องรู้ไว้ เพื่อไขข้อข้องใจ ที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงโดนหลอกให้เสียตังค์ เสียความรู้สึกในภายหลัง จะดีเป็นที่สุด




อะไหล่ แท้-เทียบ-เทียม-ปลอม คืออะไร ดูยังไง?

1.อะไหล่แท้ คือ อะไหล่จากบริษัทรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ คุณภาพก็จะเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท ส่วนมากจะมีราคาสูง ซึ่งก็ให้ความมั่นใจในด้านของคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน

2.อะไหล่เทียบ คืออะไหล่ที่สามารถใช้ร่วมกันได้กับรถยนต์หลายยี่ห้อ เช่น ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์หัวฉีด (ปั๊มติ๊กในถัง) ของรถญี่ปุ่น และรถเกาหลีส่วนใหญ่จะมีลักษณะและขนาดเท่ากันทำให้ใช้แทนกันได้ แต่อะไหล่แท้บางยี่ห้อแพง เราก็สามารถเลือกยี่ห้อถูกกว่ามาใช้แทนได้ คุณภาพก็จัดอยู่ในระดับอะไหล่แท้

3.อะไหล่เทียม คือ อะไหล่ที่ผลิตโดยโรงงานผลิตอะไหล่ออกมาขายในยี่ห้อของตนเอง ระดับคุณภาพจะมีทั้งคุณภาพต่ำ คุณภาพเทียบเท่าอะไหล่แท้ และคุณภาพสูงกว่าอะไหล่แท้ อะไหล่เหล่านี้บางส่วนจะผลิตโดยโรงงานที่เป็น หรือเคยเป็นผู้ผลิตอะไหล่ส่งให้แก่บริษัทรถยนต์ สินค้าเหล่านี้จะเป็นสินค้าตัวเดียวกับอะไหล่แท้เลยทีเดียว แต่เมื่อโรงงานเอาออกมาขายอาจจะต้องลบตราแท้บนสินค้านั้นๆ ออก ตัวอย่างเช่นชุดแม่ปั๊มเบรก-คลัทช์ สำหรับรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อ SEIKEN หรือพวกหวีคลัทช์-ผ้าคลัทช์รถญี่ปุ่นจะมี 2 ยี่ห้อหลักคือ AISIN กับ DAIKIN หรือ EXEDY ยี่ห้อเหล่านี้เป็นอะไหล่แท้ OEM หลายรุ่นราคาห่างจากอะไหล่แท้กันเป็นเท่าตัว สินค้าแบบนี้ส่วนใหญ่จะขายในราคาต่ำกว่าอะไหล่แท้เนื่องจากไม่ต้องผ่านการบวกกำไรอีกทอดหนึ่งโดยบริษัทรถยนต์

อะไหล่บางส่วนผลิตโดยโรงงานที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตอะไหล่ส่งให้แก่บริษัทรถยนต์ คือสินค้าอัพเกรดต่างๆ เช่น ช็อคอับ คอยล์สปริง ผ้าเบรก เป็นต้น สินค้าเหล่านี้ส่วนมากมีคุณภาพและราคาสูงกว่าอะไหล่แท้

อะไหล่เทียมบางส่วนวางระดับสินค้าอยู่ในระดับต่ำด้วยข้อจำกัดเรื่องราคาและเทคโนโลยีทำให้คุณภาพก็จะต่ำกว่าอะไหล่แท้

4. อะไหล่ปลอม ผลิตโดยโรงงานเล็กๆ ที่ขาดความสามารถในการแข่งขันกับสินค้ายี่ห้ออื่นๆ จึงใช้วิธีปลอมสินค้าที่ติดตลาดได้รับการยอบรับจากลูกค้า อะไหล่ปลอมจะมีทั้งการเลียบแบบอะไหล่แท้ และอะไหล่ทดแทนยี่ห้อดังๆ เช่น ไส้กรองต่างๆ กลุ่มลูกหมากช่วงล่างรถญี่ปุ่น ที่พบบ่อยจะเป็นยี่ห้อ 555 หรือผ้าดิสเบรก AKEBONO เป็นต้น

ข้อแนะนำในการเลือกอะไหล่รถยนต์
อะไหล่ที่เกี่ยวกับภายในเครื่องยนต์และคุณภาพของมันมีผลต่อความเสียหายอื่นๆ เช่น สายพานไทมิ่งนี่แนะนำให้ใช้อะไหล่แท้ เพราะสายพานไทมิ่งแท้โดยเฉพาะรถญี่ปุ่น สเป็คของมันจะต่างจากสายพานไทมิ่ง OEM แม้ว่าจะผลิตมาจากโรงานเดียวกัน ทางโรงงานก็ยังระบุระยะเวลารับประกันไม่เท่าอะไหล่แท้ ประมาณ 5-80,000 กม.เท่านั้น ส่วนรอกตั้งสายพานไทมิ่งเลือกใช้ยี่ห้อที่คุ้นหู เช่น รถญี่ปุ่นจะใช้ยี่ห้อ NSK KOYO NTN เป็นหลัก ส่วนรถยุโรปจะเป็น SKF FAG TIMKEN เป็นต้น รอกยี่ห้อเหล่านี้คุณภาพมาตรฐานเท่าแท้ ใช้อะไหล่ตามนี้จะได้คุณภาพเท่าอะไหล่แท้ศูนย์ในราคาที่ประหยัดที่สุด





ระบบขับเคลื่อน เช่น ผ้าคลัทช์ หวีคลัทช์ รถญี่ปุ่นเลือกใช้ยี่ห้อ AISIN หรือ DAIKIN ราคาชุดคลัทช์แท้ของรถกระบะประมาณ 5,500-6,500 บาทแล้วแต่รุ่น และยี่ห้อ ถ้าเลือกยี่ห้อ AISIN หรือ DAIKIN ราคาอะไหล่ทั้งชุดพร้อมลูกปืนคลัทช์+ลูกปืนฟลายวิลล์สำหรับรถกระบะเครื่อง 2.5 ลิตร ราคาไม่เกิน 3 พันบาท ถ้าเป็นรถยุโรป ชุดยกคลัทช์จะเป็นยี่ห้อ SACHS หรือ LUK ราคาชุดละ 4-5 พันบาท ถ้าเป็นอะไหล่แท้ก็บวกขึ้นไปอีก 40-50 % ตามคุณภาพมาตรฐานของยี่ห้อนั้นๆ

ส่วนอะไหล่ช่วงล่าง รถญี่ปุ่น พวกลูกหมากก็สามารถใช้ยี่ห้อ 555 แท้ได้ หากเป็นรถยุโรปก็พิจารณายี่ห้อ TRW หรือ LEMFORDER คุณภาพใกล้เคียงอะไหล่แท้ แต่ราคาประหยัดกว่า

โช้คอัพ แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องใช้โช้คอัพแท้ เพราะเป็นอะไหล่ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบภายในของรถ อีกอย่าง คุณภาพของอะไหล่ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ส่วนจะเลือกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความต้องการเรื่องสมรรถนะและงบประมาณ และโช้คอัพในตลาดก็มีให้เลือกเยอะมาก ของดีราคาประหยัดจึงหาได้ไม่ยากนัก



ผ้าเบรก ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนขับรถเร็ว มีโอกาสได้ใช้เบรกที่ความเร็วสูงบ่อยๆ ผ้าเบรกแท้ย่อมไม่สามารถตอบสนองการใช้งานแบบนี้ได้ ดังนั้นคุณจึงต้องเลือกใช้ผ้าเบรกเกรดเฮฟวี่ดิวตี้เพิ่อคุณสมบัติการทนความร้อนที่สูงขึ้น เป็นต้น

อะไหล่มีหลายประเภท หลายยี่ห้อมากมายให้เลือกสรร การเลือกใช้อะไหล่เกรดไหน ยี่ห้อใด ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละบุคคลว่ามีงบประมาณและต้องการคุณภาพมาก-น้อยแค่ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการได้อะไหล่คุณภาพดีในงบประมาณที่ประหยัดที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็นความต้องการสูงสุดของผู้ใช้รถทั้งหลาย ดังนั้นรู้จักความแตกต่าง และข้อดี-ข้อเสียของอะไหล่แต่ละประเภทแล้วก็อย่าลืม หยิบไปคิดพิจารณา ก่อนการซื้อหาอะไหล่ มันช่วยคุณได้จริงๆ นะ
ที่มา  http://auto.sanook.com/5560/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88-%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1/

armata

ดูแลรักษาสีรถให้สดสวย

เวลาได้รถใหม่เรามักจะทุ่มทุนมากเป็นพิเศษ ในการดูแลรักษารถ เพื่อให้สดสวยสดใสอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีรถคันแรกแล้วก็ต้องรู้จักดูแลรักษา รวมถึงรู้จักเลือกของตกแต่งให้มันคุ้มเงิน และควรรู้ว่าอะไรควรเปลี่ยนหรืออะไรไม่ควรเปลี่ยน อะไรเลือกแบบประหยัดได้ หรืออะไรไม่ควรเขียม เพื่อให้รถของคุณสวยงาม และมีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด

          นอกเหนือจากการตกแต่งรถยนต์แล้ว การดูแลรักษารถยนต์ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของรถให้ความสำคัญ วันนี้เราจะคุยเรื่องของการดูแลรักษาสีรถให้มีความสดสวยและสดใสอยู่เสมอ การดูแลสีรถไม่ได้หมายความแค่การล้างทำความสะอาด ลงแว็กซ์ หรือเคลือบเงา มันมีความละเอียดอ่อนและมีกรรมวิธีมากกว่านั้นเรื่องราวของการดูแลรักษาสีรถ นั้นมีมากมายจริง ๆ เมื่อรับรถมาแล้วส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเรื่องของการเคลือบสีตัวรถ บ้างก็ได้แพ็คเกจแถมมาในเรื่องของการขัดเคลือบสี ลองมาทำความเข้าใจกับคำว่าดูแลรักษาสีรถกันก่อนนะครับ

          ขัดเคลือบสี

          เรามักได้ยินคำนี้กันบ่อย ๆ และเข้าใจว่าคือ ขั้นตอนเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วนั้นแยกจากกันเป็นสองขั้นตอน คือ "ขัดสี" กับ "เคลือบสี"

          ทำไมต้อง "ขัดสี" เมื่อรถใช้งานไปนาน ๆ จะมีริ้วรอยขนแมวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการล้างและเช็ดด้วยผ้าที่ไม่สะอาด หรืออมฝุ่นรถสีเข้ม เช่น สีดำ น้ำเงิน ส้ม หรือสีสด ๆ จะเห็นรอยขนแมวชัดเจน รวมถึงเกิดจากคราบยางไม้ ขี้แมลง ทำให้การเช็ดล้างกลายเป็นบ่อเกิดของรอยขนแมว ดังนั้นจึงต้องมีการขัดสีเพื่อลบรอยขนแมวออกก่อน

          การขัดสีก็คือขัด ผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไป เพื่อให้สีเรียบเนียนและก่อให้เกิดความเงางาม การขัดผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไป นั้นทำให้ชั้นสีที่เคลือบอยู่บางลง เหมือนเวลาที่เราขัดหน้าด้วยผงขัดละเอียด ๆ แม้หน้าจะกระจ่างใสขึ้น แต่หลังจากทำแล้วจะรู้สึกแสบ ๆ ผิวหน้านั่นเป็นเพราะผิวหนังถูกขัดออกไปนั่นเอง

          เมื่อขัดสีเสร็จเรียบร้อยถึงจะต่อด้วยขั้นตอน "เคลือบสี" เพื่อให้ผิวที่ถูกขัดออกไปแล้วมีความเงางามยิ่งขึ้น และเป็นตัวเคลือบเพื่อคอยปกป้องชั้นสีที่ถูกขัดออกไปให้มีความแข็งแรงทนทาน ต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น ดังนั้นไม่ควรขัดสีบ่อยในรถเก่าที่ใช้งานมาหลายปี เมื่อขัดและเคลือบสีแล้ว ต้องคอยไปเคลือบสีซ้ำตามระยะเวลาของผู้ผลิตน้ำยาเคลือบกำหนด เพื่อให้ผิวที่ขัดแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานนั่นเอง

           ขัดหยาบ ขัดละเอียด

          การขัดสีนั้นจะแบ่งเป็นสองลักษณะขึ้นอยู่กับสารเคมีหรือยาขัด โดยปกติแล้วจะมีน้ำยาแบบ "ขัดหยาบ" กับน้ำยาแบบ "ขัดละเอียด" กรณีที่ผิวของแล็คเกอร์เป็นรอยลึก ต้องใช้น้ำยาแบบขัดหยาบก่อนเพื่อให้ผิวของแล็คเกอร์บางลง จากนั้นตามด้วยน้ำยาขัดละเอียดเพื่อที่จะให้ผิวที่ถูกขัดชั้นแรกเรียบเนียน ขึ้น จากนั้นจึงจะตามด้วยน้ำยาเคลือบและชักเงา

          การขัดเคลือบสีก็เหมือนกับงานไม้ การจะลงแล็คเกอร์บนเนื้อไม้ให้ขึ้นเงาเรียบเนียนนั้น ต้องใช้กระดาษทรายหยาบลงผิวเพื่อเก็บเสี้ยนไม้ชิ้นใหญ่ ๆ ก่อน เมื่อผิวเรียบดีเสมอกัน แล้วจะลงด้วยกระดาษทรายละเอียด เพื่อให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้นก่อนจะลงแล็คเกอร์เคลือบเนื้อไม้เป็นขั้นตอน ต่อไป ซึ่งไม่ต่างจากการขัดสีเลย ดังนั้นเจ้าของรถจึงไม่ควรขัดสีตัวรถบ่อย เพราะจะทำให้ชั้นแล็คเกอร์หรือเนื้อสีบางลง แต่การเคลือบสีนั้นสามารถทำได้บ่อยครั้ง

          น้ำยัดละเอียดมีหลายลักษณะ แบบชนิดที่ไม่กัดสีหรือแล็คเกอร์นั้นก็มี ส่วนมากเรามักคุ้นเคยกับคำว่า "ขัดขี้ไคล" นั่นก็คือคราบสกปรกที่เกาะติดแน่นจนการล้างธรรมดาไม่ออกนั่นเอง เมื่อใช้งานไปสักระยะต้องมีการขัดขี้ไคลเพื่อคืนความสดใสของสี

          โปรแกรมการเคลือบดูแลรักษาสีรถยนต์ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อหลายลักษณะ แต่เมื่อขายเป็นแพ็คเกจมีราคาตั้งแต่ 3,000-4,000 บาทขึ้นไป จนถึงระดับหลักหมื่น อันนี้ต้องเลือกตามความเหมาะสมของเงินในกระเป๋า

          GLASS COATING

          ถ้าคุณมีเงินระดับหลักหมื่นลองดูเทคโนโลยี ต่อไปนี้ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะช่วยให้เกิดความเงางามยาวนานและช่วยลดเวลาในการเข้าไปใช้บริการได้มาก นั่นก็คือการเคลือบผิวแบบ Glass Coating หรือภาษาติดปากก็คือการเคลือบแก้ว

          ปัจจุบันเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับคนที่รักความเงางามคือการเคลือบแก้ว เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สีมีความเงางามและดูฉ่ำขึ้นมาก จากสีดำก็จะเป็นคำขลับเงางาม สีน้ำเงินก็จะเป็นน้ำเงินสดยิ่งขึ้น

          ข้อดีอีกอย่างคือการเคลือบจะทำให้ผิวของสีมีความแข็งขึ้น ทนต่อรอยการขีดข่วนและการเป็นขนแมวได้ดี คราบยางไม้ ขี้แมลง หรือคราบสกปรกอื่น ๆ เกาะติดได้ยาก การทำความสะอาดก็ง่าย แต่มีราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันราคาการเคลือบลดลงไปมากจากเมื่อ 2-3 ปีก่อน

          ในรถขนาดอีโค คาร์ และซับคอมแพ็คท์ เดี๋ยวนี้มีแพ็คเกจตั้งแต่ไม่ถึงหมื่นจนถึง 20,000 บาท ถามว่าคุ้มไหมเมื่อเทียบกับการซื้อแพ็คเกจขัดเคลือบสี ที่ต้องคอยไปทำทุกเดือน บอกได้เลยว่าคุ้มค่ากว่ามาก
การเคลือบแก้วจะทำ ให้คุณเอาเวลาที่ต้องไปรอขัดเคลือบสีไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ เพราะการเคลือบแบบนี้จะเว้นช่วยเวลาค่อนข้างนานกว่า จะไปเติมทรีตเมนต์อีกครั้ง และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเยอะ ถ้าคุณชอบความเงางามและดูแลรักษาง่าย การเคลือบแก้วเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและควรจะเริ่มทำทันทีเมื่อออกจากโชว์รูม

          ขั้นตอนก็คือการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติเด่นหลาย ๆ ด้านผนวกเข้าด้วยกัน เช่น การยืดเกาะกับผิวสีเดิมอย่างแน่นหนา และคุณสมบัติความแข็งแบบผิวกระจกนั่นจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น มีความเงางามมากเป็นพิเศษรวมถึงคุณสมบัติเรื่องของความลื่นของผิวสัมผัส ทำให้ฝุ่นหรือคราบต่าง ๆ เกาะติดยาก ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายกว่า

          สาเหตุที่ทำให้สีรถหมองไม่เงางามคือแสง UV ดังนั้นสารเคมีที่ผสมลงไปจะต้องมีคุณสมบัติของการป้องกันและสะท้อนแสง UV ได้ด้วย เมื่อผิวหน้าของสีแข็งและเป็นมันเงา ความชื้นก็ยากจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสี ซึ่งเป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้สีเสื่อมสภาพและหมองคล้ำ

          กรณีที่คิดจะใส่ชุดสปอยเลอร์รอบคัน การเลือกวัสดุอาจส่งผลในเรื่องความเรียบเนียนและความเงางามของชิ้นส่วนด้วย เพราะสปอยเลอร์ ก็ต้องพ่นสีเดียวกับตัวรถ ในเรื่องของการเลือกชุดสปอยเลอร์นั้นต้องบอกว่ามีความสำคัญมากโดยหลัก ๆ แล้วชุดแต่งเหล่านี้จะแบ่งเป็น 3 แหล่งที่มาใหญ่ ๆ คือ ชุดแต่งจากโรงงาน ชุดแต่งจากสำนักแต่งมาตรฐาน และชุดแต่งทำมือจากร้านแต่งทั่วไป

          ชุดแต่งจากโรงงานกับสำนักแต่งมาตรฐานส่วนมากจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะของจากสำนักแต่งมาตรฐานยี่ห้อดัง ๆ จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่วัสดุที่ใช้ทั้งสองกลุ่มนี้มักจะเป็นวัสดุพวกพลาสติก ABS หรือพลาสติกแบบ PP รวมถึงไฟเบอร์แบบฉีดขึ้นรูปจากแม่พิมพ์ ชุดแต่งจากทั้งสองแหล่งนี้จะมีความเรียบเนียนของผิว และแนบสนิทกับตัวถังรถเป็นอย่างดี ชิ้นงานเมื่อทำสี ก็จะมีความเงางามเช่นเดียวกับผิวของตัวรถ

          ส่วนสปอยเลอร์จากร้านทั่ว ๆ ไปที่ออกแบบเองหรือก๊อปเขามาส่วนใหญ่จะเป็นงานไฟเบอร์ที่ขึ้นรูปด้วยมือ ดังนั้นชิ้นงานที่ออกมาจะไม่ค่อยมีความเรียบเนียน และเมื่อทำสีแล้วจะไม่ค่อยมีความมันวาวอย่างที่ควรจะเป็น หรือใช้ไปไม่นาน ก็จะเริ่มซีดและด้านมากขึ้น ดังนั้นการเลือกสปอยเลอร์ควรจะเลือกวัสดุที่เป็นพลาสติกหรือไฟเบอร์แบบฉีดขึ้นรูป เพราะในการใช้งานนั้นมันยืดหยุ่นและให้ตัวได้

          การทำสีสปอยเลอร์ในรถใหม่ ต้องใช้กรรมวิธีเดียวกับทำสีตัวรถ ถ้าจะให้ดีต้องพ่นด้วยระบบ 2K สีจะได้เงางามและทนทานเหมือนกับกันชนหน้าและหลังที่ออกมาจากโรงงาน

          การทำสีอีกวิธีหนึ่งคือการพ่นแล้วเคลือบด้วยแล็คเกอร์แบบเก่า การทำสีแบบนี้จะถูกแม้ว่าจะมีความสดสวยเหมือนกับตัวถังรถ แต่มันก็คงความสดสวยได้ไม่นานนักผ่านไป 1-2 ปีก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน โดยเฉพาะรถสีขาว บรอนซ์ น้ำเงิน แดง และรถสีเมทัลลิกทั้งหลาย ดังนั้น ถ้าคิดจะใส่สปอยเลอร์ต้องเลือกที่มีคุณภาพ การทำสีก็ต้องยอมทำสีแพงหน่อยเพื่อให้ระยะยาวสีสดสวยไม่ผิดเพี้ยน

           ผ้าคลุมรถ

          ไม่ว่าจะผืนหลักร้อย ผืนละสามพัน หรือแพงกว่านั้น ไม่ควรคลุมแล้วจอดกลางแจ้งเพราะไอร้อนที่เกิดขึ้นใต้ผ้าคลุมรถนั้นสะสมสูงมาก สูงชนิดที่ว่าอาจจะทำให้ผ้าหรือสารเคมีที่เคลือบอยู่ เช่น ผ้าคลุมกันน้ำ ละลายติดกับสีรถได้เลย กรณีแบบนี้เจอกันบ่อยครั้ง การใช้ผ้าคลุมรถควรใช้ในที่ร่ม เท่านั้นแล้วควรเลือกผ้าคลุมที่มีคุณภาพระบายความร้อนและความชื้นได้ดี

           การจอดรถกลางแจ้ง

          จะทำให้แสง UV ทำลายสีรถโดยตรง กรณีไม่มีโรงรถหรือหลังคาที่กันน้ำกันแดดได้ดี ควรติดกันสาดที่กรอบกระจกทุกบาน กันสาดนี้จะช่วยกันฝนไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสารเมื่อเราเปิดแง้มกระจกไว้
การ แง้มกระจกไว้สักหนึ่งนิ้วจะช่วยให้การระบายไอร้อนในรถทำได้ดีขึ้น ลดอุณหภูมิในห้องโดยสารได้มาก เมื่อในห้องโดยสารระบายความร้อนได้ดี สามารถช่วยให้หลังคารถอุณหภูมิไม่สะสมสูงนัก สีหลังคาก็จะไม่โดนทำร้ายมากนัก

          กรณีต้องจอดรถได้ต้นไม้ ถ้าเป็นไม้พุ่มทึบที่สามารถสร้างร่มเงาได้ดี สามารถเอาผ้าคุลมรถมาใช้เพื่อป้องกันยางไม้และขี้แมลงได้

          กรณีมีที่จอดประจำแต่ไม่มีหลังคาให้ร่มเงา หลังคาโรงรถแบบพับได้หรือเต็นท์ราคา 3,000-4,000 บาท ก็ช่วยได้ เพียงแต่เจ้าของสถานที่ยินยอม กรณีที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อให้ร่มเงาได้ การเคลือบแก้วหรือการเคลือบสีเป็นประจำสามารถช่วยให้สีทนต่อแดดได้มากขึ้น



           ทำอย่างไร เมื่อรถโดนปูนซีเมนต์สี ยางมะตอย หรือวัสดุก่อสร้าง

          เมื่อขับรถผ่านสถานทีก่อสร้างโดยเฉพาะการสร้างถนน เราหลีกเลี่ยงได้ยากถ้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มาติดรถเป็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นน้ำปูนซีเมนต์สี หรือแม้แต่ยางมะตอย เมื่อผ่านุดนั้นมาควรหาคาร์แคร์เพื่อทำการล้างทำความสะอาดโดดเร็ว

          เพราะการทำความสะอาดก่อนที่สิ่งเหล่านั้น จะแข็งตัว จะทำความสะอาดได้ง่ายไม่ทำให้สีเสียหาย ควรหาคาร์แคร์ที่มีมาตรฐาน เพราะจะมีน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ตรงกับความต้องการ เช่น ขจัดคราบปูนซีเมนต์ สี ยางมะตอย ฯลฯ

          ถ้าไม่ทราบว่าเป็นอะไรและสิ่งที่เกาะแน่นเหล่านั้นดูท่าว่าจะไม่สามารถเอาออกได้ง่าย ๆ ควรทำใจและเปลี่ยนไปอู่สีแทน เพราะบางครั้งคาร์แคร์คิดค่าบริการแพงมาก เช่น บังโคลนหลังอย่างเดียว 2,000 บาท บวก-ลบนิดหน่อย และไม่แน่ใจด้วยว่าจะทำให้สีเงางามเหมือนเดิมหรือไม่ กรณีแบบนี้ไปหาอู่สีทำสีใหม่ทั้งชิ้นอาจจะใช้เงินราว 3,000 บาทเศษ แต่สีออกมาเงางามเหมือนเดิม เป็นการเพิ่มเงินอีกนิดแต่ได้ความคุ้มค่ามากกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเสียเงินสองครั้ง คือไปคาร์แคร์แล้วก็ต้องย้อนมาอู่สีเหมือนเดิม

           Wrap ตัวถัง

          เพื่อเปลี่ยนสีหรือติดสติ๊กเกอร์เคฟลาร์ก็ตามทีการ Wrap ตัวถังด้วยสติ๊กเกอร์สี สวยงามในเวลาสั้น ๆ และเป็นการลงทุนที่แพง ระยะยาวเมื่อลอกสติ๊กเกอร์ออกมาแล้วมักจะพบรอยคัตเตอร์รอยขูดขีด หรือแม้แต่สีลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ

          รวมถึงการติดสติ๊กเกอร์ผิดไปจากสีที่จดทะเบียนไว้ก็ผิดกฎหมายด้วย ถ้าอยากเปลี่ยนสีเพิ่มเงินอีก 30-50 เปอร์เซ็นต์ แล้วเข้าอู่ทำสีจะเป็นการดีกว่า ได้สีที่เงางาม และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และสิ่งสำคัญเมื่อเปลี่ยนสีแล้วต้องรีบไปแจ้งเปลี่ยนสีเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง

          การติดสติ๊กเกอร์ฝากระโปรง หลังคา ก็ต้องดูด้วยว่าไม่ให้พื้นที่ของสีเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของตัวรถ ถ้าเกินต้องไปแจ้งเปลี่ยนสี ไม่อย่างนั้น ก็จะโดนเรียกโดนใบสั่งอยู่บ่อย ๆ

          เคลือบภายในห้องโดยสาร

          สำหรับรถที่เป็นเบาะผ้า ยิ่งเป็นเบาะสีอ่อนด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้การดูแลรักษาเป็นอย่างมาก เบาะผ้าเมื่อออกรถมาใหม่ควรเข้าไปพ่นน้ำยากันน้ำ และปกป้องเนื้อผ้า น้ำยาเคมีที่ฉีดพ่นลงไปนั้น จะช่วยให้เบาะผ้าไม่เป็นรอยต่างหรือเป็นดวง เพราะจะทำให้น้ำซึมเข้าเนื้อผ้าได้ยากขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เบาะนั่งดำหรือเป็นคราบไคลติดแน่น

          ส่วนเบาะหนัง ถ้าเป็นโทนสีอ่อนก็ต้องเคลือบน้ำยาเช่นกัน เบาะนั่งสีอ่อนหรือโทนสีเบจนั้นแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็จะเห็นชัดเจนว่าเป็นคราบดำด่าง น้ำยาที่เคลือบจะช่วยไม่ให้เบาะหนังเสื่อมสภาพเร็ว และป้องกันไม่ให้เลอะง่าย

          นอกจากการดูแลรักษาด้วยการใช้บริการจากคาร์แคร์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงผ้ายีนส์สีเข้ม ๆ ยิ่งซื้อมาใหม่ ๆ ยิ่งต้องระวัง เพราะสีย้อมที่ติดมากับผ้ามันจะไปทำให้เบาะนั่งไม่ว่าจะเป็นเผ้าหรือหนังสกปรก พูดง่าย ๆ ก็คือสีจากผ้าตกใส่เบาะนั่นเอง ถ้าเป็นเบาะผ้ายิ่งทำความสะอาดหรือฟอกให้เหมือนเดิมได้ยาก

           ต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน

          การดูแลภายในห้องโดย อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำความสะอาดแล้ว ถ้าหลีกเลี่ยงการจอดกลางแจ้งไม่ได้ก็ควรติดกันสาด เพื่อแง้มกระจกให้การระบายความร้อนออกไปทำได้ดี การปล่อยให้ห้องโดยสารมีความร้อนสูงจะทำให้ชิ้นส่วนพลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว ชิ้นส่วนบริเวณคอนโซลหรือแผงประตูจะมีเสียงดังออดแอดเวลารถวิ่ง และบางชิ้นก็กรอบแตกก่อนเวลาอันสมควร

          อีกทางคือการเลือกฟิล์มกรองแสง ที่มีคุณภาพสามารถสะท้อนแสง UV และสะท้อนความร้อนได้ดี ลงทุนแพงหน่อยแต่ใช้งานได้ยาวนานรวมถึงยึดอายุชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารด้วย พวกน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงยิ่งห้องโดยสารร้อนมากเท่าไหร่ สารเคมีที่ฟุ้งกระจายในรถ อาจเป็นตัวการทำให้คอยล์เย็นอุดตันเร็วหรือชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

          ห้องเครื่อง

          นอกเหนือจากการดูแลรักษาสีรถ และภายในห้องโดยสารด้วยแล้ว ห้องเครื่องเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องดูแลทำความสะอาด แต่ห้องเครื่องเพียงจุดเดียวที่อยากบอกว่า แค่ทำให้พอสะอาดไม่ต้องถึงกับเอี่ยมอ่อง เพราะการทำความสะอาดห้องเครื่องไม่เหมือนกับการทำความสะอาดส่วนอื่น ๆ ของตัวรถ เพราะเครื่องยนต์ประกอบด้วยโลหะหลายชนิด แถมมีชิ้นส่วนพลาสติก ยาง ฯลฯ มากมาย ห้องเครื่องทำความสะอาดแค่ใช้ลมเป่าฝุ่นออกหรือใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดก็พอ ไม่ควรพ่นน้ำยาเคลือบใด ๆ ทั้งสิ้น

          การล้างห้องเครื่องเป็นสิ่งที่ ควรหลีกเลี่ยง แต่ไม่ใช่ว่าไม่ล้างเลย อย่างมากล้างปีละครั้งหลังหมดหน้าฝน หรือล้างหลังจากซ่อมเครื่องมาก็ได้

          การล้างห้องเครื่องนั้นคุณต้องมีเวลาว่างพอ และร้านที่จะทำต้องมีความรับผิดชอบพอ การล้างห้องเครื่องที่ถูกต้องนั้น

          1.    ต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นเสียก่อน เย็นขนาดที่ว่าเอามือจับท่อไอเสียได้นั่นแหละ

          2.    ต้องไม่ใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างโดยเด็ดขาด การล้างที่ถูกต้องคือใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องเครื่องฉีดพ่นจะเป็นแบบสเปรย์ กระป๋อง ใช้ฟ็อกกี้ หรือใช้กาพ่นสีพ่นก็ได้ จากนั้นใช้แปรงไนล่อนขัดความความสะอาด

          น้ำยาบางตัวจะระบุเลยว่าให้ใช้น้ำใส่ฟ็อกกี้หรือกาพ่นสี พ่นทำความสะอาดซ้ำ แล้วใช้ลมเป่าให้แห้ง ใช้ผ้าเช็ดเพิ่มเติม แค่นี้พอแล้วสำหรับห้องเครื่องยนต์

          ทำไมต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นก่อนและไม่ควรใช้น้ำแรงดันสูงฉีด นั่นเพราะว่าชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นฝาสูบ เกียร์ท่อไอเสีย และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เมื่อเครื่องทำงาน ความร้อนจากเครื่องยนต์และท่อไอเสียที่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ โลหะต่างชนิดกัน เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวไม่เท่ากัน ถ้าล้างห้องเครื่องขณะเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ จะทำให้โลหะเกิดการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว การเย็นตัว เพราะโดนน้ำเย็นปริมาณมาก ๆ ทำให้ชิ้นส่วนหดตัวอย่างรวดเร็ว โลหะต่างชนิดกันหดตัวต่างกัน มีโอกาสทำให้เสื้อสูบ ฝาสูบ ท่อไอเสีย แตกร้าวได้ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอยล์ ฯลฯ ก็อาจลัดวงจรได้ง่าย และการใช้น้ำแรงดันสูงอาจจะทำให้ชิ้นส่วนพลาสติก ยาง เสียหายได้ด้วย

          การดูแลรักษารถยนต์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็เลือกพิจารณาให้ถี่ถ้วนเหมาะสม ถือว่าเป็นการใช้งานอย่างคุ้มค่าอีกทางหนึ่งด้วย

           Did You Know?

          แต่ค่าใช้จ่ายในการเคลือบแก้วค่อนข้างสูง เริ่มต้นในรถเล็กก็ต้องมีหมื่นบาทเศษ ๆ ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจ แต่ดูแลกันยาวนานถึง 3 ปีก็มีเจ้าของรถต้องลองเปรียบเทียบดูกับการเคลือบสีปกติ ถ้า 1 ปีต้องใช้เงินดูแลรักษาสีรถตั้งแต่ 5,000-8,000 บาทขึ้นไป สู้รวมเงินเอามาทำเคลือบแก้วจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ที่มา  http://car.kapook.com/view63079.html

armata

เคล็ด (ไม่ลับ) การเลือกซื้ออุปกรณ์ประดับยนต์

การเลือกซื้ออุปกรณ์ประดับยนต์ ของถูกและดีก็มี ของแพงแต่คุ้มค่าก็เยอะ เลือกของแต่งรถให้ได้ประสิทธิภาพปลอดภัย รู้จักคิดและรู้จักเลือกเพื่อให้หล่ออย่างมีประสิทธิภาพ

          คลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นทกวันแต่คลื่นลูกใหม่ หรือคนรุ่นใหม่ ๆ บางครงก็ต้องศึกษาเรื่องราว ต่าง ๆ จากคลื่นลูกเก่าด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์นั้นมันมีเรื่องราวมายาวนานนับร้อยปี ดังนั้นหลายเรื่องก็ต้องพึ่งพาความรู้ความสามารถจากคนรุ่นเก่า นอกเหนือจากนั้นการศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับเรื่องราวเก่า ๆ เป็นเรื่องดี เพราะเทคโนโลยีใหม่มาจากการปรับและพัฒนาจากเทคโนโลยีอันล้าหลังนั้นเอง

          เรื่องของการตกแต่งรถยนต์มีกันมานานแล้ว เพราะผู้คนต้องการความแตกต่าง และความแรงรวมถึงเรื่องสมรรถนะในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นด้วย การเลือกอุปกรณ์ตกแต่งและแนวคิดในการตกแต่งนั้นเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเลยการตกแต่งต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย และอุปกรณ์ที่เลือกจะส่งผลต่อประสิทธิภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือเลวลง เสมอ ๆ ดังนั้นมาลองดูว่าส่วนไหนของตัวรถที่ควรตกแต่ง และส่วนไหนไม่ควรยุ่งเกี่ยวรวมถึงการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 


          ชุดแต่งรอบคัน

          เรามักจะเรียกว่าชุดสปอยเลอร์แอ่โร่พาร์ทอุปกรณ์แต่งหล่อตัวถังนี้มีผลต่อความสวยงามของตัวรถอย่างมาก การเลือกชุดที่ไม่เข้ากับรถอาจจะทำให้ตัวรถน่าเกลียดมากกว่าสวย การเลือกวัสดุอาจส่งผลในเรื่องความเรียบเนียนและความเงางามของชิ้นส่วนในเรึ่องของการเลือกชุดสปอยเลอร์นั้นต้องบอกว่ามีความสำคัญมาก โดยหลัก ๆ แล้วชุดแต่งเหล่านี้จะแบ่งเป็น 3 แหล่งที่มาใหญ่ ๆ คือ ชุดแต่งจากโรงงาน ชุดแต่งจากสำนักแต่งมาตรฐาน และชุดแต่งทำมือจากร้านแต่งทั่วไป

          ต่อไปนี้เรื่องดีไซน์จะไม่พูดถึงเพราะมันเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ความสวยของคนหนึ่งอาจจะไม่สวยสำหรับอีกคนหนึ่ง และมันเป็นอย่างนี้เสมอ ๆ แต่การแนะนำต่อไปนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัสดุที่ควรเลือก

          อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าชุดสปอยเลอร์มาจาก 3 แหล่งใหญ่ ชุดแต่งจากโรงงานกับสำนักแต่งมาตรฐาน ส่วนมากจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะของจากสำนักแต่งมาตรฐานยี่ห้อดัง ๆ จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่วัสดุที่ใช้ทั้งสองกลุ่มนี้ มักจะเป็นวัสดุพวกพลาสติก ABS หรือเป็นไฟเบอร์แบบฉีดขึ้นรูปจากแม่พิมพ์

          ชุดแต่งจากทั้งสองแหล่งนี้จะมีความเรียบเนียนของผิว และแนบสนิทกับตัวถังรถเป็นอย่างดี ชิ้นงานเมื่อทำสีก็จะมีความเงางามเช่นเดียวกับผิวของตัวรถ ส่วนสปอยเลอร์จากร้านทั่ว ๆ ไปที่ออกแบบเองหรือก๊อบปี้มานั้นส่วนใหญ่จะเป็นงานไฟเบอร์ที่ขึ้นรูปด้วยมือ ดังนั้นชิ้นงานที่ออกมาจะไม่ค่อยมีความเรียบเนียน และเมื่อทำสีแล้วจะไม่ค่อยมีความมันวาวอย่างที่ควรจะเป็น หรือใช้ไปไม่นานก็จะเริ่มซีดและด้านมากขึ้น

          ดังนั้นการเลือกสปอยเลอร์ควรจะเลือกวัสดุที่เป็นพลาสติกหรือไฟเบอร์แบบฉีดชิ้นรูป เพราะในการใช้งานให้ความยืดหยุ่นและให้ตัวได้ เพราะชิ้นงานมีความเบา ให้ตัวได้สูงกว่าไฟเบอร์แบบขึ้นรูปด้วยมือ

          การเลือกควรดูชิ้นงานที่มีความบางเบา เรียบเนียนทั้งผิวภายนอกและขอบของชิ้นงาน ของมือสองแต่เป็นของแท้ หรือจากสำนักมาตรฐานก็ใช้งานได้ดีเหมือนกันถ้าไม่แตกไม่ร้าว ควรหลีกเลี่ยงชิ้นงานที่ขึ้นรูปด้วยมือ เพราะเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ ในราคาปานกลางนั้นคุณภาพไม่ค่อยดี เว้นแต่เป็นของสำนักดัง ๆ ซึ่งมีราคาแพง

           ล้อแม็ก

          เป็นสิ่งแรก ๆ ที่ผู้คนเปลี่ยนกัน ควรหลีกเลี่ยงล้อมือสอง โดยเฉพาะล้อที่ซ่อมสีมาแล้ว ถ้าเป็นล้อที่ไม่ได้ซ่อมสีต้องตกลงกับคนขายให้ดีว่าล้อไม่บิด ไม่เบี้ยว ไม่ร้าว โดยนัดดูที่ร้าน ขายล้อ ยอมเลียเวลาและเงินนิดหน่อยให้ร้านนำล้อขึ้นถ่วงและตรวจสอบดีกว่าเสียเงินหลายหมื่นบาทแล้วได้ล้อบิด ๆ เบี้ยว ๆ หรือร้าวมา

          การเลือกล้อใหม่ควรเลือกล้อแม็กจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน มอก. ล้อแม็กบ้านเรา ที่ได้มาตรฐานส่งออกมีอยู่ไม่กี่เจ้า เช่น Lenso และ SSW ที่ใช้วิธีการหล่อมาตรฐาน ทำให้ล้อมีน้ำหนักเบากว่า ลองไปที่ร้านล้อแม็กแล้วลองยกเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ ดู จะเห็นได้ชัด

          ล้อแม็กเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง ถ้าคิดจะเปลี่ยนล้อต้องลงทุน ให้ได้ของดีมีคุณภาพ เพราะของที่สายแต่รูปแต่ทำให้เกิดอันตรายภายหลังมีเยอะ ส่วนยางนั้น ควรเลือกตามงบประมาณ แต่ยางแพงมักจะดีกว่ายางถูกเสมอ

           ไฟซีนอน

          ถ้าเป็นไฟซีนอนที่นำมาติดตั้งกับโคมไฟเดิม ไม่แนะนำเลย เพราะแทนที่จะให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างดีขึ้น กลับทำให้กลายเป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลำแสงกระจายไม่จับลงพื้น รวมถึงแสงพุ่งสูงไปรบกวนสายตาของรถคันที่สวนมา และเมื่อเจอสภาพฝนตกหนักหรือหมอกลงจัดแล้วมองไม่เห็น

          ชุดไฟซีนอนของไต้หวัน เกาหลี หรือมาจากจีน เป็นของที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ลองสังเกตดูรถที่ใส่ไฟเหล่านี้เวลาวิ่งบนถนนเวลากลางคืน ลองมองไปที่พื้นหน้ารถมักจะเห็นว่าลำแสงจับลงพื้นไม่ดีนัก สู้ไฟเดิม ๆ ติดรถยังไม่ได้เลย เพียงแค่ถ้ามองหน้าตรงจะเห็นว่ามันสว่างและขาวเป็นพิเศษหลายคนคิดว่าตรงนี้คือความสวยงาม ซึ่งมันไม่ใช่เลย

          ถ้าอยากใส่ไฟซีนอนแนะนำว่าถ้ารถรุ่นคุณมีไฟซีนอนมาจากโรงงาน ซึ่งมักจะเป็นตัวท็อปก็ลองหาโคมและชุดบาลานซ์มือสองมาเปลี่ยนใส่หรือลงทุนเบิกใหม่จะดีกว่าเพราะได้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างมากกว่า แม้มันจะแพงกว่า แต่มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากทีเดียว

          หากรถรุ่นคุณไม่มีไฟซีนอนติดตั้งจากโรงงาน แนะนำว่าลงทุนซื้อหลอดไฟดี ๆ มาเปลี่ยนดีกว่าหลอดชุดหนึ่งราคาราว 2,000-4,000 บาท แบบนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าเสียอีก เพราะการส่องสว่างนั้น มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่านั่นเอง

          การเลือกสีของลำแสงนั้นไม่ควรเลือกสีขาวจัด สีม่วง สีฟ้า เพราะจะสะท้อนกับละอองฝนและหมอกทำให้มองไม่เห็น ควรเลือกสีขาวอมเหลือง หรือขาวนวลจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า ส่วนแสงสีเหลืองเข้มก็ไม่ควรใช้ ในเวลาปกติ เพราะเป็นแสงสำหรับตัดหมอกและฝน มันจะรบกวนสายตารถคันอื่น ๆ

           WRAP ตัวถัง

          การ Wrap ตัวถังด้วยสติ๊กเกอร์สี มันสวยงามในเวลาสั้น ๆ และเป็นการลงทุนที่แพง ระยะยาวเมื่อลอกสติ๊กเกอร์ออกมาแล้วมักจะพบรอยคัตเตอร์ รอยขูดขีด หรือแม้แต่สีลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ รวมถึงการติดสติ๊กเกอร์ ผิดไปจากสีที่จดทะเบียนไว้ ก็ผิดกฎหมายด้วย

          ถ้าอยากเปลี่ยนสีเพิ่มเงินอีก 30-50 เปอร์เซ็นต์ แล้วเข้าอู่ทำสีจะเป็นการดีกว่า ได้สีที่เงางามและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และสิ่งสำคัญเมื่อเปลี่ยนสีแล้วต้องรีบไปแจ้งเปลี่ยนสีเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง

           ท่อไอเสีย               

          ท่อดังไม่ได้หมายความว่าแรง รถหลายคันท่อดังแต่รถแทบวิ่งไม่ต่างจากเดิม การเปลี่ยนหม้อพักไอเสียเพิ่มความสวยนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเครื่องเดิม ๆ ไม่ได้ทำอะไรก็อย่าทำท่อให้มันตัง เพราะเวลาวิ่งแล้วคนจะหัวเราะเยาะเอา เพราะมันตังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน

          ถ้าต้องการความสวยงามหม้อพักสวย ๆ ปลายท่อสวย ๆ แต่ไม่ดังก็มีเยอะ เอาดังพอประมาณไม่เกินกฎหมายกำหนดจะได้ไม่ต้องปวดหัวทีหลัง

          ไฟเดย์ไลท์

          ตอนนี้สามารถติดตั้งได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ก่อนหน้านี้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับโดยใช้ข้อหาเดียวกับการเปิดไฟตัดหมอกโดยไม่มีเหตุอันควร ตอนนี้ขนส่งได้ปรับแก้ระเบียบใหม่แล้ว ถ้าคิดจะติดควรซื้อของที่มีคุณภาพ เพราะของถูกทำให้รถไฟไหม้มานักต่อนักแล้ว เพราะมีความร้อนสูงและสายไฟไม่มีคุณภาพ ถ้าเลี่ยงได้ไม่ติดจะเป็นการดีกว่า ถ้าจะติดซื้อของ มียี่ห้อหน่อยแล้วดูส่วนประกอบพวกสายไฟและรีเลย์ต่าง ๆ ต้องมีคุณภาพจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง

          ส่วนไฟสปอตไลท์ ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังก็ควรเลือกของที่มีคุณภาพสปอตไลท์หน้าของศูนย์แพงกว่าของไต้หวันไม่เยอะนัก ถ้าจะซื้อเล่นของดีจะให้ประสิทธิภาพในการใช้งานสูงกว่า

            TURBO

          เครื่องยนต์เบนซิน ถ้ารถคุณไม่ใช่เครื่องเทอร์โบ หรือมีซูเปอร์ชาร์จมาจากโรงงาน ก็ไม่ควรยุ่งกับการแต่งเครื่องด้วยประการทั้งปวง เพราะมันไม่คุ้ม การที่จะเพิ่ม 10-20 แรงม้า เป็นเรื่องที่ต้องลงทุนเยอะ เว้นแต่ว่าคุณตั้งใจจะยกเครื่อง แรง ๆ ทั้งตัวมาติดตั้งแทนเครื่องเดิม แบบนี้ค่อยน่าลงทุนหน่อย

           การติดตั้งเครื่องเสียง

          ในรถรุ่นใหม่ควรศึกษาให้ดีว่ารถคุณนั้นใช้ระบบแบบใด เช่น ระบบสายไฟเป็นแบบแคนบัสหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนเครื่องเสียง หรือต้องให้ร้านที่มีความรู้ความชำนาญในการเปลี่ยนเครื่องเสียงให้

          รถสมัยนี้การติดตั้งระบบไฟฟ้าใด ๆ ควรศึกษาคู่มีอประจำรถหรือสอบถามศูนย์บริการเสียก่อน หรือให้ร้านที่มีความรู้ความชำนาญจะได้ไม่ก่อปัญหา เพราะระบบสื่อสารหลายทางในรถรุ่นใหม่ ๆ นั้นถ้าจั๊มพ์สายไม่ดีหรือทำให้สายสัญญาณมีปัญหา อาจจะส่งผลถึงระบบอื่น ๆ ด้วย เช่น เปลี่ยนเครื่องเสียงมาใหม่ แล้วมีไฟโชว์ระบบเบรกติดขึ้นมา เป็นต้น

           ECU

          ใส่กล่องดันราง หลอกคันเร่ง ฯลฯ สิงห์ดีเซลสมัยใหม่ มักชอบที่จะใส่กล่องดันราง หลอกคันเร่ง รวมถึงเปลี่ยนสปริงหัวฉีด เพี่อหวังว่าให้รถแรงขึ้น เป็นเรื่องที่ทำได้ถ้าคุณไม่แคร์ในเรื่องของการรับประกัน

          แต่อยากจะบอกว่าสิ่งที่ลงทุนไปนั้น เพิ่มอีกนิดจะได้ผลที่ดีกว่า กล่อง ECU เครื่องยนต์เดิมนั้นจะถูกควบคุมในหลายเรื่อง เช่น เรื่องมลพิษ เรื่องความประหยัด และความทนทานหมายความว่าถ้าสเปคเครื่องยนต์คุณมี 150 แรงม้า แต่ในความเป็นจริงแล้วมันทำได้สูงกว่านั้น แต่ถูกเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กล่าวมาตอนให้มันเหลือเพียงแค่ 150 แรงม้า การใส่กล่องดันราง กล่องหลอกคันเร่ง และการเปลี่ยนสปริงเข็ม จะทำให้รถแรงขึ้นก็จริง แต่นั้นเป็นการทำที่ปลายเหตุ

          การแก้ที่ต้นเหตุคือการแก้ที่กล่อง ECU การแก้ที่กล่อง คือการปลดล็อกนั้นเอง ทำที่กล่องจะไม่ส่งผลในเรื่องของอนาคต เช่น เครื่องรวนเพราะเซ็นเซอร์ที่คันเร่ง หรือกล่องยกรางมีปัญหาการแก้ที่กล่องจะทำให้เครื่องปลดปล่อยพลังออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลกับเครื่องยนต์น้อยกว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่า และสามารถเพิ่มแรงม้าได้ราว 20-30 ตัวเลยทีเดียว

           เบาะนั่ง

          หลายคนอยากได้เบาะซิ่ง เบาะยี่ห้อด้ง สามารถเปลี่ยนได้ แต่การเลือกต้องดูให้เป็น เพราะของก๊อบปี้และของย้อมแมวมีเยอะ ส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานโดยตรง เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุพบว่าเบาะหักส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจากการเลือกเบาะที่มีคุณภาพแล้ว การติดตั้งก็ต้องมีคุณภาพเช่นกัน หลาย ๆ ร้านเบาะ ติดตั้งเบาะด้วยเหล็กรูบาง ๆ ใช้ไม่นานก็ทรุด และบางครั้งก็พบว่าเหล็กรูเหล่านั้นหัก เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง

          การแต่งรถมันต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์รวมถึงใช้ความไตร่ตรองให้ดีร่วมด้วย บางอย่างใช้ของถูกก็ทำให้รถสวยและมีประสิทธิภาพได้ แต่บางอย่างก็ต้องลงทุนเพี่อให้ความสวยและประสิทธิภาพที่ดีกว่า รวมถึงความปลอดภัยในการใช้งาน

          Did You Know ?   

          การแต่งรถไม่ควรใจร้อน ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ศึกษา และหาของไป แม้จะใช้เวลาแต่ก็เปรียบเหมือนงานอดิเรกที่ทำแล้วมีความสุข หลายอย่างเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ดังนั้นต้องดูว่าอะไรที่ทำไปแล้วไม่ผิดกฎหมาย อะไรที่สุ่มเสี่ยงก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว
เครดิตที่มา http://car.kapook.com/view61517.html

armata

5 เหตุผลที่คุณ ควรขับ รถเกียร์อัตโนมัติ

หากกล่าวถึงรถยนต์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แล้ว เราแทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถยนต์ระบบเกียร์อัตโนมัติ ถือว่าเป็นรถยนต์ที่แทบจะเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ว่าใครต่างก็คบหาด้วยความสะดวกสบาย และก้าวหน้าของเทคโนโลยี แต่ก็ยังมีบ้างบางคนที่ไม่ชื่นชอบรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ

                แม้การเลือกซื้อรถอาจจะเป็นความต้องการของแต่ละคนที่ มองถึงความต้องการของตัวเอง แต่ด้วยราคาจำหน่ายที่ไม่แตกต่างกันมากมายนัก บางทีอาจจะต้องมองถึงอะไรที่มากกว่า และ บางทีรถเกียร์อัตโนมัติ อาจจะถูกกว่าก็ได้



.1.  มันขับง่ายกว่า  ไม่ว่าใครก็คงต้องรู้ดีในเรื่องนี้ว่ารถเกียร์อัตโนมัติ ขับขี่ง่ายกว่า แน่นอนว่า การเดินหน้าถอยหลัง ที่ระบบเกียร์จะปรับเปลี่ยนตามความต้องการ ย่อมทำให้สะดวกมากขึ้น คุณจะเหนื่อยล้าต่อการขับขี่น้อยลงอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทำไม ถ้าราคาไม่ต่างกันมาก ลองเจียดเงิน ซื้อรถเกียร์อัตโนมัติ ดูแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่า



2.คุณแก่ลงทุกวัน ก่อนตัดสินใจ ระหว่างเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ลองคิดง่ายๆว่า ทุกวันคุณมีอายุมากขึ้น คุณแก่ลงทุกวันแน่นอน เราอาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เกียร์อัตโนมัติ จะเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับคุณ ในยามขับขี่ ทำให้แม้คุณจะมีอายุมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถขับได้อย่างวัยรุ่น  และยังตอบโจทย์เรื่องของความปลอดภัยมากขึ้นในยามที่คุณตอบสนองช้าลงเมื่อมีอายุมากขึ้น



3.เทคโนโลยีที่ดีกว่า เราไม่ปฏิเสธว่า ระบบเกียร์ธรรมดาให้ความเร้าใจในการขับขี่ แต่ระบบเกียร์อัตโนมัติ มันคือโลกใหม่แห่งการขับขี่เช่นกัน ตลอดช่วงหลาย  10  ปีที่ผ่านมา รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ถูกพัฒนาความสามารถให้ทัดเทียมเท่าเกียร์ธรรมดา และหลายครั้งที่เราพบว่ามันไปไกลกว่านั้น



                ถ้าย้อนกลับไปจุดตั้งต้นระบบเกียร์ธรรมดา  3  ขั้น ตอนที่ยังใช้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน จากแนวคิดในการพัฒนาระบบเกียร์นั้นคือ ติดเครื่องยนต์ เลือกทิศทาง และเร่งไปข้างหน้า ยังถูกใช้จนปัจจุบัน แต่มันก็มีฟังชั่นใหม่ที่ทำได้ดีกว่าเช่น เลือกตำแหน่งเกียร์ได้คล้ายเกียร์ธรรมดา ไปจนถึง ระบบเกียร์ที่ตอบโจทย์เรื่องความประหยัดได้ขึ้น อย่างระบบเกียร์  CVT  ซึ่งเริ่มเป็นที่ยอมรับแล้วว่า มันสามารถทำได้ดีกว่าเกียร์ธรรมดา โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัด ดังนั้น จะใช้รถเกียร์ธรรมดาทำไม ในเมื่อทุกวันนี้เกียร์อัตโนมัติดีกว่า อย่างเห็นๆ

4.ออพชั่นดีๆ มักอยู่ในเกียร์อัตโนมัติ ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้รถส่วนใหญ่ทำมาในระบบเกียร์อัตโนมัติ และมันก็ทำให้ออพชั่นเด่นๆที่มีอยู่ในรถรุ่นนั้นๆ มักจะไปโผล่ ในรถที่เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เพราะ บริษัทรถต้องเพิ่มมูลค่าให้รถรุ่นนั้นๆ มากขึ้น เราจึงพบว่า ออพชั่นๆ ดี ไม่ได้มีมาให้ในรุ่นเกียร์ธรรมดา

5.มันเป็นออพชั่นหรูในตลาดยุโรป ที่จริงตลาดรถยนต์ไม่ได้แบ่งแยกความหรูที่เกียร์ แต่ในตลาดยุโรป ผู้คนมีความคิดว่า ถ้าคุณจ่ายไม่ไหวคุณก็ใช้เกียร์ธรรมดา ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากรถเช่าที่เกียร์อัตโนมัติ จะมีค่าเช่าแพงกว่าเกียร์ธรรมดา ถึง 2 เท่า และถ้ามองรถยุโรปใหม่ๆ คุณจะพบว่ามันแทบไม่มีออพชั่นเกียร์ธรรมดาให้เลือก เว้นแต่ในรุ่นล่างสุด ซึ่งมักจะมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น



แน่นอนว่า เกียร์อัตโนมัติ อาจจะเป็นคำตอบที่เป็นมาตรฐานไปแล้ว สำหรับการขับรถยนต์ในยุคใหม่ที่มันง่าย และสบายขึ้น แต่ที่คุณไม่ควรลืมคือ เมื่อคุณสบายขึ้น ก็ต้องมีสมาธิต่อการขับขี่มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองด้วย ที่มา http://auto.sanook.com/5379/5-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4/

armata

ความรู้ในเรื่องยาง

1.รู้หรือไม่ว่า ยางสลิคหน้ากว้าง 215 เมื่อวิ่งบนพื้นสนามที่มีน้ำขัง ที่ความเร็วเกิน 60 กม./ชม. หน้ายางจะเกิดอาการเหินน้ำ (เหินน้ำคืออาการที่ยางไม่สามารถสัมพัสพื้นผิวสนามได้ หรือจะพูดว่ายางจะอยู่บนผิวน้ำ นั่นเอง) 

2.รู้หรือไม่ว่า ตัวอักษร R ที่อยู่ก่อนขนาดของล้อ เช่น 215/45R17 มันไม่ได้มีหน้าที่บอกเส้นผ่านศุนย์กลางของล้อ แต่มันมีหน้าที่บอกว่ามันคือยาง Redial 

3.รู้หรือไม่ว่า มียางส่วนหนึ่งที่ไม่มีการบอกซีรีส์ เช่น 195R14 หรือ 205R15 แสดงว่ายางนี้คือ ยางที่เค้าเรียกกันว่ายาง Full Series 80 เปอร์เซ็น ของความกว้างหน้ายางเท่ากับซีรีส์ 80 นั่นเอง หรือเขียนให้เข้าใจก็คือ 205/80R15 แต่ไม่นิยมเขียน

4.รู้หรือไม่ว่า ลายของดอกยางที่ขวางไปมาแต่ละจุด แต่ละตำแหน่งมีไว้ทำอะไร
- ร่องรีดน้ำในแนวการหมุนมีไว้ป้องกกันการเหินน้ำ น้ำที่ถูกกดทับจะมาอยู่ที่ร่องนี้ แล้วระบายน้ำออกด้านหลัง เพื่อให้รถเกาะถนนเวลาขับในทางตรง
- ร่องในแนวขวาง มีไว้เพื่อเพิ่มสมถรรนะมรทางโค้ง และเป็นตัวระบายฝุ่นที่อยู่บนผิวถนนออกทางด้านข้าง
- ร่องบากขนาดเล็ก มีเพื่อเพิ่มสมถรรนะเวลาฝนตก เนื่องจากจะช่วยตัดผิวน้ำหรือที่เรียกว่าฟิล์มน้ำ เพื่อให้น้ำแตกออกเป็นส่วนเล็กๆ ง่ายต่อการระบายออก 

ขอบคุณ : www.thaicrazycar.com/

armata

สาระน่ารู้ : "วอร์มแบต" ให้อุ่นใจ เครื่องสตาร์ทติดง่าย

การวอร์มแบตเตอรี่เครื่องยนต์ เป็นการกระตุ้นการทำงานของเครื่องยนต์ และตรวจเช็คสภาพความพร้อมระบบต่างๆ ของรถยนต์ เพราะเวลาอากาศเย็น ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์จะลดน้อยลง เพราะน้ำมันหล่อลื่นจะเกิดการจับตัวและมีความหนืดมาก ทำให้การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ช้าลง ถ้าไม่ได้วอร์มแบตเตอรี่เครื่องยนต์อาจทำให้อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนเกิดการสึกกร่อนได้ง่าย

"วอร์มแบต" ให้อุ่น "สตาร์ท" ปลอดภัย

1. ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรเช็คระบบเกียร์ทุกครั้ง สำหรับระบบธรรมดา เกียร์ควรอยู่ในช่องเกียร์ว่าง ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติควรอยู่ที่ N หรือ P จากนั้นดึงเบรกมือไว้ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของรถยนต์ขณะสตาร์ท

2. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ทั้งหมด เช่น เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเสียง และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่ เพื่อให้แบตเตอรี่มีกำลังไฟที่เพียงพอในการสตาร์ท

3. บิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON เพื่อเช็คการทำงานของระบบต่างๆ รวมทั้งไฟสัญญาณเตือนบนแผงหน้าปัดทุกครั้ง ถ้าไม่มีสัญญาณไฟเตือน จึงค่อยๆ สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อวอร์มเครื่องยนต์และชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่

4. การวอร์มเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงวิธีการเหยียบคันเร่งหรือเคลื่อนที่รถยนต์ ควรใช้วิธีสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ยานยนต์ต่างๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้น

5. หลีกเลี่ยงการวอร์มเครื่องยนต์ในสถานที่ปิด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก เพราะจะทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกาย
ช่วงระยะทาง 1-2 กิโลเมตรแรกในการยขับรถยนต์ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของน้ำมันหล่อลื่น

การวอร์มเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ก่อนการขับรถยนต์ เป็นการกระตุ้นหรือเพิ่มอุณหภูมิให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน และเป็นการรักษาอุปกรณ์ยานยนต์ไม่ให้เกิดการสึกกร่อนก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ ควรเช็คระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ทั้งระบบไฟส่องทาง, ไฟสัญญาณ ล้อยางและลมยาง หรือส่วนสำคัญส่วนอื่นๆ รวมทั้ง 'แบตเตอรี' ก่อนการขับรถทุกครั้งเพื่ความมั่นใจและปลอดภัยตลอดทุกเส้นทาง

ขอบคุณ : www.manager.co.th/Motoring

armata

สาระน่ารู้ : รีโมทรู้ไว้ใช่ว่า

ปัญหาในเรื่องอาชญากรรม โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับการขโมยของในรถยนต์มีหลายรูปแบบ เช่น ทุบกระจก หรือการสแกนระบบรีโหมดคอนโทรล ล่าสุดคือการรบกวนหรือแจมระบบรีโมทไม่ให้ทำงานได้
รีโมทกลายมาเป็นเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าของรถไปทุกหนทุกแห่ง "เปิด ปิด" ประตูรถโดยไม่ต้องเอื้อมมือไปกดล็อกเอง จนหลายคนเข้าใจว่ารีโมททำหน้าที่กันขโมย การใช้งานรีโมทจนเคยชินทำให้ขาดความระมัดระวังไม่ได้ตรวจสอบหลังสั่งการให้ปิดประตู บางครั้งคนขับแทบจะไม่มองรถเวลาล็อกด้วยรีโมทด้วยซ้ำไปเพราะเชื่อใจระบบนั่นเอง
รีโมทคอนโทรลนั้น จะทำงานร่วมกันระหว่างตัวรับสัญญาณกับตัวส่งสัญญาณ การแจมสัญญาณเป็นไปได้ทุกยี่ห้อที่จะเกิดอาการไม่ล็อกของประตูได้ เพราะมีการรบกวนสัญญาณกัน
"ปัจจุบันระบบรีโมทรถยนต์แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มคลื่นเดี่ยว รีโมทชนิดนี้สังเกตได้ง่ายคือ เป็นรีโมทที่มีลูกกุญแจยื่นออกมา นิยมใช้กันมากมายสำหรับรถทั่วไป กลุ่มที่สองคือ ดับเบิลซิกแนล ตัวรีโมทจะหนาๆ กุญแจพับเก็บได้หรือไม่มีเลย ใช้กับรถยนต์ที่มีระบบสมาทเอ็นทรี คือการเข้ารถโดยไม่ต้องใช้กุญแจไข หรือแค่วางรีโมทไว้ในระยะใกล้ๆ ก็กดปุ่มสตาร์ทได้เลยโดยไม่ต้องเสียบกุญแจ
ระบบสัญญาณของรีโมท สามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มอีกเช่นกัน คือคลื่นวิทยุแบบอนาล็อก มีต้นทุนการผลิตต่ำนิยมใช้กับรถระดับกลางและระดับล่าง ใช้งานโดยใช้สัญญาณวิทยุคลุมรัศมีรถ 3-5 เมตรในทุกทิศทาง ทำให้สั่งการรีโมทได้ทุกมุมในระยะไม่เกิน 5-10 เมตร สัญญาณรีโมทแบบคลื่นวิทยุดิจิตอล เป็นรีโมทที่มีระบบสูงกว่าและมีต้นทุนการผลิตสูงกว่า นิยมใช้ในระระดับบน แต่มีรถบางยี่ห้อระดับกลางที่ให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยจะเลือกระบบนี้ให้ลูกค้า ด้วยตัวรับสัญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงและคลื่นที่มีความละเอียด การสั่งการสามารถทำได้ไกลถึง 50 เมตร ในขณะที่ระบบอินฟาเรดไม่นิยมใช้กับรถยนต์ เพราะต้องให้ตัวรับและตัวส่งอยู่ในทิศทางเดียวกันหรือจ่อเข้าหากันถึงจะทำงานได้

ตั้งใจกวนสัญญาณ รีโมทไม่ล็อก
สำหรับปัญหาระบบรีโมทคอนโทรลที่ไม่ยอมล็อกระบบประตูเนื่องจากมีการกดรีโมทอื่นๆ ส่งสัญญาณของคลื่นรีโมทไปรบกวนคันที่ต้องการล็อกนั้น เป็นเรื่องจริงที่ทำได้ เมื่อรายงานข่าวนี้ออกไปมีคนพิสูจน์กัน ในขณะที่ค่ายรถยนต์ก็ทราบข้อจำกัดนี้ดี และได้มีการเขียนไว้ในคู่มือการใช้รถเพื่อให้เจ้าของรถทราบ ส่วนใหญ่แล้วรีโมทที่มีคลื่นอนาล็อก ซึ่งมีลักษณะการทำงานคลุมตัวรถในรัศมี 4-5 เมตร จะโดนกวนสัญญาณได้ง่ายกว่า ทำให้เจ้าของไม่สามารถล็อกประตูได้ในขณะกดล็อก

มาบุญครองพื้นที่สัญญาณแจม
สัญญาณรีโมทจะทำงานก็ต่อเมื่อตัวรับและตัวส่งสามารถมองเห็นกันได้โดยไม่มีกวนจากสัญญาญคลื่นวิทยุ คลื่นแม่เหล็กหรือจาก รีโมทด้วยกันเอง สำหรับพื้นที่ที่มีคลื่นต่างๆ เหล่านี้จำนวนมากและ ทำให้รถที่มีระบบสมาร์ทเอ็นทรีไม่ทำงาน ส่งผลให้รถไม่สามารถสตาร์ทติดได้ คือบริเวณห้างมาบุญครองเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่รถลูกค้าไปจอดแล้วสตาร์ทไม่ติด
ต้องสั่งการด้วยระบบแมนนวล ที้งนี้ รีโมทที่ใช้งานด้วยคลื่นแบบดับเบิลซิกแนลในรถหรูๆ หรือรถพรีเมียม เมื่อตัวรับจับได้ว่ามีการส่งสัญญาณซ้ำๆ หลายๆ ครั้งเครื่องจะสงสัยไว้ก่อนว่าเป็นการสั่งการด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ปกติ เช่น อาจจะมีการสแกนเพื่อปลอดล็อก ขโมยรถระบบจะสั่งการให้รถล็อกการสตาร์ทไว้ก่อน

การขโมยสัญญาณ
ปัจจุบันมิจฉาชีพมีระบบการขโมยสัญญาณรีโมทด้วยเครื่องสแกนเนอร์ เพียงแค่คนร้ายนั่งรออยู่ในระยะไม่ห่างจากรถเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะจอดรถติดกับรถเหยื่อหรือไม่ก็จอดตรงกันข้ามแล้วเปิดระบบสแกน รอให้เหยื่อมาและปลดล็อก หรือล็อกประตู เครื่องสแกนจะจับสัญญาณและแสดงสัญญาณว่าล็อก หรือปลดล็อก จากนั้นก็ใช้สัญญาณนั้นมาเปิดประตู มิจฉาชีพเหล่านี้มาจากแก๊งไต้หวันและเวียดนามซึ่งเก่งเรื่องนี้มาก
"ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยทำให้ผู้ผลิตรถอย่างโตโยต้าออกแบบระบบรีโมทของโตโยต้า ได้กำหนดรัศมีการทำงานไม่เกิน 5 เมตร เนื่องจากปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีกว่ามิจฉาชีพมีการใช้อุปกรณ์ไฮเทคในการสแกนและตรวจจับคลื่นเพื่อนำไปโจรกรรมรถยนต์ ยิ่งรัศมีทำการกว้างก็ยิ่งไม่ปลอดภัยสำหรับคนใช้รถ"

ลูกค้าต้องคอนเฟิร์มการล็อก
อาจารย์มนัส ดาวมณี ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านเทคนิค บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บอกกับ "คม ชัด ลึก" ว่าวิธีการใช้รีโมทที่ถูกต้อง คนใช้ต้องหันไปดูว่าระบบรีโมททำงานแล้วหรือยัง นั่นคือดูที่ประตูว่าล็อกหรือไม่ ผู้ขับรถต้องตรวจสอบด้วยสายตาหรือจากการดูสัญญาณไฟกะพริบ โดยปกติสัญญาณไฟของรถจะกะพริบและมีเสียงดัง 1 ครั้งหมายถึงการล็อกและกะพริบ 2 ครั้งคือการปลดล็อก โดยลูกค้าสามารถตั้งให้มีเสียงหรือไม่ด้วยตัวเองแต่ไม่สามารถตั้งการเปิดไฟสัญญาณไฟล็อกหรือไม่ล็อกได้

ข้อจำกัดของรีโมท
รีโมทไม่ใช่อุปกรณ์เทวดาที่ทำงานสมบูรณ์ตลอดเวลาเพราะว่าระบบต้องการไฟหล่อเลี้ยงหากว่าแบตเตอรี่รถยนต์หมด รีโมทก็ใช้ไม่ได้ต้องไขกุญแจ หรือกรณีที่แบตเตอรี่มีแรงไฟต่ำ ระบบภาครับก็ทำงานไม่สมบูรณ์อาจจะไม่รับสัญญาณไปสั่งงานกล่องให้ดึงก้านล็อก นอกจากนี้คลื่นแม่เหล็กในบางพื้นที่และคลื่นวิทยุที่กระจายอยู่ในอากาศทั่วไป หากสัญญาณแรงหรือคลื่นตรงกันกับรีโมทก็จะเกิดการรบกวน ทำให้รีโมทรวนชั่วขณะ การทำงานของระบบรีโมท หากต้องการแจมระบบอย่างตั้งใจกวนสัญญาณด้วยระบบรีโมทตัวอื่นๆ ที่เป็นข่าวถือเป็นข้อจำกัดหนึ่งที่เจ้าของรถต้องรู้
"ทั้งนี้คำแนะนำสำหรับผู้ใช้รถ คือ ผู้ใช้รถเมื่อล็อกด้วยรีโมท ต้องตรวจดูให้แน่ใจด้วยว่า รถถูกล็อกแล้วก่อนที่จะเดินจากรถไป ทั้งนี้ ควรฝึกให้เป็นนิสัยประจำว่า อย่าวางใจระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องระมัดระวังในการตรวจสอบการล็อกรถ ไม่เช่นนั้น "เสร็จคนจ้องขโมยแน่นอน"

ขอบคุณ : คมชัดลึกออนไลท์

armata

สาระน่ารู้ : "เบรค" คุณรู้จักมันดีแค่ไหน?

เบรคออกแบบมาเพื่อทำให้รถช้าลง และหยุดรถ หรือจอดนิ่งบนทางลาด ซึ่งเป็นอุปการ์ของรถที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ รถยนต์ของเราที่กำลังไม่สามารถหยุดได้ทันที เมื่อเครื่องยนต์ตัดกำลังงานออกจากระบบส่งกำลัง เนื่องจากมีแรงเฉื่อย แรงเฉื่อยอันนี้ต้องทำให้ลดลง เพื่อที่จะทำให้รถหยุดนิ่ง เบรคโดยทั่วไปจะมีสองชนิดคือ แบบดรัมเบรก และดิสก์เบรก

วันนี้ขอกล่าวถึงในส่วนของดรัมเบรคก่อนว่ามีส่วนประกอบอะไร หลักการทำงานเป็นอย่างไร

1. แผ่นหลังเบรค จะถูกอัดขึ้นรูปจากแผ่นเหล็กกล้ายึดด้วยโบลท์กับเสื้อเพลาท้ายหรือที่ยึดเพลาท้าย ดังนั้นฝักเบรกจึงติดอยู่กับแผ่นหลังเบรค แรงเบรคทั้งหมดจะกระทำกับแผ่นหลังเบรค

2. กระบอกเบรคที่ล้อ ที่มักใช้กันมีสองแบบคือ แบบลูกสูบคู่ และแบบลูกสูบเดี่ยว เมื่อเหยียบเบรกคันเบรกจะมีกลไกกดที่แม่ปั้มเบรค ดันน้ำมันเบรคมาที่กระบอกน้ำมันเบรค น้ำมันเบรคที่แรงดันนี้จะมากระทำกับลูกสูบในกระบอกเบรค ให้เคลื่อนที่ไปกดฝักเบรค เพื่อไปกดจานดรัมเบรก ทำให้เกิดแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรคของฝักเบรคกับจานเบรค

3. ฝักเบรคและผ้าเบรค ฝักเบรคปกติทำด้วยแผ่นเหล็กกล้า ผิวด้านนอกจะมีผ้าเบรคติดอยู่ ผ้าเบรคต้องมีความททนทานต่อความร้อนและการสึกหรอ และต้องมีค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสูง ซึ่งค่านี้ต้องไม่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งอาจเกิดได้กับผ้าเบรกที่ทำจากโลหะไฟเบอร์ผสมทองเหลือง ตะกั่วพลาสติก และขึ้นรูปภายใต้ความร้อน

4. จานดรัมเบรก จะทำด้วยเหล็หล่อ หมุนไปพร้อมกับล้อเมื่อเหยียบเบรก ผ้าเบรกจะสัมผัสกับด้านในของจานดรัมเบรกทำให้เกิดความร้อน มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300 องศาเซลเซียส

ขอบคุณ : www.thaicrazycar.com/

armata

เกร็ดเล็กๆที่ควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ เรื่อง START

หลายคนขับรถไปทำงานทุกวัน แต่บางทีก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดในตัวรถมากเท่าไหร่ อาจจะด้วยปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้ละเลยไป คราวนี้เราก็เลยมีเคล็ดลับง่ายๆในการถนอมรถยนต์ที่คุณรักมาฝาก โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร แค่ปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอก็พอแล้ววว

เราจะพูดถึงการสตาร์ทรถยนต์กันครับ ซึ่งโดยทั่วไปนั้น  ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยส่วนใหญ่ที่กุญแจสตาร์ทจะต้องบิดกุญแจ  3 จังหวะ คือ AC , ON และ START เครื่องยนต์ถึงจะติด แต่คาดว่าจะต้องมีคนบิดกุญแจรวดเดียว 3 จังหวะไปที่ START เลยเป็นแน่แท้  โอเคถ้าหากเป็นรถใหม่ก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมานาน ๆ อาจต้องสตาร์ทแล้วสตาร์ทอีก จนกว่าเครื่องยนต์จะติด ซึ่งระหว่างที่สตาร์ทรถหลาย ๆ ครั้งนี้แหละครับ มันจะเป็นเหมือนการทำลายระบบสตาร์ทให้อายุไขของมันสั้นลง เราจึงมีคำแนะนำดีๆเกี่ยวกับการสตาร์ทรถที่ถูกวิธี  มาให้ได้อ่านกันเพลินๆ แล้วทีนี้จะได้ไม่ต้องมานั่งสตาร์ท แชะ แชะ แชะ ให้เสียฟอร์มสาวข้างกาย แถมยังเป็นการยืดอายุระบบสตาร์ทให้ใช้งานได้ ดีไปอีกนานแสนนาน ด้วยวิธีง่าย ๆ นี้เลยย

1. ควร ปิดอุปกรณ์ที่ใช้ระบบไฟทั้งหมดในรถ เช่น เครื่องปรับอากาศ  ไฟหน้า และเครื่องเสียงต่าง ๆ เพื่อให้แบตเตอร์รี่ได้จ่ายไฟอย่างเต็มที่ 

2. เหยียบครัชให้สุดสำหรับเกียร์ Manual  ส่วนเกียร์ AUTO ให้เข้าเกียร์ที่ตำแหน่ง N หรือ P เพื่อผ่อนแรงมอร์เตอร์สตาร์ท 

3. บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON ค้างไว้ ตราวจเช็คไฟเตือนต่างๆ  หากเครื่องยนต์เย็นควรกดแป้นคันเร่ง 1 ครั้ง (รายละเอียดไฟเตือนต่างๆให้ศึกษาจากคู่มือรถ) 

4. บิดกุญแจสตาร์ทก็เป็นอันเรียบร้อย ทีนี้ ก็จะไม่ต้องมานั่งเสียฟอร์มสตาร์ทรถ แชะ แชะ แชะ อีกต่อไป 

ลองทำกันดูนะครับกับวิธีง่ายๆ แนะนำให้ทำจนติดเป็นนิสัยนะครับ ไม่ว่ารถเก่าหรือรถใหม่ แต่ถ้าหากทำตามวิธีนี้แล้วไม่ได้ผลควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมระบบไฟไดชาร์ท ไดสตาร์ทโดยทั่วไป จะดีกว่านะครับ ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้รถและขับขี่กันอย่างปลอดภัยนะครับ!

armata

กันขโมยแบบประหยัด ในยุคพอเพียงครับ

วิธีป้องกันรถหายแบบประหยัดสะดวก ไม่ยากอย่างที่คิด 
หากมีเหตุจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ ไม่ว่าที่ใดก้อตาม ย่อมมีโอกาศความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจรกรรมได้เสมอ สำหรับรถป้ายแดงทุกท่าน และเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น เป็นเรี่องอยากยิ่งที่จะติดตามกลับคืนมาได้ อันเนื่องมาจาก กำลังของเจ้าหน้าที่มีน้อย และไม่รู้เส้นทางการหลบหนี   
ดังนั้นจึงมีอีกวิธี ซึ่งเป้นวิธีที่ได้ผล 100 % คือให้ท่านหาโทรศัพท์มือถือราคาถูกๆแต่ใช้งานได้ดี battary ดี   ซิมการ์ด ระบบใดก้อได้ ปิดเครื่องแล้วซ่อนในจุดที่ลับตาที่สุด ที่คิดว่าคนร้ายจะไม่เห็น เปิดเครื่อง ปิดเสียง ปิดสั่น  ทิ้งไว้ในรถ เมื่อท่านต้องจอดในที่บริเวณที่มีความเสี่ยงสูง และล็อครถของท่านตามปกติ 
กรณีเกิดรถหาย ให้แจ้ง 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับระบบเครือข่ายของหมายเลขโทรศัพท์ ที่ท่านซ่อนไว้ในรถเพื่อหาตำแหน่งของรถท่าน เพื่อการติดตามจับกุมอย่างรวดเร็ว
โดยส่วนใหญ่รถที่หายยังอยู่บนถนน หากที่ใดมีคลื่นโทรศัพท์ ก้อจะสามารถระบุตำแหน่งได้
ทุกวันนี้ระบบซิมการ์ดเติมเงินบางระบบเติมเงินเท่าใดก้อใช้ได้เป้นปี ราคาก้อไม่กี่ร้อยบาท บวกค่าโทรศัพท์ที่ท่านหาซื้อได้ในราคาแค่พันต้นๆ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วคับทุกท่าน
ป ล อย่าลืมบอกเพื่อนๆๆน๊ะคับ อีกอย่างตังหมดก้อใช้ในยามฉุกเฉินได้

armata

วิธีถนอมรักษาช่วงล่างรถยนต์

ระบบช่วงล่างรถยนต์ รวมระบบกันสะเทือน หรือที่เรียกว่า Suspensions ในภาษาอังกฤษ มีหน้าที่ลดอาการสั่นสะเทือนอันเนื่องมาจากล้อสัมผัสกับพื้นถนน ให้เหลือแรงสะเทือนส่งไปยังห้องโดยสารให้น้อยที่สุด แต่ระบบกันสะเทือนก็ยังมีหน้าที่และประโยชน์อีกหลายข้อด้วยกันครับ ได้แก่ ช่วยให้การบังคับควบคุมรถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ, รักษาระดับตัวรถ ให้พื้นรถห่างจากผิวถนนคงที่, ควบคุมล้อให้ตั้งฉากกับพื้นถนนตลอดเวลาเพื่อให้หน้ายางสัมผัสกั บพื้นถนนมากที่สุด แม้ในขณะเข้าโค้ง, ลดอาการกระดก และโยนตัว สมดุลให้รถอยู่ในสภาพปกติ ขณะเคลื่อนที่ผ่านผิวถนนที่ไม่ราบเรียบ

การรองรับน้ำหนัก ในศัพท์ทางรถยนต์ หมายถึง การใช้สปริงคั่นกลางระหว่างโครงรถ (Frame), ตัวถัง (Body), เครื่องยนต์, ชุดส่งกำลัง กับล้อ ซึ่งเป็นส่วนที่รับภาระจากการสัมผัสโดยตรงกับพื้นถนน น้ำหนักของอุปกรณ์ดังกล่าว ตลอดจนน้ำหนักบรรทุกที่อยู่ด้านบนของสปริง เราเรียกว่า น้ำหนักเหนือสปริง (Sprung weight) ส่วนน้ำหนักใต้สปริง ซึ่งได้แก่ ล้อ, ยาง, ชุดเพลาท้าย (ในรถที่ใช้แบบคานแข็ง) และเบรก จะเป็นน้ำหนักที่สปริงไม่ได้รองรับ ถูกเรียกว่า น้ำหนักใต้สปริง (Unsprung weight)

หน้าที่และชนิดของสปริง
สปริงจะยุบและยืดตัวเมื่อล้อวิ่งผ่านผิวถนนที่ขรุขระ ส่งผลให้ล้อเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้เกือบอิสระในแนวดิ่งจากโครงรถ ทำให้สามารถ "ดูดกลืน" (Absorb) แรงเต้นของล้อลงได้ แรงจากการเคลื่อนที่ของล้อจึงถูกส่งถ่ายไปยังตัวถังน้อยกว่าที่ ล้อเต้นจริง ผลก็คือผู้โดยสารและน้ำหนักบรรทุกจะได้รับแรงสะเทือนจากล้อลดลง นั่นเอง
เรามักเข้าใจว่า "สปริง" คือ ขดลวดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดต่างๆ ขดเป็นวง รูปทรงกระบอก (สปริงขด หรือ Coil Spring) แบบอย่างที่เราคุ้นเคยกันมาตลอด แต่ในความเป็นจริง สปริงยังมีอยู่อีกหลายประเภท หลายรูปแบบ และที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ แหนบ (Leaf Spring), เหล็กบิด หรือทอร์ชั่นบาร์(Torsion bar), สปริงลม (Air Spring), สปริงยาง (Rubber Spring) และ ไฮโดรนิวเมติก (Hydro - Pneumatic) ในอนาคตเมื่อความก้าวหน้าทางวิศวกรรมสูงขึ้นอีก ก็อาจมีสปริงรูปแบบใหม่ๆ ออกมาใช้งานอีกก็เป็นได้
แหนบจะรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนโดยการ "โค้งหรืองอตัว" ของแผ่นแหนบ สปริงขดรับน้ำหนักโดยการ "หด หรือยุบตัว" ของขดสปริง ส่วนเหล็กบิด หรือทอร์ชั่นบาร์ นั้น จะรับแรงสั่นสะเทือนโดยการ "บิดตัวของเพลา", สปริงลมลดแรงสั่นสะเทือนจากการ "อัดตัวของลม" ในถุงลม, ส่วนสปริงแบบไฮโดรนิวเมติก ดูดซับแรงสั่นสะเทือน โดยการอัดตัวของแก๊สไนโตรเจนและของเหลว (ที่ใช้อยู่เป็นน้ำมันไฮดรอลิก) ในระบบ


แบบคานแข็ง (Solid axle suspension) คานแข็ง
ล้อด้านซ้ายและล้อด้านขวาอยู่บนเพลาเดียวกัน เป็นแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาและในปัจจุบันก็ยังมีใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถบรรทุก รถยนต์นั่งมีเฉพาะล้อหลัง แต่ก็มีให้เห็นน้อยลงเรื่อยๆ ข้อดี คือ แข็งแรง ทนทาน ค่าสร้างถูก แต่มีข้อเสีย คือ มีน้ำหนักใต้สปริงมาก เมื่อล้อใดล้อหนึ่งเอียงไป ล้อที่อยู่บนคานเดียวกันจะเอียงตามไปด้วย การควบคุมรถที่ความเร็วสูง และสภาพถนนขรุขระจึงไม่ดีเท่าที่ควร
แบบอิสระ (Independent suspension) ล้อทั้ง 4 ของระบบกันสะเทือนรูปแบบนี้จะเต้นเป็นอิสระต่อกัน ไม่ส่งผลไปยังล้อที่อยู่ตรงกันข้าม หรือถ้ามีบ้างก็น้อยมาก น้ำหนักใต้สปริงของระบบรองรับแบบนี้มีน้อย แรงเฉื่อยจากการเต้นของล้อจึงมีน้อยกว่า อาการเต้นของล้อจึงกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว น้ำหนักใต้สปริงของระบบกันสะเทือนแบบอิสระน้อยมากยิ่งขึ้นไปอีก ในปัจจุบัน เพราะผู้ผลิตหลายรายหันมาใช้อะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา เป็นส่วนประกอบหลักของระบบกันสะเทือนแทนเหล็ก ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแทบทั้งชุด การควบคุมรถจึงทำได้อย่างมีเสถียรภาพมากกว่า และยังนุ่มนวลกว่า ซึ่งระบบรองรับแบบอิสระจะแบ่งออกไปอีกหลายประเภท อาทิ ปีกนก, เซมิเทรลิ่งอาร์ม, แม็คเฟอร์สันสตรัท, มัลติลิงค์ และอีกหลายระบบที่พัฒนาบนพื้นฐานของระบบที่ยกตัวอย่างมา รวมถึงยังมีการนำแต่ละระบบมาผสมผสานกันด้วย

ปีกนก (Wishbone suspension)
การออกแบบแตกต่างกันไป เช่น ปีกนกบนและปีกนกล่างยาวไม่เท่ากันแต่ขนานกัน, ปีกนกบนและปีกนกล่างยาวไม่เท่ากันและไม่ขนานกัน ระบบรองรับน้ำหนักประเภทนี้ได้รับความนิยมค่อนข้างแพร่หลาย ปัจจุบันสามารถออกแบบให้แข็งแรงมากพอ และใช้อะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา แทนโครงสร้างเดิมที่เป็นเหล็ก จึงไม่แปลก นอกจากในรถยนต์นั่งแล้ว รถ Off-road หลายรุ่นก็ใช้ระบบกันสะเทือนรูปแบบนี้ด้วย


เซมิเทรลิ่งอาร์ม (Semi trailing arm)
แขนเต้น (Trailing arm) อาจมีอยู่ 2 แขน หรือแขนเดียวก็ได้ ถ้าเป็นแขนเดียวจะเรียกว่า เซมิเทรลิ่งอาร์ม (Semi trailing arm) ถูกออกแบบให้ใช้ในล้อหลัง แขนเต้นมีใช้ทั้งแบบจุดหมุนอยู่ตามแนวยาวและจุดหมุนอยู่ตามแนวข วางกับตัวรถ ปัจจุบันมีให้เห็นมากในรถ MPV ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จุดเด่น คือ มีชิ้นส่วนในการเคลื่อนที่น้อย ห้องโดยสารจึงออกแบบได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

แม็คเฟอร์สันสตรัท (MacPherson strut)
การออกแบบคล้ายกับระบบปีกนกธรรมดา แต่ไม่มีปีกนกบน โช้คอัพและคอยล์สปริงจะรวมอยู่บนแกนเดียวกัน ทำให้ประหยัดเนื้อที่และลดชิ้นส่วนต่างๆ ลงได้มาก ตัวถังบริเวณที่รองรับชุดแม็คเฟอร์สันสตรัท ต้องแข็งแรงเป็นพิเศษ ข้อเสียของระบบกันสะเทือนชนิดนี้ คือ ไม่สามารถทำให้รถต่ำลงเท่าระบบกันสะเทือนแบบปีกนก จึงไม่นิยมใช้กับรถแข่งทางเรียบ (Racing Car) แต่บนทางฝุ่นในสนามแรลลี่โลก ใช้ แม็คเฟอร์สันสตรัทเกือบทุกค่ายเลยล่ะ

มัลติลิงค์ (Multi-link suspension)
คำว่ามัลติลิงค์จะค่อนข้างครอบคลุม สำหรับระบบกันสะเทือนที่ใช้แขนยึด (Link) แบบหลายจุด เช่น โฟร์บาร์ลิงค์เกจ, ไฟว์ลิงค์ หรือแขนยึดแบบ 5 จุด ที่ออกแบบให้ใช้แขนยึดหลายจุดเพื่อต้องการควบคุมมุมล้อ และรักษาหน้ายางให้ตั้งฉากกับพื้นถนน ปัจจุบันนิยมใช้กับล้อคู่หลังในกลุ่มรถ Luxury เพราะโดดเด่นเรื่องความนุ่มนวล ทั้งยังให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่ดี

ทอร์ชั่นบาร์ (Torsion bar)
มีรถยนต์หลายรุ่นได้นำเอาทอร์ชั่นบาร์มาใช้แทนแหนบและสปริงขด ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดยเฉพาะในล้อหน้าจะเห็นได้ในรถกระบะ ระบบกันสะเทือนรูปแบบนี้จะมีทอร์ชั่นบาร์สองท่อน (ของล้อหน้าซ้าย และล้อหน้าขวา) ติดตั้งตามยาวของโครงรถข้างละท่อน ที่ปลายด้านหน้ายึดติดกับปีกนกล่าง ปลายด้านหลังยึดติดกับซับเฟรม ซึ่งสามารถปรับแต่งความตึงของทอร์ชั่นบาร์ได้ น้ำหนักของรถจะทำให้ทอร์ชั่นบาร์บิดตัวไปเหมือนกับสปริงขด จะยุบตัวหรือบิดตัวมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ การบิดตัวดังกล่าวจะทำให้เกิดผลของความเป็นสปริง เช่นเดียวกับสปริงรูปแบบอื่นๆ
คงจะรู้จักหน้าที่อุปกรณ์แต่ละชนิดแล้วใช้ไหมครับ แต่วิธีที่ถนอนช่วงล่างที่ถูกต้องครับ คือไม่กระแทกแรงๆ เลี่ยงการตกหลุมให้ได้มากที่สุด
สุด ท้ายนี้ ส่วนการบำรุงรักษาที่ง่ายๆที่สุดก็คือถ้าไม่ดัง ไม่หลวม ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นครับ แต่ถ้ามีอะไรหลวม อะไรดัง ก็ควรจะให้ช่างที่เชี่ยวชาญและไม่ฟันเราตรวจเช็ค และเปลี่ยนอะไหล่ที่เป็นของแท้ๆใส่ รับรองขับสนุก ขับดี

armata

วิธีดูแลเบาะหนัง และเบาะผ้าให้ใช้งานได้นานๆ

ผู้คนส่วนใหญ่อยู่ในรถเฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง ต้องนั่งอยู่ในรถที่มีแอร์และเสมือนว่าอยู่ในที่แคบ ๆ สูดเอาอากาศที่มีอยู่ภายในโดยไม่ถ่ายเทออกไปด้านนอก ทำให้ฝุ่นละออกและเชื้อแบคทีเรีย จุลินทรีย์ต่าง สะสมอยู่ภายในเบาะรถยนต์ ซึ่งเป็นแหล่งขยายพันธุ์เชื้อโรคได้เป็นอย่างดี
     ดัง นั้น จากสภาพความจริงที่กล่าวมา จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถ โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นที่ต้องอยู่ในรถนานๆ จะต้องทำความสะอาดภายในรถยนต์ให้ถูกวิธี อย่างน้อยสุด เดือนละ 1 ครั้ง

ขั้นตอนแรก การกำจัดฝุ่น และ ขน (สำหรับเบาะผ้าหรือเบาะกำมะหยี่) ได้ด้วยตนเอง


1. ถ้ารถมีเส้นผมติดเบาะอยู่ ขอแนะนำให้ใช้กระดาษกาวย่นแล้วไปกดที่เบาะ วิธีนี้จะถนอมเบาะรถครับ ถ้าเป็นแปรงก็ควรเป็นแปรงขนนิ่ม ไม่ใช่แปรงซักผ้านะครับ แปรงเช็ดรองเท้า ใช้ได้ แล้วเส้นต่างๆก็จะล่วงลงพื้นเราต้องดูดทิ้งทำงานหลายรอบเหนื่อยนะครับ


2. จัดการฝุ่นที่เบาะ หาเวลาว่างสักวัน เปิดประตูให้หมดทุกบาน หาไม้มาตบที่เบาะให้ฝุ่นลอยขึ้นไม่ต้องออกแรงมากนะครับมันจะฟุ้งในรถ แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูด ทำซ้ำกัน2-3ครั้งก็น่าจะได้แล้ว แต่ถ้าไม่มีเวลาเครื่องมือถอดเบาะไปคาร์แคร์เลย ถอด มาทำข้างนอกรถไม่เปื้อนฝุ่น


ขั้นตอนที่สอง การจัดการกับรอยเปื้อน (สำหรับเบาะผ้าหรือเบาะกำมะหยี่) ได้ด้วยตนเอง


1. ถ้าเบาะรถเปื้อนจารบีหรือคราบดำๆมีวิธีการทำความสะอาดครับ เราจะต้องไปหาซื้อทินเน่อร์ขาวที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์โดยตรง ข้อแนะนำอย่าทำบ่อยเพราะอาจทำให้เบาะเสียเร็วขึ้น

2. ขอแนะนำว่าอย่าทำติดๆกันเพราะเบาะคุณจะไปเร็ว อย่าลืมว่ากว่าเบาะรถจะมาถึงมือเราโรงประกอบเค้าจัดการมาแล้วหนึ่งรอบ จะมีทั้งการสตรีมไอน้ำ ทินเน่อร์ขาว เช็ดคราบจารบี รอยนิ้วมือ ถ้าจะนำไปให้ร้านทำก็บอกเค้าแค่ตบฝุ่นและดูดออกแล้วกัน ถ้าจะทำให้ดูใหม่ได้แต่เบาะคุณจะพังเร็วขึ้น เนื่องจาก LAMINATE ข้างในเมื่อเจอน้ำหรือความชื้น แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ผ้าน่ะแห้งแต่LAMINATE ข้างในจะกรอบแล้วจะยุ่ย ห้ามใช้น้ำยาซักนะ แต่โฟมฉีดอนุโลมใช้ได้แต่ก็อย่าบ่อยเหมือนกัน 2 เดือนครั้งก็ดีครับ

การดูแลเบาะหนังให้สะอาดและคงความชุ่มชื่นเสมอ  ได้ด้วยตนเอง

หลังจากล้างรถทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำแล้วบิดให้พอหมาดๆ แล้ว เช็ดทำความสะอาดที่เบาะเป็นอันดับแรกเพื่อให้คราบสิ่งสกปรกติดในเบาะมาออกให้หมด จากนั้นใช้น้ำยาเคลือบรักษาเบาะหนังเคลือบลงไป (น้ำยาเคลือบเบาะหนังแล้วแต่ยี่ห้อที่ท่านต้องการ) เท่านี้เบาะรถคุณก็จะสะอาดน่าใช้ไปอีกนาน

ชลธาร

all new d max รถ4เดือนเวลาเริ่มเปิดแอรจะมีกลิ่นเหม็นอับเป็นเพราะสาเหตุอะไรครับ...ตอบให้เป็นพระคุณอย่างสูงครับ

armata

อ้างจาก: ชลธาร เมื่อ 00:04 น.  07 เม.ย 57
all new d max รถ4เดือนเวลาเริ่มเปิดแอรจะมีกลิ่นเหม็นอับเป็นเพราะสาเหตุอะไรครับ...ตอบให้เป็นพระคุณอย่างสูงครับ

ต้องขอตอบตรงๆครับ ว่าเป็นไปได้หลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากสภาพแวดล้อม กลิ่นอับมันจะเกิดจากความชื้น ลองเปลี่ยนสถานที่จอดรถ หรือพยายามให้สถานที่จอดรถมีอากาศถ่ายเทมากขึ้น หรือให้มีแสงจากแดดแบบไม่ต้องส่องถึงบ้างก็คงจะดีครับ ตอนจะออกจากรถลองเปิดกระจกไว้ซักนิดทั้งด้านคนขับและผู้โดยสารดูครับ อาจพอช่วยได้ มีอะไรก็โทรมาสอบถามได้ครับ

armata

อ้างจาก: armata เมื่อ 08:27 น.  08 เม.ย 57
ต้องขอตอบตรงๆครับ ว่าเป็นไปได้หลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากสภาพแวดล้อม กลิ่นอับมันจะเกิดจากความชื้น ลองเปลี่ยนสถานที่จอดรถ หรือพยายามให้สถานที่จอดรถมีอากาศถ่ายเทมากขึ้น หรือให้มีแสงจากแดดแบบไม่ต้องส่องถึงบ้างก็คงจะดีครับ ตอนจะออกจากรถลองเปิดกระจกไว้ซักนิดทั้งด้านคนขับและผู้โดยสารดูครับ อาจพอช่วยได้ มีอะไรก็โทรมาสอบถามได้ครับ

นึกได้อีกอย่างครับ น้ำหอมในรถ(รถผมไม่ใช้เลย) เพราะน้ำหอมจะไปจับกับแผงคอยล์เย็นและตู้แอร์ ทำให้ตู้แอร์อับจนไม่สามารถไล่ลมได้ พอนานเข้าน้ำหอมที่ไปจับจะกลายเป็นน้ำเปรี้ยวแทน และหากปล่อยไปโดยไม่ได้ทำความสะอาด ฝุ่นก็จะไปจับตามแผงคอลย์(ที่ซึ่งมีคราบน้ำหอมอยู่ก่อนแล้ว)จนแน่นแข็งและจะมีผลกับท่อทองแดง และจะทำให้คอยล์และตู้แอร์รั่วครับ คิดว่าน่าจะเป็นาเหตุหลักเลยครับ

ตอนนี้ต้องให้เลิกการใช้น้ำหอมไปเลยครับ และถ้ายังมีกลิ่นอยู่อีกก็ต้องไปล้างแอร์แล้วครับ แล้วให้เขาใส่กรองแอร์ไปด้วยเลย แต่ที่สำคัญเลิกใช้น้ำหอมไปเลยครับ ผมจะใช้ใบเตยหอมที่ทำเป็นดอกกุหลายน่ะที่เขาขายตามแยกไฟแดง หรือดอกมะลิที่เขาเสียบเป็นพวงๆก็ได้ เสียบกับที่บังแดดเอา

armata

สาเหตุและการกำจัดกลิ่นอับชื้นจากแอร์ รถยนต์

กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่จะกล่าวนี้ไม่รวมถึง กลิ่นที่ได้มาจาก ของกิน หรือ สารเคมีอื่นๆ ที่หกเลอะในรถนะครับ ทีนี้มาดูว่ากลิ่นนั้นเกิดมาจากอะไร
กลิ่นอับชื้นออกเหม็นเปรียวนั้นเป็นก็าซที่ได้จากกระบวนการสังเคาะอาหารของเบคทีเรีย ทั้งประเภทที่ใช้ออกซิเจนและไม่ใช้ออกซิเจนในการดำรงชีวิต โดยใช้น้ำหรือความชื้นเพียงนิดหน่อยก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ บางชนิดจะสร้างสารคล้ายเจลลี่ห่อหุ้มตัวไว้ และเกาะตามซอกหลือต่างๆในกล่องและตู้แอร์ดังนั้นการกำจัดกลิ่น ก็คือต้องกำจัดแบคทีเรียนั้นเสีย ที่ทำกันอยู่ก็คือ


วิธีถอดล้างตู้แอร์แบบเก่า คือเอาออกมาทั้งโครง และตู้แอร์ที่มีซอกหรือคลีบเยอะๆ มาล้างทั้งขัดทั้งถู ออกหมดทั้งฝุ่น ทั้งเจลลี่หรือวุ้นใสๆนั้นแหละครับตัวแบคทีเรียอยู่เป็นโคโลนี เลย แน่นอนว่าเกลี้ยงถ้าช่างไม่หมกเม็ด


วิธีล้างตู้แอร์โดยไม่ถอดมาล้างข้างนอก โดยการฉีดน้ำยาล้างเป็นโฟมแล้วทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนดจึงล้างออก โดยน้ำยาที่ล้างจะผสมสารทำให้เกิดฟองเพื่อให้ฝุ่นละอองนั้นหลุดล่อนออกมา และยังมีการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อไม่ว่าจะได้มาจากธรรมชาติหรือมีส่วนผสมของเอลกอฮอล์ และอย่างสุดท้ายผสมน้ำหอมเพื่อกลบเกลื่อนผลงานว่าสะอาดแล้วเพราะหอมมากๆหลังทำเสร็จ

แล้วเหตุใดหลังทำเสร็จจึงมีกลิ่นนั้นอีก อธิบายได้ว่า เบคทีเรียนั้นตายไม่หมด มีเหลือรอด จาก


เพราะบางชนิดสามารถสร้างสปอร์หรือเมล็ดพันธ์ ซึ่งมีความทนทานมาก น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับล้างตู้แอร์ ขอบอกว่าเด็กๆ เอาสปอร์มาแช่เป็นเดือนมันยังไม่ตายเลยครับ และพอเจ้าสปอร์ได้รับความชื้นที่พอเหมาะก็จะโตขึ้นมาได้อีก หรือแบคทีเรียบางตัวสร้างเจลลี่หรือgerm ห่อหุ้มตัวมันไว้ เมื่อฉีดน้ำยาโฟมล้างตู้แอร์เข้ามาเจ้าตัวแบคทีเรียก็ไม่สัมผัสกับน้ำยาฆ่าเชื้อจ้างก็ไม่ตาย และยิ่งอยู่ในซอกหลืบน้ำยาเข้าไม่ถึงน่ะ
ได้รับแบคทีเรียเข้ามาใหม่ อันนี้มาจากสิ่งแวดล้อมถายนอกรถ หรือจากตัวเราก็ได้ ท่านเชื่อหรือไม่ ผมเคยเอาน้ำจากตู้แอร์มาเพาะเชื้อ มันได้กลิ่นเดียวกับที่เท้าผมเลย ก็เพราะระบบหมุนเวียนอากาศนั้นแหละดูดเข้าไป (งามเลย) แล้วจะต้องทำอย่างไรกับพวกที่เหลือ ก็ต้องฆ่ามันนั้นแหละครับ ต้องเลือกน้ำยาที่มีประสิทธิภาพสูง (high level) ชอนไชได้ดี จึงจะฆ่าสปอร์ได้ แอลกอฮอล์ 70% ที่ใช้ล้างแผลฆ่าสปอร์ไม่ตาย แล้วท่านคิดว่าน้ำยาล้างตู้แอร์แบบไม่ต้องถอดล้าง ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น นิดหน่อย จะได้ผลใหม่ ผมจึงเลือกแบบรมควันหรือแบบอบแก๊สที่ใช้กันทางการแพทย์นั้นแหละ


วิธีการดังกล่าวเมื่อเชื้อแบคที่เรียตายหมด กลิ่นก็น่าจะหมดไป แต่อย่าลืมว่ากลิ่นจากแบคทีเรียในช่องแอร์เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น และกลิ่นต่างที่ไม่พึ่งประสงค์ มักเป็นสารประกอบอีเทอร์ , สารประกอบซัลไฟล์หรือสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่อาจฝังแน่นกับวัสดุในตัวรถและระเหยกลิ่นมาให้เราดมอยู่เลยๆ ใช้เทคโนโลยีมีแต่งบบานปลาย กลับมาหาธรรมชาติใช้ถ่านดูดกลิ่นไม่ชอบรูปลักษณ์ ก็เอาใส่ภาชนะเป็นเครื่องประดับไปในตัว จะซ่อนใว้ก็ได้ หรือจะเลือกแบบผลไม้ที่เอามาเผาเป็นถ่านมาขายเป็นเครื่องประดับก็เก๋ดี อุดหนุนหน่อยภูมิปัญญาคนไทย

ที่มา: http://motorway.go.th


ชลธาร



armata

ความคิดที่ผิด ๆ เกี่ยวกับการถนอมรถยนต์ 29 วิธี

มาดูเรื่องวิธีถนอมรถที่เข้าใจแบบผิด  ๆ 29 เรื่อง ซื่งเรื่องที่เข้าใจผิดนี้เองทำให้สมรรถภาพของรถยนต์เสื่อมลงได้หรือส่งผลเสียต่อลดทันที และลดอายุการใช้งานของรถ ลงอีก จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เกิดคาดคิด อาจเป็นเหตุให้เสียเวลาและเสียเงินมากขึ้นอีกด้วยครับ

ข้อที่ 1
(ผิด) สตาร์ทแล้วออกรถได้เลยไม่ต้องอุ่นเครื่อง
(ถูก) อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยังเย็นอยู่ เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า
หรือติดเครื่องยนต์ เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้านไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ
และละลายปนกับฟิล์มน้ำ มันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียง
พอ สร้างความสึกหรอกในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ

นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมดและไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่อง
ยังเย็นนี้ ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย

ข้อที่ 2
(ผิด) รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้อง รันอิน
(ถูก) รถใหม่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ต้องรันอิน

รถรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีแล้วก็ตามแต่เครื่องยนต์ใหม่ควรต้อง
ผ่านการรันอิน และ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อนที่จะใช้งานอย่างเต็มที่
เพราะเศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป

การรันอินนั้นทำได้ไม่ยาก โดยในช่วง 1,000 กม. แรก
ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง หรือใช้รอบ
เครื่องยนต์ที่สูงมาก ๆ ถ้าใช้รอบเครื่องไม่เกิน 3,000 รตน.(รอบต่อนาที)
ได้ก็จะดีและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด พูดถึงเรื่องนี้
เคยมีผู้ใช้รถบางคนไม่นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค โดยให้เหตุผลว่า เสียเวลา เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทำที่ไหนก็ได้
อย่างนี้ น่าเสียดาย แทนจริง ๆเพราะถ้าเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์จะเรียกร้องเอากับใคร

ข้อที่ 3
(ผิด) ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดรถช่วยยืดอายุใบปัด
(ถูก) สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น

ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วยใบปัด
แผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม

อีกส่วนคือ ก้านใบปัด ที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก
ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์ ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด การยกก้านเมื่อจอดตากแดด
สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลาอายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด

ข้อที่ 4
(ผิด) รถติดไฟแดงคาเกียร์ D ไว้ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง
(ถูก) หยุดรถก็โอเค แต่ถ้าติดไฟแดงนานก็ต้องระวังชนคันหน้า

ในกรณีรถติดไฟแดง ผู้ขับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะปลดเกียร์ว่างและเหยียบเบรค
ป้องกันรถไหล คงจะไม่มีใครเหยียบคลัทช์ และเบรค ใส่เกียร์คาไว้ให้เมื่อยขา
ขณะที่ผู้ขับรถเกียร์อัตโนมัติ กลับมาพฤติกรรมที่แตกต่างกัน กลุ่มแรก เหยียบเบรคโดยคาเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง D กลุ่มที่ 2
เบรคเหมือนกัน แต่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์มาที่เกียร์ว่าง N กลุ่มสุดท้าย ดัดคันเกียร์มาอยู่ที่ P ไม่เหยียบเบรค

ถ้าติดไฟแดงนาน ๆ กลุ่มแรก ต้องระวังมากที่สุดเพราะถ้าขยับตัวแล้วเท้าหลุดจากแป้นเบรค รถอาจพุ่ง
ไปชนคันหน้า กลุ่มที่ 2 เบาหน่อยแค่เมื่อย ส่วนกลุ่มสุดท้ายสบายใจได้แต่อาจจะไม่สะดวกกับการใช้งาน
วิธีดีที่สุด คือ เกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ

ข้อที่ 5
(ผิด) ฝนตกขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ
(ถูก) อย่าใช้ระบบขับเคลื่อนผิดประเภท จะได้ไม่ต้องเสียใจ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นอาจจะช่วยให้รถเกาะถนนมากกว่าระบบขับเคลื่อน 2 ล้อแต่
สำหรับรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือ ตามต้องการ ในรถพิคอัพหรือพีพีวีที่มีชุดส่งกำลังแยกเพื่อส่ง
กำลัง ไปยังล้อหน้า กำลังจากล้อหลังจะถูกแบ่งมายังล้อหน้า อาการท้ายปัดหรือล้อหลังฟรีก็จะน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกาะถนนดี เมื่อต้องเลี้ยวในความเร็วสูง
ล้อหน้าที่ถูกล็อคให้หมุนจะเลี้ยวได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างขึ้นจึงมีรถประเภทนี้หลุดโค้งให้เห็นกันเป็นประจำ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์มีไว้เพื่อช่วยให้รถสามารถผ่านทางทุรกันดารได้
ง่ายขึ้น ต่างกับพวกที่เป็นฟูลล์ไทม์หรือ ตลอดเวลา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยึดเกาะถนน

ข้อที่ 6
(ผิด) เดินทางไกลลมยางอ่อนดี
(ถูก) ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิด

คู่มือการใช้และดูแลรักษายางรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็แนะนำตรงกันว่าผู้ใช้รถควรเติมลมยางตาม
มาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2-3 ปอนด์ เมื่อต้องเดินทาง
ไกล

ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด นอกจากจะทำให้ยางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้วยังอาจส่งผลเสีย
กับ โครงสร้างยางได้ มีโอกาสเกิด ยางระเบิดมากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสีของหน้ายาง
และฉีกขาดได้ง่าย

ข้อที่ 7
(ผิด) ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ
(ถูก) ทุกล้อมีความสำคัญ ตั้งศูนย์ล้อควรทำทั้ง 4 ล้อ

เชื่อหรือไม่ว่า ศูนย์ล้อหลังมีความสำคัญพอ ๆ กับศูนย์ล้อหน้า หรืออาจจะมากกว่า เพราะมุมที่ล้อหลัง
เอียงไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้รถเสียสมดุลเมื่อเบรคหรือเลี้ยวและทำให้รถเลี้ยวไปมากกว่าที่คิด

รถ ยนต์ส่วนใหญ่จะปรับตั้งศูนย์ล้อได้หน้า/หลัง ยกเว้นรถขับเคลื่อนหน้าบางรุ่นที่ปรับได้แต่เฉพาะล้อหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตั้งศูนย์ล้อหลัง ก็ต้องทำใจ

ข้อที่ 8
(ผิด) เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินข้ามแยก
(ถูก) เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่เปิดไฟฉุกเฉิน

ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป
แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่ผิดทาง

ข้อที่ 9
(ผิด) ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน
(ถูก) อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง ไฟฉุกเฉินใช้เวลาจอดฉุกเฉิน

ใน สภาพอากาศที่ไม่ดี และทัศนวิสัยแย่มาก จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้าการชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้าและทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ

แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทำให้รถที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสีย
อยู่ทางซ้ายริมถนน และหักหลบไปทางขวา ซึ่งเป็นไหล่ทาง กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไปไม่ลงไปข้างทางก็อาจ
พุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ

การ ใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสียและต้องจอดอยู่ริมถนน เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมา ใช้ความระมัดระวัง

ข้อที่ 10
(ผิด) ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี
(ถูก) ไม่แน่เสมอไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ

ความเข้าใจผิด ๆ เรื่อง ผ้าเบรค ที่ว่าผ้าเบรคอ่อนดีกว่าแข็งเกิดจากบรรดาช่างซ่อมรถที่ไม่ได้อธิบายให้เจ้าของรถเข้าใจ

การผสมเนื้อผ้าเบรคให้ใช้งานได้ดี เป็นศาสตร์ชั้นสูง ใช้วัสดุนานาชนิดและมีส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งจะ
มีผลต่อคุณสมบัติของผ้าเบรค และมักจะขัดแย้งกันเองถ้าเน้นข้อดีข้อใดขึ้นมาก็มักจะมีข้ออื่นด้อยลงไป
เช่น การใช้ส่วนผสมที่เบรคหยุดดี ก็จะกินเนื้อจานเบรคมาก หรือร้อนจัด หรือไม่เนื้อผ้าเบรคก็สึกเร็ว
พอทำให้สึกช้า ก็แข็ง เบรคไม่ค่อยอยู่ หรือมีเสียงรบกวน ส่วนผ้าเบรคเนื้ออ่อนที่มีจุดเด่นเรื่องไม่กัดกินเนื้อจานเบรค

ข้อที่ 11
(ผิด) เอนนอนขับแบบนักแข่ง...สบายที่สุด
(ถูก) อย่าปรับเบาะเอนมาก จะได้ไม่เมื่อย

ท่า ขับแบบนักแข่งตัวจริง ต่างกับการปรับเบาะเอนนอนขับมากการนั่งท่านี้จะรู้สึกว่าจะหลุดจากเบาะนั่ง ทุกครั้งที่เบรคแรง ๆ แขนที่เหยียดตึงตลาดเวลานอกจากจะทำให้เมื่อยล้า
ยังต้องยกตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี้ยวเพราะไม่มีแรงหมุนพวงมาลัย และมองทางข้างหน้าไม่เห็นเช่นเดียวกับเวลาถอยหลังจอด สาย
เข็มขัดนิรภัยที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าการนั่งขับแบบปกติอาจจะรั้งคอแทนที่จะเป็นไหล่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ท่านั่งที่ถูก ต้องเอาหลังพิงพนักจนสนิทแล้วเหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งไปวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัย
แล้วตรงกับข้อมือ ขาต้องสามารถเหยียบแป้นคลัทช์จนจมโดยไม่ต้องเหยียดข้อเท้าสุดแบบนักบัลเลท์ส่วนต้าของขาอ่อนดันกับเบาะนั่งส่วนหน้า
จนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวที่ลงตรงสะโพกพอดี และยังสัมผัสกับพนักพิง

ข้อที่ 12
(ผิด) นั่งชิดพวงมาลัยเพื่อให้มองเห็นหน้ารถ
(ถูก) อันตราย ตัวอาจกระแทกกับพวงมาลัยบาดเจ็บ

ผู้ที่นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไป มักเป็นผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องความปลอดภัยในการขับรถ และได้รับ
การ สอนท่านั่งมาแบบผิด ๆ ลำตัวที่อยู่ชิดกับพวงมาลัย นอกจากจะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่ถนัดเพราะแขนงอมากเกินไป ยังเพิ่มความเสี่ยงให้แกตัวผู้ขับ
ที่อาจจะบาดเจ็บจากการที่ลำตัวกระแทกกับพวงมาลัย และแรงระเบิดจากถุงลมนิรภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ข้อที่ 13
(ผิด) สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย
(ถูก) ไม่ถนัดจริง และอันตราย ไม่ควรทำ

การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัย เพื่อเลี้ยวรถเป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัว จึงทำให้รู้สึกว่าออก
แรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุน แต่การทำแบบนั้นมี อันตราย มาก ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน
และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย

ข้อที่ 14
(ผิด) เกียร์ ซีวีที ขับยากและกินน้ำมันกว่าเกียร์ทั่วไป
(ถูก) ขับง่ายและประหยัดน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป

การไม่สามารถเข้าใจเหตุผล ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ผู้ที่ขับรถใช้เกียร์ซีวีที
บอกว่าขับแล้วรู้สึกเหมือนขับรถที่เกียร์ หรือระบบขับเคลื่อน มีปัญหา ให้ความรู้สึกที่ไม่ดีโดยเฉพาะตอนที่
ขับด้วยความเร็วคงที่แล้วกดคันเร่งเพิ่ม เกียร์จะเลือกอัตราทดที่เหมาะ ทำให้ความเร็วเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น
ทันที แต่ความเร็วรถยังเท่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนรถคลัทช์ลื่น

การขับแบบประหยัดเชื้อเพลิง ให้เหยียบคันเร่งไม่ลึกนักขณะออกรถและรักษาระยะที่เหยียบไว้ ช่วงแรก
เครื่องยนต์จะส่งกำลังผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พอล้อรถหมุนเร็วพอสมควรและไม่ต้องการความช่วย
เหลือจากทอร์คคอนเวอร์เตอร์แล้วระบบต่อตรงส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังจานทรงกรวย ตัวขับก็จะ
ทำงาน จากนั้นระบบควบคุมจะลดระยะห่างของจานทรงกรวยคู่ที่เป็นตัวขับเป็นการลดอัตราทด เพื่อเพิ่ม
ความเร็วรถ โดยที่ความเร็วของเครื่องยนต์ค่อนข้างคงที่ ยกตัวอย่างเช่นประมาณ1,800 รตน.
ความเร็วจะเพิ่มขึ้นตาม ส่วนเดียวกับที่อัตราทดของเกียร์ลดลงจะได้ความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของการเหยียบคันเร่งของเราเท่านี้
เยี่ยมไหมครับ

ข้อที่ 15
(ผิด) ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
(ถูก) ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี

ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง แต่โรงงานผลิตรถ
ยนต์ของญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุก ๆครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้วในหม้อกรองน้ำมันเครื่อง
จำนวน หนึ่งปนเปื้อนไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภายในเครื่อง ยนต์ แต่เมื่อคำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้วควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่อง สะอาดที่สุด และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า

ข้อที่ 16
(ผิด) ควรเติม หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์
(ถูก) อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว

เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่าง ๆ อยู่ในปริมาณและ ส่วนที่เหมาะสมจึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลาย
ส่วนสารเคมีเหล่านี้ให้เสียสมดุลและกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น

ส่วน หัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืดอาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมัน เครื่องของเครื่องยนต์ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้
และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย วิธีที่ถูกต้องคือ การซ่อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ

ข้อที่ 17
(ผิด) เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไปจะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น
(ถูก) การผสมไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้นใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า

การ นำน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดสักครึ่งลิตรมาผสมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพ ปานกลาง ก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้ เอาเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ส่วนอื่นจะดีกว่า
เช่นเดียวกับการเอาน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำมาเติมผสมลงไปในน้ำมันเครื่องชั้น ดีราคาสูง
ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเครื่องเสียสมดุลไป เท่ากับน้ำมันเครื่องทั้งหมดคุณภาพต่ำไป

การ เติมน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อน้ำมันเครื่องเดิมใกล้จะถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเพื่อแลกกับการใช้งาน เพียงระยะสั้น
ทางที่ดีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยจะคุ้มกว่า

ข้อที่ 18
(ผิด) ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุก ๆ 5,000 กม
(ถูก) ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องและความต้องการของเครื่องยนต์

ผู้ ผลิตรถยนต์แต่ละรายกำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต่ละ รุ่นต้องการใช้ อยู่ในคู่มือประจำรถ และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างกันด้วย
รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่น จะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เช่น ทุก ๆ 5,000 กม. และ 10,000 กม.
ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำและมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง เช่น ระดับ SJ
สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะกำหนดระยะทางถึง 15,000 กม. หรือมากกว่านั้น

ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุด เป็นของรถเปอโยต์ คือ ทุก ๆ 30,000 กม. แต่
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหายเพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควร เท่านั้นเอง

ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง ธรรมดา คุณภาพสูง แล้วใช้งานหนักมาก เปลี่ยนทุก 5,000 กม.
ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เปลี่ยนทุก 10,000 กม. หากใช้งานเบากว่านี้
เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม

ข้อที่ 19
(ผิด) ดีเซลมีระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่ากับเบนซิน
(ถูก) อุณหภูมิภายในไม่เท่ากัน อายุการใช้งานก็ต่างกันด้วย

การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล ก่อให้เกิดเขม่ามากกว่าในเครื่องยนต์เบนซิน
ผงเขม่าขนาดเล็กสามารถลอดผ่านกระดาษกรองของหม้อกรองน้ำมันเครื่องได้
เมื่อสะสมแขวนลอยอยู่ในน้ำมันเครื่องมากขึ้น จะทำให้น้ำมันเครื่องมีค่าความหนืดสูงขึ้น
คุณสมบัติในการหล่อลื่นจึงลดลง

เครื่องยนต์ดีเซลระบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ หรือไดเรคท์อินเจคชันยุคใหม่มีเขม่าน้อยกว่าแบบพรีแชมเบอร์มาก
กำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์แบบนี้ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซิน

ข้อที่ 20
(ผิด) น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา
(ถูก) ราคาแพงกว่าใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ

จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์อยู่ที่ค่าความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำจึง
ไหลไปหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด
เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย

ข้อดีประการที่ 2 คือทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่า
จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง ธรรมดา อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องน้อย

จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง
จึงไม่ใส เกินไปเมื่อถูกความร้อนจัด
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผสมอยู่ในอัตราที่
น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา

เนื่องจากสารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดามาก

เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100%
กับราคาน้ำมันเครื่องธรรมดา ระดับคุณภาพสูง
สุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสูงกว่าราว 2 ถึง 4
เท่าจึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า คุ้มกว่าน้ำมัน
เครื่องธรรมดา ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข
ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่

น้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนดน่าจะเป็นน้ำมันเครื่องที่ใช้ได้คุ้มค่าและ
เพียงพอกับความต้องการแล้ว

ข้อที่ 21
(ผิด) ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อย ๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์
(ถูก) ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อย ๆ เช่น ทุก 3,000 หรือ 4,000 กม.
แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุม
และตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมา
ก็อาจเป็นของปลอมที่กรองและฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วก็ได้

วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดก่อนอื่นต้องเลือก ยี่ห้อ และสถานที่
จำหน่าย ที่น่าไว้วางใจได้ เลือกระดับคุณภาพ แล้วจึงดูระดับความหนืด หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองไทย เช่น 10W-40/15W-40/15W-50 หรือ 20W-50

ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายใ นประเทศไทย คือ
ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API (American Petroleum Institute)
ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซินควรใช้น้ำมันเครื่อง
ระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG-4
หรืออย่างน้อย CF-4

ข้อที่ 22
(ผิด) แบทเตอรี่ลูกใหญ่ สตาร์ทติดง่าย
(ถูก) แบทเตอรี่ขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม

การใช้แบทเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่องค์ประกอบอื่น ๆ
ทั้งเครื่องยนต์ไดสตาร์ท และไดชาร์จ
ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำ
เป็น เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิมแล้ว
ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคต

แบทเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป
ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแท่นวาง
แบทเตอรี่ใหม่เท่านั้น ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา
เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบทเต
อรี่ ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็มแบตเตอรี่
ในปัจจุบันแม้มีขนาดที่เล็กแต่ก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้แบทเตอรี่ลูกใหญ่

ข้อที่ 23
(ผิด) ปิดพัดลมแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์ จะใช้ให้แอร์ไม่เสียเร็ว
(ถูก) ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์

ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น
และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน
โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลมการปิดพัดลมก่อน
ดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น
และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลม
ผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัว และตู้รั่ว

การเปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย
5-10 นาที จะช่วยไล่ความชื้น
ในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์
ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดขึ้น
พร้อม ๆ กับความชื้นอีกด้วย

ข้อที่ 24
(ผิด) แก็สโซฮอล์สิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะระเหยได้ง่ายกว่า
(ถูก) แอลกอฮอลล์มีควาามหนาแน่นของพลังงานต่ำกว่าของเบนซิน

การที่แก็สโซฮอล์สิ้นเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่า
เมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรี่ต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน
หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลั
งงาน หรือค่าความร้อน (Heating Value) ต่ำกว่าของเบนซิน
เกี่ยวกับการระเหยง่ายอย่างที่หลายคนคิด

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก
และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก แต่มี
ความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอ ๆ กัน
และมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว

ข้อที่ 25
(ผิด) ไส้กรองอากาศไม่ต้องเปลี่ยน แค่เป่าลมก็ใช้ได้
(ถูก) เปลี่ยนใหม่ดีกว่า ช่วยประหยัดค่าน้ำมันอีกด้วย

การใช้ลมเป่าไส้กรองอากาศที่นิยมทำกัน เมื่อมีฝุ่นติดเต็ม
จนมองไม่เห็นสีเดิม วิธีนี้ช่วยให้ฝุ่นละอองเบา
บางลง อากาศไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้น
แต่ถ้าเป่าแรงเกินไปแผ่นกรองอาจเสียหายจนใช้
งานต่อไม่ได้ เพราะมีรูกว้างจนฝุ่นขนาดใหญ่สามารถผ่านเข้าไปได้

คิดแล้วไม่คุ้ม ยอมจ่ายเงินซื้อของใหม่มาใส่จะคุ้มกว่า
การล้างคาร์บูเรเตอร์หรือหัวฉีด แถมยังประหยัด
ค่าน้ำมันทางอ้อมอีกด้วย

ข้อที่ 26
(ผิด) เปลี่ยนกรองเปลือย และหัวเทียน ทำให้รถแรงขึ้น
(ถูก) ช่วยอะไรไม่ได้มาก ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

การเปลี่ยนกรองอากาศมาเป็นแบบกรองเปลือย
ที่ไม่มีกล่องป้องกันฝุ่นและท่อนำอากาศ
อาจจะช่วยให้อากาศเข้าได้สะดวกขึ้น
แต่ความหนาแน่นของมวลอากาศน้อยลงเพราะอุณหภูมิความร้อน
ภายในห้องเครื่องยนต์ ซึ่งปริมาณอากาศกับห้องเผาไหม้เท่าเดิม
จึงให้กำลังตกลงเมื่อเครื่องร้อน
อีกทั้งมีฝุ่นละอองมากทำให้ต้องล้างหรือทำความสะอาดบ่อย ๆ

การใช้หัวเทียนใหม่ช่วยให้การจุดระเบิดสมบูรณ์
แต่ไม่ได้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์
ให้สูงกว่ามาตรฐานผู้ผลิตร
ถยนต์ได้กำหนดไว้

ข้อที่ 27
(ผิด) รถที่ใช้จานเบรค 4 ล้อปลอดภัยกว่ารถที่ใช้ดุมเบรคหลัง
(ถูก) ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าจานเบรคใช้ได้ดีกับรถทุกรุ่นทุกขนาดแม้ว่าคุณสมบัติที่ดี
ของจานเบรคคือ ระบายความร้อนได้เร็ว
ส่วนใหญ่ผู้ผลิตรถจึงใช้กับล้อหน้าที่ผ้าเบรคจับตัวจานเบรคแทบ
จะตลอดเวลา ดุมเบรคที่ระบายความร้อนได้ช้ากว่าเพราะมีฝาครอบ
แต่มีพื้นที่สัมผัสมากกว่าจานเบรคและไม่
มีปัญหาเบรคล็อคเหมือนจานเบรคใช้ในล ้อหลัง รถที่ใช้งานแบบทั่วไป
รวมทั้งรถที่มีระบบเอบีเอส
ซึ่งวิศวกรผู้ผลิตรถยนต์จะเลือกใช้จานเบรคตามความเหมาะสม

การที่เจ้าของรถนำรถไปดัดแปลงใช้จานเบรคในล้อหลัง ต้องระวัง
เพราะหากล้อหลัง
หยุดก่อนล้อหน้า
อาจทำให้รถหมุนได้

ข้อที่ 28
(ผิด) เติมน้ำยาหล่อเย็นจะทำให้หม้อน้ำรั่ว
(ถูก) น้ำยาเติมหม้อน้ำช่วยลดตะกอนและควบคุมอุณหภูมิ

น้ำยาเติมหม้อ หรือน้ำยาหล่อเย็น (Coolant)
ถูกมองว่าเป็นตัวการทำให้หม้อน้ำและ
ปั๊มน้ำรั่วอยู่เสมอนั่นก็เพราะผู้ใช้รถจะพบปัญหาเหล่านี้หลังจากที่ได้เติมน้ำยาหล่อเย็น
ซึ่งในความเป็นจริงเกิดจากระบบหล่
อเย็นของรถขาดการบำรุงรักษามาเป็นเวลานาน
หรือใช้น้ำที่มีค่าเป็นกรดเป็นด่างมาก
เกินไป จนเกิดการผุกร่อน


ดังนั้นเราควรบำรุงรักษาหม้อน้ำด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาในระบบหล่อเย็นปีละครั้ง
รวมทั้งทำความสะอาดถังพักน้ำด้วย ส่วนการผสมน้ำยาหล่อเย็น
ควรทำตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตระบไว้

ข้อที่ 29
(ผิด) วางเท้าไว้บนแป้นคลัทช์ เพื่อใช้งานได้ทันทีที่ต้องการ
(ถูก) ยกเท้าออกจากคลัทช์ จะได้ไม่เปลืองผ้าคลัทช์

เรื่องนี้น่าจะเป็นความเคยของแต่ละบุคคล ไม่ใช่พฤติกรรมที่น่าเลียนแบบ
โดยปกตรถเกียร์ธรรมดา จะ
ต้องคอยระวังเครื่องดับ เมื่อเหยียบเบรคแรง หรือหยุดรถ
หลายคนตึงไม่ยอมยกเท้า
จากแป้นคลัทช์ทั้ง ๆ
ที่เข้าเกียร์สุดท้ายไปนานแล้ว

การวางเท้าไว้บนแป้นคลัทช์ตลอดเวลาบา
งครั้งอาจจะเผลอทิ้งน้ำหนักลงไปที่เท้าจนคลัทช์ทำงาน ส่งผล
กระทบโดยตรงกับผ้าคลัทช์ และหวีคลัทช์ จนถึงไฟร์วีล
ทำให้สึกหรอมากกว่าที่ควรจะเป็น

เรื่องเหล่านี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ผู้ใช้รถกระทำ
ด้วยความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
ซึ่งถ้าสามารถแก้ไขได้ ก็
จะช่วยประหยัดความสิ้นเปลือง และค่าใช้จ่ายได้มาก

ที่มา: www.rakcar.com

armata

อ้างจาก: ชลธาร เมื่อ 00:04 น.  07 เม.ย 57
all new d max รถ4เดือนเวลาเริ่มเปิดแอรจะมีกลิ่นเหม็นอับเป็นเพราะสาเหตุอะไรครับ...ตอบให้เป็นพระคุณอย่างสูงครับ

ข้อนี้เน้นให้คุณ ชลธาร ครับ

ข้อที่ 23
(ผิด) ปิดพัดลมแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์ จะใช้ให้แอร์ไม่เสียเร็ว
(ถูก) ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์

ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น
และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน
โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลมการปิดพัดลมก่อน
ดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น
และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลม
ผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัว และตู้รั่ว

การเปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย
5-10 นาที จะช่วยไล่ความชื้น
ในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์
ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดขึ้น
พร้อม ๆ กับความชื้นอีกด้วย