ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

สแกน '10 ขุนพล' ไฉนจึงได้นั่ง ที่ปรึกษา 'คสช.'

เริ่มโดย itplaza, 10:47 น. 29 พ.ค 57

itplaza

รายชื่อทีมที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลายคนในลิสต์เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา เนื่องจากต่างมีกึ๋นและความสามารถโดดเด่นไม่แพ้กัน อีกทั้งยังเคยโลดแล่นอยู่บนสนามการเมืองมาไม่น้อย


ล่าสุด วันนี้ คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. เรียก 10 ขุนพลเหล่านี้ เข้าถกรับมือแก้ปัญหาบ้านเมืองที่เข้าขั้นวิกฤตินัดแรก เพื่อให้การบริหารงานของ คสช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ

โดยอำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษาฯ เหล่านี้ มีหน้าที่ให้การเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น เรื่องที่อยู่ในอำนาจ และความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายจาก คสช. พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน เจ้าหน้าที่ โดยต้องเสนอผ่าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. เท่านั้น...

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก พี่ใหญ่ในสายบูรพาพยัคฆ์ แผ่อำนาจ 3 ป. ตั้งแต่ยุคปฏิวัติปี 2549 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทอดสายใยต่อกันมา ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เป็นบุคคลที่หัวหน้าคมช.ให้ความเกรงใจเป็นพิเศษ มาคราวนี้ถูกเชิญมาเป็นประธานทีมปรึกษา คสช.

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีคุณสมบัติอย่างที่ทราบกันดี คือมีความรู้ ความสามารถงานด้านความมั่นคงสูง เพราะเคยผ่านงานในตำแหน่งสำคัญมามาก ทั้งผู้บัญชาการทหารบก อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และยังสามารถต่อสายคอนเน็กชั่นไปเกือบทุกขั้วการเมืองอย่างกว่้างขวางอีกด้วย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ยุค คมช.ปี 49 พี่รองแห่งบูรพาพยัคฆ์ ซึ่งกลับมานั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง ความสามารถในงานด้านความมั่นคงประเทศ ไม่ต้องพูดถึง เพราะเจนจัดอยู่กับงานความมั่นคงประเทศมาเกือบทั้งชีวิต อาจมีข้อท้วงติงอยู่บ้าง ตรงเป็นคนพูดน้อย แบบพูดแต่ละทีก็ต่อเมื่อมีความจำเป็น ต้องชี้แจงเท่านั้น ตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. แต่บางทีข้อท้วงติงนี้ ในบางสถานการณ์ก็กลับเป็นประโยชน์เช่นกัน คือทำให้เรื่องไม่บานปลาย หรือไม่ถูกนำไปขยายความจากฝ่ายตรงข้าม จนเกิดความวุ่นวายโดยไม่จำเป็น

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือหม่อมอุ๋ย เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีชะตาจะได้นั่งเก้าอี้การเมืองเกี่ยวพันกับ "รัฐประหาร" โดยครั้งแรกปรากฏชื่อในตำแหน่ง "โฆษกประจำสำนักนายกฯ" รัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ต่อมาเป็น รมต.ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร

ต่อมาดำรงตำแหน่ง "รองนายกฯ และรมว.คลัง" ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ได้ยื่นใบลาออกโดยให้เหตุผลว่า ไม่พอใจที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาทำงานด้วย และการดำเนินงานของ รมต.บางคน เอื้อประโยชน์ให้กับสื่อบางรายเป็นกรณีเฉพาะ

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเคยนั่งเก้าอี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และก่อนหน้ายังเคยเป็นรองกรรมการผู้จัดการอาวุโสของธนาคารกสิกรไทย กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย รวมถึงเป็นประธานกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงินอีกด้วย

ศาสตราภิชาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ บุคคลสำคัญที่เชี่ยวชาญ เก่งกาจในด้านเศรษฐกิจ เป็นอดีตรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปี 2545, 2547 และ 2549 ทั้งยังดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ในปี 2546 และ 2548 รมว.พาณิชย์ยุครัฐบาลทักษิณ ปี 2549 และเคยดำรงตำแหน่ง รมว.คลังหลายสมัย อีกทั้งยังเคยถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรคการเมือง ของพรรคไทยรักไทย และก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นั่งตำแหน่งที่ปรึษาพรรค แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

นอกจากนี้ ยังเคยได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ให้เป็นตัวแทนทำความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับต่างประเทศ แต่ทว่าลาออกไป เนื่องความกดดันจากหลายๆ ฝ่าย ถือเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในฐานะแกนนำกลุ่ม 8ส.+ส.พิเศษ

ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ดีกรีจบนอก ปริญญาตรีเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ด้านเศรษฐศาสตร์ ระดับปริญญาโทและเอกด้านเดียวกัน จากมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา
 อดีตเคยนั่งเก้าอี้ รมต.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปี 2539 เคยเป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภา และในปี 2549 ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกด้วย



นอกจากตำแหน่งทางการเมือง ดร.ณรงค์ชัย ยังเป็นอดีตข้าราชการระดับปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย รวมถึงตำแหน่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)



ดร. วิษณุ เครืองาม สุดยอดนักกฎหมาย อดีตวุฒิสภา 2 สมัย (2535-2543) เลขาธิการฯ ครม. ก่อนก้าวเข้าสู่ตำแหน่งการเมือง นั่งเก้าอี้โฆษกประจำสำนักนายกฯ รัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก่อนหายหน้าไปพักใหญ่แล้วกลับมาในสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปี 2545 นั่งเก้าอี้รองนายกฯ รับผิดชอบงานเกี่ยวกับกฎหมายของรัฐบาลถึง 2 สมัยซ้อน

ภายหลังเกิดการรัฐประหาร ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วก็ไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ อีก แต่ยังทำหน้าที่คณะกรรมการของรัฐในอีกหลายคณะ และล่าสุดก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษา คสช. ดูแลงานด้านกฎหมายยุติธรรม ทั้งนี้ ยังเป็นนักเขียน เป็นคอลัมนิสต์ให้กับสื่ออีกหลายแขนงอีกด้วย

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นหลานของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เคยได้นั่งตำแหน่งรมต.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ โดยเริ่มทำงานเป็นอาจารย์ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อนได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นศาสตราจารย์ ทำงานวิจัยในเรื่องเกี่ยวกับมาลาเรีย จนได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น สาขาชีวเคมี ในปี 2527

นอกจากนี้ ยังค้นพบโครงสร้าง 3 มิติของโปรตีนเชื้อมาลาเรีย ที่มีความสำคัญเป็นเป้าหมายของยาต้านมาลาเรีย ค้นพบเอนไซม์ใหม่และวิถีปฏิกิริยาใหม่ของเชื้อมาลาเรีย ซึ่งกลายเป็นแนวทางในการพัฒนายาต้านมาลาเรียชนิดใหม่ ได้รับการยกย่องเป็น "นักวิทยาศาสตร์อาวุโส" จากสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี 2554

พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ อดีตผู้บัญชาการกองทัพอากาศ สายตรงของ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีต ผบ.ทอ. และอดีตประธาน คมช. ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่มีคอนเน็กชั่นกับคณะ คมช. ที่ปฏิวัติปี 2549 ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และอยู่ระหว่างช่วงเวลาวิกฤติการเมืองของประเทศไทย รวมทั้งเป็นลูกพี่เก่าของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และรองหัวหน้าคสช. ในปัจจุบัน


พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษาของคณะ คสช. เมื่อปี 2552 เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมต.กระทรวงกลาโหมในยุคที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมต.กลาโหม สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ในสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ประวัติทางการทำงานเริ่มจากปฏิบัติงานกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ก่อนรับตำแหน่ง ผบ.พล.1 รอ. ปี 2541

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาและเลขานุการ มือขวา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มีความสามารถในการวางแผนงาน หรือแผนปฏิบัติการ ชนิดไม่เป็นสองรองใคร ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจ พล.อ.ประยุทธ์ ดีที่สุดคนหนึ่ง "ชนิดแค่มองตาก็รู้ใจ" จัดเป็น "คู่หูดูโอ้" ในกองทัพบก ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกุมบังเหียนจ่าฝูง

จากวิทยายุทธ และมันสมอง คอนเน็กชั่นกับกองทัพ รวมถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา อันโชกโชนของแต่ละคนแล้ว เป็นที่น่าจับตา 10 ขุนพล แห่งคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ได้รับเลือกมานั่งแท่นช่วยแก้วิกฤติในทุกมิติ จะมีการวางกลยุทธ์ เสนอให้ คสช. เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปอย่างไร ต้องจับตาดู "ฝีไม้ลายมือ" สักทีว่า จะเป็น "ดรีมทีมไทยแลนด์" แก้ปัญหาให้ประเทศชาติได้จริงหรือไม่่? จะได้เลิกพูดกันไปเลยว่า มาจากเลือกตั้ง หรือรัฐประหาร อะไรจะดีกว่ากัน !!



ขอบคุณ : ไทยรัฐ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=36180&page=1