ป.ป.ช.ฟัน 36 ส.ว.แก้รัฐธรรมนูญมิชอบ “มาตรา 6” เอื้อตัวเองลงเลือกตั้งซ้ำอีกสมัย

[ฟ้าเปลี่ยนสี]

ป.ป.ช.ฟัน 36 ส.ว.แก้รัฐธรรมนูญมิชอบ "มาตรา 6" เอื้อตัวเองลงเลือกตั้งซ้ำอีกสมัย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
29 เมษายน 2557 19:35 น.   

[attach=1]

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องถอดถอน ส.ว. 36 ราย ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ปล่อยผีมาตรา 6 เปิดทางให้ลงสมัคร ส.ว. อีกสมัย ชี้มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย "คำนูณ" โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุนอกจากสูญเสียสิทธิพิเศษแล้ว ยังต้องเข้าสู่กระบวนการถอดถอน แล้วอาจเจอคดีอาญา
       
       วันนี้ (29 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับผลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร้องขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 270 เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. และพิจารณาและลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวในวาระที่ 1, 2 และ 3 ในส่วนของ ส.ว. จำนวน 50 ราย
       
       โดยในส่วนของ นายประสงค์ ตันมณีวัฒนา ส.ว.สรรหา, พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก ส.ว.สรรหา และนายมานพน้อย วานิช ส.ว.พังงา ที่ลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. แต่มิได้พิจารณาและลงมติในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ และวาระที่ 2 ขั้นพิจารณาเรียงลำดับรายมาตรา และวาระที่ 3 ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ลำพังเพียงการร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. โดยที่ยังมิได้พิจารณาในวาระต่างๆ ยังฟังไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป ขณะที่ นางภารดี จงสุทธนามณี ส.ว.เชียงราย กับ พล.ท.พงศ์เอก อภิรักษ์โยธิน ส.ว.พะเยา ที่ลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. แต่มิได้พิจารณาและลงมติในวาระที่ 1 และวาระที่ 2 แต่ได้ลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เห็นควรให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป
       
       ส่วน ส.ว. ผู้ถูกกล่าวหา 22 คน ที่ลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ซึ่งต่อมาได้พิจารณารับหลักการในวาระที่ 1 และลงมติในวาระที่ 2 โดยเฉพาะมาตรา 6 และลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำการทั้งหมดถือว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 291(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย 1. นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี 2. นายสมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม 3. พล.ต.ต.องอาจ สุวรรณสิงห์ ส.ว.เลย 4. นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี 5. ประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม
       
       6. นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร 7. นายพิชัย สุนทรสัจบูลย์ ส.ว.อุดรธานี 8. นายภิญโญ สายนุ้ย ส.ว.กระบี่ 9. นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี 10. นายสุเมธ ศรีพงษ์ ส.ว.นครราชสีมา 11. พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ส.ว.มุกดาหาร 12. นายสุรพงษ์ ตันธนศรีกุล ส.ว.กาญจนบุรี 13. นายพีระ มานะทัศน์ ส.ว.ลำปาง 14. นายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล ส.ว.กาฬสินธุ์ 15. นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี 16. นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล ส.ว.สมุทรสาคร 17. นายรักพงษ์ ณ อุบล ส.ว.หนองบัวลำภู 18. นายบวรศักดิ์ คณาเสน ส.ว.อำนาจเจริญ 19. นายจตุรงค์ ธีระกนก ส.ว.ร้อยเอ็ด 20. นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี 21. นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร 22. นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร ส.ว.เชียงใหม่
       
       ขณะที่ ส.ว.ผู้ถูกกล่าวหา 13 ราย ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า การร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ซึ่งต่อมาได้พิจารณารับหลักการในวาระที่ 1 และลงมติในวาระที่ 3 โดยมิได้พิจารณาลงมติเห็นชอบในวาระที่ 2 โดยเฉพาะมาตรา 6 ก็ถือว่าการกระทำดังกล่าวมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 291(1) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย 23. นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ ส.ว.ขอนแก่น 24. นายโสภา ศรีมาเหล็ก ส.ว.น่าน 25. นายต่วนอับดุลเล๊าะ ดาโอ๊ะมารียอ ส.ว.ยะลา 26. พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง 27. นายประดิษฐ์ ตันวัฒนพงษ์ ส.ว.สกลนคร 28. พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ ส.ว.ชุมพร 29. นายวรวิทย์ บารู ส.ว.ปัตตานี 30. นายสุโข วุฑฒิโชติ ส.ว.สมุทรปราการ 31. นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ 32. นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล 33. นายถนอม ส่งเสริม ส.ว.อุบลราชธานี 34. นายบุญส่ง โควาวิสารัช ส.ว.แม่ฮ่องสอน 35. นายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ ส.ว.ลพบุรี
       
       ส่วน นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม ซึ่งได้ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ได้พิจารณาและลงมติในวาระที่ 2 โดยเฉพาะมาตรา 6 แต่มิได้ลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 เห็นว่า การกระทำที่ได้พิจารณาและลงมติเห็นชอบในมาตรา 6 ถือว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 291(1) วรรคหนึ่งแล้ว แม้ต่อมาจะมิได้ลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 ก็มิได้เป็นเหตุให้การกระทำดังกล่าวไม่มีมูลความผิดแต่อย่างใด ที่ประชุม ป.ป.ช. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 291(1) วรรคหนึ่ง
       
       อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ส.ว. ผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย 1. นายสุพจน์ เลียดประถม ส.ว.ตราด 2. พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ ส.ว.สรรหา 3. พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี 4. นางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภ ส.ว.ชัยนาท 5. นายบรรชา พงศ์อายุกูล ส.ว.พิจิตร 6. นายธันว์ ออสุวรรณ ส.ว.ประจวบคีรีขันธ์ 7. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี 8. นายธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต และ 9. นายศุภวัตน์ เทียนถาวร ส.ว.สิงห์บุรี ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า การร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. และได้พิจารณาและลงมติเพียงเฉพาะในวาระ 1 ขั้นรับหลักการ พฤติการณ์ยังฟังไม่ได้ว่าส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เห็นควรให้ข้อกล่าวหาประเด็นนี้เป็นอันตกไป
       
       ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับรองรายงานการประชุมเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงาน ป.ป.ช. จะได้ส่งสำนวนดังกล่าวไปยังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาถอดถอนต่อไป ในส่วนของการดำเนินคดีอาญาขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง ผลเป็นประการใดจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมาตรา 6 ของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ระบุว่า ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 116 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "บุคคลผู้เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาพสิ้นสุดลงมาแล้ว ยังไม่เกินสองปี จะเป็นรัฐมนตรีหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งมิใช่สมาชิกวุฒิสภา มิได้" ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ ส.ว. เลือกตั้งชุดปี 2551 ได้ลงสมัครได้ต่อเนื่องอย่างสมบูรณ์
       
       ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ที่นายอุดมเดช รัตนเสถียร และคณะยื่นต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 เลขรับ 20/2556 เวลา 13.05 น. มีข้อความในสาระสำคัญไม่ตรงกับตัวร่างฉบับสำเนาที่สมาชิกรัฐสภาได้รับในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2556 ระเบียบวาระที่ 5.1 ทั้งๆ ที่ระบุเลขรับตรงกันคือ 20/2556 และวันที่รับก็ตรงกันคือ 20 มีนาคม 2556 ทั้งๆ ที่เลขรับตรงกันถึง 3 จุด โดยเฉพาะมีการเพิ่มมาตรา 116 วรรคสองเข้าไปเพื่อให้ ส.ว. เลือกตั้งชุดปัจจุบันลงสมัครได้โดยไม่ต้องเว้นวรรคทางการเมือง
       
       ขณะที่ นายคำนูณ ได้โพสต์ข้อความล่าสุดในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ป.ป.ช. มีมติสำคัญวันนี้ 2 เรื่อง เรื่องแรกชี้มูลความผิดให้ถอดถอน 36 ส.ว. (ให้ข้อกล่าวหาตกไป 14 ส.ว.) อีกเรื่อง ไม่สอบพยานคดีจำนำข้าวเพิ่มตามที่ร้องขอมา ดราม่าสุดๆ สำหรับ 36 ส.ว. เพราะเกือบทั้งหมดเป็น ส.ว. เลือกตั้ง 2551 ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่วันนี้เพราะ กกต. รับรองส.ว.เลือกตั้งใหม่ 2557 ครบพอดี
       
       นอกจากครบวาระโดยสมบูรณ์ ต้องเปลี่ยนสถานะ สูญเสียสิทธิพิเศษ ที่เคยมีมา 6 ปีเต็มแล้วยังถูกชี้มูลความผิด รอเข้าสู่กระบวนการถอดถอนและอาจจะถึงขั้นมีคดีอาญาขึ้นศาลฎีกาสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งๆ ที่เมื่อเกือบ 1 ปีก่อนพวกท่านยังคงมีความหวังสดใสว่าจะได้มีโอกาสต่ออายุการเป็น ส.ว. ออกไปเรื่อยๆ ด้วยการลงสมัครซ้ำได้ไม่ต้องเว้นวรรคเพราะการแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 แล้ว
       
       วันนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาให้ท่านเบิกค่าเดินทางขากลับได้เป็นเที่ยวสุดท้ายวันสุดท้าย วันนี้แอดมินไลน์ของกลุ่ม ส.ว. ที่ดำเนินงานโดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ลบชื่อพวกท่านออกภายในสองสามชั่วโมงหลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ว. ใหม่ครบ ทุกอย่างเป็นสมมติทั้งนั้น ถ้าไม่ยึดติดไม่แบกไว้ ก็สบายเบาตัว