ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

กกต.เปิดห้องถก 64 พรรค ปชป.ร่วมวงแต่ยังแทงกั๊ก

เริ่มโดย itplaza, 10:44 น. 22 เม.ย 57

itplaza

"พวกเราไม่เอาการเลือกตั้งจนกว่าจะปฏิรูปประเทศไทยเสร็จ เราประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่าสภาผู้แทนราษฏรจะเปิดไม่ได้อีกต่อไป จนกว่าจะปฏิรูปเสร็จ เลือกตั้ง 2ก.พ.ก็โมฆะไปแล้ว โดยมือของพวกเรา พูดกันไว้เลยตรงนี้ ถ้าไม่ปฏิรูปกันเสียก่อนก็อย่าหวังเลยจะเลือกตั้งสำเร็จ"

       
       คำประกาศล่าสุดอย่างเป็นทางการของสุเทพเทือกสุบรรณณ เลขาธิการกปปส.ที่เวทีกปปส.เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 19 เม.ย. กระทบไปถึงการเตรียมเดินหน้าจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่จะเริ่มคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังอีกครั้ง ในการประชุมร่วมระหว่างกกต.กับตัวแทนพรรคการเมืองรวม64 พรรคในวันอังคารที่22 เม.ย.นี้
       
       เมื่อกปปส.ยังคงย้ำแนวทางปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งแบบนี้ นั่นย่อมหมายถึงการจัดการเลือกตั้งของกกต.ที่จะเกิดขึ้น จะต้องมีปัญหาวุ่นวายอีกไม่รู้จบแน่นอน แม้ต่อให้รอบนี้กกต.อาจมีการเตรียมการรับมือมาเป็นอย่างดีก็ตาม
       
       ทั้งนี้การนัดหารือของกกต.กับ ตัวแทน 64 พรรคการเมือง ประเด็นสำคัญคงไม่พ้นการรับฟังความคิดเห็นของทุกพรรคการเมืองต่อกรอบเวลาในการกำหนดวันเลือกตั้งว่าควรอยู่ในช่วงเวลาใดรวมถึงต้องการรับทราบความเห็นของพรรคการเมืองในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการจัดการเลือกตั้งขึ้นมาอีก
       
       ประชุมเสร็จกกต.ก็จะมีการนำข้อสรุปไปหารืออีกครั้งกับฝ่ายความมั่นคงหลังเคยคุยกันมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาก่อนที่สุดท้าย กกต.มีนัดจะคุยครั้งสำคัญกับฝ่ายรัฐบาลที่น่าจะเป็นรอบสุดท้ายในช่วงปลายเดือนนี้
       
       ไฮไลท์สำคัญที่คนจับตามองก็คือ ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ หลังตอบรับเข้าร่วมการหารือครั้งนี้ด้วย โดยจะมีอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นตัวแทนพรรคเข้าร่วมพูดคุย
       
       นัยว่า ประชาธิปัตย์ที่ตอบรับก็เพื่อทำให้เห็นว่าพรรคพร้อมให้ความร่วมมือในการร่วมกันแสวงหาทางออกต่อปัญหาการเมืองขณะนี้ร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่าคราวนี้เป็นไฟท์บังคับของประชาธิปัตย์ที่ต้องเข้าร่วมเนื่องจากการเป็นพรรคใหญ่-พรรคเก่าแก่อยู่มา 69 ปี แต่การปฏิเสธการเลือกตั้งเมื่อ 2ก.พ. 57และอาจเป็นไปได้ที่จะไม่ส่งคนลงเลือกตั้งเป็นครั้งที่สองหากการต่อสู้ของกปปส.ยังไม่สำเร็จ
       
       จุดนี้จึงเป็นงานที่ยากสำหรับอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ไม่น้อยในการตอบคำถามของสังคมจำนวนมากที่ไม่ได้เอาด้วยกับกปปส.ว่าทำไมพรรค ประชาธิปัตย์ ถึงไม่ลงเลือกตั้ง แล้วถ้าไม่ลงจะทำพรรคการเมืองไปเพื่ออะไร
       
       ทำให้ประชาธิปัตย์ก็ต้องใช้ทุกเวทีในการชี้แจง-แสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเองถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้เพื่อปูพื้นให้สังคมเข้าใจเสียก่อนว่าพรรคมีความเห็นต่อการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไร เพื่อลดกระแสโจมตีหากสุดท้ายพรรคจะไม่ส่งคนลงเลือกตั้งขึ้นมาจริงๆแต่ในส่วนของแฟนคลับประชาธิปัตย์และกลุ่มสนับสนุนกปปส.นั้น ส่วนนี้ประชาธิปัตย์ลอยตัวอยู่แล้วเพราะยังไงก็คือกลุ่มที่เห็นว่าพรรคต้องเดินไปพร้อมกับกปปส.คือปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง พรรคไม่ควรลงเลือกตั้งหากเป้าหมายของกปปส.ยังไม่สำเร็จ
       
       ท่าทีล่าสุดของประชาธิปัตย์ต่อการลงเลือกตั้ง พอจับสัญญาณบางอย่างได้จากคำแถลงของ ชวนนท์อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าการที่พรรคไปร่วมหารือดังกล่าวในวันที่ 22 เม.ย. ก็เพื่อเป็นการยืนยันว่าพรรคเคารพประชาธิปไตยและพร้อมเข้าร่วมแก้วิกฤติของประเทศ แต่ไม่ใช่เป็นการยอมรับให้มีการเลือกตั้งเนื่องจากพรรคเห็นว่าขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหาอย่างหนักโดยเฉพาะภาพรวมความขัดแย้งทางการเมืองยังคงมีสูงอยู่ที่อาจนำมาซึ่งการใช้ความรุนแรง
       
       แล้วมีการอ้างกรณีล่าสุดขึ้นมาสำทับ คือเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดงจังหวัดลำพูน ใช้อาวุธข่มขู่ 4 อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คือ แทนคุณ จิตต์อิสระ ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นราพัฒน์ แก้วทองและอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ระหว่างที่ทั้งหมดร่วมคณะไปดูงานที่จ.ลำพูนในฐานะที่เป็นนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.) ของกกต. หลังจากเสื้อแดงหาตัว สมชัย ศรีสุทธิยากรกกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งที่มีข่าวจะร่วมคณะไปด้วยไม่เจอจึงหันมาพุ่งเป้าที่ 4อดีตส.ส.ดังกล่าวจนตำรวจต้องพาบุคคลทั้ง 4 ออกจากพื้นที่
       
       ความพยายามของประชาธิปัตย์ ในการออกตัวไว้ก่อนเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติเมื่อใครจะทำอะไร ก็ต้องหาเหตุผลอะไรต่างๆมาทำให้การกระทำของตัวเองมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ผู้คนคล้อยตาม ก็คงพอเห็นอะไรได้บางอย่างว่าประชาธิปัตย์จะตัดสินใจต่อไปอย่างไรในการลงเลือกตั้ง
       
       เช่นเดียวกับฝ่ายพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตรก็พยายามยกสารพัดเหตุผลมาบอกว่าปัญหาทุกอย่างของประเทศเวลานี้จะจบลงได้ทันทีเมื่อประเทศไทยมีการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งคือชูว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเท่านั้น วิกฤตทั้งหลาย จะมีทางเลือกได้ ขอให้มีการเลือกตั้ง ปัญหาจบ ก็เข้าใจได้ว่าทำให้เพื่อไทยได้กลับไปเป็นรัฐบาลเต็มตัวอีกครั้งโดยเร็วนั่นเอง
       
       ยิ่งตอนนี้ เพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ อยู่ในสภาพใกล้จนตรอกก็ต้องพยายามให้ กกต.รีบประกาศวันเลือกตั้งมีการออกพระราชกฤษฏีกาการเลือกตั้งออกมาโดยเร็ว โดยเฉพาะหากทำได้ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีสถานภาพยิ่งลักษณ์ชินวัตรและก่อนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)จะชี้มูลคดีรับจำนำข้าวในช่วงต้นเดือนพ.ค.ได้ก็จะเป็นการดีอย่างยิ่ง
       
       เพราะหากมีการโปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งออกมาก่อน โดยเฉพาะหากเกิดสุญญากาศทางการเมืองขึ้นมาจริง ก็จะทำให้ฝ่ายสุเทพ-กปปส.อาจทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ทำให้ช่วงนี้ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยและฝ่ายเสื้อแดงจึงกดดันกกต.อย่างหนักให้รีบจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว
       
       ฟากพรรคร่วมรัฐบาล ให้ความสำคัญไม่น้อยกับการนัดหารือครั้งนี้เพราะคาดหวังว่าหลังหารือแล้ว กกต.จะได้รีบนำข้อเสนอต่างๆไปกำหนดวันเลือกตั้งออกมาโดยเร็ว อย่างพรรคเพื่อไทย ทางคณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทยที่มีสมชายวงศ์สวัสดิ์เป็นประธาน ได้นัดประชุมกันในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.ไปแล้วเพื่อกำหนดกรอบการหารือและข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยที่จะไปนำเสนอต่อกกต.โดยเบื้องต้น พรรคจะเสนอต่อที่ประชุมวันที่ 22 เม.ย.ว่าต้องการให้กกต.ต้องเร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดคืออยู่ในช่วง 45-60 วันหลังจากที่มีพ.ร.ฎ.วันเลือกตั้งใหม่มีผลบังคับ
       
       การประชุมกกต.กับพรรคการเมืองครั้งนี้ เพื่อไทยจะส่งจารุพงศ์เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค และโภคิน พลกุลเป็นตัวแทนไปร่วมพูดคุยส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อย่าง พรรคชาติไทยพัฒนาก็จะส่ง ธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค นิกร จำนงและสมศักดิ์ ปริศนานันทกุลไปร่วมหารือ
       
       ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ส่ง ทรงศักดิ์ ทองศรีรองหัวหน้าพรรคกับศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ไปร่วมหารือ แนวทางของพรรคภูมิใจไทยบอกว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ต้องเดินหน้าให้บรรลุผลเพราะบ้านเมืองไม่สามารถเดินต่อไปได้หากขาด 2 หลัก คือ บริหารกับนิติบัญญัติแต่หากจัดเลือกตั้งเร็วแล้วไม่มีเลือกตั้ง ดูแล้ว จัดช้าแล้วสงบน่าจะดีกว่า
       
       หลังการหารือ 22 เม.ย. กกต.จะเอายังไง กับการกำหนดวันเลือกตั้งทุกฝ่ายคงกำลังรอข้อสรุปอยู่ แต่เชื่อว่า วงหารือดังกล่าว มีแนวโน้มจะร้อนแรงไม่น้อยหลายพรรคการเมืองน่าจะไล่บี้อภิสิทธิ์-ชำนิ ซึ่งๆ หน้า เพื่อขอคำตอบว่าตกลงประชาธิปัตย์จะลงเลือกตั้งหรือไม่

ขอบคุณเนื้อหา manager.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=35099&page=1