ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

'โพลนิด้า'60.3%เห็นด้วยนายกฯคนกลาง 'อานันท์'มาที่ 1

เริ่มโดย itplaza, 13:44 น. 26 ก.พ 57

itplaza

"นิด้าโพล" ชี้ คน 60.3% เห็นด้วย จำเป็นต้องมีนายกฯ คนกลาง ขณะ "อานันท์ ปันยารชุน" มาลำดับ 1 ส่วน 30.09% ไม่เห็นด้วย อยากให้นายกฯ มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น...

วันที่ 26 ก.พ. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "นายกฯ คนกลาง" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24–25 ก.พ.  2557 จากประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,650 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษา และอาชีพ เกี่ยวกับการจัดให้มีนายกฯ คนกลาง เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง และบุคคลที่เหมาะสม ที่จะเป็นนายกฯ คนกลาง หากจำเป็นต้องมี โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน 2.5

จากผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีนายกฯ คนกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศในภาวะวิกฤติในขณะนี้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.30 ระบุว่าเห็นด้วย เพราะรัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมในการบริหารงาน ปัญหาความขัดแย้ง และความวุ่นวายทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ จะได้ยุติลง ต้องการเห็นการปฏิรูปประเทศ ปราศจากนักการเมืองที่ต้องการแต่ผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง และอยากเห็นบ้านเมืองสงบและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ขณะที่ร้อยละ 31.09 ระบุว่าไม่เห็นด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีควรมาจากการเลือกตั้งตามระบอบของประชาธิปไตย และเป็นไปตามหลักกฎหมาย/รัฐธรรมนูญ ไม่มีใครทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี หากไม่ถูกใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่พอใจ และออกมาประท้วงกันวุ่นวายอีกเหมือนเดิม และร้อยละ 8.61 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ




ท้ายสุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคคลที่เหมาะสม จะเป็นนายกฯ คนกลาง มากที่สุด ในกรณีที่จำเป็นต้องมีนายกฯ คนกลาง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 27.82 ระบุว่า เป็นนายอานันท์ ปันยารชุน รองลงมา ร้อยละ 23.27 ระบุว่าไม่แน่ใจ/ไม่ระบุ เพราะยังไม่ทราบถึงประวัติและผลงาน ร้อยละ 18.55 ระบุว่าไม่มีใครที่เหมาะสมที่จะมาเป็นนายกฯ คนกลาง ร้อยละ 6.36 ระบุว่า เป็น ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ร้อยละ 4.67 ระบุว่า เป็นใครก็ได้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความเป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ร้อยละ 3.94 ระบุว่า เป็น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ร้อยละ 3.39 ระบุว่าเป็น นายพลากร สุวรรณรัฐ ร้อยละ 2.36 ระบุว่า เป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร้อยละ 1.64 ระบุว่า เป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

นอกจากนี้ ร้อยละ 1.27 ระบุว่า เป็น ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย ร้อยละ 1.21 ระบุว่า เป็น ดร.วิษณุ เครืองาม ร้อยละ 1.03 ระบุว่า เป็น ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ร้อยละ 0.79 ระบุว่า เป็น ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ร้อยละ 0.24 ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องมีนายกฯ คนกลาง นายกฯ ควรมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และร้อยละ 3.45 ระบุอื่นๆ เช่น เช่น ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายบรรหาร ศิลปอาชา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นายไพศาล พืชมงคล ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นต้น.

ขอบคุณเนื้อหา thairath.co.th
ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=33633&page=1

ยายเขียว


ซัมเบ้ Note 7 Jr.

ลุงอานันท์เคยนั่งตำแหน่งนายกฯมาแล้ว 2 ครั้ง คือ

นายอานันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยแรกระหว่างวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 ถึง 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534 จากการเสนอชื่อโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์เช่นกัน ทั้งเคยร่วมงานกับนายอานันท์ เมื่อ พ.ศ. 2514 ขณะพันโทสุจินดา (ยศขณะนั้น) เป็นรองผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำสถานเอกเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน และนายอานันท์ เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ผลจากการเลือกให้นายอานันท์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในตอนนั้น

นายอานันท์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ในการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคสามัคคีธรรมได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด จำนวน 79 คน เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคกลับไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ หลังจากนางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาประกาศว่า นายณรงค์ เป็นหนึ่งในบัญชีดำ ผู้ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับการค้ายาเสพติด

พรรคร่วมเสียงข้างมาก ซึ่งประกอบด้วยพรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย พรรคราษฎร จึงสนับสนุนให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พลเอกสุจินดาเคยประกาศว่า จะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกล่าวในเวลาต่อมาว่า จำเป็นต้อง "เสียสัตย์เพื่อชาติ"

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา ทำให้เกิดกระแสการคัดค้านอย่างรุนแรง มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่ท้องสนามหลวงเพิ่มขึ้นจนถึงห้าแสนคน จนนำมาสู่การใช้กำลังปะทะ และปราบปรามในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 หรือ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ภายหลังเหตุการณ์ความรุนแรง พลเอกสุจินดาประกาศลาออกจากตำแหน่ง ฝ่ายพรรคร่วมเสียงข้างมาก ร่วมกันสนับสนุนให้ พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ หัวหน้าพรรคชาติไทย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่แล้วนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ได้ตัดสินใจเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน ขึ้นทูลเกล้าฯ แทนที่จะเป็นพลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์

นายอานันท์ ปันยารชุน ได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยรัฐมนตรีส่วนใหญ่ เป็นรัฐมนตรีที่เคยดำรงตำแหน่งมาก่อนในสมัยแรก

นายอานันท์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2535 ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด และนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 20


22 ปีผ่านไป  ยังจะไปรบกวนลุงอานันท์อีกเหรอ แกอายุ 81 ปีแล้วนา จริงๆแกก็ไม่ใช่นักการเมืองนะ
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

Bangdan SKL

อานันท์ ปันยารชุน ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย 2 วาระ
โดยทั้งสองวาระนั้น คุณอานันท์ ไม่ได้เป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง เลย
แต่มาจากการแต่งตั้งทั้งสองครั้ง
สมัยแรกระหว่างวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 ถึง 22 มีนาคม พ.ศ. 2535
ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534
จากการเสนอชื่อโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้ซึ่งมีความใกล้ชิด..กัน
และ นายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535
หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ผลงานโบว์ดำ ที่ลืมไม่ลงก็คือ กรณีเช็คใบเดียว กับการขายหุ้นโรงกลั่นไทยออยด์
ให้กับบริษัทของ เกษม จาติกวณิช เป็นเงิน 8,000 ล้านบาท
โดยในการจ่ายเงินเป็นลักษณะเช็คเปล่าใบเดียว ในขณะที่มีบุคคลอื่น
แสดงความจำนงค์จะขอซื้อหุ้นดังกล่าวในราคา 15,000ล้านบาท

เวลานี้มูลค่าของบริษัทไทยออยล์ในตลาดหลักทรัพย์
อยู่ที่แสนสามหมื่นกว่าล้านบาทครับ ปตท. ถือหุ้นไทยออยล์อยู่ 49%
ส่วนที่ขายออกไป 8 พันกว่าล้านนั้น วันนี้มีมูลค่าถึง 6 หมื่นกว่าล้าน...

มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านโดยเบื้องหลัง รอการค้นคว้าและเปิดเผย คือ
การเกิดขึ้นของ กฏหมายขายชาติ 11 ฉบับในสมัยชวน 2 ที่เอา LOI 8 ข้อ
สมัยจิ๋ว ชวลิต มาทำให้เป็นจริง แล้วเกิดวกฤติชาติไทยเจ๊ง หลังจากนั้น
ท่านก็มาเป็นประธาน จีอี ฯประเทศไทย ร่ำรวยจากการซื้อหนี้เน่าจาก ปรส. 8แสนล้าน 
ที่นายอมเรศเพื่อนซี้ เป็นประธานอยู่  .......

และก็มีกรณีอือฉาวเฉพาะคนวงใน
เรื่องสัมปทานโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมายที่เกี่ยวกับซีพี...
เรื่องโรงเหล็กที่บางสะพาน ......
เรื่องอนุมัติให้สร้างโรงกลั่นน้ำมันคาลเท็ค แล้ว พอพ้นตำแหน่งนายก
มารับตำแหน่ง  "ประธาน บริษัท อีสเทนร์สตาร์" ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับคาลเท็ค...

ถือว่าท่านเป็นคนเหนือเมฆ ที่มาในมาดเรียบง่าย เท่ ผู้ดี มีชาติตระกูล น่าเชื่อถือครับ...

(ข้อมูลหาได้จากกูเกิ้ลทั้งหมดครับ)




คนผ่านมาเฉยๆ

ประชาธิปไต ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั่วโลกต่างยอมรับ แต่ ประชาธิปไตย ที่คอรับชั่นไม่มีชาติไหนยอมรับ

ไม่มีประวัติศาสไทยครั้งไหนที่ตกต่ำถึงขนาดมีชาวนา ฆ่าตัวตาย


ทำมัย ทักษิณ ถึงกลัว อภิสิทธิ์

แม้ว่าจะทุบอภิสิทธิ์รุนแรงแค่ไหน สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือความเข้มแข็งในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แตกต่างจากความขี้ขลาดของนักโทษหนีคดีที่หนีคุก หนีตะรางไปอยู่เมืองนอก ทำลายระบบตุลาการเพื่อเอาตัวรอด เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นได้ว่า

คนชั่วกลัวคนดี ซึ่งหากคิดตามปรัชญาของพลาโต้ ก็คือ "คนดีไม่ต้องอาศัยกฎหมาย มาบอกให้เขาทำอะไรอย่างรับผิดชอบ ขณะที่คนเลวจะหาทางเลี่ยงกฎหมาย"

ซึ่งวันนี้พิสูจน์หัวใจของผู้ชายในมาดเชิ๊ตขาวกางเกงแสล็คแล้วว่ามีความเด็ดเดี่ยวมากกว่าพวกแสดงอำนาจนิยมว่า "ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ" ชนิดที่เทียบกันไม่ติด

ในขณะที่คนหนึ่งประกาศยอมตายเพื่อรักษาระบบ แต่อีกคนหนึ่งกำลังทำลายระบบเพื่อรักษาตัวเอง และสิ่งที่คนไทยควรจะพึงระลึกไว้ด้วยคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ นายกรัฐมนตรี คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับตัวเองเมื่อมีความสูญเสียเกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมือง แต่ฝ่ายที่เป็นผู้ชุมนุมทางการเมืองซึ่งกำลังมีอำนาจในขณะนี้กลับกำลังทำทุกวิธีการเพื่อออกกฎหมายใช้อำนาจฝ่ายบริหารล้างผิดให้ตัวเอง



แม้พยายามกดอภิสิทธิ์ให้ต่ำ แต่ความจริงย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ว่า ใครที่ยืนหยัดได้ท่ามกลางพายุ และใครที่ใช้วิชามารสร้างพายุทำลายคนอื่น

อภิสิทธิ์ เคยพูดไว้ว่า

"...ถ้าการเข้าไปดำรงตำแหน่งนายกฯ ของผมจะมีความผิด ก็คงมีแค่ประการเดียว คือ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีในระบบสภาคนแรกหลัง ปี ๒๕๕๐ ที่คุณทักษิณสั่งไม่ได้..."

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมทักษิณกลัวอภิสิทธิ์ และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดอภิสิทธิ์ ออกจากถนนการเมือง โดยมีแนวร่วมมุมกลับคอยเสี้ยมตลอดเวลาว่า อภิสิทธิ์เลวกว่าทักษิณ 3 เท่า !

   ไม่มีรัฐบาลไหนที่ไม่โกง เรารู้กันดี แต่ก็อีกเช่นกัน ไม่มีรัฐบาลไหน ที่โกงได้ถึงขนาดนี้ โกงชนิดไม่สนใจใคร

   ส่วนการมีอยู่ของกลุ่ม ชนชั้นสูง ท่านลองคิด หรือยังว่า เดือดร้อนพวกท่านกันมัย หรือเดือดร้อนแค่ใคร พวกท่านเหล่านั้นไม่ได้มายุ่ง หรือเกี่ยวข้องในการดำเนินชีวิตเราด้วยซ้ำ

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

ทักษิณน่ะโตมากับแนวคิดของนักธุรกิจอีกด้วยนะ  คือ ลงทุนไปเยอะก็ย่อมต้องถอนทุนคืน  หว่านพืชไม่หวังผลไม่มีหรอกครับ  ขณะเดียวกัน เรารู้แค่ไหนว่า ทักษิณมีแนวคิดทางการเมืองแบบไหน เราดูทักษิณจากการกระทำ คำพูด การเคลื่อนไหวต่างๆ   ในขณะเดียวกันอีก ทักษิณเองไม่พ้นวงจรเดิมๆ คือ พยายามเล่นแร่แปรธาตุเพื่อผลประโยชน์ต่างๆ  ทักษิณอาจฉลาดในเรื่องธุรกิจ  แต่ก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้การเมืองไทยและสังคมไทยต้องบอบช้ำและเสียเวลาพัฒนา(ที่ควรไปไกลกว่าปัจจุบัน)

...
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป