“ธาริต” ซัดไม่ใช่หน้าที่ “ไอ้ตู่” หอบข้อมูลสื่อญี่ปุ่นดักส่ง

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม  ASTVผู้จัดการออนไลน์   13 ธันวาคม 2553 13:36 น.

อธิบดีดีเอสไอ เผย สำนวนการตายของสื่อญี่ปุ่น ที่ "ไอ้ตู่" แฉไม่ตรงกับของดีเอสไอ ชี้ ควรรอกระบวนการยุติธรรมชี้ขาดเป็นข้อยุติ เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ย้ำ การนำข้อมูลไม่ครบถ้วนมาโบ้ยให้ใครรับผิด ถือเป็นการตัดตอนกระบวนการยุติธรรม ไม่เป็นผลดีต่อสังคม เน้นยึดหลักนิติรัฐเอาไว้ ซัดไม่ใช่หน้าที่ "จตุพร" ต้องนำข้อมูลให้รอยเตอร์
       
       วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ กรณีการเสียชีวิตของช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ นายจตุพร อ้างว่า ได้จากดีเอสไอ และเตรียมจะนำไปมอบให้ทางสถานทูตญี่ปุ่น และสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า ตนได้ตรวจสอบข้อมูลที่นายจุตพร ได้นำเสนอต่อสื่อมวลชนแล้ว พบว่า สาระสำคัญหลักในเรื่องนี้ไม่ตรงตามสำนวนของดีเอสไอ แม้ว่าวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุอาจจะใช่ก็ตาม แต่ผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไรนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ
       
       นายธาริต กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เรื่องเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบ ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนยังไม่มีข้อยุติใดๆ โดยการจะนำผลสอบที่ยังไม่มีข้อยุติมาชี้ถูกชี้ผิด ตนเห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ควรให้กระบวนการยุติธรรมสิ้นสุดก่อน อย่างไรก็ตาม กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบ ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นความร้ายแรงและเป็นการกระทำผิดฐานก่อการร้าย มีการเผาบ้านเผาเมือง มีการใช้อาวุธสงครามร้ายแรง จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงได้ โดยมีทหารและตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่กลุ่ม นปช.ก็บาดเจ็บเสียชีวิตเช่นเดียวกัน และเมื่อเหตุร้ายแรงสิ้นสุดลงก็เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจะต้องสืบสวนสอบสวนตรวจสอบความจริงให้ปรากฏ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ สำนวนการสอบสวนทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ แต่สำนวนการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมายให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ
       
       อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อไปว่า หลังเกิดเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ และได้ส่งมาให้ดีเอสไอดำเนินการต่อ แต่เมื่อดีเอสไอพิจารณาแล้วว่าสำนวนดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ จึงส่งกลับให้ สตช.อาทิ คดี 3 ศพในวัดปทุมฯ รวมทั้งคดีของนักข่าวญี่ปุ่น ที่ส่งกลับไป สตช.เพราะว่าเราต้องว่าตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และในขณะนี้ สตช.รับไม้ต่อจากดีเอสไอไปดำเนินการให้ข้อเท็จจริงได้ยุติว่าเป็นอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงยุติแล้ว สตช.ก็ต้องส่งกลับมาที่ดีเอสไอ
       
       "ในเริ่องนี้ สตช.นำไปดำเนินการ 2 อย่าง กรณีที่ 1 เมื่อ สตช.นำไปตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สตช.จะต้องส่งกลับมาที่ดีเอสไอโดยไม่ต้องส่งสำนวนไปที่ศาล และกรณีที่ 2 สตช.ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีพยานหลักฐานพอสมควรว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้า หน้าที่ของรัฐ สตช.จะต้องส่งให้ศาลไต่สวน เมื่อศาลไต่สวนแล้วศาลก็ส่งสำนวนกลับมาที่ดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอจะทำสำนวนเป็นคดีอาญาเป็นการฆาตกรรม ดำเนินการกับผู้ที่กระความผิด ดังนั้นขณะนี้ยืนยันว่ายังอยู่ในกระบวนการชั้นต้น" นายธาริต กล่าว
       
       นายธาริต กล่าวอีกว่า ในฐานะตนเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรอกระบวนการยุติธรรมชี้ขาดเป็นข้อยุติ สุดท้ายจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากกว่าการนำเอาข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน หรือเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นมาชี้ขาดแล้วโทษว่าฝ่ายโน้นฝ่ายนี้เป็นฝ่ายผิด และต้องรับผิดชอบเท่ากับตัดตอนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสังคม เราต้องช่วยกันรักษากระบวนการยุติธรรมและหลักนิติรัฐเอาไว้
       
       "เรื่องของนักข่าวญี่ปุ่นที่ นายจตุพร อ้างว่า เป็นข้อมูล และจะนำไปให้สำนักข่าวรอยเตอร์ นั้น ผมไม่เข้าใจว่าเป็นหน้าที่อะไรของนายจตุพร และผมเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่าทางสถานทูตญี่ปุ่นได้มาประชุมกับดีเอสไอตลอด ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ซึ่งผมได้ชี้แจงให้รายละเอียดที่สมควรจะเปิดเผยได้ ในฐานะคนของเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์ ผมยืนยันว่า เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นพอใจกับคำชี้แจงตลอดมา ซึ่งการให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นกับทางสถานทูตดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามารถพึง กระทำได้ แต่เราไม่สามารถนำรายละเอียดดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ นอกจากเป็นความลับในสำนวนแล้วยังเป็นเรื่องที่ยังไม่มีข้อยุติตามกระบวนการ ยุติธรรมชั้นสุดท้าย เราก็ไม่ควรนำมาเปิดเผย" นายธาริต กล่าว
       
       เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ นายจตุพร นำมาอ้างไม่ตรงกับดีเอสไอ สามารถยืนยันได้หรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า สามารถยืนยันได้ คือ หนึ่งข้อมูลไม่ตรงกัน ซึ่งตนได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ของเราแล้ว ส่วนทาง สตช.นั้น ตนเชื่อว่า ไม่มีเหตุใดที่ สตช.จะนำข้อมูลออกไป อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลที่นายจตุพร มีอยู่นั้นบางส่วนเป็นข้อมูลสาธารณะ อาทิ พยาน ภาพวิดีโอ ที่ได้จากสื่อมวลชน เช่นเดียวกับข้อมูลของดีเอสไอ และก็ไม่แปลกที่ทางพรรคเพื่อไทยจะมีข้อมูลดังกล่าวนั้นด้วย ส่วนคดีการเสียชีวิตในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ดีเอสไอยังไม่ได้สรุป อีก 71 ราย ได้ขีดเส้นพนักงานสอบสวนให้สรุปภายใน 7 วัน หลังจากได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตของทหาร ตำรวจ และประชาชนเป็นกลุ่มแรก 18 ราย
       
       "เมธี" แช่ง "ตู่" ไม่เกี่ยวข้องดีเอสไอ
       นอกจากนี้ อธิบดีดีเอสไอ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเมธี อมรวุฒิกุล เดินทางไปสาบานต่อศาลหลักเมือง ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอ ซึ่งทางดีเอสไอไม่สามารถห้ามได้ เนื่องจากนายเมธีก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีอิสรภาพ เพราะนายเมธีเป็นเพียงพยานที่อยู่ในความคุ้มครองของดีเอสไอ ไม่ใช่ผู้ต้องหา จึงมีสิทธิที่จะไปไหนมาไหนได้ตามสมควร เพียงแต่อาจตักเตือนที่ปรากฏตัวต่อสาธารณว่าอันตราย และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองพยานได้เข้าชี้แจงกับตนแล้ว ซึ่งตนได้ขอดูรายละเอียดก่อน