สหรัฐฯเชื่อกองทัพไทยแค่ประกาศ'อัยการศึก'ไม่'รัฐประหาร'ยังไม่คว่ำบาตร

[itplaza]

แดนนี รัสเซล ทูตระดับสูงของสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลรักษาการไทยเดินหน้าทำตามคำพูดสำหรับจัดเลือกตั้งรอบใหม่ในวันที่ 3 สิงหาคม ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำ เชื่อว่ากองทัพไทยยังไม่ได้ก่อรัฐประหารแม้ประกาศกฎอัยการศึก ดังนั้นยังไม่เข้าข่ายกำหนดมาตรการคว่ำบาตร

       
       "เราต้องการเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และเคารพต่อสถาบันทางประชาธิปไตย" แดนนี รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออก บอกกับคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาคองเกรส "เราคิดว่าต้องมีการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีเสรีภาพในการแสดงเจตจำนงทางการเมือง"

       
       ไทยถือเป็นชาติพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯในเอเชีย และอเมริกา ระมัดระวังอย่างยิ่งในการเลือกข้างท่ามกลางความยุ่งเหยิงทางการเมือง ซึ่งเคยเกิดรัฐประหารหรือพยายามก่อรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง นับตั้งแต่ก้าวสู่ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญในปี 1932
       
       ถ้อยแถลงเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (20) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ปกป้องความเคลื่อนไหวประกาศกฎอัยการศึกว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองของประเทศ และแม้ส่งทหารกระจายกำลังตามจุดสำคัญๆ ของกรุงเทพฯ แต่ทางกองทัพปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อรัฐประหาร และเรียกร้องให้กลุ่มการเมืองคู่อริหันหาเข้าหากันและเปิดเจรจา

       
       ในเรื่องนี้ทางการสหรัฐฯระบุในวันเดียวกันว่า พวกเขาเองไม่เชื่อว่ากองทัพไทยได้ก่อรัฐประหาร แต่ก็เร่งเร้าให้กองทัพให้ความเคารพต่อสถาบันประชาธิปไตย "กองทัพแถลงต่อสาธารณะว่ามันจะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว เราคาดหวังว่าพวกเขาจะรักษาคำพูด" เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุ
       
       ซากี บอกว่า ทางสหรัฐฯได้มีการติดต่อกับกองทัพไทยอยู่เสมอ และสนับสนุนความสงบ การปกป้องเสรีภาพและสิทธิการแสดงออกของพลเรือน รวมถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนด้วย
       
       ภายใต้กฎหมายภายใน สหรัฐฯจำเป็นต้องกำหนดมาตรการคว่ำบาตร หากสรุปว่าทหารในประเทศใดประเทศหนึ่งก่อรัฐประหาร โดยอเมริกาเคยระงับความร่วมมือและตัดเงินช่วยเหลือด้านการทหารหลายสิบล้านดอลลาร์ หลังกองทัพไทยก่อรัฐประหารโค่นล้มอำนาจทักษิณ ชินวัตร ในปี 2006 อันเป็นจุดเริ่มต้นของความยุ่งเหยิงทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานจนถึงปัจจุบัน

ขอบคุณเนื้อหา เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=35926&page=1