ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ตะแกรงกันหิน,กรองแอร์,ท่อหายใจเฟืองท้าย,กราวด์วาย:D-MAX,MU-X + สาระการใช้รถยนต์

เริ่มโดย armata, 11:22 น. 25 ธ.ค 56

armata

สาระน่ารู้ : ดูแลยางรถยนต์หน้าฝน

ในฤดูฝนที่ถนนค่อนข้างลื่น ผู้ใดที่ใช้ยางที่เสื่อมสภาพคงได้สัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นและน่ากลัวในการขับขี่ เนื่องจากเมื่อดอกยางสึกค่อนข้างมากทำให้ยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ทันเวลา ทำให้ยางรถยนต์ไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่และอาจเกิดอาการเหินน้ำขึ้นได้ อาการนี้ทำให้การควบคุมรถยนต์ยากขึ้นโดยรถยนต์จะมีอาการร่อนเมื่อวิ่งลุยน้ำที่อยู่บนพื้นถนน 

ควรตรวจเช็กสภาพของยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจเช็กสามารถดูได้จากสภาพและอายุของยาง ในส่วนของสภาพยางนั้นให้ดูจากดอกยางว่าเกิดการสึกมากน้อยแค่ไหน มีการบวมหรือไม่ วิธีที่ผู้ผลิตยางรถยนต์ได้กำหนดไว้สำหรับการตรวจเช็กสภาพของดอกยางคือให้ดูจากสะพานยาง

หลายท่านอาจสงสัยว่าสะพานยางคืออะไร สะพานยางคือเส้นนูนขวางพาดผ่านหน้ายาง กำหนดขึ้นโดยผู้ผลิตยางรถยนต์เพื่อให้สังเกตว่าเมื่อดอกยางสึกจนเสมอกับสะพานยางนั่นหมายถึงเวลาที่ท่านควรเปลี่ยนยางรถยนต์ได้แล้ว 

สามารถตรวจสะพานยางได้ด้วยตนเอง โดยให้สังเกตที่ส่วนบนสุดของแก้มยางท่านจะเห็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงตำแหน่งของสะพานยาง โดยเครื่องหมายนี้จะปรากฏอยู่รอบแก้มยางโดยห่างกันประมาณ 60 องศา ยี่ห้อทั่วไปมักจะมีเครื่องหมายเป็นรูปสามเหลี่ยม

เจ้าเครื่องหมายนี้จะชี้ให้เห็นถึงตำแหน่งของสะพานยาง จากประสบการณ์พบว่าผู้ใช้รถส่วนใหญ่เปลี่ยนยางก่อนที่ดอกยางจะสึกถึงสะพานยางประมาณ 1-2 มิลลิเมตรเสมอ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เนื่องจากการใช้งานจริงสะพานยางนั้นก็มีโอกาสสึกได้เช่นกันโดยเฉพาะในสภาวะที่อากาศร้อนและพื้นผิวถนนร้อนจัดอย่างเช่นประเทศของเรา เพราะฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงที่จะใช้ให้ดอกยางสึกถึงสะพานยางตามที่ผู้ผลิตยางรถยนต์กำหนด กันไว้ดีกว่าแก้

ส่วนต่อมาคือดูจากอายุของยางรถยนต์โดยสามารถดูได้ที่แก้มยางเช่นกัน โดยที่แก้มยางจะมีตัวเลขสี่หลักปั๊มไว้ สองตัวแรกจะเป็นสัปดาห์ที่ผลิตและสองตัวหลังคือปีที่ผลิตเช่น 4102 ก็คือผลิตเมื่อสัปดาห์ที่ 41 ปี 2002 โดยส่วนใหญ่ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งาน 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

ผู้ใช้รถควรเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อดอกยางสึกจนเกือบเท่ากับสะพานยางหรือเมื่อยางรถยนต์มีอายุเกิน 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

ขอบคุณ : www.matichon.co.th

armata

วิธีทำความสะอาดรถยนต์ราคาประหยัดมาก

1.ส่วนที่เป็นกระจกของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้า กระจกหลัง กระจกข้าง รวมถึงไฟหน้าและไฟหลัง ให้ใช้แชมพูสระผมปริมาณเล็กน้อยผสมกับน้ำอุ่นแล้วใส่กระบอกฉีดน้ำ ฉีดตามส่วนที่เป็นกระจกเหล่านั้นแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตาม แล้วเช็ดซ้ำด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ซึ่งสารประกอบเอนไซม์ในแชมพูมีคุณสมบัติในการชำระคราบไขมันและสิ่งสกปรก ส่วนคาร์บอนในหมึกพิมพ์ของกระดาษหนังสือพิมพ์มีฤทธิ์ดูดซึมความชื้นและคราบไขมัน หรืออาจใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละเท่าๆ กันในการทำความสะอาดแทนก็ได้ ส่วนรอยขีดข่วนบนกระจก ให้ใช้ยาสีฟันทาให้ทั่วรอยขีดข่วน แล้วใช้ผ้าแห้งนุ่มๆ ถูเบาๆ แล้วเช็ดออก อาจต้องทำหลายครั้งจึงจะดูดีขึ้น จากนั้นใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เช็ดทำความสะอาดเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้กระจกใสขึ้น

2.ส่วนคอนโซลภายในรถยนต์ ให้ใช้สบู่ผสมน้ำแล้วนำผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่บิดหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาล้างจานปริมาณเล็กน้อยผสมน้ำแล้วใส่กระบอกฉีดน้ำฉีดใส่ผ้าแห้งแล้วเช็ด ในส่วนที่เช็ดด้วยผ้าได้ลำบากนั้นให้ใช้สำลีปั่นหูทำความสะอาดแทน ซึ่งสารประกอบในน้ำยาล้างจานและสบู่มีคุณสมบัติในการกำจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรก

3.ส่วนล้อแม็กซ์ ให้นำแปรงสีฟันเก่ามาป้ายยาสีฟันแล้วขัดถูที่ล้อแม๊กซ์ให้ทั่ว โดยเฉพาะตามซอกร่องต่างๆ ยาสีฟันไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อสีรถยนต์ ดังนั้นล้อแม็กซ์ที่ทำสีมาก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน หรืออาจใช้แชมพูสระผมแทนยาสีฟันก็ได้ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดและใช้ผ้าแห้งเช็ด หากล้อแม็กซ์มีคราบยางมะตอยติดให้ใช้น้ำมันสนหรือน้ำมันก๊าดเช็ดคราบออกก่อนล้างล้อแม็กซ์โดยใช้ผ้าแห้งชุบปริมาณเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เช็ด จนกว่าคราบจะออกไป

4.ส่วนยางตามขอบประตูรถยนต์หรือฝากระโปรงหน้าและหลัง ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาปรับผ้านุ่ม เช็ดส่วนที่เป็นยางตามขอบประตูหรือฝากระโปรงแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำ ซิลิโคนในน้ำยาปรับผ้านุ่มนอกจากจะซึมเข้าเนื้อยางอย่างรวดเร็ว ยังมีคุณสมบัติช่วยให้ยางทนแดดทนฝนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากขอบยางต่างๆ แข็งเกินไปแล้วอยากให้ขอบยางนิ่มขึ้น ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดขอบยางต่างๆ ให้ทั่วแล้วรอจนแห้ง นำผ้าแห้งชุบน้ำมันเครื่องที่ยังไม่ได้ใช้งาน ซึ่งอาจได้มาจากน้ำมันเครื่องที่เหลือจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แล้วนำไปเช็ดบางๆ ที่ขอบยางให้ทั่วเท่านี้ยางก็จะนิ่มขึ้นได้

5.การลอกสติ๊กเกอร์เก่า ให้นำผ้าสะอาดชุบน้ำส้มสายชูเล็กน้อย เช็ดบริเวณคราบสติ๊กเกอร์เก่าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที สติ๊กเกอร์จะหลุดล่อนออกมาอย่างง่ายดาย หากมีคราบกาวเหนียวๆ ติดอยู่ก็ให้ใช้ผ้าเดิมเช็ดซ้ำคราบก็จะหมดไป หรือใช้ยาหม่องเช็ดคราบกาวแทนก็ได้เช่นกันโดยทาที่คราบกาวทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วเช็ดออก ซึ่งอาจมีผลกับรถสีขาวบ้างจึงควรใช้ยาหม่องขาวแทน



armata

เคล็ดลับการเคลมประกันศูนย์ฯ

อย่างที่รู้ๆ กันว่าผู้ที่ทำประกันรถยนต์ จุดประสงค์ก็เพื่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุใดๆ กับรถอันเป็นที่รักของเราแล้ว เราจะสามารถเข้าเคลม หรือเข้าซ่อมได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งปัจจุบันการเคลมรถยนต์ที่ศูนย์ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ต้องมีขั้นตอนมากมาย และบางกรณีถึงขั้นไม่ได้เคลมจนต้องไปฟ้องร้องกันเลยทีเดียว ทำให้วันนี้เราต้องมาศึกษาเรื่องการรับประกันรถยนต์ โดยขอยกตัวอย่างให้ศึกษารายละเอียดกัน  emo1

          เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามีเรื่องให้เราชวนปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อเข้าเยือนแฟนเพจของ Nissan Thailand ที่ หน้าสังคมออนไลน์ ซึ่งมีท่านผู้หญิงคนหนึ่งมาตีฆ้องรอ้งป่าว ว่าทางศูนย์ไม่ยอมจัดการเรื่องรถของเธอให้และจะร้องเรียนศูนย์ร้องทุกข์ผู้ บริโภคเพียงเพราะ เธอขับรถโดนเหล็กทิ่มยาง จนยางรั่วเท่านั้น
           เรื่องที่ชวนอดอมยิ้มกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เราประหลาดใจไปได้ ทันควัน เมื่อมีคนหวังดีมาตอบแต่ก็โดนเหวี่ยงอย่างไม่เป็นท่าและออกปาก ให้ค่ายรถยนต์รับผิดชอบต่อยาง Nissan March ของเธอ ซึ่งทำให้เราต้องมาจับเข่าคุยเรื่องการรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์ ที่ปัจจุบันเป็นมาตรฐานใหม่ของรถทุกรุ่น ที่โดยมากมีกำหนดที่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อน

                มาตรฐานใหม่ในการรับประกันชิ้นส่วนยานยนต์นี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ เราผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์และได้สิทธิในการคุ้มครอง ทว่าเราก็ต้องรู้จักหลักการในการพิจารณาของบริษัท ที่จะมีเป็นรายกรณีไป แม้สิ่งที่จะกล่าวต่อไปจะไม่ถูกต้อง 100% แต่ก็น่าจะให้คุณเข้าใจได้มากขึ้น

1.พื้นฐานรับประกัน

สิทธิใหม่ที่เราผู้บริโภคได้รับจากค่ายรถยนต์คือการรับประกันชิ้นส่วน ต่างๆที่มีระยะเวลาตามที่แต่ละค่ายกำหนด แต่แน่นนอนว่า การรับประกันนั้นก็ย่อมต้องมีขอบเขตในการรับผิดชอบ ซึ่งโดยมากทุกชิ้นส่วนจะมีการตรวจเช็คคุณภาพก่อนที่ติดตั้งในรถทุกคัน แต่การรับประกันเข้ามาในการรับผิดชอบชิ้นส่วน ซึ่งอาจจะพบเจอปัญหาได้ภายหลังเมื่อเกิดการใช้งาน ที่เมื่อได้รับการตรวจสอบว่ามีปัญหาจริง ก็จะมีการเคลมโดยเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ในทันที แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการได้รับความเห็นชอบจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำคัญคือต้องไม่เกิดความเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า

2. ดัดแปลงรถยนต์ เรื่องสำคัญต้องระวังให้ดี

โดยสรุปของพื้นฐานการรับประกันค่ายรถยนต์ง่ายๆคือว่า ชิ้นส่วนนั้นต้องอยู่เหมือนเดิม และเสียด้วยตัวเองไม่ได้เกิดจากการใช้งานของลูกค้า ซึ่งข้อหนึ่งที่ทำให้รถยนต์คันนั้นหมดประกันไปโดยปริยาย คือการดัดแปลงรถยนต์ โดยเฉพาะ การแต่งชิ้นส่วนต่างๆไม่ว่าเครื่องยนต์ หรือระบบไฟ ตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ ถ้าไม่ได้มีการทำงานโดยช่างของทางบริษัทรถยนต์รายนั้นๆก็หมายถึงการหมด รับประกัน

อย่างไรก็ดีในบางกรณีอาจจะเป็นเฉพาะรายการ เช่นติดตั้งระบบ Cruise control แล้วต้องมีการตัดต่อดัดแปลงระบบไฟ ก็อาจจะทำให้ขาดประกันไปได้เฉพาะระบบ แล้วแต่การวิเคราะห์ของผู้ที่เกี่ยวข้อง

3.อบัติเหตุ ข้อนี้ต้องเคลียร์ให้ดี

บางครั้งการรับประกันก็หมดได้ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณคิดว่ารถคุณมีประกันที่ได้รับสิทธิตามชอบ แต่คุณเคยเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ชิ้นส่วนต่างๆได้รับความเสียหาย ซึ่งหากรถของคุณเคยได้รับอุบัติเหตุโดยเฉพาะกรณีชนหนัก แล้วผลที่ชิ้นส่วนเสียหายนั้นเกิดจากอุบัติเหตุนั้น ก็จะไม่เข้าข่ายการรับประกันในทันที

4.อะไหล่ปลอม -ของเทียบเรื่องนี้สำคัญ

มีพวกเราจำนวนไม่น้อยกลัวการใช้ศูนย์บริการทั้งๆที่จริงๆ ปัจจุบันศูนย์บริการก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายแพงเท่าไรนัก แต่ถ้าคุณซ่อมอู่นอกบ่อยๆ แล้วยังอยากได้รับการประกันอยู่ก็ควรใช้แต่ของแท้โดยเน้นย้ำกับช่าง และหาโอกาสแวะไปใช้บริการที่ศูนย์บ้างเพื่อที่จะได้มีข้อมูลการเข้าศูนย์ บริการ ใช้ในการอ้างอิง ซึ่งการเข้าศูนย์นั้นจะมีการตรวจเช็คชิ้นส่วนต่างๆด้วย

5.มีปัญหาต้องเข้าศูนย์

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญหลายคนที่เป็นหรือมีความรู้เรื่องช่างมักคิดว่า ไม่สำคัญในการเข้าศูนย์บริการ แต่ความจริงแล้ว การแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือต้องกลับไปบอกเล่าแล้วให้ช่างประจำศูนย์บริการตรวจ สอบปัญหา แม้จะตรวจไม่พบแต่หากพบอีกครั้งก็มีโอกาสที่จะอยู่ภายใต้การรับประกันสูง แม้จะเกิดเหตุที่อาจจะเสียหายได้จากเราก็ตาม เพราะสามารถยืนยันได้จากข้อมูลที่เรามาให้ไว้ก่อนหน้านี้

แน่นอนทั้งหมดนี้กับการ รับประกันจากค่ายรถยนต์ทั้งหลายอาจจะฟังแล้วดูยุ่งยาก แต่เพียงแค่คุณเข้าใจง่ายๆว่า ถ้าพังเองบริษัทรับผิดชอบ เท่านี้ก็คงช่วยให้หลายคนสบายใจมากยิ่งขึ้น

armata

เทคนิคการดูแลรักษารถยนต์ ให้ดูดีและใหม่อยู่เสมอ 61 ข้อ

เทคนิคการดูแลรักษารถยนต์ให้ดูดีเสมอ และถนอมเครื่องยนต์อย่างถูกวิธี
เพื่อทะนุถนอมอายุการใช้งานรถของท่านให้ยืนยาว

1. เติมน้ำมันล้นถังไม่เป็นผลดี
     ในสภาพอากาศร้อนจัดอย่าเติมน้ำมันจนล้นถัง เพราะความร้อนจะทำให้เพิ่มความดัน มีผลทำให้น้ำมันขยายตัวลื่นไหลออกจากถังเกิดอันตราย สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

2. ลากเกียร์ทำให้คลัตช์เสียเร็ว
     การใช้เกียร์ควรทำให้เหมาะสมและถูกจังหวะ อย่าลากเกียร์บ่อย จะทำให้คลัทช์เสียเร็วและยางหมดอายุเร็วขึ้น

3. อย่าขับรถจนน้ำมันหมดถัง
    การขับรถจนน้ำหมดถัง จะทำให้เครื่องกรองน้ำมันมีโอกาสเสียได้มาก เนื่องจากตะกอนบางอย่างที่สะสมอยู่ในถังจะไปค้างที่เครื่องกรอง


4. อย่าใช้อิฐแทนแม่แรงรถ
    อิฐสร้างบ้านก้อนที่แข็งที่สุดยังสามารถแตกได้ อย่าใช้รองหรือหนุนรถแทนแม่แรงต่างหาก เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้


5. ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดกระจก
    แอลกอฮอล์มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคและยังใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เป็น แก้วหรือกระจกได้ กระจกรถของคุณที่มีคราบสกปรก จะถูกขจัดได้อย่างง่ายดายด้วยแอลกอฮอล์


6. สำรวจกระจกอย่าให้มีรอยร้าว
    รอยร้าวที่กระจกเพียงเล็กน้อย จะทำให้ขยายวงกว้างไปสู่การแตกใหญ่ได้ต้องหมั่นสำรวจอยู่เสมอ การเปิดแอร์เย็นจัดในขณะอากาศภายนอกร้อนจะทำให้กระจกหดตัวอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกของกระจกได้


7. เครื่องเป่าผมก็มีประโยชน์
    รถที่สตาร์ทไม่ติดอันเนื่องมาจากปัญหาความชื้นลองใช้เครื่องเป่าผมเป่าความ ร้อนบริเวณเครื่องยนต์ที่คิดว่ามีความชื้นจนกว่าจะแห้ง แล้วลองสตาร์ทใหม่ดูอีกครั้ง


8. การควบคุมอารมณ์
    การขับรถจำเป็นที่จะต้องควบคุมอารมณ์ด้วยความอดทนยิ่งในสภาพรถติดแสนสาหัส แบบบ้านเรายิ่งต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่สวมวิญญาณร้ายขณะขับรถ ไม่ใช้วาจาหยาบคาย และอย่าพยายามสั่งสอนบทเรียนต่อผู้อื่น


9. โกรธและหงุดหงิดอย่าขับรถเด็ดขาด
    อารมณ์โกรธและหงุดหงิด มีผลเสียอย่างยิ่งต่อการใช้รถใช้ถนน ความกดดันทางอารมณ์จะทำให้มีผลต่อเนื่องไปยังผู้ขับขี่รถคนอื่น และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงได้


10. อย่าตอบโต้กับผู้ขับขี่รายอื่น
    หากคุณอารมณ์เสียเนื่องจากผู้ขับขี่รถคันอื่น ต้องพยายามเก็บกดอารมณ์ไม่ตอบโต้ การตอบโต้จะทำให้เกิดผลร้ายต่อเนื่อง อย่างน้อยจะทำให้เราขาดสมาธิขาดการสังเกต สุดท้ายก็ลงเอยด้วยอุบัติเหตุ เป็นไปได้น่าจะจอดรถสงบสติอารมณ์สักครู่


11. หลีกเลี่ยงการเดินทางในสภาพอากาศเลวร้าย
    เรามั่นใจแค่ไหนในการขับขี่รถในสภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น ฝนตกหนัก หมอกลงจัด ทางที่ดีควรจะงดการขับรถ หันไปใช้บริการของรถสาธารณะจะดีกว่า ทั้งนี้ต้องติดตามการพยากรณ์ของอุตุนิยมวิทยา


12. การปรับพวงมาลัย
    รถรุ่นใหม่สามารถปรับแกนพวงมาลัยให้เข้ากับสภาวะร่างกายของผู้ขับขี่ได้ อย่าปรับให้พวงมาลัยอยู่ในตำแหน่งที่มองแผงหน้าปัดยาก ล็อคแกนพวงมาลัยให้มั่นคงหลังจากปรับตำแหน่งจนได้ที่แล้ว ห้ามปรับพวงมาลัยในขณะรถเคลื่อนที่เด็ดขาด


13. เกียร์สูงสุด
    เป็นเกียร์ที่ใช้กับอัตราเร็วสูง แต่ให้กำลังน้อยที่สุดเราจะใช้เกียร์สูงสุดกับอัตราเร็วของรถยนต์ที่แตกต่าง กันได้มา คุณสามารถใช้แล่นด้วยความเร็วคงที่บนถนนทางตรง


14. อย่าให้ไฟดวงหนึ่งดวงใดขาด
    การใช้สัญญาณไฟจะทำให้รถคันอื่นที่ตามหลัง หรือสวนทางเข้าใจในเจตนาของเรา แต่หากไฟสัญญาณดวงหนึ่งดวงใดขาดไป จะทำให้เป็นอันตรายแก่การใช้รถใช้ถนน ควรตรวจสอบและหาฟิวส์ หรือไฟอะไหล่ไว้ในรถบ้าง


15. ไฟเตือนภัยมีความสำคัญ
    อย่าขับรถยนต์ออกไปเด็ดขาด กรณีที่มีการเตือนของไฟบนแผงหน้าปัดขึ้น เช่น ไฟเตือนความดันน้ำมันหล่อลื่น เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้


16. กระพริบไฟหน้าแทนแตร
    การใช้ไฟสูง-ต่ำของไฟหน้า ทำให้เกิดการกระพริบสามารถเตือนผู้ขับขี่รายอื่นด้วย ที่คาดว่าจะไม่ได้ยินเสีสยแตรจากรถของเรา


17. อย่าปล่อยเกียร์ว่างให้รถเคลื่อนลงทางลาดเองไม่ถูกต้องการปล่อยให้รถไหลไปเองโดยไม่ใช้การขับเคลื่อนจะทำให้ควบคุมรถยนต์ยาก โดยเฉพาะพวงมาลัยและเบรคเกียร์จะเข้ายากขึ้นอีกด้วย


18. ลดเกียร์ไม่จำเป็นต้องไล่ตามลำดับ
    การลดลงเกียร์ต่ำไม่จำเป็นต้องไล่ตามลำดับ เช่น จากเกียร์ห้ามาเกียร์สาม จากเกียร์สามมาเกียร์หนึ่ง เช่นนี้ จะทำให้เรามีเวลามองถนน และจับพวงมาลัยได้นานขึ้น


19. ใกล้ทางแยกอย่าเปลี่ยนเลนกะทันหัน
    ต้องตัดสินใจให้ดีว่าคุณกำลังจะไปทางไหน ซ้าย-ขวา หรือตรง อย่าตัดเลนซ้ายมาขวา หรือขวามาซ้าย บริเวณใกล้ทางแยกจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูกตำรวจจับแน่นอน


20. จะไม่มีการชนท้ายรถคนอื่นเด็ดขาดไม่ขับชิดคันหน้าเกินไปหรือกะระยะการทำงานของเบรคได้ถูกต้อง


21. สิ่งกีดขวางกลางถนนบังเอิญสิ่งกีดขวางอยู่ในช่องจราจรของเรา ตามหลักเราต้องให้รถยนต์วิ่งสวนทางมาผ่านไปก่อน กรณีสิ่งกีดขวางอยู่ฝังตรงข้ามอย่าผลีผลามเหยียบคันเร่งเลยไป เพราะรถคันสวนทางเราอาจไมยอมหยุดรถและหลบสิ่งกีดขวางออกมาในเลนของเราหน้าตาเฉย


22. สิ่งกีดขวางอยู่บนเนิน
    นับว่าเป็นเรื่องท้าทายให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้เบรคจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาจัดการแก้ปัญหานี้


23. แซงรถที่กำลังวิ่ง
    ต้องเข้าใจว่ารถคันหน้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วหนึ่งหากเราคิดจะแซง แน่นอนว่าความเร็วของรถเราต้องมากกว่า เมื่อหักลบกับความเร็วคันหน้าก็จะได้ระยะทางที่ต้องใช้ในการแซง นั่นก็คือ แซงรถกำลังวิ่งครั้งหนึ่งต้องใช้เวลามากกว่าปกติ ทางที่ดีไม่แน่ใจอย่าแซงจะดีกว่า


24. แซงระทางชัน
    หากเป็นรถที่บรรทุกของหนักและวิ่งช้ากว่าเรา การแซงจะใช้เวลาสั้นลงอย่างมาก แต่พึงระวังรถสวนเลนตรงข้าม ซึ่งจะวิ่งลงทางลาดด้วยความเร็วสูง


25. อย่าเร่งรถหากกำลังถูกแซง
    จะเป็นการผิดมารยาทอย่างยิ่ง หากรถของคุณที่กำลังถูกแซงเร่งเครื่องหนีด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นว่ารถคันขวาของคุณกำลังจะถูกแซง ต้องชะลอความเร็วรถของคุณ เพื่อให้รถของเขาแซงขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว


26. ขับรถขึ้นเขา
    กรณีขับรถขึ้นเขาหรือเนิน แน่นอนว่ารถของคุณต้องใช้กำลังเพิ่มมากขึ้น การขับต้องเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำกว่าเดิมเพื่อรักษาความเร็วของรถ การเปลี่ยนเกียร์ต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เพราะขณะที่เรายกเท้าออกจากคันเร่งแล้วเหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์


27. ขับรถลงทางลาด
    ขึ้นเนินใช้เกียร์ต่ำเพื่อรักษาความเร็วของรถ ลงทางลาดก็ต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อลดอัตราเร็วของรถแทนการใช้เบรค เพราะหากใช้เบรคในทางลาดมากไป จะทำให้เบรคลื่นและจับไม่อยู่เนื่องจากมีความร้อนสูง


28. ออกตัวของรถขึ้นทางชัน
    ผู้ขับขี่มือใหม่มักมีปัญหาการออกตัวขึ้นเนินแล้วรถเคลื่อนที่ถอยหลัง ต้องฝึกให้มีความสามารถในการใช้คันเร่งคลัตช์และเบรคมือพร้อมกัน โดยใช้เท้าซ้ายกดแป้นคลัตช์ลง โยกคันเกียร์จากเกียร์ว่างไปยังเกียร์หนึ่ง ใช้เท้าขวากดแป้นคันเร่ง โดยกดให้มากกว่าการออกตัวบนพื้นระดับ และต้องกดอย่างสม่ำเสมอตามปริมาณชองความชัน


29. จดรถหันหน้าขึ้นเนิน
    หลีกเลี่ยงได้ควรหลีก แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดให้ชิดขอบขวาทางด้านซ้ายมากที่สุด หมุนพวงมาลัยให้ล้อหันไปทางขวาป้องกันการเคลื่อนที่ถอยหลังเป็นเกียร์หนึ่ง และใช้เบรคมือให้มั่นคง


30. จอดรถหันหน้าลงเนิน
    หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายให้ล้อหันเข้าหาขอบทางเท้า ป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่เดินหน้าใส่เกียร์ถอยหลังและเบรคมือไว้


31. ทางโค้งนะ
     ให้สังเกตป้ายจราจรว่า โค้งไปทางขวาหรือทางซ้าย การเข้าโค้งให้ใช้เบรคเท้าควบคุมความเร็วของรถ เลือกเกียร์ให้เหมาะสมใช้คันเร่งอย่างระมัดระวังและบังคับรถให้ชิดเส้นแบ่ง ถนนทางขวาไว้จนตลอดทางโค้ง


32. ระวังหลุดโค้ง
    ปรกติทางโค้งจะมีทั้งป้ายจราจรเตือนล่วงหน้าและมีเสาหลักปักตามระยะโค้ง แต่หากผู้ขับขี่ไม่ควบคุมความเร็วเข้าโค้งด้วยความโค้ง โค้งธรรมดาก็จะกลายเป็นโค้งหักศอกให้ได้รับอันตรายให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ


33. ความดันลมของยางสัมพันธ์กับพวงมาลัย
    ยางรถยนต์จะต้องมีความดันลมในปริมาณพอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไปถ้ามากไปทำ ให้ยากสึกหรอ ไม่ยึดถนนและลื่นไถลทางโค้งแต่หากความดันลมยางน้อยไปจะทำให้ยางร้อนจัดยาง ไม่เกาะถนนและสึกหรอง่าย สังเกตว่าความดันลมยางน้อยไปเมื่อพวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น


34. เบรคบนทางโค้งอันตราย!
    ควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรคบนถนนทางโค้ง เพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวและมีแนวโน้มลื่นไถลหลุดโค้งออกไป


35. รถใหญ่บังรถเล็ก
    รถใหญ่ที่วิ่งตามทางแยกอาจบังรถเล็กอีกคันที่กำลัง แซงขึ้นมา หากเราตัดสินใจเลี้ยวออกจากทางแยกแบบปัจจุบันทันด่วน โดยไม่ระวังให้ดี อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้


36. ถอยหลังทางไหนหมุนพวงมาลัยทางนั้น
    การถอยหลังรถแรก ๆ อาจจะดูไม่ถนัด ต้องอาศัยประสบการณ์ โดยมีเคล็ดลับอยู่ว่าจะให้ส่วนท้ายของรถหันไปทางไหนก็หมุนพวงมาลัยไปทางนั้น ส่วนผู้ขับก็เอี้ยวตัวไปดูข้างหลังโดยมือถือพวงมาลัยมือหนึ่ง อีกมือพาดบนพนักพิงผู้โดยสาร


37. ข้อห้ามของการถอยหลัง
    อย่าใช้วิธีกลับรถโดยการถอยหลังจากถนนซอยสู่ถนนใหญ่ เมื่อไม่แน่ใจว่าปลอดภัย อย่าถอยหลังและอย่าถอยหลังเป็นระยะทางไกล ๆ โดยไม่จำเป็น


38. ไฟเขียวให้รีบไปแน่หรือ
    การขับรถบริเวณทางแยกที่มีไฟจราจรกำกับและเป็นไฟเขียวอยู่ ไม่ตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งให้ทันสัญญาณไฟ ควรสังเกตดูว่าไฟเขียวนั้นนานแค่ไหน แล้วสังเกตดูว่ารถจากถนนฝั่งหนึ่งมีแถวยาวเท่าใน และควรขับรถเว้นระยะกับรถคันหลังดูว่าหากเบรคกะทันหัน กรณีไม่ทันไฟเขียว แล้วคุณจะไม่ถูกชนท้าย


39. รีบร้อนไปไหนยังไฟแดงอยู่เลย
    ผู้ขับขี่หลายรายต้องเสียอกเสียใจทุกวันนี้ เพราะประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากชอบออกรถในขณะที่สัญญาณไฟยังเป็นไฟแดงหรือเหลืองอยู่ โดยคาดเดาล่วงหน้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร ในขณะที่รถอีกฝั่งยังไฟแดงอาศัยลูกติดพันจากไฟเขียว ผลก็คือ ประสานงากันจังเบ้อเริ่ม เดือดร้อนกันทั่วหน้า


40. ถูกจี้ท้ายและเตือนด้วยไฟสูงต่ำ
    หลายคนคงเคยเจอนักเลงกลางถนน โดยขับขี่อยู่ ดี ๆ  ก็มีรถคันอื่นมาจี้ท้ายแถมใช้ไฟสูงต่ำยิงใส่ท้ายรถ อย่าตกใจและห้ามตอบโต้เด็ดขาด เพียงแต่ค่อย ๆ เปลี่ยนช่องจราจรไปทางซ้าย เพื่อให้เกิดช่องว่างให้รถคันหลังผ่านไปได้


41. กระจกหน้ารถต้องสะอาดอยู่เสมอ
    กระจกหน้ารถที่สะอาด เมื่อเวลาฝนตก ใบปัดน้ำฝนจะทำความสะอาดได้เร็วมากขึ้นมาก ควรลดอัตราเร็วลงหากอุปกรณ์ปัดน้ำฝนทำงานไม่ทันกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา อย่างหนัก


42. ไม่แตะเบรคขณะรถลื่นไถล
    กรณีรถขาดการทรงตัว เมื่อเจอสภาพถนนมีน้ำมันเกลื่อนกลาดอย่าตกใจยกเท้าออกจากคันเร่งและหมุนพวง มาลัยไปในทิศทางเดียวกับทิศทางการลื่นไถลโดยห้ามแตะเบรคโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก


43. อย่าเพิ่งดับไฟขณะรุ่งสาง
    การรีบดับไฟเมื่อขับรถตอนรุ่งสางไม่เป็นผลดีต้องให้แน่ใจว่าคุณสามารถมอง เห็นถนนและผู้ขับขี่คันอื่นอย่างชัดเจนเสียก่อนจึงค่อยดับไฟ กรณีรถมีสีคล้ำ ดำ หรือน้ำเงิน ซึ่งไม่ค่อยสะท้อนแสงต้องเปิดไฟแต่เนิ่น ๆ เมื่อเริ่มจะมือและปิดไฟช้ากว่าคันอื่นเมื่อเวลารุ่งสาง


44. การใช้น้ำมันหล่อลื่น
    การเติมน้ำมันหล่อลื่นต้องรักษาปริมาณให้ถึงขีดกำหนดของรถเสมอ น้ำมันหล่อลื่นเป็นสารอันตรายต่อผิวหนัง ควรล้างมือทันทีและเก็บภาชนะบรรจุน้ำมันให้ห่างไกลจากมือเด็ก


45. รถเสียระวังเสียงรถ
    เมื่อรถคุณเกิดเสียกลางทางแล้วมีอาสาสมัครเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ หากคุณไม่แน่ใจพฤติกรรมอย่าลงจากรถเด็ดขาด ให้ผู้ผ่านกระจกแล้วล็อคประตูไว้วานให้ช่วยไปโทรศัพท์หาผู้ที่คุณต้องการจะ ติดต่อด้วยจะดีที่สุด


46. อุปกรณ์พยาบาลที่ควรจะมีในรถ
    เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉน คุณควรมีสิ่งเหล่านี้ไว้ในรถ พลาสเตอร์, ผ้าพันแผล ขวดพลาสติคใส่น้ำสะอาดไว้ กรรไกร คีม ผ้าพันแผลแบบยืดหดได้ โคมไฟฟ้า เหรียญ(สำหรับโทรศัพท์)


47. เด็กเล็กก็ควรคาดเข็มขัด
    อุบัติเหตุหลายครั้งเด็กเล็กต้องเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจำนวนมาก ในเมืองนอกได้ออกแบบที่นั่งเฉพาะสำหรับเด็กไว้อย่างมาตรฐาน โดยเฉพาะมีเข็มขัดนิรภัยให้เด็กคาดเข็มขัดด้วย สำหรับเมืองไทยที่ยังไม่มีที่นั่งเด็กแพร่หลาย ก็อาศัยพี่เลี้ยงหรือผู้โดยสารไปด้วยคอยดูแล อย่าปล่อยให้เด็กเป็นอิสระเด็ดขาด


48. ทำยังไงเมื่อกระจกหน้ารถแตกละเอียด
    อุบัติเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้เมื่อรถแล่นด้วยความเร็วสูง ต้องควบคุมสติให้ได้ผ่นอคันเร่งหาที่จอดอย่าปลอดภัย หากระดาษหนังสือพิมพ์มาคลุมหน้าปัดรถและกระโปรงรถใกล้กระจกหน้าเพื่อป้องกัน ไม่ให้เศษกระจกปลิวเข้ามา แล้วจึงหาอะไรมาค่อย ๆ ทุบกระจกที่แตกค้างออก แล้วขับรถไปหาอู่ซ่อมโดยเร็ว


49. เบรคจม
    อุบัติเหตุบางครั้งเกิดจากการที่อยู่ดี ๆ คันเบรคก็จมซึ่งทำให้การหยุดรถทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเช่นนี้ให้ลดความเร็วลงค่อย ๆ ปั๊มเบรคสองสามครั้งเพื่อให้ความร้อนไปไล่ฟองอากาศและความชื้นจากนั้นจึง ค่อย  ๆ ขับไปด้วยควมเร็วเป็นปกติ


50. น้ำมันท่วม
    รถที่จอดนิ่งอยู่สตาร์ทหลายทีก็ไม่ติด แถมยังได้กลิ่นฉุนของน้ำมันแสดงว่าน้ำมันได้ท่วมคาร์บูเรเตอร์ แล้วควาคอยอย่างน้อยสิบนาที เพื่อให้น้ำมันระเหยแล้ว เริ่มติดเครื่องใหม่อีกครั้ง


51. อาการแบตเตอรี่หมด
    อีกกรณีที่สตาร์ทเครื่องรถไม่ติด แล้วไฟหน้ารถไม่สว่างให้สันนิษฐานได้ว่าแบตเตอรี่หมดให้ชาร์จใหม่ได้ทันที หากทำไม่เป็นก็ตามช่างหรือติดต่อศูนย์ที่คุณซื้อรถก็ได้


52. ความร้อนสูงผิดปกติ
    สังเกตุได้จาก เข็มชี้ระดับความร้อนที่หน้าปัดขึ้นสูงกว่าธรรมดา อย่าขับรถต่อไป เพราะจะทำให้รถได้รับความเสียหายร้ายแรงได้ ต้องหาที่ร่มจอดรถ เปิดฝากระโปรงทิ้วไว้รอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลงในระดับปรกติจึงค่อยเดิน ทางต่อไป กรณีที่เกิดจากน้ำมในหม้อน้ำพร่องไป ต้องรออย่างน้อย 10 นาทีถึงจะเปิดฝาหม้อน้ำเติมน้ำได้


53. เบรคเสียกะทันหัน
    เบรคที่ถูกใช้มากในบางกรณี อาจทำให้เสียหรือผ้าเบรคสึกมีผลให้รถเบรคไม่ค่อยอยู่ วิธีแก้ไขคือ ให้จอดรถชั่วคราวเพื่อให้เบรคพักการทำงานระยะหนึ่ง


54. หัดเปลี่ยนยางไว้บ้างก็ดี
    กรณีที่เราขับรถออกทางไกลที่เปลี่ยว ๆ ห่างจากปั๊มน้ำมันข้างทางแล้วเกิดยางรั่วยางแตก การเปลี่ยนยางอะไหล่ต้องใช้ความสามารถของตนเอง การศึกษาวิธีการเปลี่ยนจากคู่มือ และหัดลองเปลี่ยนขณะจอดรถอยู่ให้คล่อง มิฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว มีหวังคุณได้นอนหง่าวอยู่ในรถคนเดียวทั้งคืนแน่


55. ฟิวส์ซองบุหรี่
    ระบบไฟฟ้าของรถใช้ฟิวส์เป็นตัวเชื่อมไฟ หากฟิวส์เกิดขาดกะทันหัน แก้ปัญหาได้โดยใช้กระดาษตะกั่วห่อซองบุหรี่หรือกระดาษห่อช็อกโกแล็ตมาหุ้ม ฟิวส์นั้นแล้วนำไปใช้ต่อฟิวส์นั้นก็จะทำงานได้ชั่วคราว


56. ยางโดนตะปูเจาะ
    ประการแรกให้เปลี่ยนยางอะไหล่ทันที ถ้าไม่มียางอะไหล่ สำรวจยางเส้นนั้นว่ามียางในหรือไม่ ประการสำคัญไม่ควรดึงตะปูออกก่อนจะทำให้เวลาขับเคลื่อนรถ ยางจะแตก ระเบิดได้ ควรขับออกไปช้า ๆ อย่างระมัดระวังประคับประคองให้ไปถึงอู่หรือปั๊ม ทำการปะให้เรียบร้อย


57. ตรวจสนิมรถด้วยแม่เหล็ก
    รถปัจจุบันส่วนใหญ่ตัวถังจะฉาบด้วยยากันสนิม ซึ่งเป็นฉนวน บริเวณที่กระเทาะแล้วเกิดสนิม จะทำให้เกิดแรงดึงดูดกับแม่เหล็ก


58. เรื่องของสีรถ
    หากสีรถเกิดถลอกและเป็นสนิม หรือมีปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับสีรถไม่ควรลงมือแก้ไขเอง เช่น เช็ด ขูด ควรนำรถเข้าอู่ ให้ช่างที่มีความชำนาญดูแล มิฉะนั้นจะทำให้เกิดรอยด่างของสีรถได้


59. รถติดอย่าหยุดติดรถ
    ปัญหารถติดบ้านเราเลี่ยงกันไม่พ้น ขณะขับรถไปต่อคันที่หยุดข้างหน้าควรเว้นช่วงไว้ให้ห่างพอที่รถจะเคลื่อนตัว ไปซ้ายขวาได้ เป็นการเผื่อเอาไว้หากเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายด้านหน้ารถจะได้ไม่ถูกอัดก๊อ ปปี้เสียหายทั้งรถและชีวิต


60. ยางอะไหล่ต้องพร้อมเสมอ
    รถเกือบทุกคันก็มักมียางอะไหล่ติดไว้เสมอ อย่าลืมที่จะตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่บ้าง เป็นต้นว่าลมยางต้องมีความดันมาตรฐานเสมอ ไม่อ่อนจนเกินไป เพราะหากเกิดฉุกเฉินขึ้นมา ยางอะไหล่รั่วหรือแตก สถานการณ์จะเลวร้ายไปกันใหญ่


61. กรวยเติมน้ำมันฉุกเฉิน
    น้ำมันแห้งสนิทกลางทาง ซื้อน้ำมันใส่แกลลอนมาแต่ดันลืมติดกรวยมาด้วย ไม่ยากเลย เพียงหาถ้วยใส่น้ำอัดลมพลาสติค ผ่าแล้วม้วนเป็นรูปกรวยมาเป็นที่เติม หรือใช้กระดาษทบกันหลาย ๆ ชั้น มาพับเป็นรูปกรวยก็ได้พอจะแก้ขัดไปครั้งหนึ่ง

armata

ใช้เกียร์ออโต้อย่างถูกวิธี

ผู้ผลิตรถแทบทุกค่าย ต่างพากันใส่เกียร์อัตโนมัติไว้ให้เป็นทางเลือกของลูกค้า ที่ใช้งานส่วนใหญ่ในเมืองที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น ทำให้การขับขี่มีความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากเท้าซ้ายไม่ต้องคอยเหยียบครัชให้วุ่นวายอีกต่อไป  เรามาดูวิธีการขับขี่เกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อเกียร์และกระเป๋าของท่านกันดีกว่าครับ


1) การขับรถเกียร์ออโต้โดยทั่วๆไป ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เทคนิคพิเศษแบบนักแข่งรถ ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียวในการเหยียบคันเร่งเบรค ไม่ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรค


2) สำหรับท่านที่เพิ่งจะเริ่มขับรถ พยายามเบรคด้วยเท้าขวาเท่านั้น และเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตารท์รถ เพื่อป้องกันอันตรายถึงแม้ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่ง(P)หรือ(N)ก็ตาม และเหยียบเบรคทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ว่าง( N ) หรือเกียร์จอด (P) ไปเป็นเกียร์เดินหน้า (D) หรือเกียร์ถอยหลัง (R) จำไว้ให้ขึ้นใจครับ รถหยุดนิ่ง เหยียบเบรคก่อนทุกครั้งก่อนขยับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ครับ


3) ถ้าท่านเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่งเดินหน้า (D) ไปเป็นตำแหน่งถอยหลัง (R) หรือเปลี่ยนจากตำแหน่งถอยหลัง (R) ไปเป็นตำแหน่งเดินหน้า (D) ควรให้รถหยุดสนิทให้เรียบร้อยก่อน หลายท่านขับแบบใจร้อนและผิดวิธี รถยังคงเคลื่อนที่อยู่ก็รีบเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ จะทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้น อย่าลืมว่า ค่าซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ในรถยนต์บางรุ่นมีราคาสูงมาก


4) ขณะที่รถวิ่งอยู่ไม่ควรเข้าเกียร์ตำแหน่ง (N)  เช่นเห็นไฟแดงข้างหน้าแต่ยังอีกไกล กลัวว่าจะไม่ประหยัดน้ำมัน ท่านจึงเข้าเกียร์ในตำแหน่ง (N) และปล่อยให้รถไหลไปจนถึงไฟแดง รถแทบทุกรุ่นในยุคปัจจุบันใช้ระบบหัวฉีดควบคุด้วยสมองกลที่ทันสมัย การจ่ายเชื้อเพลิงขึ้นตรงกับลิ้นปีกผีเสื้อ  ถ้าท่านยกเท้าออกจากคันเร่งลิ้นปีกผีเสื้อก็จะปิดทันที เซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อจะรายงานกล่องสมองกลที่ควบคุมระบบการจ่ายเชื้อเพลิง ให้หยุดทำการจ่ายน้ำมันทันที ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปลดเกียร์ว่าง (N) แต่อย่างใด และยังเป็นผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเกียรืของท่านอีกด้วย เนื่องจากรถยนต์ในขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เกียร์ที่อยู่ในตำแหน่ง(D) จะมีปั้มแรงดันสูง ส่งน้ำมันเกียร์เข้าไปหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา


แต่ปั้มน้ำมันของเกียร์อัตโนมัติจะทำงานน้อยลงเมื่อเกียร์ อยู่ในตำแหน่ง (N) เมื่อไม่มีแรงดันที่พอเพียงจะดันน้ำมันไปหล่อลื่นเกียร์อย่างเพียงพอ จะทำให้เกียร์ออโต้ของท่านร้อน และเกิดการสึกหรอเสียหายตามมา และด้วยสาเหตุนี้เองเวลารถที่ใช้เกียร์ออโต้เสียและจำเป็นต้องลากไปอู่จึงจำ เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อช่วยลดความร้อนของเกียร์ขณะที่ทำการลากจูง หรือถ้าหาน้ำมันเกียร์มาเติมไม่ได้ ควรยกให้ล้อที่ใช้ขับเคลื่อนให้ลอยพ้นพื้นถนนเนื่องจากระบบปั้มน้ำมัน เพาว์เวอร์ของระบบเกียร์อัตโนมัติหยุดทำงาน ไม่แนะนำให้ถอดเพลาสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลังเพระยุ่งยากและเสียเวลามากครับ ปัจจุบันนี้มีรถยก 6 ล้อ แบบสไลด์ออนสามารถนำรถทั้งคันขึ้นไปไว้บนกระบะหลัง สะดวกสบายและปลอดภัยต่อเกียร์อัตโนมัติและรถยนต์ราคาแพงของท่านครับ


5) การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ 2 ต้องระมัดระวังเนื่องจากตำแหน่ง 2 จะมีอัตตราทดเฉพาะเกียร์ 1 และ 2 ซึ่งบริษัทผู้ผลิตต้องการทำให้ท่านเจ้าของรถใช้งานในกรณีที่ต้องการแรงบิด มากๆเช่นทางขึ้นเนินที่ค่อนข้างชัน หรือต้องการการหน่วงความเร็วของรถเอาไว้เช่นในขณะที่ขับรถลงเนินเขา(ENGINE BRAKE) หรือวิ่งบนเส้นทางที่คดเคี้ยว ลาดชันมากๆ ห้ามใช้ตำแหน่งเกียร์ 2 ในขณะที่ท่านขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องสูงตามไปด้วย จนเกินขีดจำกัดและก่อให้เกิดความเสียหาย และอาจลื่นไถลเนื่องจากเกิดแรงบิดมหาศาลมากระทำที่ล้อ ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ครับ


6) ไม่ควรขับลากเกียร์ โดยทั่วไปการขับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ (D) ระบบสมองกลที่ควบคุมเกียร์จะทำการสั่งงานให้ปรับเปลี่ยนเกียรให้ขึ้นลงตาม ความเหมาะสมและความเร็วของรถอยู่ตลอดเวลา บางท่านรู้มากใช้วิธีเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์โดยการเลื่อนคันเกียร์ขึ้นลงเองใน ขณะที่รอบเครื่องทำงานสูงสุดเพียงเพื่อหวังผลทางด้านอัตราเร่งแต่จะมีผลทำ ให้ผ้าคลัทช์ และระบบทอกค์คอนเวอร์เตอร์เกิดการสึกหรอเสียหาย และทำให้มีอายุการใช้งานของเกียร์อัตโนมัติสั้นลง


7) ไม่ขับแบบเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเอง(คิกดาวน์)บ่อยๆ  การขับในตำแหน่ง (D)ระบบสมองกลควบคุมเกียร์จะทำการคำนวนค่าของแรงต่างๆและปรับเปลี่ยนตำแหน่ง เกียร์ตามความเร็วของรถในขณะนั้นตลอดเวลาอยู่แล้ว การกดคันเร่งเพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำหรือที่เรียกว่าคิกดาวน์ ไม่ควรทำบ่อยครั้ง หรือทำเท่าที่จำเป็นในการเร่งแซงให้พ้นเท่านั้น ถ้าท่านทำบ่อยๆ ผ้าคลัทช์ของเกียร์จะทำงานหนักและสึกหรอเร็วมากขึ้นครับ


8) ควรมีสายพ่วงแบตตารี่ติดท้ายรถไว้ตลอดเวลา เนื่องจากรถยนต์เกียร์อัตโนมัติไม่สามารถเข็นด้วยความเร็วต่ำแล้วกระตุ กสตารท์ให้ติดเครื่องยนต์ได้เหมือนรถยนต์เกียร์ธรรมดา การเข็นรถเกียร์อัตโนมัติแล้วใช้วิธีกระตุกสตารท์ ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 20กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเข็นด้วยแรงคนเป็นไปได้ยาก และยังเสี่ยงกับความเสียหายต่อเกียร์ในขณะที่ทำการเข็นหรือลากอีกด้วย ควรตรวจสอบแบตตารี่ให้มีไฟพอเพียงต่อการสตารท์ทุกครั้งครับ


9) น้ำมันเกียร์อัตโนมัติหัวใจของการหล่อลื่นและยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถ ท่านให้ยาวนาน จึงควรเอาใจใส่ตรวจสอบบ่อยๆ การตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัด กำหนดหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางทีแนะนำ ไม่มีเกียร์อัตโนมัติใดไม่ต้องการการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้ งานของรถตามที่มีหลายๆบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โฆษณาชวนเชื่อให้รถยนต์ของตนดูทน ทานและแข็งแรงตามความเป็นจริงจากสภาพการจราจร อุณภูมิ และสภาพการขับขี่ เกียร์อัตโนมัติทุกยี่ห้อยังต้องการการดูแลแปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ ทางที่ใช้ครับ


10) ตำแหน่งในเกียร์อัตโมติ


P) PARKING-เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ใช้จอดในลักษณะเป็นที่เป็นทางไม่จอดขวางทางรถคันอื่นแล้วใส่ตำแหน่งเกียร์นี้ไว้
หรือจอดในทางที่มีลักษณะลาดชัน และใช้ในตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์


R) REVERSE-เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง เหยียบเบรคทุกครั้งที่จะเข้าเกียร์ในตำแหน่งนี้


N) NEUTRAL-เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้ในการตัดกำลังของเครื่องยนต์ที่ส่งลงมาสู่เกียร์ และใช้เป็นตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์


D) DRIVE-เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้าและใช้ในการขับขี่ตามปกติ โดยตำแหน่งเกียร์จะปรับเปลี่ยนเองตามคำสั่งของสมองกลที่ควบคุม ยกเว้นรถยนต์บางรุ่นที่มีสวิทช์ปรับเปลี่ยนระบบเกียร์และผู้ใช้เปิดสวิทช์เพื่อใช้งานในการปรับตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง


2) เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้า แต่จะมีอยู่แค่ 1 และเกียร์ 2 อยู่ในตำแหน่งนี้ใช้เพื่อขับขึ้นลงทางที่มีเนินสูงชัน ทางที่คดเคี้ยวไปมา ที่ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้


1) LOW-เกียร์ในตำแหน่งนี้ มีเพียงเกียร์ 1 เท่านั้น ใช้สำหรับงานหนักที่ต้องการกำลัง หรือรถติดหล่ม หรือทางขึ้น ลงเขาที่ชันมาก

armata

เคล็ดไม่ลับ วิธีไล่ฝ้ากระจกรถยนต์

ช่วงที่ฝนตกหรืออากาศเย็นลงหลายคนอาจประสบปัญหาเวลาขับรถยนต์แล้วกระจกหน้าและกระจกหลังเกิดฝ้า ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ



ฝ้าที่กระจกรถเกิดจากอุณหภูมิความชื้นภายในและภายนอกรถแตกต่างกัน ฝ้าที่กระจกรถด้านนอก เกิดจากอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายใน และฝ้าที่กระจกด้านในเกิดจากอุณหภูมิภายในรถสูงกว่าภายนอก วิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ปรับเพิ่ม-ลดความเย็นแอร์ให้เกิดความสมดุลกัน การปรับทิศทางช่องลมและความแรงลม การใช้ที่ปัดน้ำฝน ใช้ผ้าเช็ด และการแง้มกระจกให้อุณหภูมิภายในและภายนอกรถเท่ากัน สักพักฝ้าที่เกาะบนกระจกก็หายไป

การไล่ฝ้ากระจกหน้า ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ผู้ขับขี่ก็ต้องกำจัดฝ้านั้นออกไปเพื่อเพิ่มทัศนะวิสัยในการมอง ผู้ขับขี่หลายท่านได้ทำความเข้าใจกับคู่มือการใช้รถเกี่ยวกับฝ้าที่กระจกบังลมหน้า และในคู่มือการใช้รถยนต์ระบุไว้ว่าการไล่ฝ้าด้านในกระจกบังลมหน้าควรปฏิบัติดังนี้
1. ตั้งความแรงพัดลม ไปที่ความแรงตามความต้องการ ยกเว้น OFF (ปิด)
2. ตั้งอุณหภูมิ ไปที่อุณหภูมิตามความต้องการ ยกเว้น OFF (ปิด)
3. ตั้งช่องอากาศเข้า ไปที่รับอากาศภายนอก

การเปิดช่องรับอากาศด้านนอกเข้ามา เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิด้านนอกจะช่วยลดการเกิดฝ้าได้ แต่บางครั้งอาจมีสิ่งแปลกปลอมเล็ดลอดเข้ามาไปติดที่ตู้แอร์ ส่งผลให้ตู้แอร์อุดตันและเกิดการชำรุดในที่สุด ดังนั้น ทางผู้ขับขี่จะต้องระมัดระวังตรงจุดนี้ไว้ด้วย แต่ถ้าผู้ขับขี่มั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดที่จะมีผลตามมาก็สามารถกระทำได้ตามข้อความข้างต้น

การไล่ฝ้ากระจกหลัง ปุ่มไล่ฝ้า อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น เส้นไล่ฝ้าติดตั้งอยู่ที่กระจกหลัง (เฉพาะรุ่นที่มี) เป็นเส้นลวดที่ทำมาจากนิกเกิลหรือทองแดง โดยฝังอยู่บนผิวหน้าของกระจก เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปที่ขดลวด จะก่อให้เกิดความร้อนที่กระจก หยดน้ำที่เกิดขึ้นบนกระจกระเหยไป ทำให้มองผ่านกระจกได้อย่างชัดเจน

ในรถยนต์แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันไป รวมถึงสัญลักษณ์หรือตำแหน่งของสวิทช์ ซึ่งในรถยนต์บางรุ่นสามารถที่จะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่กระจกแห้งหรือขดลวดร้อนเกินไป แต่ถ้าหากในรถยนต์ที่ไม่มีตัวตัดการทำงาน อันนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้กระจกแตกเสียหายได้ ดังนั้น เมื่อเห็นว่ากระจกแห้ง ก็ควรกดสวิทช์ตัดการทำงานทันที