ราจีฟ เด็กอินเดียวัย 16 ปี กับชีวิตที่ขอฝากไว้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด

[itplaza]

เท้าเปล่า และ หิวโหย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยทักษะด้านฟุตบอลสนามบอลของเขาคือ พื้นฝุ่นในสลัม คำนิยามข้างต้นที่บ่งบอกถึง ราจีฟ รอย เด็กหนุ่มวัย 16 ปีที่อาศัยอยู่ในสลัมเมืองโกลกาตา ประเทศอินเดีย ที่กลายเป็นคนที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งในประเทศ เมื่อ ราจีฟ รอย ถูก สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด เชิญตัวเข้าไปฝึกหัดกับสโมสรเป็นเวลา 2 สัปดาห์

ราจีฟ รอย มีฝีเท้าที่เตะตาแมวมอง สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด และเพื่อนๆอีก 11 คน มีฝีเท้าเข้าตาจน สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเรียกตัวแข้งจากดินแดนภารตะเข้าไปฝึกซ้อมกับสโมสรนาน 2 สัปดาห์ ซึ่งหลังจากนี้หาก ราจีฟ สามารถเรียกฟอร์มเก่งและทักษะที่เขามีออกมาได้แบบเต็ม 100% ราจีฟ จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด และสิ่งที่ครอบครัว ราจีฟ ต้องการคือรายได้และสิ่งนั้นจะทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ซึ่งทีมงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ระบุว่า ราจิฟ ถือว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองในแถบเอเชียใต้ในตอนนี้ พร้อมยกย่องว่าเด็กทั้ง 11 คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เก่งที่สุดในย่าน เอเชียใต้ และเหมาะสมที่จะมาทดสอบผีเท้า

article-2607686-1D2C6C4F00000578-272_634x575และลำบากมาก คุณแม่ของ ราจีฟ เคยเป็นโสเภนี แต่ตอนนี้ทำงานเป็นคนงานอยู่ในโรงงานส้วมพกพา ที่มีรายได้อยู่ที่ 30 ปอนด์ต่อเดือน หรือประมาน 1,600 บาทเท่านั้น

แต่จุดเปลี่ยนของ ราจีฟ ด้านฟุตบอลเกิดขึ้นมาเมื่อคุณแม่ของ ราจีฟ ส่งเขาไปเรียนหนังสือที่ย่าน Rahul Vidya Niketan จนทำให้ ราจีฟ ได้ทั้งเรียนและเล่นฟุตบอลพร้อมกับพัฒนาทักษะด้านฟุตบอล ก่อนที่ ราจีฟ และเพื่อนๆอีก 30 คนจะเข้าร่วมการเเข่งขัน National Slum Soccer Tournament และทีม West Bengal ของ ราจีฟ ก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ และในทัวร์นาเม่นต์ ดังกล่าวฟอร์มของ ราจีฟ และเด็กๆ อีก 11 คน ก็เข้าตา แมวมอง แมนฯ ยูไนเต็ด

ซึ่งหลังจากนี้ อนาคตของ ราจีฟ จะเป็นอย่างไร Sport MThai ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ ราจีฟ คว้าฝันที่เขาตั้งใจเอาไว้ให้สำเร็จกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่โด่งดังกับสโมสรที่เขารักที่สุดอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด :)


ราจีฟ และคุณแม่


กลุ่มเพื่อนๆของ ราจีฟ


สภาพห้องนอนของ ราจีฟ


สภาพบ้านของ ราจีฟ


เอกสารพร้อมเดินทางไปอังกฤษแล้ว


ราจีฟ เล่นในตำแหน่งกองหน้ามีทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม

ขอบคุณเนื้อหา mthai.com
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=3&news_id=35074&page=1