ยานาไซจ์ขึ้นแท่นโดนเหลืองจาก'พุ่งล้ม'มากสุดอันดับสองในพรีเมียร์

[itplaza]

อัดนาน ยานาไซจ์แซงหน้ารุ่นพี่ร่วมทีมอย่างแอชลี่ย์ ยังก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะที่โดนใบเหลืองจากข้อหาพุ่งล้มมากสุดเป็นอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ปี 2008 ร่วมกับเฟร์นานโด ตอร์เรสแม้จะมีอายุเพียงแค่ 18 ปีและลงสนามไป 14 นัดเท่านั้น

ปีกดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รับใบเหลืองเป็นใบที่ 5 ของฤดูกาลเข้าไปแล้วในเกมที่พ่ายให้ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์เมื่อคืนวันปีใหม่ที่ผ่านมาหลังฮาเวิร์ด เว็บบ์แจกให้เขาด้วยข้อหาพุ่ง

ในเวลานี้ยานาไซจ์ที่ได้รับไป 3 ใบเหลืองจากการล้มที่ง่ายเกินไปตามหลังอันดับหนึ่งอย่างแกเร็ธ เบลคนเดียวเท่านั้นแต่เจ้าหนูหลายเชื้อชาติคนนี้เพิ่งลงสนามไปเพียงแค่ 14 เกมเท่านั้น

ก่อนหน้านี้การพุ่งล้มถูกจัดให้อยู่ในหมวดเป็นการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาและแจกใบเหลืองให้ได้แต่ในปี 2008 มีข้อบังคับว่าต้องแจกให้กับนักเตะที่พุ่งล้มทุกคนเพื่อต่อสู้กับการพุ่งล้มที่มีมากขึ้นในเกมลูกหนังอังกฤษ

เบลที่เพิ่งย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดในสเปนเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้นก็มีชื่อเสียงในด้านไม่ดีเอาไว้กับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์หลังโดนใบเหลืองจากข้อหาพุ่งล้มมากสุดเป็นจำนวนถึง 7 ใบระหว่างที่ค้าแข้งอยู่กับทีมดังถิ่นลอนดอน

อย่างไรก็ตามยานาไซจ์ที่โดนไปสามนัดเพิ่งลงสนามมาเพียงแค่ 14 เกมโดย 8 นัดในนั้นเป็นการออกสตาร์ทตัวจริงโดยเขาถูกจดชื่อเพราะข้อหาขาอ่อนจากเกมที่เอาชนะซันเดอร์แลนด์กับเวสต์แฮมและล่าสุดก็เกมกับ"ไก่เดือยทอง"นั่นเอง

แข้งวัย 18 ปีขยับขึ้นไปอยู่เทียบเท่ากับเฟร์นานโด ตอร์เรสในตารางตลอดกาลโดยที่มีนักเตะอีกมากมายหลายคนได้ใบเหลืองจากการพุ่งไป 2 ใบเช่นยัง, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซและมาริโอ บาโลเตลลี่



การโดนจดชื่อจากข้อหาพุ่งล้มของยานาไซจ์ยังทำให้ทีมของเดวิด มอยส์ครองตำแหน่งจ่าฝูงของตารางโดนใบเหลืองเพราะการพุ่งล้มประจำซีซั่นนี้อีกโดยรวมแล้วอยู่ที่ 4 ใบด้วยกัน

โดยรวมแล้วแม้สเปอร์สจะโดนโดนลงโทษด้วยใบเหลืองเพราะการพุ่งเพียงแค่ใบเดียวนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมปีก่อนแต่พวกเขาก็ยังนำเป็นจ่าฝูงของตารางใบเหลืองจากพุ่งล้มนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา

พวกเขาได้ไปทั้งหมด 13 ใบแล้วโดย 7 ใบจากจำนวนดังกล่าวเป็นของเบล ส่วนเชลซีกับแมนฯ ยูไนเต็ดก็ตามหลังมาติดๆที่ 12 ใบร่วมกัน

ขอบคุณเนื้อหา  : Soccersuck
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=3&news_id=32168&page=1